จ้าวจตุรทิศ ภาค จัณฑวาตา: Delete Scene#2

กระทู้สนทนา
วันนี้ดันป่วยซะได้ (ไข้ขึ้น ปวดหัว เจ็บคอ เป็นสเต็บจริงๆ)  ดังนั้นอาจคุยแบบเบลอๆ ต้องขออภัยอย่างยิ่ง

Delete Scene ตอนแรก http://pantip.com/topic/31848575

คุยกันก่อนนะ

คุณ zoi: ได้รับข้อความแล้ว ขอบคุณมากค่ะ เวอร์ชั่นสุดท้ายชอบไม่ชอบอย่างไร อ่านจบแล้วบอกเล่ากันได้นะคะ

คุณ Psycho man:  วันนี้เดี้ยง (ป่วย) หวังว่าพรุ่งนี้คงดีขึ้น

ส่วนสำหรับเรื่องใหม่ มีร้อยแปดพันอย่าง แต่ที่สำคัญที่สุดต้องดันภาคสุดท้ายของเรื่องให้จบก่อน (แต่เรื่องใหม่มันจะคอยดึงคนเขียนไปเรื่อยนี่น่ะสิ ทำไงดี)

คุณ ซาลาสซา: ขอบคุณมากค่ะ

ขอขอบคุณผู้กดถูกใจค่ะ  คุณ Phoenixorus, คุณ Lovereason , คุณ CAN LIVE , คุณ Psycho man , คุณ ซาลาสซา และ คุณ zoi ค่ะ


บอกเล่าเก้าสิบ

วันนี้คงลง Delete Scene เป็นช่วงสุดท้ายเนาะ ความจริงมีอีกเยอะเลยเพราะเราหั่นทิ้งไปเยอะมาก (ขนาดนี้เล่มยังออกมาหนาเตอะ) โดยเฉพาะช่วงที่อารมันไปอยู่ที่ผาพญาครุฑ คิดอีกแบบหนึ่งก็เป็นเรื่องดีที่เราตัดทิ้งไปได้ แค่นี้มันก็จะเด่นเกินหน้าลูกรัก (รามิต) มากไปละ

ปล. อาทิตย์ที่แล้วไปแวะไปดูหนังสือและน้องๆ ที่สนพ.ในงานหนังสือฯ น้องที่อยู่ในบู้ทถามว่ามีนักอ่านท่านหนึ่งมาถามว่าภาคนี้เปลี่ยนพระเอกหรือ? บอกหน่อยสิ ไม่มีเวลาอ่าน ถ้าเปลี่ยนพระเอกจะไม่ซื้อนะ << ได้ยินแล้วแทบวูบเลยแฮะ อารมันไม่น่ารักตรงไหนกัน? และคนเขียนอยู่กับรามิตมาตั้งสองภาคจู่ๆ จะตัดรอนกันง่ายๆ คงไม่ได้มั้ง (แม้มันจะตะโกนบอกให้อยู่ห่างๆ กับมันหน่อยก็ได้เว้ย ตรูเหนื่อย ^^")






ตอน นักล่านกแห่งผาพญาครุฑ (ช่วงสุดท้าย)


ทว่าเมื่ออารมันทำท่าจะขยับ ชายชราที่ถูกจับเป็นประกันจึงพูดขัดขึ้นคล้ายไม่ต้องการให้เรื่องลุกลามใหญ่โต แล้วทำทีเป็นส่งสัญญาณให้อารมันอยู่เฉยๆ หากไม่ใช่ไม่เชื่อในฝีมือของเด็กหนุ่ม อารมันจึงพยักหน้ารับช้าๆ แล้วยกมือขึ้นทั้งสองข้างในระดับไหล่เป็นเชิงยอมจำนนพร้อมกับพยักหน้าให้เจ้าบัณฑิตน้อยมาอยู่ข้างๆ ซึ่งบัณฑิตน้อยรีบปล่อยหม้อไหชามช้อนในมือหล่นลงพื้นโพล้งเพล้งแล้วรีบกระโจนมาอยู่ข้างๆ ทันที โดยมีโจรตัวล่ำคนหนึ่งยืนคุมเชิงอยู่ห่างๆ ส่วนอีกสองคนกำลังลงมือรื้อค้นข้าวของที่อารมันเพิ่งเก็บรวมเสร็จมากองกระจัดกระจาย

“ประเดี๋ยวก่อนซี...พูดจากันก่อนก็ได้ ไอ้ของพวกนั้นศิษย์ข้าอุตส่าห์เสียเวลาเก็บตั้งนาน เจ้าอยากได้อะไรเล่า?” ทันวาเจรจา

“เงิน ทอง อะไรก็ได้ที่มีประกายงามๆ น่ะมีไหม?”

“ข้าไม่มีหรอก เจ้าก็เห็นกลุ่มผู้ชายที่จากไปตอนเช้าพร้อมกับสดายุนั่นแล้ว เจ้าคิดว่าพวกเขาจะไปไหนโดยไม่มีอะไรติดตัวไปเลยเรอะ?”

“ข้าจะไปรู้...บ๊ะ ไอ้แก่นี่พูดอะไรอยู่ได้เฮอะ เอาทองออกมาเร็วๆ เดี๋ยวพ่อเสียบพุงปลิ้น”

เมื่อได้ยินประโยคที่วิจารณ์ลักษณะรูปกายภายนอกของอดีตเทพตุลาการเจ้าบัณฑิตน้อยรีบเอาตัวเข้ามาหลบด้านหลังอารมันในทันใด แต่ดูเหมือนเจ้าตัวหัวหน้าโจรจะไม่รู้ตัวว่าได้พูดสิ่งใดออกไป

“เจ้าว่าใครพุงปลิ้นหือ?” น้ำเสียงของเทพบัณฑิตอาวุโสเข้มขึ้นเล็กน้อย

“ก็แกน่ะสิ...ตาแก่”

ทันใดนั้นทันวาใช้มือขวาคว้าหมับเข้าที่มือของโจรร้ายเพื่อควบคุมไม่ให้มันตวัดคมมีดทำอันตรายได้ถนัด จากนั้นเบี่ยงตัวกลับ บิดข้อมือของมันพร้อมกัน เจ้าโจรร้องจ๊ากถึงกับต้องปล่อยมีดตกพื้น หากเท่านั้นยังไม่พอเมื่อทันวาบิดกลับข้อมันอีกครั้งตัวโจรที่ใหญ่กว่าก็ล้มคว่ำ ทั้งหมดนี้กินเวลาเพียงเสี้ยววาระเดียวเท่านั้น ครั้นเจ้าโจรสองคนได้ยินเสียงร้องอย่างโอดครวญของหัวหน้าต่างละมือจากข้าวของสัมภาระที่กำลังรื้อค้นอยู่ ต่างชักมีดออกมา วิ่งรี่เข้าใส่ทันวา อดีตเทพตุลาการใช้หัวเข่าข้างหนึ่งยันตัวของหัวหน้าโจรเอาไว้ไม่ให้มันลุกขึ้นมา ใช้มือข้างหนึ่งเอื้อมหยิบช้อนไม้ที่ใช้ทำอาหารที่บังเอิญกลิ้งมาตกอยู่ใกล้ๆ

ในวาระที่เจ้าโจรกำลังใช้มีดหมายจะแทงนั่นเอง ทันวาพลันใช้ท่อนแขนซ้ายปัดข้อมือของมันให้เบนออก ทำให้ลำตัวของมันเปิดไร้การป้องกันช่วงหนึ่งทันวาฉวยจังหวะกำหมัดเสยใส่คางอย่างแรงจนเจ้าโจรหนุ่มกระเด็นหงายหลัง จากนั้นทันวาลุกขึ้นแต่ยังใช้เท้าข้างหนึ่งเทน้ำหนักบนร่างของเจ้าตัวหัวหน้าที่นอนคว่ำร้องโอดโอยอย่างช่วยเหลือตนเองไม่ได้ หันมาตวัดช้อนชิมอาหารตีใส่มือของเจ้าโจรอีกคนจนมีดพลัดตกอย่างง่ายดายจากนั้นใช้ช้อนคันเดียวกันตบผัวะเข้าที่ก้านคอจนด้ามหัก โจรคนที่สามล้มหน้าคว่ำในทันใด ส่วนเจ้าโจรคนสุดท้ายที่คุมเชิงอารมันไว้เมื่อเห็นเพื่อนโจรสิ้นฤทธิ์ไปตามๆ กันจึงรีบวิ่งเผ่นหนี ทว่ามันหนีไปได้ไม่ไกลเพราะโดนขอบกะทะปาใส่หัวดังก๊องก่อนจะล้มหัวทิ่มตามเพื่อนไปอีกราย

“ไหนว่าตามองไม่ชัดไง” ทันวาลำเลิกหลังจากที่เห็นว่าเจ้าโจรคนสุดท้ายโดนอารมันคว้าจับสิ่งของใกล้มือได้ก็ปาใส่เจ้าโจรร้ายอย่างแม่นยำราวจับวาง

“เฉพาะในตอนกลางคืนหรอกขอรับ” อารมันตอบพลางปัดมือตนเองไปมา


*****


ในตอนสายของวันคณะของสุเรนทร์ก็พาสดายุกลับมาพร้อมเสบียงเพื่อออกเดินทาง ต่างงุนงงไปตามๆ กันเมื่อเดินมาถึงที่พักแรมเห็นชายแปลกหน้าสี่คนกำลังยืนคอตก หน้าตาบวมเบ่ง หัวปูด ข้อมือหัก แต่ทั้งหมดถูกปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้แล้ว พวกเขายืนเรียงแถวเป็นหน้ากระดานโดยมีทันวากำลังยืนเท้าเอวพูดอบรมสั่งสอนยืดยาว นานๆ ครั้งก็ใช้มะแหงกเขกหัวกันคนละโป๊ก สุเรนทร์ขมวดคิ้วยืนกอดอกดูอยู่ครู่หนึ่งจึงเดินไปถามอารมันที่ดูเหมือนกำลังเพิ่งเก็บรวมรวมสิ่งของเพื่อเอาขึ้นหลังสดายุ ก็ได้ความว่าความจริงทั้งสี่ไม่ใช่โจรแต่เป็นเพียงกลุ่มชายหนุ่มคึกคะนอง พวกเขาเสียเงินทั้งหมดไปในการพนันในโรงต่อสู้ที่เผ่าคารูณ ในคราแรกนั้นพวกเขาไม่คิดว่าจะลงเงินทั้งหมดทว่าพวกเขาก็ถูกพวกนักรบในเผ่าคารูณขู่แกมบังคับ พอเสียพนันจึงอับจนหนทางจึงลงเอยด้วยการคิดหาทางออกสั้นๆ เช่นนี้

“อืม...โชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ว้า” สุเรนทร์งึมงำพลางเอามือเกาหัวแกรกๆ

สุดท้ายแล้วทันวาก็ไม่ได้เอาเรื่องเพียงแต่เทศนายืดยาวจนเกือบถึงเวลาอาหารกลางวัน ทั้งยังมอบเงินจำนวนหนึ่งให้พวกมันใช้เป็นค่าเดินทางกลับบ้านเสียด้วยซ้ำ ชายหนุ่มทั้งสี่ต่างขออภัยและขอบคุณเป็นการใหญ่ ให้สัจจะว่าพวกตนจะไม่ทำแบบนี้อีก

ทั้งกองเดินทางได้แต่นั่งรอเงียบๆ จนกระทั่งเมื่อจบเรื่อง ทันวาจึงขยับร่างอุ้ยอ้ายมาสมทบ ดูภายนอกไม่น่าเชื่อเลยว่าชายอาวุโสซ้ำยังดูเหมือนมีน้ำหนักเกินมาหลายพิกัดจะสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้รวดเร็ว ว่องไวเช่นนั้น

“ขอโทษด้วยสุเรนทร์” เทพบัณฑิตรีบกล่าว ทำหน้าเศร้า เมื่อปะหน้าผู้ที่ต้องการพบ

“ข้าทำช้อนชิมอาหารของเจ้าพังอีกแล้ว”

“มิน่าเล่ารสชาติอาหารของท่านสุเรนทร์ไม่ดีขึ้นเลย” นักล่านกที่หนุ่มกว่าพูดต่อทันที

เมื่อนั้นทั้งคณะเดินทางได้แต่หัวเราะลั่นพร้อมกัน


*****
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่