แจ้งข่าวก่อนเนาะ
วันนี้คงลงต่อเนื่องจากตอนที่ผ่านมาไม่ได้แล้วค่ะ เพราะสนพ.แจ้งมาตั้งแต่วันศุกร์ (ตอนดึกๆ) แล้วว่าหนังสือเสร็จแล้ว หลังจากนั้นมีนักอ่านท่านหนึ่งโพสภาพหนังสือที่ศูนย์มาบอกทางเฟสด้วย ขอบคุณมากๆ รวมทั้งนักอ่านจากที่นี่ด้วย ขอบคุณอีกเช่นกันค่ะ
สำหรับตัวเราเองจะไปในวันพรุ่งนี้ค่ะ อยากไปตั้งแต่วันแรกๆ เลยแต่จัดตารางตัวเองไม่ได้เอง ทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาทั้งประชุมทั้งงานแน่นเอี๊ยด ยาวต่อไปถึงอาทิตย์หน้า (= =”)
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับทุกท่านที่เข้ามาให้อ่านนะคะ ไม่ว่าท่านจะยอมปรากฏตัวหรือไม่ก็ตาม หากไม่มีนักอ่านที่นี้เราคงมาเขียนไม่ได้ถึงวันนี้เช่นกันค่ะ
คุณ GTW: ขอบคุณมากๆค่ะ ฝากเช็คข้อความหลังไมค์ด้วยเนาะ
คุณ ตะวันรัตติกาล: ขยันเรียนนะคะ คุณน้อง
คุณ ซาลาสซา: ได้รับข้อความแล้ว ขอบคุณมาก เรายังไม่เห็นหนังสือแบบเล่มเป็นๆ เลย ^^ หวังว่าคงไม่ทำให้ผิดหวังนะคะ คุณอ่านเร็วมากๆ แต่เดาว่าคุณซาฯ น่าจะอ่านประมาณ 10 บทหลังจากนี้ค่ะ หากเป็นอย่างนั้นแนะนำให้อ่านตอนต้นๆ เรื่องที่เกี่ยวกับอันธิกาด้วยนะคะ เพราะเรารื้อใหม่เป็นคนละฉบับกับที่ลงในพันทิปค่ะ ภาคต่อไปอันธิกาจะมีบทบาทมากขึ้นด้วย
คุณ zoi; ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
และขอขอบคุณผู้กดถูกใจค่ะ คุณ หอมมาก , คุณ Phoenixorus, คุณ สมาชิกหมายเลข 1311253 , คุณ CAN LIVE , คุณ แอม วิเชียรฉาย , คุณ GTW , คุณ ซาลาสซา , คุณ อรุสา และ คุณ zoi ค่ะ
เนื่องจากไม่สามารถลงตอนต่อไปได้แล้ว แต่ยังอยากมาขอบคุณนักอ่าน แต่ครั้นจะขอบคุณธรรมดาก็ผิดวัตถุประสงค์ของถนนนักเขียน นอกจากกระทู้จะรกเบียดบังกระทู้ท่านอื่นแล้วจะโดนลบเสียนี่ เราจึงนำบทขยายช่วงกลางเรื่องของอารมันมาลงแทนนะคะ ซึ่งภายหลังทั้งบทนี้ถูกตัดทิ้งออกไปเกือบทั้งหมด (ด้วยตัวข้าพเจ้าเอง) เป็นช่วงเหตุการณ์ที่ทันวาเพิ่งจะพบกับอารมันได้ไม่นาน และพาเขาออกจากป้อมมือปราบกลับไปที่ผาพญาครุฑ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ใครที่อ่านหนังสือจบแล้วคงคิดถึงอารมันไม่น้อย (?) บก.เราเธอชอบอารมันมากกว่าตัวรามิตเสียอีก
ตอน นักล่านกแห่งผาครุฑ
“ยื่นมือของเจ้ามาสิอารมัน ไอ้ตรวนบ้านี่มันหนักไม่หยอกหรอก” ทันวาพูดกับอารมันในเวลาพักระหว่างการเดินทางกลับผาพญาครุฑ
หลังจากเกิดเรื่องวุ่นวายที่ป้อมมือปราบและดูเหมือนพิทยาจะไม่ยอมหยุดราวีอารมันง่ายๆ อุมาจึงต้องส่งสัญญาณให้ทันวารีบพาตัวอารมันออกไปจากเมืองให้เร็วที่สุดเพื่อเป็นการตัดปัญหา เหล่าคณะเดินทางไม่ได้หยุดพักเลยและเร่งเดินทางตลอดบ่ายจนมาถึงชุมชนบนผาสูงแห่งหนึ่งก่อนเวลาพลบค่ำเล็กน้อย พวกเขารีบจนไม่เสียเวลาปลดปลอกข้อมือและข้อเท้าให้เด็กหนุ่ม ความจริงแล้วมันก็ไม่มีผลอันใดนักเพราะสายโซ่หนาหนักนั้นได้ขาดสะบั้นลงเสียสิ้น ไม่สามารถทำหน้าที่พันธนาการให้ผู้ใดได้อีกต่อไป ที่จริงการที่ทันวานำอารมันมาไว้ที่ห้องลงอาญาของป้อมมือปราบและจองจำด้วยตรวนจากสภาตุลาการนั้นไม่ใช่เพราะต้องการกักขังหรือลงทัณฑ์เด็กหนุ่มแต่อย่างใด
ทว่าตลอดการเดินทางจากเมืองสักกะมาจนถึงป้อมมือปราบนั้น บ่อยครั้งที่เด็กหนุ่มผวาตื่น ทุกครั้งเขาได้ใช้พลังโดยไม่รู้ตัว มนตรารุนแรง...เกือบเท่าระดับอภิเวท หลังจากระเบิดพลังในครั้งแรกนั้นทันวาและผู้ติดตามไม่รู้มาก่อนว่าอารมันจะทำเช่นนั้นได้อีก ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุในคืนที่สองจึงไม่ได้เตรียมการไว้ โชคดีที่พวกเขาไม่ได้พักในเมืองจึงไม่มีผู้บาดเจ็บ พวกเขาเร่งตามหาอารมันโดยใช้เจ้าหมอนเม่นนำทางพวกเขาพบเด็กหนุ่มในสภาพไม่ต่างจากวันแรก บาดแผลฉีกขาด...เลือดไหลโทรมกาย ยิ่งอารมันใช้พลังตนโดยไม่รู้ตัวมากเท่าใด ยิ่งทำให้เป็นผลร้ายต่อร่างกายตนเอง เคราะห์ดีที่ว่าผู้ติดตามของทันวาคราวนี้ไม่ใช่เทพบัณฑิตไร้ฝีมือหากเป็น ‘นักล่านก’ จากหมู่บ้านเดิมของเขาที่ตามมารับใช้ถึงวิหารไหมช่วยผลัดกันร่ายวงเวทจึงสามารถควบคุมไม่ให้เขาใช้พลังโดยไม่รู้ตัวอีก แต่แท้จริงแล้วแม้แต่ทันวาเองยังคงรู้สึกสงสัยว่ามีใครบางคนช่วยร่ายเวทสะกดพลังมหาศาลของอารมันอีกคำรบหนึ่ง
จนเมื่อพาเด็กหนุ่มมาถึงป้อมมือปราบและได้คำตอบอันแสนน่าประหลาดใจว่าความจริงเขาเป็นเพียงนภบาลสามัญ อาจเป็นผู้รอดชีวิตจากเหตุไฟไหม้เพียงผู้เดียว เขาไม่คิดว่าอุมาจะโกหก เพราะไม่มีเหตุผลใดที่เธอจะทำเช่นนั้น ยิ่งทำให้ทันวาบังเกิดความพิศวงเพราะหากคาดคะเนจากระดับพละมนตรา อารมันน่าจะเป็นถึงระดับ ‘เทวะ’ เทพชั้นสูงเสียด้วยซ้ำ และหนทางเดียวที่เขาจะพบคำตอบได้ก็คือถามจากเจ้าตัวเอง
อารมันฟื้นได้สติในที่สุด ทันวาคาดการณ์ถูกต้อง เด็กหนุ่มมีฝีมือเก่งกล้าคล้ายได้รับการอบรม สั่งสอนมาเป็นอย่างดีจากใครสักคนที่มีองค์ความรู้และความสามารถอย่างยิ่ง หากปัญหาคือเขากลับจดจำเรื่องราวของตนเองไม่ได้เลย ไม่รู้แม้แต่ว่าตนเองไปพักรักษาตัวในโพรงใต้ดินได้อย่างไร หรือรอดจากเหตุไฟไหม้ได้อย่างไร หรือใครเป็นคนช่วยเขาออกมา? และนั่นยิ่งเป็นเรื่องที่ทำให้ทันวาหงุดหงิดในใจเป็นยิ่งนัก
ขณะที่ช่วยปลดตรวนบนข้อมือของอารมัน เขาเหลือบตามองเด็กหนุ่มที่ถึงแม้จะดูแข็งแรงขึ้นแล้ว แต่ยังมีสภาพอิดโรยนิดๆ อารมันสวมเสื้อตัวโคร่งสีน้ำตาล เนื้อผ้าหยาบไม่พิถีพิถันเท่าไรนักเนื่องจากเหล่าบัณฑิตของหอคัมภีร์ทอใช้กันเอง แม้ใส่แล้วไม่สบายตัวแต่อย่างน้อยก็ทำให้เขาดู ‘เข้าพวก’ เพื่อกลบร่องรอยไม่ให้เด็กหนุ่มดูโดดเด่นจนเกินไปนักเพราะหน้าตาของเขานั้นมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคนต่างถิ่น...อีกอย่างหนึ่งเครื่องแต่งกายหลวมรุ่มร่ามแบบนี้ยังช่วยปกปิดร่อยรอยของบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่งบนร่างของเขา
เจ้าหนุ่มคนนี้ถูกทำร้ายมาอย่างแสนสาหัสทีเดียวก่อนที่เขาจะไปพบ...
ที่รุนแรงและน่ากลัวที่สุดคือร่องรอยแผลเป็นที่กลางหลัง คล้ายถูกอะไรบางอย่างที่มีกำลังมหาศาลหรืออาวุธประหลาดทำร้ายจนทะลุไปถึงด้านหน้า อารมันน่าจะสิ้นชีพไปแล้วจากการถูกทำร้ายรุนแรงขนาดนั้น ยังไม่นับร่องรอยบาดแผลทั่วร่าง และตำแหน่งล่าสุดที่เพิ่งสมานตัวบริเวณกลางลำตัวเฉียดต่ำกระบังลมลงมาเล็กน้อยลักษณะเป็นใบมีด แทงลึกจนมิดด้ามอย่างชัดเจน
ใครมันใจร้ายขนาดนี้ว้า...ไม่สิ...ผู้มีฝีมือขนาดทำร้ายอารมันได้เพียงนี้ ทั่วดินแดนเขาเห็นเพียงไม่กี่หยิบมือเลย ที่เขาตกลงเร่งพาอารมันออกมาจากป้อมมือปราบไม่ใช่เพราะกลัวพิทยา ชะ! เจ้าหน้าแหลมนั่นอย่างมากก็แค่เป็นแมลงตัวเล็กที่นำพาแค่ความรำคาญ จะตบทิ้งให้สิ้นฤทธิ์เสียเมื่อไรก็ย่อมได้...แต่เป็นอย่างอื่น...สิ่งอื่นที่กำลังไล่ล่าเด็กหนุ่มผู้นี้อย่างเอาเป็นเอาตาย ใช่..ต้องการกำจัดให้ดับดิ้น ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร มันยังรอเขาอยู่ข้างนอกนั่น
ตรวนข้อมือทั้งสองข้างถูกปลดออกและทิ้งลงบนสนามหน้าที่พักแรมดังตึบ เจ้าลูกศิษย์หนุ่มของทันวาที่เดินทางมากับคณะนี้ด้วยจึงตามไปเก็บหมายจะเอาไปทิ้งนอกเขตที่พัก ทว่าเมื่อจะเข้าไปขยับเจ้าหนุ่มกลับหยิบไม่ขึ้นจนต้องใช้ทั้งสองมือถึงจะพอขยับได้ทว่าตนถือไว้ได้เพียงครู่เดียวจำต้องปล่อยทิ้ง
“ไม่ต้องหรอก ข้าจะจัดการให้เอง” อารมันยังคงพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า แล้วก้มลงขยับปลอกเหล็กที่รัดรอบข้อเท้าจากนั้นคืนกุญแจให้อดีตเทพตุลาการ ทันวาเองก็สามารถขยับตรวนหล็กของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างไม่ลำบาก เขารับคืนกุญแจมาแล้วโยนไปทางหนึ่งคล้ายไม่มีความสำคัญอีกแล้ว เขามองฝ่ายตรงข้าม หรี่ตาลงแล้วกล่าวช้าๆ
“เจ้ารู้หรือไม่เครื่องจองจำนี้มันมีชื่อเสียงทีเดียว มันมีพี่น้องที่ถูกทำขึ้นมาพร้อมกันเจ็ดชนิด ส่วนหนึ่งของตรวนนี้ทำมาจากแร่หินโบราณที่ว่ากันว่ามาจากภูเขาทั้งเจ็ดลูกในตำนานยุคบรรพกาลหลอมรวมกัน แค่อณูเดียวก็หนักกว่าศิลาใดๆ ในบุราทิศจะเทียมทัน บอกตามตรง...ข้าตกใจไม่น้อยที่เห็นเจ้าวิ่งไปมาบนลานและยังตีลังกาเหินหาวโดยที่ยังมีทั้งตรวนพี่ตรวนน้องสวมอยู่ทั้งสี่ปลอกแบบนี้”
จ้าวจตุรทิศ ภาค จัณฑวาตา: Delete Scene (และขอบคุณนักอ่านค่ะ)
วันนี้คงลงต่อเนื่องจากตอนที่ผ่านมาไม่ได้แล้วค่ะ เพราะสนพ.แจ้งมาตั้งแต่วันศุกร์ (ตอนดึกๆ) แล้วว่าหนังสือเสร็จแล้ว หลังจากนั้นมีนักอ่านท่านหนึ่งโพสภาพหนังสือที่ศูนย์มาบอกทางเฟสด้วย ขอบคุณมากๆ รวมทั้งนักอ่านจากที่นี่ด้วย ขอบคุณอีกเช่นกันค่ะ
สำหรับตัวเราเองจะไปในวันพรุ่งนี้ค่ะ อยากไปตั้งแต่วันแรกๆ เลยแต่จัดตารางตัวเองไม่ได้เอง ทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาทั้งประชุมทั้งงานแน่นเอี๊ยด ยาวต่อไปถึงอาทิตย์หน้า (= =”)
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับทุกท่านที่เข้ามาให้อ่านนะคะ ไม่ว่าท่านจะยอมปรากฏตัวหรือไม่ก็ตาม หากไม่มีนักอ่านที่นี้เราคงมาเขียนไม่ได้ถึงวันนี้เช่นกันค่ะ
คุณ GTW: ขอบคุณมากๆค่ะ ฝากเช็คข้อความหลังไมค์ด้วยเนาะ
คุณ ตะวันรัตติกาล: ขยันเรียนนะคะ คุณน้อง
คุณ ซาลาสซา: ได้รับข้อความแล้ว ขอบคุณมาก เรายังไม่เห็นหนังสือแบบเล่มเป็นๆ เลย ^^ หวังว่าคงไม่ทำให้ผิดหวังนะคะ คุณอ่านเร็วมากๆ แต่เดาว่าคุณซาฯ น่าจะอ่านประมาณ 10 บทหลังจากนี้ค่ะ หากเป็นอย่างนั้นแนะนำให้อ่านตอนต้นๆ เรื่องที่เกี่ยวกับอันธิกาด้วยนะคะ เพราะเรารื้อใหม่เป็นคนละฉบับกับที่ลงในพันทิปค่ะ ภาคต่อไปอันธิกาจะมีบทบาทมากขึ้นด้วย
คุณ zoi; ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
และขอขอบคุณผู้กดถูกใจค่ะ คุณ หอมมาก , คุณ Phoenixorus, คุณ สมาชิกหมายเลข 1311253 , คุณ CAN LIVE , คุณ แอม วิเชียรฉาย , คุณ GTW , คุณ ซาลาสซา , คุณ อรุสา และ คุณ zoi ค่ะ
เนื่องจากไม่สามารถลงตอนต่อไปได้แล้ว แต่ยังอยากมาขอบคุณนักอ่าน แต่ครั้นจะขอบคุณธรรมดาก็ผิดวัตถุประสงค์ของถนนนักเขียน นอกจากกระทู้จะรกเบียดบังกระทู้ท่านอื่นแล้วจะโดนลบเสียนี่ เราจึงนำบทขยายช่วงกลางเรื่องของอารมันมาลงแทนนะคะ ซึ่งภายหลังทั้งบทนี้ถูกตัดทิ้งออกไปเกือบทั้งหมด (ด้วยตัวข้าพเจ้าเอง) เป็นช่วงเหตุการณ์ที่ทันวาเพิ่งจะพบกับอารมันได้ไม่นาน และพาเขาออกจากป้อมมือปราบกลับไปที่ผาพญาครุฑ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอน นักล่านกแห่งผาครุฑ
“ยื่นมือของเจ้ามาสิอารมัน ไอ้ตรวนบ้านี่มันหนักไม่หยอกหรอก” ทันวาพูดกับอารมันในเวลาพักระหว่างการเดินทางกลับผาพญาครุฑ
หลังจากเกิดเรื่องวุ่นวายที่ป้อมมือปราบและดูเหมือนพิทยาจะไม่ยอมหยุดราวีอารมันง่ายๆ อุมาจึงต้องส่งสัญญาณให้ทันวารีบพาตัวอารมันออกไปจากเมืองให้เร็วที่สุดเพื่อเป็นการตัดปัญหา เหล่าคณะเดินทางไม่ได้หยุดพักเลยและเร่งเดินทางตลอดบ่ายจนมาถึงชุมชนบนผาสูงแห่งหนึ่งก่อนเวลาพลบค่ำเล็กน้อย พวกเขารีบจนไม่เสียเวลาปลดปลอกข้อมือและข้อเท้าให้เด็กหนุ่ม ความจริงแล้วมันก็ไม่มีผลอันใดนักเพราะสายโซ่หนาหนักนั้นได้ขาดสะบั้นลงเสียสิ้น ไม่สามารถทำหน้าที่พันธนาการให้ผู้ใดได้อีกต่อไป ที่จริงการที่ทันวานำอารมันมาไว้ที่ห้องลงอาญาของป้อมมือปราบและจองจำด้วยตรวนจากสภาตุลาการนั้นไม่ใช่เพราะต้องการกักขังหรือลงทัณฑ์เด็กหนุ่มแต่อย่างใด
ทว่าตลอดการเดินทางจากเมืองสักกะมาจนถึงป้อมมือปราบนั้น บ่อยครั้งที่เด็กหนุ่มผวาตื่น ทุกครั้งเขาได้ใช้พลังโดยไม่รู้ตัว มนตรารุนแรง...เกือบเท่าระดับอภิเวท หลังจากระเบิดพลังในครั้งแรกนั้นทันวาและผู้ติดตามไม่รู้มาก่อนว่าอารมันจะทำเช่นนั้นได้อีก ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุในคืนที่สองจึงไม่ได้เตรียมการไว้ โชคดีที่พวกเขาไม่ได้พักในเมืองจึงไม่มีผู้บาดเจ็บ พวกเขาเร่งตามหาอารมันโดยใช้เจ้าหมอนเม่นนำทางพวกเขาพบเด็กหนุ่มในสภาพไม่ต่างจากวันแรก บาดแผลฉีกขาด...เลือดไหลโทรมกาย ยิ่งอารมันใช้พลังตนโดยไม่รู้ตัวมากเท่าใด ยิ่งทำให้เป็นผลร้ายต่อร่างกายตนเอง เคราะห์ดีที่ว่าผู้ติดตามของทันวาคราวนี้ไม่ใช่เทพบัณฑิตไร้ฝีมือหากเป็น ‘นักล่านก’ จากหมู่บ้านเดิมของเขาที่ตามมารับใช้ถึงวิหารไหมช่วยผลัดกันร่ายวงเวทจึงสามารถควบคุมไม่ให้เขาใช้พลังโดยไม่รู้ตัวอีก แต่แท้จริงแล้วแม้แต่ทันวาเองยังคงรู้สึกสงสัยว่ามีใครบางคนช่วยร่ายเวทสะกดพลังมหาศาลของอารมันอีกคำรบหนึ่ง
จนเมื่อพาเด็กหนุ่มมาถึงป้อมมือปราบและได้คำตอบอันแสนน่าประหลาดใจว่าความจริงเขาเป็นเพียงนภบาลสามัญ อาจเป็นผู้รอดชีวิตจากเหตุไฟไหม้เพียงผู้เดียว เขาไม่คิดว่าอุมาจะโกหก เพราะไม่มีเหตุผลใดที่เธอจะทำเช่นนั้น ยิ่งทำให้ทันวาบังเกิดความพิศวงเพราะหากคาดคะเนจากระดับพละมนตรา อารมันน่าจะเป็นถึงระดับ ‘เทวะ’ เทพชั้นสูงเสียด้วยซ้ำ และหนทางเดียวที่เขาจะพบคำตอบได้ก็คือถามจากเจ้าตัวเอง
อารมันฟื้นได้สติในที่สุด ทันวาคาดการณ์ถูกต้อง เด็กหนุ่มมีฝีมือเก่งกล้าคล้ายได้รับการอบรม สั่งสอนมาเป็นอย่างดีจากใครสักคนที่มีองค์ความรู้และความสามารถอย่างยิ่ง หากปัญหาคือเขากลับจดจำเรื่องราวของตนเองไม่ได้เลย ไม่รู้แม้แต่ว่าตนเองไปพักรักษาตัวในโพรงใต้ดินได้อย่างไร หรือรอดจากเหตุไฟไหม้ได้อย่างไร หรือใครเป็นคนช่วยเขาออกมา? และนั่นยิ่งเป็นเรื่องที่ทำให้ทันวาหงุดหงิดในใจเป็นยิ่งนัก
ขณะที่ช่วยปลดตรวนบนข้อมือของอารมัน เขาเหลือบตามองเด็กหนุ่มที่ถึงแม้จะดูแข็งแรงขึ้นแล้ว แต่ยังมีสภาพอิดโรยนิดๆ อารมันสวมเสื้อตัวโคร่งสีน้ำตาล เนื้อผ้าหยาบไม่พิถีพิถันเท่าไรนักเนื่องจากเหล่าบัณฑิตของหอคัมภีร์ทอใช้กันเอง แม้ใส่แล้วไม่สบายตัวแต่อย่างน้อยก็ทำให้เขาดู ‘เข้าพวก’ เพื่อกลบร่องรอยไม่ให้เด็กหนุ่มดูโดดเด่นจนเกินไปนักเพราะหน้าตาของเขานั้นมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคนต่างถิ่น...อีกอย่างหนึ่งเครื่องแต่งกายหลวมรุ่มร่ามแบบนี้ยังช่วยปกปิดร่อยรอยของบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่งบนร่างของเขา
เจ้าหนุ่มคนนี้ถูกทำร้ายมาอย่างแสนสาหัสทีเดียวก่อนที่เขาจะไปพบ...
ที่รุนแรงและน่ากลัวที่สุดคือร่องรอยแผลเป็นที่กลางหลัง คล้ายถูกอะไรบางอย่างที่มีกำลังมหาศาลหรืออาวุธประหลาดทำร้ายจนทะลุไปถึงด้านหน้า อารมันน่าจะสิ้นชีพไปแล้วจากการถูกทำร้ายรุนแรงขนาดนั้น ยังไม่นับร่องรอยบาดแผลทั่วร่าง และตำแหน่งล่าสุดที่เพิ่งสมานตัวบริเวณกลางลำตัวเฉียดต่ำกระบังลมลงมาเล็กน้อยลักษณะเป็นใบมีด แทงลึกจนมิดด้ามอย่างชัดเจน
ใครมันใจร้ายขนาดนี้ว้า...ไม่สิ...ผู้มีฝีมือขนาดทำร้ายอารมันได้เพียงนี้ ทั่วดินแดนเขาเห็นเพียงไม่กี่หยิบมือเลย ที่เขาตกลงเร่งพาอารมันออกมาจากป้อมมือปราบไม่ใช่เพราะกลัวพิทยา ชะ! เจ้าหน้าแหลมนั่นอย่างมากก็แค่เป็นแมลงตัวเล็กที่นำพาแค่ความรำคาญ จะตบทิ้งให้สิ้นฤทธิ์เสียเมื่อไรก็ย่อมได้...แต่เป็นอย่างอื่น...สิ่งอื่นที่กำลังไล่ล่าเด็กหนุ่มผู้นี้อย่างเอาเป็นเอาตาย ใช่..ต้องการกำจัดให้ดับดิ้น ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร มันยังรอเขาอยู่ข้างนอกนั่น
ตรวนข้อมือทั้งสองข้างถูกปลดออกและทิ้งลงบนสนามหน้าที่พักแรมดังตึบ เจ้าลูกศิษย์หนุ่มของทันวาที่เดินทางมากับคณะนี้ด้วยจึงตามไปเก็บหมายจะเอาไปทิ้งนอกเขตที่พัก ทว่าเมื่อจะเข้าไปขยับเจ้าหนุ่มกลับหยิบไม่ขึ้นจนต้องใช้ทั้งสองมือถึงจะพอขยับได้ทว่าตนถือไว้ได้เพียงครู่เดียวจำต้องปล่อยทิ้ง
“ไม่ต้องหรอก ข้าจะจัดการให้เอง” อารมันยังคงพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า แล้วก้มลงขยับปลอกเหล็กที่รัดรอบข้อเท้าจากนั้นคืนกุญแจให้อดีตเทพตุลาการ ทันวาเองก็สามารถขยับตรวนหล็กของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างไม่ลำบาก เขารับคืนกุญแจมาแล้วโยนไปทางหนึ่งคล้ายไม่มีความสำคัญอีกแล้ว เขามองฝ่ายตรงข้าม หรี่ตาลงแล้วกล่าวช้าๆ
“เจ้ารู้หรือไม่เครื่องจองจำนี้มันมีชื่อเสียงทีเดียว มันมีพี่น้องที่ถูกทำขึ้นมาพร้อมกันเจ็ดชนิด ส่วนหนึ่งของตรวนนี้ทำมาจากแร่หินโบราณที่ว่ากันว่ามาจากภูเขาทั้งเจ็ดลูกในตำนานยุคบรรพกาลหลอมรวมกัน แค่อณูเดียวก็หนักกว่าศิลาใดๆ ในบุราทิศจะเทียมทัน บอกตามตรง...ข้าตกใจไม่น้อยที่เห็นเจ้าวิ่งไปมาบนลานและยังตีลังกาเหินหาวโดยที่ยังมีทั้งตรวนพี่ตรวนน้องสวมอยู่ทั้งสี่ปลอกแบบนี้”