“แดง” เจอ “แดง” “ผู้การแดง” คัมแบ็ก รับมือ “ทัพแดง”

http://www.peopleunitynews.com/web02/2014/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%B0-%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%AD-%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87/

สำนักข่าวออนไลน์ พีเพิล ยูนิตี้ – ในห้วงเวลาไล่เลี่ยกับที่กลุ่ม นปช. หรือ “กองทัพแดง” ของระบอบทักษิณจะเคลื่อนพลมาประชิดกรุงในวันที่ 5 เมษายน ฝ่ายขุนศึกในกองทัพก็มีความเคลื่อนไหวอย่างคึกคักไม่แพ้กัน

โดยมีการประชุมของ ผบ.เหล่าทัพ ทั้ง 4 เหล่าทัพ รวมทั้ง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ที่มาเข้าร่วมประชุมเหล่าทัพเป็นครั้งแรกๆ หลังจากหายหน้าไปหลายเดือน

การประชุมกินเวลายาวนานถึง 4 ชั่วโมง โดยกันสื่อให้ไปสังเกตการณ์และทำข่าว ณ อีกอาคารหนึ่ง ซึ่งห่างไปหลายร้อยเมตร สะท้อนถึงความสำคัญของการประชุมนัดนี้ได้เป็นอย่างดี

เพราะนอกจากจะเป็นการประชุม ผบ.เหล่าทัพ เป็น “วาระพิเศษ” แล้ว ประเด็นการรับมือทัพมวลชนสีแดงยังเป็นอีก 1 ไฮไลท์ให้จับตามองเป็นพิเศษของการประชุมครั้งนี้ ซึ่งประเด็นนี้น่าจะเป็นที่มาของการประชุมวาระพิเศษครั้งนี้

อีกด้านหนึ่ง การ “คัมแบ็ก” กลับสู่กองกำลังคุมพระนครของ พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล. 1 รอ.) หรือ “กองพลวงศ์เทวัญ” อันลือลั่น ก็เป็นความเคลื่อนไหวของกองทัพที่ต้องจับตาอย่างยิ่ง

เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า พล. 1 รอ. เป็นกองพลที่คุมกำลังหลักใจกลางเมืองหลวง มีทั้งกำลังพล และอาวุธยุทโธปกรณ์ครบครัน

นอกจากนี้ ผบ.พล. 1 รอ. ยังเป็น “ผู้บัญชาการกองกำลังทหาร” จำนวน 58 กองร้อย และบังเกอร์ 176 จุดทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นของแสลงอย่างยิ่งสำหรับ “กองทัพแดง”

ดังนั้น การมอบความไว้วางใจให้ พล.ต.อภิรัชต์ หรือ “ผู้การแดง” มาคุมกำลังหลักใจกลางเมืองหลวง ท่ามกลางไฟการเมืองที่ร้อนระอุ จึงสะท้อนระดับความไว้วางใจได้อย่างดีที่สุด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. จึงออกอาการฉุนเฉียวอย่างยิ่งกับข้อครหา “บูรพาพยัคฆ์ผงาด” เพราะ “วงศ์เทวัญ” อย่างผู้การแดงก็ได้รับการปูนบำเหน็จไม่แตกต่างกัน

ย้อนไปในการชุมนุม นปช.เมื่อปี 53 เมื่อครั้งที่ยังเป็น พ.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ร.11 รอ. บทบาทของผู้การแดงถือว่าโดดเด่นจนกลายเป็น “แบล็กลิสต์” ลำดับต้นๆของ นปช.

เช่น การออกมาซัดกับ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ “เสธ.แดง” โดยนำผู้บังคับกองพัน 17 กองพันออกมาตอบโต้ เสธ.แดง ที่ดูหมิ่น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. (ในขณะนั้น)

หรือการส่งสารไปยัง เสธ.แดง ที่บ่นว่าอยากเจอผู้การแดง โดยกล่าวฝากไปยังการ์ด นปช. ว่า “ไปบอก เสธ.แดง ออกมาเจอผู้การแดงได้ที่หน้าถนนสีลม“

นอกจากนี้ ในช่วงที่กลุ่ม นปช. เข้าล้อมสถานีดาวเทียมไทยคม จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 9 เม.ย.53 ผู้การแดงยังเป็นทหารกลุ่มสุดท้ายที่ยืนหยัดรักษาที่มั่นอยู่บนดาดฟ้าสถานีไทยคม

สถานะของ พล.ต.อภิรัชต์ ที่แม้จะชื่อเล่นว่า “แดง” จึงไม่เป็นที่ปลาบปลื้มของคนเสื้อแดงมานับแต่นั้น

ส่งผลให้ผู้การแดงต้องถูกโยกไปเป็น “ผบ.มทบ.15” จ.เพชรบุรี เพื่อลดแรงกดดันจากกลุ่มเสื้อแดงในช่วงต้นของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทั้งที่ถูกคาดหมายว่าจะขึ้นเป็น “ผบ.มทบ.11”

แต่โชคชะตา และนายอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ลิขิตให้ผู้การแดงกลับเข้ากรุงอีกครั้ง และคราวนี้มีตำแหน่งสำคัญยิ่งกว่าเดิมมากในฐานะ ผบ.พล. 1 รอ. (ควบ ผบ.กองกำลังทหาร)

น่าสนใจว่า ผู้การแดงมีความสัมพันธ์ที่ “ซับซ้อน” กับอดีตนายกฯ  เพราะ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีตประธาน รสช. เมื่อปี 34 ซึ่งเป็นบิดาของผู้การแดง จัดเป็น “ผู้มีพระคุณ” ของอดีตนายกฯ

สัมปทานดาวเทียมไทยคมที่อดีตนายกฯประมูลได้ ก็เกิดขึ้นในสมัยของประธาน รสช.ผู้นี้ แต่ดูเหมือนว่า บทบาทของ “ลูกบิ๊กจ๊อด” ต่ออดีตนายกฯ กลับตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง

เพราะบทบาทของผู้การแดงต่อผู้บังคับบัญชา ต่อบ้านเมือง และต่อสถาบัน ทำให้ผู้การแดงได้รับการกล่าวขานว่าเป็น “ทหารพระราชา” และ “ทหารรักษาพระองค์” อย่างเต็มภาคภูมิ

การรับมือกองทัพสีแดงในระบอบทักษิณในวันที่ 5 เมษายน ถือเป็น “ด่านแรก” ในการพิสูจน์ฝีมือและความจริงใจของผู้การแดง ซึ่งมวลชนผู้จงรักภักดีฝากความหวังไว้เต็มเปี่ยม

ลองมาฟังวาทะผู้การแดงเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2557 ที่กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ซึ่งมีพิธีส่งมอบตำแหน่งให้แก่ พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.พล. 1 รอ.คนใหม่ โดยผู้การแดงกล่าวในพิธีว่า รู้สึกยินดีที่ พล.ต.วราห์ บุญญะสิทธิ์ อดีตผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล. 1 รอ.) ได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพภาคที่ 1 แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกอาลัย  พวกเราทราบดีว่า พล.ต.วราห์ได้ปฏิบัติหน้าที่ของชายชาติทหาร เพื่อพิทักษ์รักษาซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สมกับเป็นทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทหารรักษาพระองค์ พร้อมทั้งมีความมุ่งมั่นในการทำงานจนทำให้ พล. 1 รอ. ได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาและส่วนราชการมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม ในการปฏิบัติงานในตำแหน่งดังกล่าวนี้ ตนตระหนักดีว่ามีความสำคัญต่อกองทัพ และขอให้ความมั่นใจว่าจะนำ พล. 1 รอ. ไปสู่ความสำเร็จ พร้อมจะสานต่อนโยบายการทำงาน

ต่อจากนั้น ผู้การแดงได้ให้สัมภาษณ์สื่อถึงการดูแลสถานการณ์การชุมนุมในช่วงนี้ว่า ในฐานะที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังทหารที่รับผิดชอบ 58 กองร้อย คงจะต้องมีการปรับกำลังให้สอดคล้องกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะมาในวันที่ 5 เม.ย.นี้ ยืนยันว่าทหารให้ความเป็นธรรมและดูแลประชาชนทั้งสองฝ่าย เพราะเป็นคนไทยด้วยกันไม่อยากให้เกิดเหตุรุนแรงใดๆทั้งสิ้น ขอให้ชุมนุมกันด้วยความสงบเรียบร้อย ทั้งนี้ไม่รู้สึกหนักใจต่อสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น เพราะตนรับราชการอยู่ใน พล. 1 รอ.มานาน และกำลังพลทุกคนตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อยู่แล้ว

เมื่อถามว่าได้วางแผนรับมือกลุ่มผู้ชุมนุมหากเกิดสถานการณ์รุนแรงขึ้นหรือไม่ ผู้การแดงกล่าวว่า ทหารต้องทำงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่าทางศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) จัดตั้งวอร์รูมอยู่ ซึ่งกำลังรอฟังทาง ศอ.รส.ว่าจะมีแนวทางในการปฏิบัติและรับมืออย่างไร ส่วนทางทหารพร้อมปฏิบัติ ทั้งการตั้งจุดตรวจร่วมและการช่วยเหลือประชาชน โดยทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นมีความสำคัญอย่างมาก เพราะจะลดความเสี่ยงในการเกิดเหตุต่างๆได้มากขึ้นในลักษณะของการป้องปราม เพิ่มการลาดตระเวนให้มากขึ้น รวมถึงทำความเข้าใจกับประชาชนมากขึ้น เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับผู้ชุมนุม โดยเฉพาะกลุ่มต่างๆที่ไปตรวจพบอาวุธสงคราม ซึ่งต้องเร่งดำเนินการและสืบให้ได้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง ซึ่งเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลัก สำหรับแนวทางที่ให้กำลังพลที่ออกไปปฏิบัติหน้าที่มีความปลอดภัยมากขึ้นนั้น ในฐานะทหารไม่อยากถืออาวุธในการออกไปดูแลประชาชน และไม่อยากให้ทุกฝ่ายมองว่าทหารใช้อาวุธ ตนคิดว่าคงไม่มีใครคิดจะทำอะไรทหาร เพราะทหารรักประชาชนทุกคนทุกฝ่าย พร้อมช่วยเหลือดูแล ส่วนแนวโน้มในการประกาศกฎอัยการศึกนั้น ตนไม่สามารถให้ความเห็นได้ เพราะไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ แต่ยืนยันว่าตนมีความเป็นทหารอาชีพ และพร้อมปฏิบัติตามคำสั่ง ผบ.ทบ. และผู้บังคับบัญชา

เมื่อถามถึงนโยบายในการปกป้องสถาบันหลังจากที่มีผู้ถูกกล่าวหาในกรณีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมากขึ้น ผู้การแดงกล่าวว่า “ปัญหานี้เกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก ซึ่งคงห้ามคนเหล่านั้นไม่ได้ แต่การละเมิดสถาบันที่เป็นที่รักยิ่งของคนไทย ตนอยากถามว่าคนที่พูดและคนที่ดูหมิ่นฯ เป็นคนไทยหรือเปล่า เราไม่อยากให้พระองค์ท่านกระทบกระเทือน และไม่อยากดึงพระองค์ท่านลงมา ตนไม่อยากพูดเรื่องนี้มาก เพราะคิดว่าการรักสถาบันพระมหากษัตริย์ควรอยู่ในสายเลือดของคนไทยทุกคน”

เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่ที่ตกเป็นเป้าของคนเสื้อแดง ผู้การแดงกล่าวว่า “ไม่หนักใจ เพราะทำงานตามภารกิจไม่เคยทำงานนอกเหนือคำสั่งผู้บังคับบัญชา”

น่าสนใจว่า เส้นทางเดินของผู้การแดงจะเหมือนหรือแตกต่างจากผู้เป็นพ่ออย่างไร ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่อาจบีบบังคับให้ทหารต้อง “ออกจากกรมกอง” อีกครั้ง

โดย – เสมา พิทักษ์ราชัน

4 เมษายน 2557
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่