ข่าวซีฟ // เบื้องลึกปริศนาลับนัดพบ “ปู – สุเทพ”



สำนักข่าวออนไลน์ พีเพิล ยูนิตี้ – เบื้องหลังการพบปะกันระหว่าง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำการชุมนุม กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เป็นผู้ประสานงานให้ทั้งสองฝ่ายได้พบกันเพื่อหาทางคลี่คลายสถานการณ์การเผชิญหน้าระหว่างผู้ชุมนุมกับรัฐบาล เมื่อตอนค่ำของวันที่ 1 ธันวาคม 2556 ยังมีปริศนาค้างคาและมีนัยะในทางลึกหลายอย่าง

ปริศนาแรก สถานที่พบปะกันระหว่างทั้งสองคนในกรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ถนนวิภาวดีรังสิต ใช้สถานที่ใด

ข้อมูลทางลึกที่สำนักข่าวออนไลน์ พีเพิล ยูนิตี้ รู้มาระบุว่า ไม่ใช่หอประชุมกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ เพราะหอประชุมดังกล่าวได้ถูกใช้เป็น บก.ชั่วคราวของกองทัพบกมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน โดยใช้เป็นสถานที่ทำงานของนายทหารระดับสูงของกองทัพบกและหน่วยงานสำคัญบางด้านที่ย้ายมาจาก บก.ทบ. ถนนราชดำเนินนอก หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ เห็นว่า บก.ทบ. ที่ถนนราชดำเนินนอก ไม่มีความสะดวกต่อการเข้าทำงาน เนื่องจากมีการชุมนุมอยู่ที่ถนนราชดำเนินกลางตลอดสาย และต่อเนื่องมาถึงถนนราชดำเนินนอก พล.อ.ประยุทธ์ จึงมีคำสั่งให้ย้าย บก.ทบ. ในส่วนผู้บังคับบัญชาระดับสูง และหน่วยงานที่สำคัญบางด้าน มาใช้หอประชุม ร.1 รอ. เป็นสถานที่ทำงานชั่วคราว และเพื่อเป็น “วอร์รูม” ติดตามสถานการณ์การชุมนุม

ดังนั้น หอประชุม ร.1 รอ. จึงไม่สามารถใช้เป็นสถานที่พบปะได้ เนื่องจากมีนายทหารพลุกพล่าน

พล.อ.ประยุทธ์ จึงใช้บ้านพักของตนเองหลังใหม่ใน ร.1 รอ. เป็นสถานที่พบปะกันระหว่างนายสุเทพกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งบ้านพักหลังนี้มีรั้วรอบขอบชิดสูงและแน่นหนา ไม่สามารถมองเห็นเข้าไปภายในได้ และถนนเข้าสู่บ้านพักก็เป็นถนนซอย มีผู้คนสัญจรผ่านไม่มากนัก เพราะไม่ใช่ถนนสายหลักภายในกรม นอกจากนี้ยังมีทหารตั้งด่านรักษาการปิดเปิดทางเข้าออกหัวซอยและท้ายซอย ห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องผ่านบริเวณหน้าบ้านพัก ผบ.ทบ. และเข้มงวดในด้านการรักษาความปลอดภัยมากขึ้นอย่างผิดสังเกตก่อนหน้าวันที่ 1 ธันวาคม

นอกจากนี้ บ้านพักของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังใช้เป็นสถานที่ประชุมเฉพาะ 5 เสือ ทบ. และการประชุมลับร่วมกับ ผบ.เหล่าทัพอื่นอีกด้วย เนื่องจากมีห้องประชุมและเรือนรับรองขนาดใหญ่อยู่ภายในบ้านพัก

มีรายงานข่าวลึกเข้ามาอีกว่า หากสถานการณ์การชุมนุมมีความรุนแรง และไม่มีความปลอดภัยต่อตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ บ้านพักของ พล.อ.ประยุทธ์ อาจถูกใช้เป็นเซฟเฮาส์สำหรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ด้วย เพื่อความปลอดภัย

ปริศนาที่สอง บุคคลที่โทรศัพท์หานายสุเทพเพื่อนัดพบกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขอร้องให้ “พี่” คนหนึ่งซึ่งนายสุเทพมีความใกล้ชิดเป็นผู้โทรหานายสุเทพ

“พี่” คนนี้คือ พล.อ.ประวิทย์ วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ทบ. และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

พล.อ.ประวิทย์ มีความใกล้ชิดกับนายสุเทพ เพราะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังและประสานงานการพลิกขั้วการเมืองที่นำมาสู่การจัดตั้งรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ โดยใช้หอประชุม ร.1 รอ. และบ้านพักของ พล.อ.ประวิทย์ ที่อยู่ใน ร.1 รอ. เช่นกัน เป็นสถานที่จัดตั้งรัฐบาล ซึ่งต่อมาถูกเรียกว่า การตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร

การตั้งรัฐบาลในค่ายทหารครั้งนั้นเกิดขึ้นในสมัย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ชายกลางแห่งบูรพาพยัคฆ์ เป็น ผบ.ทบ. ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ ชายเล็กแห่งบูรพาพยัคฆ์ ขณะนั้นยังเป็นแม่ทัพภาค 1 ภายใต้การประสานงานทุกๆฝ่ายโดย พล.อ.ประวิทย์ พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ ในช่วงนั้นรถยนต์ของนายสุเทพ รวมทั้งของนายเนวิน ชิดชอบ วิ่งเข้าออก ร.1 รอ. ไปยังบ้านพักของ พล.อ.ประวิทย์ เป็นว่าเล่น

พล.อ.ประวิทย์ จึงแนบแน่นกับนายสุเทพชนิดมองตาก็รู้ใจ และแนบแน่นยิ่งขึ้นในช่วงปราบการจลาจลคนเสื้อแดงปี 2552 และ 2553 ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สนิทกับนายสุเทพมากนัก เพราะขณะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ยังเป็นอันเดอร์ ไม่ใช่หัวแถว

พล.อ.ประยุทธ์ จึงหวังใช้ความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่าง พล.อ.ประวิทย์ กับนายสุเทพ เพื่อเกลี้ยกล่อมให้นายสุเทพหาทางตกลงกับรัฐบาล

ปริศนาที่สาม การพบปะกันระหว่างนายสุเทพกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้มี 5 คน คือ 1.นายสุเทพ 2.น.ส.ยิ่งลักษณ์ 3.พล.อ.ประยุทธ์ 4.ผบ.ทร. 5.ผบ.ทอ. แต่มีคนที่ 6 อยู่ด้วย ซึ่งข่าวลึกระบุว่าคือ พล.อ.ประวิทย์ ที่นายสุเทพเคารพนับถือ เพื่อให้ช่วยเกลี้ยกล่อมนายสุเทพ แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะนายสุเทพประกาศในตอนดึกวันเดียวกันว่าจะเดินหน้าไล่รัฐบาลและกำจัดระบอบทักษิณต่อไป

นัยะของการประสานเพื่อให้เกิดการพบปะกันในวันนั้นคือ

หนึ่ง ต้นคิดในการให้เกิดการพบปะกันคือ พล.อ.ประยุทธ์ โดย พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้ประสานกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ด้วยตนเอง ส่วนนายสุเทพให้ พล.อ.ประวิทย์ เป็นผู้ประสาน แสดงให้เห็นชัดเจนว่า กองทัพไมได้อยู่เบื้องหลังม็อบนายสุเทพ และแสดงต่อไปว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีท่าทีหรือจุดยืนส่วนตัวไม่ได้อยู่ตรงข้ามรัฐบาลและระบอบทักษิณ เพราะพยายามประสานให้ทั้งสองฝ่ายคุยกันหรือเจรจากัน ซึ่งแน่นอนว่าการเจรจาต้องเป็นไปในลักษณะวินวิน หรือพบกันครึ่งทาง รัฐบาลและระบอบทักษิณไม่ต้องเข้าตาจน

สอง บรรยากาศที่เกิดขึ้นละม้ายคราวเจรจาตั้งรัฐบาลในค่ายทหารครั้งนั้น ทั้งในแง่ตัวละครสำคัญและสถานที่ นัยะจึงส่อไปในทางเข้าอีหรอบเดิมคือ ทหารอยู่เบื้องหลังการเจรจา และอาจมีความคิดเดิมๆกลับมาใหม่อีกครั้ง คือตั้งรัฐบาลใหม่ แต่คราวนี้ไม่ใช่รัฐบาลของขั้วใดขั้วหนึ่ง แต่เป็นรัฐบาลปรองดองหรือรัฐบาลแห่งชาติ เพื่อให้เกิดการวินวินทั้งสองฝ่ายและยุติการเผชิญหน้า

ซึ่งรัฐบาลปรองดองที่ว่านี้อาจมี พล.อ.ประวิทย์ เป็นนายกฯคนกลาง มี พล.อ.อนุพงษ์ เป็น  รมว.กลาโหม มี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เป็นแม่ทัพเศรษฐกิจ โดยมีพรรคเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ และพรรคการเมืองอื่นเข้าร่วม ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จ

แต่เมื่อนายสุเทพไม่เอาด้วยตั้งแต่เริ่มเจรจา เพราะมองออกว่าจะนำไปสู่อะไร เนื่องจากตัวนายสุเทพเคยทำแบบนี้มาก่อน ก็ถือว่าแนวคิดพังครืนลงมา ไม่ต้องถึงขั้นไปถามคนแดนไกลพี่ชายนายกฯยิ่งลักษณ์ว่าเอาด้วยหรือไม่ เพราะถ้าถามก็คงได้คำตอบแบบเดียวกับนายสุเทพ คือไม่เอาด้วย

โดย – บิ๊กต้น

6 ธันวาคม 2556

http://peopleunitynews.com/web02/2013/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%9F-%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%99/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่