ผมเปนผู้รับเหมาตัวเล็กๆ คนนึง.. ตอนนี้ผมต้องการที่จะกู้เงินเข้ามาเพิ่มวอลุ่มงาน ตอนนี้ก็ยังอยู่ในระดับเริ่มต้น.
งานรับเหมากลุ่มงานระบบไฟฟ้า.. ผมมีความคิดว่าต้องการกู้เงินเข้ามาทำ โดยขายให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีเป้าหมายชัดเจน โอกาศได้งาน 90% ผมมีความมั่นใจในเนื้องานค่อนข้างสูงว่า ถึงอย่างไรก็จะไม่ขาดทุน หรือ โอกาสที่จะขาดทุนน้อยมาก แต่มีบางเรื่องที่ยังเกรงอยู่
1.ผมขายงานระบบไฟฟ้า ในเทรนพลังงานทางเลือกพวก LED,Solar Cell พร้อมติดตั้ง รวมทั้งระบบไฟฟ้าอื่นๆ
2.จดทะเบียน บริษัท เปนผู้รับเหมามา 1 ปี มียอดขายหมุนเวียน
3.สินค้า มีแผนลดต้นทุนโดยการนำเข้า หรือ สั่งผลิต โดยมีคน มีความรู้พร้อมที่จะทำ
4.ขายงานให้กับหน่วยงานราชการ ซึ่งมีสายสัมพันธ์กัน มีลูกค้าชัดเจน โอกาศได้งาน 90% มีเซลล์ที่รู้งานราชการ เปิดบิด TOR พร้อมสะดวก
5.ผู้ออกแบบติดตั้ง และ คุมงานมีประสปการณ์ มีใบประกอบวิชาชีพครบถ้วน มีทีมงานพร้อม
6.มีคนทำงาน มีหุ้นส่วนที่เชื่อใจได้ ไว้ใจได้สูงมาก ..แต่การดำเนินงานก็ใช้ระบบเอกสารชี้แจงบัญชี ไม่เลื่อนลอย
7.เงินทุนกู้จากธนาคาร โดยใช้สินทรัพย์ราคาประเมินสูงกว่าจำนวนเงินที่ต้องการกู้ค้ำประกัน มีแผนธุรกิจ มีงบการเงิน มีผู้ให้คำปรึกษาที่เปนสินเชื่อของธนาคาร
8.ช่องทางการตลาดอื่นๆ นอกไปจากราชการ ขายปลีกอุปกรณ์ โดยทำการโฆษณาและขายผ่านอินเตอร์เนต เวบไซต์ มีคนที่มีประสปการณ์พร้อมที่จะทำ รู้ระบบงานทั้งหมด ตั้งแต่เขียนโปรแกรม ทำโฆษณาผ่านช่องทางหลักๆ ในเสิช และ โซเชียลมีเดีย มีผลงานseo ติดหน้า1 กูเกิล ในคำหลักระดับแข่งขันสูง
..ทั้งหมดทั้งมวล เปนภาพรวมที่พร้อมมาก.. แต่มีเรื่องวิตกอยู่เรื่องนึง คือ ผมเกรงพิษภัยทางการเมือง เพราะมีประสปการณ์ตรงจากปีก่อน รับงานมหาลัยแล้วราชการเลื่อนจ่ายเนื่องจากหยุดต่อเนื่อง ไม่มีคนทำงาน ทำให้งานเดินช้า.. และ งานโซล่าลูฟบางงานยังถูกชะลอเซ็นต์สัญญา.
..ภัยจากการเมือง ยอมรับว่าเปนกังวลพอสมควร ทำให้ธุรกิจใหญ่ๆ สะดุ้ง.. เราเปนแค่โปรเจคสตาร์ทอัพ เปน sme ตัวเล็กๆ ไม่รู้จะทานกระแสได้แค่ไหน แม้ว่าทุกอย่างถูกจำกัดความเสี่ยงไว้ทั้งหมด แต่ปัจจัยทางการเมืองเปนสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ประเมินระยะยาวไม่ได้ และ ไม่รู้ทิศทาง แต่อย่างนึงที่ผมคิด ..ปัญหาทางการเมืองเกิดมากว่า 10 ปี แล้ว..และ ไม่แน่ว่า อีก 10 ปีถัดก็อาจจะเปนแบบนี้ต่อไป แต่ถ้าเรากลัวความเสี่ยงมาก (หรืออาจจะเลือกที่จะไม่เสี่ยงเลยก็ได้) เราก็จะไม่ได้ทำอะไร ..ก็จะเสียโอกาสไปแทบจะค่อนชีวิต.
ผมอยากจะเรียนถาม แลกเปลี่ยนทัศนะกับเพื่อนๆ ในสินธร ..ผมมีแนวโน้มสูงที่จะลงทุนกู้ คิดว่ามันจะยังไง เหมาะสม ไม่เหมาะสม มีทางเลือกอื่นหรือไม่ อย่างไร. หรือ เล่าประสปการณ์ของท่านบนวิกฤต ท่านทำอย่างไร ...แลกเปลี่ยนกันครับ
ขอบพระคุณทุกความคิดให้ที่แบ่งปันให้sme น้อยๆ ได้เริ่มต้นครับ
ขอข้อชี้แนะลงทุนเริ่มต้นงานรับเหมางานในเวลานี้..เข้ามาแลกเปลี่ยนกันครับ
งานรับเหมากลุ่มงานระบบไฟฟ้า.. ผมมีความคิดว่าต้องการกู้เงินเข้ามาทำ โดยขายให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีเป้าหมายชัดเจน โอกาศได้งาน 90% ผมมีความมั่นใจในเนื้องานค่อนข้างสูงว่า ถึงอย่างไรก็จะไม่ขาดทุน หรือ โอกาสที่จะขาดทุนน้อยมาก แต่มีบางเรื่องที่ยังเกรงอยู่
1.ผมขายงานระบบไฟฟ้า ในเทรนพลังงานทางเลือกพวก LED,Solar Cell พร้อมติดตั้ง รวมทั้งระบบไฟฟ้าอื่นๆ
2.จดทะเบียน บริษัท เปนผู้รับเหมามา 1 ปี มียอดขายหมุนเวียน
3.สินค้า มีแผนลดต้นทุนโดยการนำเข้า หรือ สั่งผลิต โดยมีคน มีความรู้พร้อมที่จะทำ
4.ขายงานให้กับหน่วยงานราชการ ซึ่งมีสายสัมพันธ์กัน มีลูกค้าชัดเจน โอกาศได้งาน 90% มีเซลล์ที่รู้งานราชการ เปิดบิด TOR พร้อมสะดวก
5.ผู้ออกแบบติดตั้ง และ คุมงานมีประสปการณ์ มีใบประกอบวิชาชีพครบถ้วน มีทีมงานพร้อม
6.มีคนทำงาน มีหุ้นส่วนที่เชื่อใจได้ ไว้ใจได้สูงมาก ..แต่การดำเนินงานก็ใช้ระบบเอกสารชี้แจงบัญชี ไม่เลื่อนลอย
7.เงินทุนกู้จากธนาคาร โดยใช้สินทรัพย์ราคาประเมินสูงกว่าจำนวนเงินที่ต้องการกู้ค้ำประกัน มีแผนธุรกิจ มีงบการเงิน มีผู้ให้คำปรึกษาที่เปนสินเชื่อของธนาคาร
8.ช่องทางการตลาดอื่นๆ นอกไปจากราชการ ขายปลีกอุปกรณ์ โดยทำการโฆษณาและขายผ่านอินเตอร์เนต เวบไซต์ มีคนที่มีประสปการณ์พร้อมที่จะทำ รู้ระบบงานทั้งหมด ตั้งแต่เขียนโปรแกรม ทำโฆษณาผ่านช่องทางหลักๆ ในเสิช และ โซเชียลมีเดีย มีผลงานseo ติดหน้า1 กูเกิล ในคำหลักระดับแข่งขันสูง
..ทั้งหมดทั้งมวล เปนภาพรวมที่พร้อมมาก.. แต่มีเรื่องวิตกอยู่เรื่องนึง คือ ผมเกรงพิษภัยทางการเมือง เพราะมีประสปการณ์ตรงจากปีก่อน รับงานมหาลัยแล้วราชการเลื่อนจ่ายเนื่องจากหยุดต่อเนื่อง ไม่มีคนทำงาน ทำให้งานเดินช้า.. และ งานโซล่าลูฟบางงานยังถูกชะลอเซ็นต์สัญญา.
..ภัยจากการเมือง ยอมรับว่าเปนกังวลพอสมควร ทำให้ธุรกิจใหญ่ๆ สะดุ้ง.. เราเปนแค่โปรเจคสตาร์ทอัพ เปน sme ตัวเล็กๆ ไม่รู้จะทานกระแสได้แค่ไหน แม้ว่าทุกอย่างถูกจำกัดความเสี่ยงไว้ทั้งหมด แต่ปัจจัยทางการเมืองเปนสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ประเมินระยะยาวไม่ได้ และ ไม่รู้ทิศทาง แต่อย่างนึงที่ผมคิด ..ปัญหาทางการเมืองเกิดมากว่า 10 ปี แล้ว..และ ไม่แน่ว่า อีก 10 ปีถัดก็อาจจะเปนแบบนี้ต่อไป แต่ถ้าเรากลัวความเสี่ยงมาก (หรืออาจจะเลือกที่จะไม่เสี่ยงเลยก็ได้) เราก็จะไม่ได้ทำอะไร ..ก็จะเสียโอกาสไปแทบจะค่อนชีวิต.
ผมอยากจะเรียนถาม แลกเปลี่ยนทัศนะกับเพื่อนๆ ในสินธร ..ผมมีแนวโน้มสูงที่จะลงทุนกู้ คิดว่ามันจะยังไง เหมาะสม ไม่เหมาะสม มีทางเลือกอื่นหรือไม่ อย่างไร. หรือ เล่าประสปการณ์ของท่านบนวิกฤต ท่านทำอย่างไร ...แลกเปลี่ยนกันครับ
ขอบพระคุณทุกความคิดให้ที่แบ่งปันให้sme น้อยๆ ได้เริ่มต้นครับ