เกริ่นก่อนนะค่ะ เรากับสามีแต่งงานกันมาได้ 1 ปีกว่าๆ เราอยู่บ้านพ่อ แม่ ของสามี เพราะใกล้ที่ทำงานมากกว่าบ้านเรา ส่วนสามีทำงานต่างจังหวัดกลับมาเสาร์ อาทิตย์
เงินเดือนของสามีเราไม่เคยแตะเพราะเค้าก็มีหนี้ที่เกิดก่อนแต่งงาน หักไปหักมาก็เหลือแค่ค่ากินของเค้ากะน้ำมันรถเค้าเท่านั้น
ส่วนเรามาอยุ่บ้านพ่อ แม่สามี ค่าใช้จ่ายในบ้านทุกอย่างเราออกเองหมด ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าแก๊สหุงต้ม ค่าของกินของใช้ในครัว (เริ่มเหนื่อยแล้วนะค่ะ)
อาหารการกินเราเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้หมด พ่อแม่สามีดีกับเรามาก เราก็รักท่านเหมือนกัน แต่บางครั้งเราก็คิดน้อยใจสามีนะค่ะ เพราะเค้าอยุ่ต่างจังหวัด
บางครั้งเห็นเค้ากินเหล้า หรือไปเลี้ยงลูกน้องเราก็รู้สึกน้อยใจเหมือนกัน เพราะเราแค่จะแวะกินข้าวก่อนกลับบ้านก็ยังคิดถึงพ่อแม่เค้า
(ในสายตาเรา สามีเราเป็นคนดีนะค่ะ กลับบ้านมาก็ทำอาหารให้ทาน ช่วยงานบ้าน ดูแลเอาใจใส่เราดี ) เรานอกจากจะต้องรับผิดชอบเรื่องพวกนี้แล้ว
ยังมีค่าเสื้อผ้า ค่าซอง ค่าน้ำมันรถเค้าในบางครั้ง ทำให้ตอนนี้เงินเก็บของเราหร่อยหรอลงเรื่อยๆ ล่าสุดเราก็หาเรื่องทะเลาะกับเค้า
ที่จริงเราแค่น้อยใจ เรื่องๆของเรื่องคือเราซื้อกับข้าวนอกบ้านมาทานกันในครอบครัว ซึ่งก็หมดไปหลายบาทอยู่ แต่เพื่อสามีและครอบครัวของสามีเราก็ยอมจ่าย และเป็นอาหารโปรดของพ่อสามี และมีของโปรดของสามีด้วย แต่พอมาถึงบ้านสักพักก็มีคณะเพื่อนๆเค้ามากินด้วย เราก็กินแต่กินแบบไม่อิ่มเป็นพ่อแม่กินน้อยๆ เพราะกลัวอาหารไม่พอเลี้ยงเพื่อนๆเค้า เราก็เลยเงียบก่อน พอตอนเช้าเราตื่นมา ต้องมาเก็บถ้วย ชาม ที่เค้ากับเพื่อนกินไว้เมื่อคืน ขวดเหล้า ขวดโซดา เก็บไปก็ร้องไห้ไป เราน้อยใจ (ที่น้อยใจคือกลัวพ่อแม่กินไม่อิ่ม และทำไมสามีไม่บอกล่วงหน้าว่าเพื่อนเค้าจะมา เราจะได้เตรียมอย่างอื่นไว้ให้ด้วย เห็นพ่อแม่กินข้าวไม่อิ่มเราก็เป็นห่วง)
คิดไปคิดมา เราเหนื่อยนะ เราประหยัดทุกทาง รายได้ของเราก็แค่เงินเดือน แต่ต้องผ่อนรถเราอีก เหลือใช้ก็น้อยนิด ตั้งแต่แต่งงานมาเราไม่เคยซื้อเสื้อผ้าใส่เลย ใส่แต่ตัวเดิมๆ จะกินอะไร ซื้ออะไรก็ต้องคิด ไม่เคยหาความสุขใส่ตัวเองเลย ผิดกับเค้า เดี๋ยวไปนู่น มานี่ มีสังสรรค์เกือบตลอด คิดไปก็พาลอยากเลิกเพราะเรามีชีวิตโสดก็แค่รับผิดชอบปากท้องของตัวเอง กะแม่ จะซื้ออะไรแพงๆก็ได้ไม่ต้องคิดหน้าคิดหลัง
จะกินอะไรเมื่อไหร่ก็ได้ แต่พอแต่งงานภาระในครอบครัวเค้าเราต้องมาแบก แม่ของเราเรายังไม่ค่อยได้ไปเยี่ยม
คิดแล้วก็ร้องไห้ สามีมาเห็นก็ถามว่าเป็นอะไร เราโพล่งออกไปว่า
เราเหนื่อยตั้งแต่แต่งงานมาความสุขของเราลดลง รู้แบบนี้เราให้แม่เราคืนเงินค่าสินสอดให้เค้าดีไม๊ แค่ประโยคนี้แหละ สามีบอกเค้าเลวมากหรอ ตัวถึงไม่อยากอยู่กับเค้า เค้าก็บอกแล้วว่าให้อดทน อีกแค่ 3 ปีหนี้เค้าก็หมด ถ้าคิดแบบนี้นะก็เหมือนเราดูถูกเค้า ว่าเค้าไม่มีปัญญาเลี้ยงพ่อแม่ บราๆๆๆๆๆ
สุดท้ายก็ขอโทษกันและกัน แต่เค้าบอกว่าเค้ารู้ว่าเราพูดไปเพราะอารมณ์แต่บางครั้งให้คิดถึงหัวอกคนฟังด้วย...เฮ้ออออ
แล้วคำพูดประเภทไหนบ้างค่ะที่ถ้าผู้หญิงพูดไปจะไปแทงใจดำฝ่ายชาย
ปล.เราไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังนะค่ะไม่ว่าญาติพี่น้องเรา หรือญาติพี่น้องสามี (เราถือคติไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า)
ปัญญาของเราตอนนี้คือ รายได้ไม่พอกับรายจ่าย เราไม่สามารถหางานพิเศษทำได้เพราะเราเลี้ยงลูกน้อยด้วย ส่วนสามีหยุดแค่วันอาทิตย์ และรายได้เค้าก็มากว่าเรานิดหน่อย (เราไม่เคยถามและไม่เคยยุ่งกับเงินเดือนของเค้าเลยเพราะแค่ฟังรายการหนี้ของเค้า เค้าก็บอกว่าหมดพอดี)
ลูกเราแม่สามีช่วยเลี้ยงค่ะ
ใครอยุ่บ้านพ่อแม่สามีบ้าง แล้วคุณรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างไม๊คะ...และคำพูดแบบนี้จะแทงใจดำสามีคุณขนาดไหนคะ???
เงินเดือนของสามีเราไม่เคยแตะเพราะเค้าก็มีหนี้ที่เกิดก่อนแต่งงาน หักไปหักมาก็เหลือแค่ค่ากินของเค้ากะน้ำมันรถเค้าเท่านั้น
ส่วนเรามาอยุ่บ้านพ่อ แม่สามี ค่าใช้จ่ายในบ้านทุกอย่างเราออกเองหมด ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าแก๊สหุงต้ม ค่าของกินของใช้ในครัว (เริ่มเหนื่อยแล้วนะค่ะ)
อาหารการกินเราเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้หมด พ่อแม่สามีดีกับเรามาก เราก็รักท่านเหมือนกัน แต่บางครั้งเราก็คิดน้อยใจสามีนะค่ะ เพราะเค้าอยุ่ต่างจังหวัด
บางครั้งเห็นเค้ากินเหล้า หรือไปเลี้ยงลูกน้องเราก็รู้สึกน้อยใจเหมือนกัน เพราะเราแค่จะแวะกินข้าวก่อนกลับบ้านก็ยังคิดถึงพ่อแม่เค้า
(ในสายตาเรา สามีเราเป็นคนดีนะค่ะ กลับบ้านมาก็ทำอาหารให้ทาน ช่วยงานบ้าน ดูแลเอาใจใส่เราดี ) เรานอกจากจะต้องรับผิดชอบเรื่องพวกนี้แล้ว
ยังมีค่าเสื้อผ้า ค่าซอง ค่าน้ำมันรถเค้าในบางครั้ง ทำให้ตอนนี้เงินเก็บของเราหร่อยหรอลงเรื่อยๆ ล่าสุดเราก็หาเรื่องทะเลาะกับเค้า
ที่จริงเราแค่น้อยใจ เรื่องๆของเรื่องคือเราซื้อกับข้าวนอกบ้านมาทานกันในครอบครัว ซึ่งก็หมดไปหลายบาทอยู่ แต่เพื่อสามีและครอบครัวของสามีเราก็ยอมจ่าย และเป็นอาหารโปรดของพ่อสามี และมีของโปรดของสามีด้วย แต่พอมาถึงบ้านสักพักก็มีคณะเพื่อนๆเค้ามากินด้วย เราก็กินแต่กินแบบไม่อิ่มเป็นพ่อแม่กินน้อยๆ เพราะกลัวอาหารไม่พอเลี้ยงเพื่อนๆเค้า เราก็เลยเงียบก่อน พอตอนเช้าเราตื่นมา ต้องมาเก็บถ้วย ชาม ที่เค้ากับเพื่อนกินไว้เมื่อคืน ขวดเหล้า ขวดโซดา เก็บไปก็ร้องไห้ไป เราน้อยใจ (ที่น้อยใจคือกลัวพ่อแม่กินไม่อิ่ม และทำไมสามีไม่บอกล่วงหน้าว่าเพื่อนเค้าจะมา เราจะได้เตรียมอย่างอื่นไว้ให้ด้วย เห็นพ่อแม่กินข้าวไม่อิ่มเราก็เป็นห่วง)
คิดไปคิดมา เราเหนื่อยนะ เราประหยัดทุกทาง รายได้ของเราก็แค่เงินเดือน แต่ต้องผ่อนรถเราอีก เหลือใช้ก็น้อยนิด ตั้งแต่แต่งงานมาเราไม่เคยซื้อเสื้อผ้าใส่เลย ใส่แต่ตัวเดิมๆ จะกินอะไร ซื้ออะไรก็ต้องคิด ไม่เคยหาความสุขใส่ตัวเองเลย ผิดกับเค้า เดี๋ยวไปนู่น มานี่ มีสังสรรค์เกือบตลอด คิดไปก็พาลอยากเลิกเพราะเรามีชีวิตโสดก็แค่รับผิดชอบปากท้องของตัวเอง กะแม่ จะซื้ออะไรแพงๆก็ได้ไม่ต้องคิดหน้าคิดหลัง
จะกินอะไรเมื่อไหร่ก็ได้ แต่พอแต่งงานภาระในครอบครัวเค้าเราต้องมาแบก แม่ของเราเรายังไม่ค่อยได้ไปเยี่ยม
คิดแล้วก็ร้องไห้ สามีมาเห็นก็ถามว่าเป็นอะไร เราโพล่งออกไปว่า เราเหนื่อยตั้งแต่แต่งงานมาความสุขของเราลดลง รู้แบบนี้เราให้แม่เราคืนเงินค่าสินสอดให้เค้าดีไม๊ แค่ประโยคนี้แหละ สามีบอกเค้าเลวมากหรอ ตัวถึงไม่อยากอยู่กับเค้า เค้าก็บอกแล้วว่าให้อดทน อีกแค่ 3 ปีหนี้เค้าก็หมด ถ้าคิดแบบนี้นะก็เหมือนเราดูถูกเค้า ว่าเค้าไม่มีปัญญาเลี้ยงพ่อแม่ บราๆๆๆๆๆ
สุดท้ายก็ขอโทษกันและกัน แต่เค้าบอกว่าเค้ารู้ว่าเราพูดไปเพราะอารมณ์แต่บางครั้งให้คิดถึงหัวอกคนฟังด้วย...เฮ้ออออ
แล้วคำพูดประเภทไหนบ้างค่ะที่ถ้าผู้หญิงพูดไปจะไปแทงใจดำฝ่ายชาย
ปล.เราไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังนะค่ะไม่ว่าญาติพี่น้องเรา หรือญาติพี่น้องสามี (เราถือคติไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า)
ปัญญาของเราตอนนี้คือ รายได้ไม่พอกับรายจ่าย เราไม่สามารถหางานพิเศษทำได้เพราะเราเลี้ยงลูกน้อยด้วย ส่วนสามีหยุดแค่วันอาทิตย์ และรายได้เค้าก็มากว่าเรานิดหน่อย (เราไม่เคยถามและไม่เคยยุ่งกับเงินเดือนของเค้าเลยเพราะแค่ฟังรายการหนี้ของเค้า เค้าก็บอกว่าหมดพอดี)
ลูกเราแม่สามีช่วยเลี้ยงค่ะ