สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
เคยมีประสบการณ์คล้ายๆกับคุณ...
ความคิดเห็นส่วนตัว
- ในเมื่อพวกเขามองเราเป็นธาตุอากาศ เราก็มองเขาเป็นธาตุอากาศเช่นกัน..อย่าสนใจ อยู่ด้วยตัวเองให้ได้ ใครดีมาก็ดีตอบ ใครพูดกับเรา เราก็พูดด้วย ใครร้ายมาก็ร้ายตอบ
- ตอนเรียนไม่มีใครมานั่งด้วย...ดีซะอีก ไม่มีใครมารบกวนสมาธิ..ใครอยากเป็นเพื่อนก็เข้ามา ใครไม่อยากก็ไม่เห็นต้องง้อ
- จุดมุ่งหมายของคุณคือมาเรียนภาษา ฉะนั้นให้ตั้งใจเรียน ขยัน ทำให้ดีที่สุด มีปัญหาอะไรในห้องเรียนให้ถามคุณครู อย่าถามพวกเขา เพราะพวกเขาก็เป็นนักเรียนเหมือนกันกับคุณ คงไม่รู้ไปมากกว่าคุณหรอก
- หาเพื่อนคน US แล้วภาษาคุณจะพัฒนาขึ้น
- ถ้าว่างมากๆ ก็อ่านหนังสือ ท่องศัพท์ หัดเขียน หัดอ่าน หัดฟัง
- การไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ถ้าคุณรู้สึกแย่ก็ไม่ต้องไปกับพวกเขา..ถ้าทางห้องเรียนจัด ก็ควรไป แต่ไม่ต้องคาดหวังอะไรว่าใครต้องมาเดินด้วย คุยด้วย...คราวหน้าให้เอากล้องไปด้วยถ่ายรูปสวยๆมาแชร์ให้เพื่อนๆ ดูบ้างก็ดี หรือโพสต์ในบล๊อคของตัวเองแล้วเขียนบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ
- เพื่อนไม่ดี ไม่มีเสียดีกว่า...เพื่อนดีๆมีแค่1-2คนก็พอ...เพื่อนต้องคลิกกันถึงจะไปด้วยกันได้ดี
เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้สู้
ความคิดเห็นส่วนตัว
- ในเมื่อพวกเขามองเราเป็นธาตุอากาศ เราก็มองเขาเป็นธาตุอากาศเช่นกัน..อย่าสนใจ อยู่ด้วยตัวเองให้ได้ ใครดีมาก็ดีตอบ ใครพูดกับเรา เราก็พูดด้วย ใครร้ายมาก็ร้ายตอบ
- ตอนเรียนไม่มีใครมานั่งด้วย...ดีซะอีก ไม่มีใครมารบกวนสมาธิ..ใครอยากเป็นเพื่อนก็เข้ามา ใครไม่อยากก็ไม่เห็นต้องง้อ
- จุดมุ่งหมายของคุณคือมาเรียนภาษา ฉะนั้นให้ตั้งใจเรียน ขยัน ทำให้ดีที่สุด มีปัญหาอะไรในห้องเรียนให้ถามคุณครู อย่าถามพวกเขา เพราะพวกเขาก็เป็นนักเรียนเหมือนกันกับคุณ คงไม่รู้ไปมากกว่าคุณหรอก
- หาเพื่อนคน US แล้วภาษาคุณจะพัฒนาขึ้น
- ถ้าว่างมากๆ ก็อ่านหนังสือ ท่องศัพท์ หัดเขียน หัดอ่าน หัดฟัง
- การไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ถ้าคุณรู้สึกแย่ก็ไม่ต้องไปกับพวกเขา..ถ้าทางห้องเรียนจัด ก็ควรไป แต่ไม่ต้องคาดหวังอะไรว่าใครต้องมาเดินด้วย คุยด้วย...คราวหน้าให้เอากล้องไปด้วยถ่ายรูปสวยๆมาแชร์ให้เพื่อนๆ ดูบ้างก็ดี หรือโพสต์ในบล๊อคของตัวเองแล้วเขียนบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ
- เพื่อนไม่ดี ไม่มีเสียดีกว่า...เพื่อนดีๆมีแค่1-2คนก็พอ...เพื่อนต้องคลิกกันถึงจะไปด้วยกันได้ดี
เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้สู้
ความคิดเห็นที่ 38
ผมเคยประสบปัญหาแบบเดียวกับคุณ *เป๊ะๆ* เมื่อสมัยผมไปเรียนโทที่ DC ครับ ขอแชร์นิดๆหน่อยๆนะ
ผมไปเมกาครั้งแรกก็คือไปเรียนภาษา (ก่อนจะมาหามหาลัยเรียนเองหลังจากนั้น) ภาษาผมไม่ได้ดีอะไร ฟัง ตม ที่สนามบินพูดยังไม่ออกเลย แต่พอสอบวัดระดับดันทำ reading กับ grammar ได้ดี ก็ได้เข้าไปอยู่ในคลาสสูงสุดของชั้น ตอนนั้นผมเป็นคนไทยคนเดียวในคลาส นิสัยผมออกเงียบๆ เพื่อนในคลาสแต่ละคนจะมีอย่างน้อยชาติละ 2 คน แต่ผมทำใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะต้องเจอปัญหานี้ ผมก็อาศัยเปลี่ยนตัวเอง เพิ่มความกล้าในการพูด แสดงออกมากขึ้น เค้าไปไหนเราก็ไปด้วย พยายามหาเพื่อน(ที่มีความรู้ด้านภาษา)ในระดับเดียวกันไว้ เหมือนเป็นบัดดี้ จะได้ฝึกพูดไปในตัว
ตอนเข้าโทนี่โหดกว่าเยอะครับ ผมเป็นคนไทยคนเดียวในภาค ในรุ่นนั้น คลาสแรก อจ ให้จับกลุ่มกันเอง 3 คน ทำโปรเจค ผมไม่มีใครจับด้วย กันก็จับกับกัน หัวทอง จีน เกาหลี ญี่ปุ่นก็จับพวกเดียวกันเอง พอส่งรายชื่อ ผมเขียนใส่กระดาษส่ง อจ ว่าจะขอทำคนเดียว พรีเซ้นท์วันแรกที่ อจ ให้ทำเลย (วันท้ายๆ เกือบทุกกลุ่มจองเต็มหมดแล้ว) พอ อจ เห็น เค้ายังประกาศกลางห้องเลยว่านายคนนี้นั่นอยู่ไหน โอเคเหรอที่จะทำคนเดียว ยูชัวร์นะ ผมตอบไปว่าชัวร์ ไอไม่รู้จักใครในห้อง นี่เป็นคลาสแรกของไอ ไอทำคนเดียวก่อนละกัน
วันพรีเซ้นท์ ประหม่านิดหน่อยเพราะเป็นครั้งแรกที่พรีเซ้นท์ต่อหน้าฝรั่งเกือบ 60 คน แต่ผมทำได้ดี พอพูดจบ คำถามลอยมาเพียบเลย เกือบทุกคนสนใจในโปรเจคผม อจ ยังบอกเลยว่ายูทำได้ดีมาก เมื่อเทียบกับเวลาและทำคนเดียว ผมงี้โล่งเลย ความกดดันเลยไปอยู่ที่ไอ้พวกกรุ๊ปหลังๆแทนล่ะ (แหงล่ะ เวลามากกว่า จำนวนคนมากกว่า มันต้องทำให้ได้ดีกว่า)
หลังจากคอสนั้น สิ่งที่ผมภูมิใจก็คือ มีเพื่อนกันหลายคนจำผมได้ ทุกคอสหลังจากนั้นเวลาทำโปรเจค จะมีเพื่อนเดินมาถามผมว่า ยูมีกลุ่มหรือยัง ขอไอเข้ากลุ่มยูด้วยได้ไหม
ผมจะบอกว่า ไปเรียนเมกา เราจะทำให้เค้ายอมรับเรา เราต้องหาโอกาสแสดงศักยภาพออกมาครับ พอคนอื่นรู้ว่าเรามีดี เค้าจะเข้ามาหาเราเองครับ สำคัญคือต้องกล้าเข้าไว้ สู้ๆครับ
ผมไปเมกาครั้งแรกก็คือไปเรียนภาษา (ก่อนจะมาหามหาลัยเรียนเองหลังจากนั้น) ภาษาผมไม่ได้ดีอะไร ฟัง ตม ที่สนามบินพูดยังไม่ออกเลย แต่พอสอบวัดระดับดันทำ reading กับ grammar ได้ดี ก็ได้เข้าไปอยู่ในคลาสสูงสุดของชั้น ตอนนั้นผมเป็นคนไทยคนเดียวในคลาส นิสัยผมออกเงียบๆ เพื่อนในคลาสแต่ละคนจะมีอย่างน้อยชาติละ 2 คน แต่ผมทำใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะต้องเจอปัญหานี้ ผมก็อาศัยเปลี่ยนตัวเอง เพิ่มความกล้าในการพูด แสดงออกมากขึ้น เค้าไปไหนเราก็ไปด้วย พยายามหาเพื่อน(ที่มีความรู้ด้านภาษา)ในระดับเดียวกันไว้ เหมือนเป็นบัดดี้ จะได้ฝึกพูดไปในตัว
ตอนเข้าโทนี่โหดกว่าเยอะครับ ผมเป็นคนไทยคนเดียวในภาค ในรุ่นนั้น คลาสแรก อจ ให้จับกลุ่มกันเอง 3 คน ทำโปรเจค ผมไม่มีใครจับด้วย กันก็จับกับกัน หัวทอง จีน เกาหลี ญี่ปุ่นก็จับพวกเดียวกันเอง พอส่งรายชื่อ ผมเขียนใส่กระดาษส่ง อจ ว่าจะขอทำคนเดียว พรีเซ้นท์วันแรกที่ อจ ให้ทำเลย (วันท้ายๆ เกือบทุกกลุ่มจองเต็มหมดแล้ว) พอ อจ เห็น เค้ายังประกาศกลางห้องเลยว่านายคนนี้นั่นอยู่ไหน โอเคเหรอที่จะทำคนเดียว ยูชัวร์นะ ผมตอบไปว่าชัวร์ ไอไม่รู้จักใครในห้อง นี่เป็นคลาสแรกของไอ ไอทำคนเดียวก่อนละกัน
วันพรีเซ้นท์ ประหม่านิดหน่อยเพราะเป็นครั้งแรกที่พรีเซ้นท์ต่อหน้าฝรั่งเกือบ 60 คน แต่ผมทำได้ดี พอพูดจบ คำถามลอยมาเพียบเลย เกือบทุกคนสนใจในโปรเจคผม อจ ยังบอกเลยว่ายูทำได้ดีมาก เมื่อเทียบกับเวลาและทำคนเดียว ผมงี้โล่งเลย ความกดดันเลยไปอยู่ที่ไอ้พวกกรุ๊ปหลังๆแทนล่ะ (แหงล่ะ เวลามากกว่า จำนวนคนมากกว่า มันต้องทำให้ได้ดีกว่า)
หลังจากคอสนั้น สิ่งที่ผมภูมิใจก็คือ มีเพื่อนกันหลายคนจำผมได้ ทุกคอสหลังจากนั้นเวลาทำโปรเจค จะมีเพื่อนเดินมาถามผมว่า ยูมีกลุ่มหรือยัง ขอไอเข้ากลุ่มยูด้วยได้ไหม

ผมจะบอกว่า ไปเรียนเมกา เราจะทำให้เค้ายอมรับเรา เราต้องหาโอกาสแสดงศักยภาพออกมาครับ พอคนอื่นรู้ว่าเรามีดี เค้าจะเข้ามาหาเราเองครับ สำคัญคือต้องกล้าเข้าไว้ สู้ๆครับ
ความคิดเห็นที่ 69
อ่านแล้วน้ำตาจะไหล ได้อารมณ์เหมือนเพื่อนมานั่งปรับทุกข์
จขกท.รักษาจุดยืนของคุณไว้ดีๆนะ ถ้าตอนอยู่ไทยคุณปกติดีอยู่แล้ว ไม่ว่าคุณจะเป็นยังไงอยู่ จงเป็นแบบนั้นต่อไป
ไม่จำเป็นต้องไปปรับจุดยืนอะไรเพื่อให้เค้ามาสนใจคุณหรอก
ถ้าคนเค้าไม่คิดจะสนใจ ที่คุณปรับๆไปมันก็ไม่มีค่า แล้วกว่าจะรู้ตัวอาจเสียจุดที่เคยยืนไปแล้ว
(แต่พฤติกรรมทั่วไปนี่ปรับๆไปเหอะ ไม่ได้อยู่บ้านเราแล้ว เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ประมาณนั้น)
จขกท.ลองนึกภาพตัวเองตอนกลับไทยแล้วพูดภาษาอังกฤษไฟแลบดูสิ จุดหมายคุณไม่ใช่อ่อ
ไปอยู่ต่างที่ใครๆก็เหงา ถ้าได้เพื่อนชวนเที่ยวชวนคุยอะไรๆมันก็สนุก ได้เปิดโลกใหม่ๆ แก้เหงาด้วย แถมฝึกภาษาอีก
แต่คุณก็เห็นแล้วนิว่าเค้าอาจไม่ได้คิดแบบนั้นกับคุณ
เวลาโดนปฏิเสธมิตรภาพใครๆก็รู้สึกแย่ เจ็บจี้ดดด หน้าชา เค้าแคร์คุณป่าวอ่ะ แล้วคุณไปแคร์เค้าทำไม
ถ้าไม่แคร์ไม่สนใจเดี๋ยวสักวันก็คงชินเอง ทนๆเจ็บหน่อยเดี๋ยวมันก็ชา คงไม่รู้สึกอะไรแล้ว
แต่ยังแคร์ยังสนใจสักวันมันชินขึ้นมาทำไง เซ็งตายเลย เอาชีวิตตัวเองไปผูกกับคนอื่น จะทำอะไรก็ต้องมานั่งคิด ทำแบบนี้จะดีมั๊ยน้า เค้าจะโกรธมั๊ยน้า เค้าจะสนใจเรามั๊ยน้า ฯลฯ ...
ตั้งสติดีๆ
ใช้ชีวิตไปตามปกติ ตัดสินใจตามที่ควรจะเป็น เป็นในแบบที่คุณเป็น ชัดเจนในตัวเอง
จดจ่อกับสิ่งที่ตัวเองทำไว้ ลืมไปซะคนอื่น ไม่ต้องสนใจว่าเค้าจะคุยกับเราไหม สนใจว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ทำเพื่ออะไร แล้วจะเกิดอะไรตามมา
ถ้าคิดมากแล้วมันเครียดก็ไม่ต้องคิดตรงจุดที่มันเครียด ข้ามไปเลย ลืมๆไป
มันอาจยากนะที่จะบังคับตัวเองให้อยู่ได้ เพราะตอนนี้เหมือนคุณจะล้มลงไปแล้ว แต่ถ้าทำได้นี่ก็เก่งอ่ะ แก้ปัญหาแบบหล่อๆ
แล้วถ้าอยู่ได้แบบมีความสุข จะมีเพื่อนหรือไม่มีก็ช่างมัน กลับไทยมานี่คุณมีเรื่องเล่าสนุกๆเพียบเลยนะ เชื่อป่ะหละ
เปิดประตูตัวเองหัวใจทิ้งไว้ ใครอยากเข้าก็เข้า ใครไม่อยากเข้าก็ไม่เป็นไร ไทยแลนด์แดนสไมล์ ยิ้มเข้าไว้

จขกท.รักษาจุดยืนของคุณไว้ดีๆนะ ถ้าตอนอยู่ไทยคุณปกติดีอยู่แล้ว ไม่ว่าคุณจะเป็นยังไงอยู่ จงเป็นแบบนั้นต่อไป
ไม่จำเป็นต้องไปปรับจุดยืนอะไรเพื่อให้เค้ามาสนใจคุณหรอก
ถ้าคนเค้าไม่คิดจะสนใจ ที่คุณปรับๆไปมันก็ไม่มีค่า แล้วกว่าจะรู้ตัวอาจเสียจุดที่เคยยืนไปแล้ว
(แต่พฤติกรรมทั่วไปนี่ปรับๆไปเหอะ ไม่ได้อยู่บ้านเราแล้ว เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ประมาณนั้น)
จขกท.ลองนึกภาพตัวเองตอนกลับไทยแล้วพูดภาษาอังกฤษไฟแลบดูสิ จุดหมายคุณไม่ใช่อ่อ
ไปอยู่ต่างที่ใครๆก็เหงา ถ้าได้เพื่อนชวนเที่ยวชวนคุยอะไรๆมันก็สนุก ได้เปิดโลกใหม่ๆ แก้เหงาด้วย แถมฝึกภาษาอีก
แต่คุณก็เห็นแล้วนิว่าเค้าอาจไม่ได้คิดแบบนั้นกับคุณ
เวลาโดนปฏิเสธมิตรภาพใครๆก็รู้สึกแย่ เจ็บจี้ดดด หน้าชา เค้าแคร์คุณป่าวอ่ะ แล้วคุณไปแคร์เค้าทำไม
ถ้าไม่แคร์ไม่สนใจเดี๋ยวสักวันก็คงชินเอง ทนๆเจ็บหน่อยเดี๋ยวมันก็ชา คงไม่รู้สึกอะไรแล้ว
แต่ยังแคร์ยังสนใจสักวันมันชินขึ้นมาทำไง เซ็งตายเลย เอาชีวิตตัวเองไปผูกกับคนอื่น จะทำอะไรก็ต้องมานั่งคิด ทำแบบนี้จะดีมั๊ยน้า เค้าจะโกรธมั๊ยน้า เค้าจะสนใจเรามั๊ยน้า ฯลฯ ...
ตั้งสติดีๆ
ใช้ชีวิตไปตามปกติ ตัดสินใจตามที่ควรจะเป็น เป็นในแบบที่คุณเป็น ชัดเจนในตัวเอง
จดจ่อกับสิ่งที่ตัวเองทำไว้ ลืมไปซะคนอื่น ไม่ต้องสนใจว่าเค้าจะคุยกับเราไหม สนใจว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ทำเพื่ออะไร แล้วจะเกิดอะไรตามมา
ถ้าคิดมากแล้วมันเครียดก็ไม่ต้องคิดตรงจุดที่มันเครียด ข้ามไปเลย ลืมๆไป
มันอาจยากนะที่จะบังคับตัวเองให้อยู่ได้ เพราะตอนนี้เหมือนคุณจะล้มลงไปแล้ว แต่ถ้าทำได้นี่ก็เก่งอ่ะ แก้ปัญหาแบบหล่อๆ
แล้วถ้าอยู่ได้แบบมีความสุข จะมีเพื่อนหรือไม่มีก็ช่างมัน กลับไทยมานี่คุณมีเรื่องเล่าสนุกๆเพียบเลยนะ เชื่อป่ะหละ
เปิดประตูตัวเองหัวใจทิ้งไว้ ใครอยากเข้าก็เข้า ใครไม่อยากเข้าก็ไม่เป็นไร ไทยแลนด์แดนสไมล์ ยิ้มเข้าไว้
แสดงความคิดเห็น
เรียนอยู่ US ท้อแล้วครับ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยนะครับ ผมเป็นคนที่อ่อนเรื่อง Listening มากครับ แต่การพูดพอมีพื้นมาบ้างครับ
จากที่เรียนภาษาที่ AUA ที่เมืองไทยมาก่อนครับ(เรียนล่าสุดตอนปี 2554 ครับ) แกรมม่าพอไปได้
พื้นเพเดิมผมเป็นคนไทยหนึ่งคนที่มีเพื่อนเยอะครับ ไปไหนมาไหนจะมีเพื่อนตลอด เที่ยว กินข้าว ต่างๆนาๆ
จนผมมาเรียนที่ US ผมไปเรียนวันแรก โรงเรียนพูดภาษาอังกฤษมาเต็มที่(ประหนึ่งว่าเรามีพื้นฐานมาแล้ว)
พูดทั้งวันครับ ฟังออกบ้าง ฟังไม่ออกบ้าง ถึงกับมึนครับ วันแรก คนที่มาพร้อมกันวันแรก เริ่มจับกลุ่มกัน
เพราะมาจากประเทศเดียวกัน จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ส่วนผม ไม่มีครับ ไม่มีคนไทยในนั้น ก็พยายามเข้าไปสุงสิงพูดคุย
กับกลุ่มพวกนั้น แต่พวกเค้าก็คุยกันเองครับ
จนมาถึงวันต่อมา มีการแยก Level ผมได้ Level ขั้น Begin แต่ไม่ถึงกับระดับ Basic นะครับ ก็เข้ามาในห้อง
ทั้งห้องเป็นนักเรียนมาจาก ซาอุดิ 11 คน มาจาก จีน 1 คน เกาหลี 1 คน และผมไทย 1 คนครับ
ผมไปนั่งก่อนใครเลยครับ ทุกคนไปนั่งฝั่งตรงข้ามผม กับโซนด้านข้าง ส่วนผมนั่งอีกฝั่ง ที่มีเกาอี้ 3 ตัว ผมนั่ง 1 ตัว
พอคนครบ ปรากฎว่า ว่างครับ ซ้ายและขวา ไม่มีใครนั่งด้วยครับ ตอนนั้นบอกเลยครับ ว่าเคว้งมาก ไม่เคยรู้สึกแย่ขนาดนี้
เหมือนไม่มีเพื่อนคบ ตอนเที่ยง ผมก็ตามเพื่อนคนจีนและเกาหลีไปกินข้าวด้วย พวกเค้าก็คุยกันเอง ผมก็คุยด้วย เค้าก็ตอบคำ
แล้วก็คุยกันเองต่อ ผมนั่งซึ่มครับ ชวนคุยก็เหมือนไม่มีใครอยากคุยด้วย
ผมอยู่บ้านพักกับครอบครัวฝรั่งครับ มีโฮมเมท 2 คน เป็นคนไต้หวัน 1 คน คนญี่ปุ่น 1 คนครับ แรกๆเราก็คุยกันได้อยู่ครับ อุ่นใจมากครับ
ช่วงหลังปรับ Level เด็กไต้หวันและญี่ปุ่น ได้ Level เดียวกัน เรียนห้องเดียวกัน และเรียนเวลาเดียวกัน แต่ผมคนละเวลากับพวกเค้า
ทำให้ไปเรียนไม่พร้อมกัน พวกเค้าเหมือนอยู่ด้วยกันไปเลยครับ คุยกันเฉพาะ 2 คน ผมเข้าไปคุยด้วย ก็ถามคำตอบคำ ผมได้แต่ถาม
เพื่อฝึกภาษา แต่ไม่มีใครอยากคุย อยากถามผมบ้างเลยครับ บางที ถามฝ่ายเดียว มันก็รู้สึกครับ เค้าไม่อยากคุยกับเราหรอ?
ผมลองมานั่งสังเกตตัวเอง ทำไมไม่มีใครอยากคุยกับผม หรือเพราะผมคุยเร็ว ใช่ครับ ผมเป็นคนพูดเร็ว ติดมาจากสมัยเรียน AUA ครับ
เลยทำให้เค้าฟังไม่รู้เรื่องรึเปล่า ผมจึงปรับเรื่องการพูดให้ช้าลง พยายามให้ได้ยินเป็นคำพูด เพื่อที่เพื่อนจะได้เข้าใจคำถาม เพราะ
เวลาผมถาม ไม่เคยมีใครได้ยินทีเดียวแล้วตอบครับ ต้องมีพูดซ้ำรอบสองทุกครั้งครับ
ตอนนี้ 3 อาทิตย์แล้ว กำลังเข้าอาทิตย์ที่ 4 สถานการณ์ตอนนี้ครับ เด็กไต้หวันไม่คุยกับผมเลย มีเด็กญี่ปุ่นที่ยังคุยกับผม ยังมีถามผมบ้าง
ในคลาสเรียน ก็มีคนนั่งข้างครับ แต่บางคนที่จองเก้าอี้ เมื่อเข้ามาเห็นผมนั่งข้าง จะยกกระเป๋าย้าย(เสียความรู้สึกมาก) วันนี้ผมไปเที่ยว
กับเพื่อนๆของ โฮมเมทมาครับ ไปกัน 7 คนรวมผมด้วย พวกเค้าคุยกันเอง 6 คนครับ ผมเหมือนถูกแปะไปด้วยเฉยๆเลยครับ ชวนคุย
ทุกคนก็ตอบผมนะครับ แต่ก็เหมือนเดิมครับ ขนาดเดินๆด้วยกัน ยังไม่มีใครเดินข้างผมเลยครับ
มานึกถึงตอนนี้ ผมก็ไม่เคยทำร้ายใคร ไม่เคยแกล้ง ไม่เคยทำความเดือดร้อนใคร ไม่เคยยืมเงิน ไม่เคยนินทาใคร
ทำไมถึงไม่มีใครอยากคุยกับผมเลยครับ บางทีตอนนี้ เหมือนอยู่คนเดียว ก็เครียดเหมือนกันครับ
เพราะเหมือนไม่มีใครคบ(ความรู้สึกนี้ไม่เคยมีครับ รู้สึกแย่กับตัวเองจริงๆครับ)
ผมท้อมากครับตอนนี้ เรียนภาษาในห้องพอไหวครับ ปรับตัวต่างๆเริ่มลงตัว แต่เรื่องไม่มีเพื่อน ผมอึดอัดจริงๆครับ
ผมพยายามถามที่โรงเรียนครับว่ามีนักเรียนไทยไหม? โรงเรียนบอกไม่มีครับ ผมเป็นคนไทยคนเดียวในโรงเรียนครับ