-- พอดีน้องที่บริษัทแต่งงานครับ ที่ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ เพื่อนๆพี่ๆที่บริษัทไปกันหลายคน แต่ส่วนมากจะบินไป .. ครั้นจะบินไป มันก็ไม่ใช่แนวเราแฮะ … อย่ากระนั้นเลย ขับรถไปนั่นแหละ … ชวนแล้วไม่มีใครไปด้วย .. ก็เที่ยวคนเดียวแหละ กลัวอะไร จริงไหมครับ ???
13 มีนาคม 2557 ล้อหมุนจากปราจีนบุรี
-- สองจิต สองใจ ว่าจะกลับไปนอน กทม.ดีไหม? แล้วออกแต่เช้ามืด แต่คิดไปคิดมา ขี้เกียจขับรถเข้า กทม.แฮะ ยิงยาวจากปราจีนบุรีนี่แหละ ง่ายดี!!
-- ผมออกจาก บ้านพัก แถวนิคม 304 ราวๆ 5 ทุ่มครึ่งของวันพุธที่ 12 นะครับ แต่กว่าจะแวะหากาแฟ หาชาเขียว ติดรถไว้ ได้ออกจริงๆก็เที่ยงคืนพอดีแหละ ผมเข้าตัวเมืองปราจีน แล้วเลี้ยวเข้า จ.นครนายก ตามถนนหมายเลข 33 ครับ วิ่งยาวๆจนไปออกพหลโยธิน (หมายเลข 1) แถวๆหนองแค ล่ะครับ ซึ่งตรงนี้ ถ้าจะไปเหนือ ก็วิ่งได้ 2 ทางคือ
1. เข้าถนนหมายเลข 329 ไปตัดออกสายเอเซีย 32
2. วิ่งย้อนกลับเข้า เข้าสายเอเซีย 32
-- พอดีผมวิ่งกลางคืน และไม่ชัวร์เส้น 329 ว่า สภาพถนนเป็นอย่างไร เลยย้อมอ้อมเกือบๆ 30 กม. ไปเข้าสายเอเซียตั้งแต่ต้นทางล่ะครับ
ขับมาเรื่อยๆ 100 – 110 กม./ช.ม. ผลจากกาแฟ และ ชาเขียว ทำให้ได้แวะปั๊มแทบทุกชั่วโมงล่ะครับ เข้าจนรำคาญตัวเองเลย จนออกบายพาสนครวรรค์มาได้หน่อย เริ่มรู้ตัวว่า ไม่ไหวละ เลยมองหาปั๊มเล็กๆจอดนอนล่ะครับ ตอนนั้นราวๆ ตี 4 ครึ่งครับ จอดรถดับเครื่อง ลดกระจกลงหน่อย ล็อครถ แล้วก็นอนครับ นอนได้สักเกือบๆชั่วโมงก็ตื่น แล้วก็ยิงยาวเข้าเชียงใหม่ครับ
-- ผมเติมน้ำมันเต็มถังมาจาก นิคม 304 ครับ ทีแรก ว่าจะเติมแถวๆตาก แต่หาปั๊มที่ถูกใจไม่ได้ … งั้นไปเติมลำปางเลยแล้วกัน พอใกล้ถึงลำปาง น้ำมันเหลือ 2 จุด ไฟโชว์ขึ้น …. หุหุ เหงื่อตกเลย พอดีเป็นพวกไม่เคยปล่อยน้ำมันเหลือต่ำกว่า 3 จุด ไม่เคยให้ไฟโชว์น่ะครับ เจอปั๊มแรกเป็น Shell เลยจำใจกด V-Power 95 E10 มาเต็มถังล่ะครับ (ไม่นิยม E20 หรือ 91 E10 อยู่แล้ว) โดนไปเบาะๆ 2,200 บาท แต่นั่นกลับเป็นโชคดีของผมแฮะ …..
-- เข้าเขตเชียงใหม่ราวๆ 10 โมงเช้าครับ จุดแรกที่อยากจะไปคือ อุทยานราชพฤกษ์ ครับ บนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ (เบอร์ 11) มีป้ายบอกเรียบร้อย เลี้ยวตามป้ายได้เลยครับ หลังจากนั้นป้ายก็หายไป !!!! วิ่งเลาะคลองชลประทานไป ด้วยความมั่นใจ แหมมมม… เรามาที่นี่รอบนี้รอบ 4 ละ รับรองชัวร์ !!! ว่าแล้วก็เลี้ยวเลย แล้วก็ …. เอิ่มมมม ทำไมตรู มาวิ่งใน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ฟะเนี่ย !!!! สุดท้ายก็ต้องจำใจ ใช้ GPS นี่แหละ แหะแหะ
-- อากาศที่เชียงใหม่ ค่อนข้างขมุกขมัว นะครับ ผลจากช่วงนี้เป็นช่วงหน้าร้อน แล้วก็ ควันไฟจากการเผาป่าด้วยครับ ที่อุทยานราชพฤกษ์แห่งนี้ เสียค่าบัตรเข้า 50 บาทครับ แนะนำว่า ใครจะมาเที่ยว ให้มาบ่ายถึงเย็น ไม่ก็ช่วงเช้าไปเลยดีกว่าครับ มาช่วงใกล้เที่ยงแบบผมนี่ ต้องมั่นใจว่า สู้แดด พอนะครับ
-- ณ วันนี้ แม้อุทยานราชพฤกษ์ จะไม่สวยเท่าสมัยที่มีการจัดงานพืชสวนโลก แต่ก็มีข้อดีคือ มีมุมสวยให้ถ่ายรูปได้สบายๆ ไม่ต้องแย่งกับใคร ไม่มีผู้ไม่ได้รับเชิญเข้ามาในเฟรมรูปครับ เดินอยู่เกือบๆ 2 ช.ม. ก็เริ่มไม่ไหว ขอบายดีกว่า ข้าวเช้าก็ไม่ได้กินเหมือนจะเป็นลมเลยแฮะ
-- แวะเติมพลังร้านแถวนั้นสักหน่อย แล้วเดินทางต่อครับ จุดหมายของเราก็คือ สถานที่จัดงานแต่งงาน บ้านป๊อก อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ ครับ … ซึ่งไปได้ 2 ทางคือ
1. วิ่งเส้นแม่ริม 106
2. วิ่งเส้นหางดง – แม่ริม 1269
-- หาข้อมูลมา รวมถึง หลายๆคน ขู่ผมจังว่า เส้น 1269 มันโหดมาก อืมมม งั้นออกแม่ริมก็ได้ฟะ งานนี้ใช้ GPS เหมือนเดิมแหละ แล้วท่านเพ่ ก็พาผมมุดไปมุดมาในเมืองเชียงใหม่ซะรอบนึง เล่นเอางง แต่ก็ดีครับ เร็วดี จากแม่ริม เจ้าของงานเขียนแผนที่ให้ผมบอกว่า ให้มาเส้นที่ 2 อืมมม ตามนั้นเลยยย
-- ผลก็คือ เจอทางลูกรัง เจอทางขรุขระ หลุมลึก ชนิดว่า ถ้าผมขับรถเก๋งมา ผมคงเลี้ยวลง แล้วโทร.บอกเจ้าของงานว่า เดี๋ยวค่อยกลับไปเอาซองที่ปราจีนแล้วกันนะ ทางโหดร้ายมากครับ กว่าจะถึง บ้านป๊อก เล่นซะบ่ายสาม น่ะครับ วิ่งกัน 2 ช.ม.เต็มล่ะครับ จอดรถปุ๊บ พวกลูกน้องที่มาก่อน วิ่งมารับแล้วถามว่า “เป็นไงเพ่ ทางโหดดีไหม พวกผม รถตู้ไม่ยอมขึ้นเลย ต้องให้คนลงมารับ” อืมมมม
-- ยังครับ ยังไม่จบ จาก บ้านป๊อก ไป น้ำพุร้อน โป่งกวาว ไปได้ 2 ทาง ดูในแผนที่แล้ว ระยะพอๆกัน เอาฟะ หลับตาจิ้ม เอาทาง น้ำริน นี้แล้วกัน ที่ไหนได้ เล่นผมซะ 2 ช.ม.ครึ่ง ถึง น้ำพุร้อน ตอน 17.30 น.!!! เส้นทางไม่แพ้ขาขึ้นมาบ้านป๊อกเลยครับ จนโทร.ไปบอกเพื่อนอีกกลุ่มว่า สงสัยจะไม่ไปงานแต่งละ ถ้าต้องขับรถกัน 2 ช.ม.กว่าเนี่ย !!!
-- จนถึงรีสอร์ท ถาม จนท.แล้ว จนท. เอาแผนที่ให้ดูแล้วบอกว่า ต้องวิ่งลงมาทาง “แม่ปะ” แค่ 10 กม.เอง อืมมมม เขางอกอีกแล้วเรา 55+ รสชาติชีวิต ขับรถกันสนุกเลย ได้ใช้พลังงานจาก V-Power คุ้มเลยแฮะ
-- รีสอร์ทเงียบสนิท มีผมมา Check-in คนแรกครับ แล้วก็ดึกๆจะมี พี่ที่มางานแต่งเหมือนกันอีก 2 ครอบครัว เข้ามา check-in แต่ปัญหาคือ ที่นี่ไม่มีไฟฟ้าใช้ ต้องใช้ Generator ซึ่งจะเปิดเดินเครื่องถึงแค่ 4 ทุ่มเองครับ … จัดการเปลี่ยนชุด ขับรถย้อนกลับไปที่งานแต่งครับ รอบนี้ใช้เวลาสัก 30 นาทีเท่านั้น
-- ขากลับผมออกจากงานแต่งมาราวๆ 3 ทุ่มครึ่งครับ แต่ด้วยทางที่มืดสนิท ไฟทุกดวงของรถถูกเปิดทั้งหมด ก็ยังขับเร็วไม่ได้ครับ ค่อยๆคลานมา 20 – 30 กม./ช.ม. กว่าจะกลับถึงรีสอร์ท ปาเข้าไปซะ 4 ทุ่มกว่า ซึ่งก็เรียบร้อยครับ เงียบสนิท มีผมคนเดียวในรีสอร์ท …. อาศัยว่า เป็นคนไม่กลัวผี และในรถมีไฟฉายอยู่ ก็จอดรถเปิดไฟส่องหน้าห้องตัวเอง แล้วก็ขนของเข้าห้องล่ะครับ ได้บรรยากาศอีกแบบนะนั่น
-- สรุปว่า ท่านใดจะมา เที่ยวน้ำพุร้อนโป่งกวาว นะครับ ให้มาตามเส้นทางหมายเลข 1 นะครับ ผ่าน ม่อนแจ่ม นะครับ ทางดีกว่าเยอะมาก มีแค่ลูกรังหน่อยเดียว ไม่ถึง 1 กม. ช่วงก่อนถึง บ้านแม่ปะ ครับ แล้วก็ไปเจอกันอีกที ตรงทางเข้าน้ำพุร้อน ยาว 5 กม.ครับ (รถเก๋งไปได้ แต่ขับระวังมากๆหน่อยครับ)
-- ภาพถนนช่วงเลย ม่อนแจ่ม มาครับ ทางดิน แต่เรียบ หลุมน้อยครับ ดีกว่าขึ้นมาเส้นทางที่ 2 (ตามแผนที่) เยอะเลยครับ
[CR] * * * เที่ยวเหนืออีกละ … ไปเที่ยวที่แปลกๆกันดีกว่า (บอกเส้นทางด้วย) * * *
13 มีนาคม 2557 ล้อหมุนจากปราจีนบุรี
-- สองจิต สองใจ ว่าจะกลับไปนอน กทม.ดีไหม? แล้วออกแต่เช้ามืด แต่คิดไปคิดมา ขี้เกียจขับรถเข้า กทม.แฮะ ยิงยาวจากปราจีนบุรีนี่แหละ ง่ายดี!!
-- ผมออกจาก บ้านพัก แถวนิคม 304 ราวๆ 5 ทุ่มครึ่งของวันพุธที่ 12 นะครับ แต่กว่าจะแวะหากาแฟ หาชาเขียว ติดรถไว้ ได้ออกจริงๆก็เที่ยงคืนพอดีแหละ ผมเข้าตัวเมืองปราจีน แล้วเลี้ยวเข้า จ.นครนายก ตามถนนหมายเลข 33 ครับ วิ่งยาวๆจนไปออกพหลโยธิน (หมายเลข 1) แถวๆหนองแค ล่ะครับ ซึ่งตรงนี้ ถ้าจะไปเหนือ ก็วิ่งได้ 2 ทางคือ
1. เข้าถนนหมายเลข 329 ไปตัดออกสายเอเซีย 32
2. วิ่งย้อนกลับเข้า เข้าสายเอเซีย 32
-- พอดีผมวิ่งกลางคืน และไม่ชัวร์เส้น 329 ว่า สภาพถนนเป็นอย่างไร เลยย้อมอ้อมเกือบๆ 30 กม. ไปเข้าสายเอเซียตั้งแต่ต้นทางล่ะครับ
ขับมาเรื่อยๆ 100 – 110 กม./ช.ม. ผลจากกาแฟ และ ชาเขียว ทำให้ได้แวะปั๊มแทบทุกชั่วโมงล่ะครับ เข้าจนรำคาญตัวเองเลย จนออกบายพาสนครวรรค์มาได้หน่อย เริ่มรู้ตัวว่า ไม่ไหวละ เลยมองหาปั๊มเล็กๆจอดนอนล่ะครับ ตอนนั้นราวๆ ตี 4 ครึ่งครับ จอดรถดับเครื่อง ลดกระจกลงหน่อย ล็อครถ แล้วก็นอนครับ นอนได้สักเกือบๆชั่วโมงก็ตื่น แล้วก็ยิงยาวเข้าเชียงใหม่ครับ
-- ผมเติมน้ำมันเต็มถังมาจาก นิคม 304 ครับ ทีแรก ว่าจะเติมแถวๆตาก แต่หาปั๊มที่ถูกใจไม่ได้ … งั้นไปเติมลำปางเลยแล้วกัน พอใกล้ถึงลำปาง น้ำมันเหลือ 2 จุด ไฟโชว์ขึ้น …. หุหุ เหงื่อตกเลย พอดีเป็นพวกไม่เคยปล่อยน้ำมันเหลือต่ำกว่า 3 จุด ไม่เคยให้ไฟโชว์น่ะครับ เจอปั๊มแรกเป็น Shell เลยจำใจกด V-Power 95 E10 มาเต็มถังล่ะครับ (ไม่นิยม E20 หรือ 91 E10 อยู่แล้ว) โดนไปเบาะๆ 2,200 บาท แต่นั่นกลับเป็นโชคดีของผมแฮะ …..
-- เข้าเขตเชียงใหม่ราวๆ 10 โมงเช้าครับ จุดแรกที่อยากจะไปคือ อุทยานราชพฤกษ์ ครับ บนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ (เบอร์ 11) มีป้ายบอกเรียบร้อย เลี้ยวตามป้ายได้เลยครับ หลังจากนั้นป้ายก็หายไป !!!! วิ่งเลาะคลองชลประทานไป ด้วยความมั่นใจ แหมมมม… เรามาที่นี่รอบนี้รอบ 4 ละ รับรองชัวร์ !!! ว่าแล้วก็เลี้ยวเลย แล้วก็ …. เอิ่มมมม ทำไมตรู มาวิ่งใน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ฟะเนี่ย !!!! สุดท้ายก็ต้องจำใจ ใช้ GPS นี่แหละ แหะแหะ
-- อากาศที่เชียงใหม่ ค่อนข้างขมุกขมัว นะครับ ผลจากช่วงนี้เป็นช่วงหน้าร้อน แล้วก็ ควันไฟจากการเผาป่าด้วยครับ ที่อุทยานราชพฤกษ์แห่งนี้ เสียค่าบัตรเข้า 50 บาทครับ แนะนำว่า ใครจะมาเที่ยว ให้มาบ่ายถึงเย็น ไม่ก็ช่วงเช้าไปเลยดีกว่าครับ มาช่วงใกล้เที่ยงแบบผมนี่ ต้องมั่นใจว่า สู้แดด พอนะครับ
-- ณ วันนี้ แม้อุทยานราชพฤกษ์ จะไม่สวยเท่าสมัยที่มีการจัดงานพืชสวนโลก แต่ก็มีข้อดีคือ มีมุมสวยให้ถ่ายรูปได้สบายๆ ไม่ต้องแย่งกับใคร ไม่มีผู้ไม่ได้รับเชิญเข้ามาในเฟรมรูปครับ เดินอยู่เกือบๆ 2 ช.ม. ก็เริ่มไม่ไหว ขอบายดีกว่า ข้าวเช้าก็ไม่ได้กินเหมือนจะเป็นลมเลยแฮะ
-- แวะเติมพลังร้านแถวนั้นสักหน่อย แล้วเดินทางต่อครับ จุดหมายของเราก็คือ สถานที่จัดงานแต่งงาน บ้านป๊อก อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ ครับ … ซึ่งไปได้ 2 ทางคือ
1. วิ่งเส้นแม่ริม 106
2. วิ่งเส้นหางดง – แม่ริม 1269
-- หาข้อมูลมา รวมถึง หลายๆคน ขู่ผมจังว่า เส้น 1269 มันโหดมาก อืมมม งั้นออกแม่ริมก็ได้ฟะ งานนี้ใช้ GPS เหมือนเดิมแหละ แล้วท่านเพ่ ก็พาผมมุดไปมุดมาในเมืองเชียงใหม่ซะรอบนึง เล่นเอางง แต่ก็ดีครับ เร็วดี จากแม่ริม เจ้าของงานเขียนแผนที่ให้ผมบอกว่า ให้มาเส้นที่ 2 อืมมม ตามนั้นเลยยย
-- ผลก็คือ เจอทางลูกรัง เจอทางขรุขระ หลุมลึก ชนิดว่า ถ้าผมขับรถเก๋งมา ผมคงเลี้ยวลง แล้วโทร.บอกเจ้าของงานว่า เดี๋ยวค่อยกลับไปเอาซองที่ปราจีนแล้วกันนะ ทางโหดร้ายมากครับ กว่าจะถึง บ้านป๊อก เล่นซะบ่ายสาม น่ะครับ วิ่งกัน 2 ช.ม.เต็มล่ะครับ จอดรถปุ๊บ พวกลูกน้องที่มาก่อน วิ่งมารับแล้วถามว่า “เป็นไงเพ่ ทางโหดดีไหม พวกผม รถตู้ไม่ยอมขึ้นเลย ต้องให้คนลงมารับ” อืมมมม
-- ยังครับ ยังไม่จบ จาก บ้านป๊อก ไป น้ำพุร้อน โป่งกวาว ไปได้ 2 ทาง ดูในแผนที่แล้ว ระยะพอๆกัน เอาฟะ หลับตาจิ้ม เอาทาง น้ำริน นี้แล้วกัน ที่ไหนได้ เล่นผมซะ 2 ช.ม.ครึ่ง ถึง น้ำพุร้อน ตอน 17.30 น.!!! เส้นทางไม่แพ้ขาขึ้นมาบ้านป๊อกเลยครับ จนโทร.ไปบอกเพื่อนอีกกลุ่มว่า สงสัยจะไม่ไปงานแต่งละ ถ้าต้องขับรถกัน 2 ช.ม.กว่าเนี่ย !!!
-- จนถึงรีสอร์ท ถาม จนท.แล้ว จนท. เอาแผนที่ให้ดูแล้วบอกว่า ต้องวิ่งลงมาทาง “แม่ปะ” แค่ 10 กม.เอง อืมมมม เขางอกอีกแล้วเรา 55+ รสชาติชีวิต ขับรถกันสนุกเลย ได้ใช้พลังงานจาก V-Power คุ้มเลยแฮะ
-- รีสอร์ทเงียบสนิท มีผมมา Check-in คนแรกครับ แล้วก็ดึกๆจะมี พี่ที่มางานแต่งเหมือนกันอีก 2 ครอบครัว เข้ามา check-in แต่ปัญหาคือ ที่นี่ไม่มีไฟฟ้าใช้ ต้องใช้ Generator ซึ่งจะเปิดเดินเครื่องถึงแค่ 4 ทุ่มเองครับ … จัดการเปลี่ยนชุด ขับรถย้อนกลับไปที่งานแต่งครับ รอบนี้ใช้เวลาสัก 30 นาทีเท่านั้น
-- ขากลับผมออกจากงานแต่งมาราวๆ 3 ทุ่มครึ่งครับ แต่ด้วยทางที่มืดสนิท ไฟทุกดวงของรถถูกเปิดทั้งหมด ก็ยังขับเร็วไม่ได้ครับ ค่อยๆคลานมา 20 – 30 กม./ช.ม. กว่าจะกลับถึงรีสอร์ท ปาเข้าไปซะ 4 ทุ่มกว่า ซึ่งก็เรียบร้อยครับ เงียบสนิท มีผมคนเดียวในรีสอร์ท …. อาศัยว่า เป็นคนไม่กลัวผี และในรถมีไฟฉายอยู่ ก็จอดรถเปิดไฟส่องหน้าห้องตัวเอง แล้วก็ขนของเข้าห้องล่ะครับ ได้บรรยากาศอีกแบบนะนั่น
-- สรุปว่า ท่านใดจะมา เที่ยวน้ำพุร้อนโป่งกวาว นะครับ ให้มาตามเส้นทางหมายเลข 1 นะครับ ผ่าน ม่อนแจ่ม นะครับ ทางดีกว่าเยอะมาก มีแค่ลูกรังหน่อยเดียว ไม่ถึง 1 กม. ช่วงก่อนถึง บ้านแม่ปะ ครับ แล้วก็ไปเจอกันอีกที ตรงทางเข้าน้ำพุร้อน ยาว 5 กม.ครับ (รถเก๋งไปได้ แต่ขับระวังมากๆหน่อยครับ)
-- ภาพถนนช่วงเลย ม่อนแจ่ม มาครับ ทางดิน แต่เรียบ หลุมน้อยครับ ดีกว่าขึ้นมาเส้นทางที่ 2 (ตามแผนที่) เยอะเลยครับ