ผมทำงานสายสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ของธนาคารแห่งหนึ่งครับ
ทำงานมา 3 ปี อายุ 26 แต่จบปริญญาโทแล้ว
ด้วยงานที่ค่อนข้างจะมีความรับผิดชอบหลายหน้าที่
นอกจากจะต้องเขียนวิเคราะห์สินเชื่อแล้ว ยังต้องออกไปพบลูกค้าเพื่อสร้างความสัมพันธ์
แล้วก็นำเสนอผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของธนาคารประกอบไปด้วย
การทำหน้าที่หลายอย่างนั้นทำให้ผมเป็นงานหลากหลายรูปแบบ
นอกจากจะวิเคราะห์ ยังต้องทำการตลาด ติดต่อประสานงาน เจรจาต่อรอง บริการลูกค้าธุรกิจด้วย
กล่าวกันว่าสายงานสินเชื่อเป็นหนึ่งในสายงานที่ก้าวหน้าและเติบโตมากที่สุดของธุรกิจธนาคารและสถาบันการเงิน
ไม่รู้ว่าได้เลือกทางที่เหมาะสมกับตัวเองไหม
เพราะเป็นที่รู้ของใครหลาย ๆ คนว่างานธนาคารเป็นอีกหนึ่งสายงานที่เครียดแล้วก็สร้างความกดดัน
แต่ก็แน่นอนล่ะครับ ว่างานไหนที่เครียด กดดัน มักจะเติบโตก้าวหน้ามากกว่าสายงานอื่น ๆ
แต่ด้วยปีล่าสุดผลประกอบการที่ไม่ค่อยจะเป็นไปตามแผน
ส่วนหนึ่งเนื่องจากกอัตราดอกเบี้ยอยู่ในทิศทางขาลง
ทำให้ธุรกิจธนาคารเป็นไปได้ว่าจะมีความกดดันมากขึ้นเนื่องจากการที่ลดอัตราดอกเบี้ยฝั่งเงินกู้อย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่เงินฝากยังลดไม่มากนัก
และมันอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมและทุกคนในแผนก รวมถึงสายงานโดนกดดันในการเพิ่ม volume ให้กับธนาคาร
ถ้าแค่เรื่องเป้าสินเชื่อผมก็ไม่ค่อยห่วง เพราะความที่เป็นธนาคารใหญ่ทำให้ได้เป้าอย่างไม่ยากเย็นนัก
แต่ product อื่น ๆ มันค่อนข้างจะเป็นปัญหาครับ การจะจูงใจธุรกิจให้หันมาใช้บริการอื่น ๆ กับเรานั้น ถ้าไม่ใช่วงเงินสินเชื่อ ก็คือยากครับ
ผมเองก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมสินเชื่อต้องทำ แผนกที่รับผิดชอบโดยตรงก็มี
มีความเป็นไปได้ว่าผมต้องพบลูกค้าบ่อยขึ้น นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายขึ้นมากกว่าเดิม
ทั้ง ๆ ที่ทุกวันนี้แค่นั่งเขียนรายงานผลวิเคราะห์สินเชื่อก็แทบจะไม่มีเวลาทำอย่างอื่นแล้ว
จากที่งานค่อนข้างที่จะวุ่นวายเป็นทุนเดิม กลายเป็นยุ่งยากมากขึ้นกว่าเดิม
เพราะงานสินเชื่อต้องติดต่อคนทั้งในและนอกองค์กร ด้วยความเป็นที่เป็นหน้าด่าน ไม่ต่างอะไรจากพนักงาน CSO
ปริมาณงานที่โหลดมาทางสินเชื่อที่ต้องคีย์ข้อมูลเข้าระบบ อัพโหลดเอกสาร
รับโทรศัพท์ลูกค้า ส่งแฟกซ์ ตอบอีเมล ประสานงานลูกค้าธุรกิจและแผนกอื่น ๆ ในองค์กร
ผมต้องตามเรื่องทุกอย่างให้กับลูกค้าธุรกิจ ทุกธุรกรรมที่ธุรกิจจะกระทำได้ ผมจะต้องเป็นคนช่วยเหลือและประสานงาน
เวลาลูกค้าคิดอะไรไม่ออก เขาจะโทรหาผมก่อนอันดับแรก!
แต่ก่อนหน้านี้ ผมก็สามารถบริหารเวลาของผมได้เป็นอย่างดี เสร็จทันเวลา
เป็นที่พอใจของหัวหน้าและเจ้านาย และเป็นที่พึ่งที่ดีสำหรับเพื่อนร่วมงาน
แต่เมื่อผมอายุงานเริ่มมากขึ้น ต้องรับผิดชอบมากขึ้น ลูกค้าจากเดิมที่
active 20 ราย กลายเป็น 30 40 50 เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เป็นเงาตามตัว
จากที่เคยกลับบ้านตรงเวลา ก็เริ่มจะมี 6 โมง หนึ่งทุ่มบ้าง สองทุ่มบ้าง ล่าสุดก็สามทุ่ม
ไฟผมเริ่มตก เริ่มหมดแรง เริ่มท้อ แต่ก็คิดว่ายังดี ยังดีที่ที่ทำงานปลอดการเมือง
เพื่อนที่ทำงานก็ดีเช่นกัน จะมีขัดอกขัดใจกันบ้าง แต่ก็ถือเป็นเรื่องเล็กน้อย
แล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปลกของสังคมมนุษย์
ยังดีที่เมื่อเทียบกับแผนกอื่น ที่สามทุ่มทุกวัน ที่มีความวุ่นวาย ที่มีหัวหน้างี่เง่า
ใส่เกียร์ว่างทำงาน โทรตามกลับออฟฟิศถ้าออกก่อนสามทุ่ม!
ทุกวันนี้งานแทบจะล้นมือ จนหลัง ๆ มีบางวันที่ผมต้องอยู่ค่ำมืดดึกดื่น โอทีก็ไม่ได้
ผมอยากที่จะ work balance ผมอยากกลับไปกินข้าวกับครอบครัวที่บ้าน
อยากมีเวลาออกกำลังกาย อยากมีเวลาหลังเลิกงานไปนั่งพักคลายเครียด
ไม่ได้อยากทำงานเสร็จแล้วกลับบ้านกินข้าวอาบน้ำนอน ผมไม่อยากใช้ชีวิตแบบนั้น
จากปัจจัยที่ผมมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ผมก็เริ่มคิด
ผมคงไม่ปฏิเสธความจริงที่ว่าผมเริ่มจะอยู่ด้วยความไม่สบายใจ
ด้วยความที่ผู้ใหญ่มีอายุมักจะเจ้าอารมณ์ ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดแม้ผมจะไม่เคยโดนต่อว่า
ด้วยความที่เพื่อนร่วมงานมักจะกวนใจขอให้ผมช่วยแก้ไขเวลามีปัญหา
ด้วยความที่ต้องติดต่อกับคนนั้นคนนี้ ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงแล้วผมรักความสงบ
งานยากไม่กลัว งานเยอะไม่กลัว ขอให้หอบกลับบ้านได้ แต่นี่เอาออกไม่ได้ เพราะเป็นข้อมูลลูกค้า
ผมขอแค่ balance ชีวิตเราได้ แล้วก็ไม่วุ่นวายกับคนเป็นพอ แต่นี่ความวุ่นวายทวีคูณครับ!
ผมไม่กล้าลาออก เพราะไม่รู้ว่าจะไปเจออะไรที่แย่กว่า
กลัวเจอพิษการเมือง ที่ผมไม่เจอในแผนกนี้
กลัวเจอคน ประเภทที่มันเลวสุดขั้วชั่วสุดขีด
กลัวไม่ได้สังคมเพื่อนร่วมงานดีๆ แบบที่มีอยู่
กลัวเจอนั่นเจอนี่ สารพัด
ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วการตัดสินใจทุกครั้งมีความเสี่ยง และเราต้องกล้าที่จะเสี่ยง
พูดถึงผลตอบแทนที่เป็นตัวเงิน ก็ธรรมดาล่ะมั้งครับ
โบนัส 3-4 เดือน ค่อนข้างสม่ำเสมอ ปีที่แล้วปรับเงินเดือนสองรอบ คิดทั้งปีก็เงินเดือนขึ้น 30%
เสียดายครับ
แต่ก็อย่างที่บอกครับ ผมเริ่มหมดไฟ ทั้ง ๆ ที่อายุยังไม่มาก(หรือเปล่า)
ไม่ได้ขี้เกียจ ไม่ได้อยากนอนอยู่บ้าน
แต่แค่อึดอัดเอามาก ๆ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ผมไม่ได้รังเกียจงานธนาคารครับ
แต่ผมเป็นคนชอบคิด ชอบเขียน ชอบวางแผน ชอบวิเคราะห์
งานสินเชื่อมันเลยค่อนข้างที่จะไม่ตอบโจทย์ชีวิตผมได้ตรงทีเดียว
เพราะเดิมที่ผมเข้าใจว่าสินเชื่อคืองานวิเคราะห์
แต่นี่มันวุ่นวายกับคนมากเกินไป ขอบเขตเนื้อหางานมันมีบางอย่างที่ผมไม่ถนัด ไม่ชอบ
แต่ก็ทนมาเรื่อยๆ ครับ เพราะการทำงาน คงไม่มีงานไหนที่ถูกใจเราไปเสียทั้งหมด
เอาเข้าจริง ก็มีทางเลือกอยู่ไม่กี่ทางหรอกครับ
คืออยู่ กับ ไป แค่นั้นเอง
ถ้าจะไป ลาออกก็คงดีกว่าย้ายแผนก
เพราะคงอัพค่าตัวได้พอสมควร
ทั้ง ๆ ที่ตัวเลือกมีแค่ไม่กี่ทาง
แต่ผมเองก็คิดไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าควรทำอย่างไรครับ เพราะผมไม่เคยเปลี่ยนงานเลย
หากมีใครมีประสบการณ์ดี ๆ ช่วยแชร์ให้ผมฟังหน่อยนะครับ
ขอบคุณทุกท่านครับ
ควรอยู่ต่อหรือควรลาออกดีครับ
ทำงานมา 3 ปี อายุ 26 แต่จบปริญญาโทแล้ว
ด้วยงานที่ค่อนข้างจะมีความรับผิดชอบหลายหน้าที่
นอกจากจะต้องเขียนวิเคราะห์สินเชื่อแล้ว ยังต้องออกไปพบลูกค้าเพื่อสร้างความสัมพันธ์
แล้วก็นำเสนอผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของธนาคารประกอบไปด้วย
การทำหน้าที่หลายอย่างนั้นทำให้ผมเป็นงานหลากหลายรูปแบบ
นอกจากจะวิเคราะห์ ยังต้องทำการตลาด ติดต่อประสานงาน เจรจาต่อรอง บริการลูกค้าธุรกิจด้วย
กล่าวกันว่าสายงานสินเชื่อเป็นหนึ่งในสายงานที่ก้าวหน้าและเติบโตมากที่สุดของธุรกิจธนาคารและสถาบันการเงิน
ไม่รู้ว่าได้เลือกทางที่เหมาะสมกับตัวเองไหม
เพราะเป็นที่รู้ของใครหลาย ๆ คนว่างานธนาคารเป็นอีกหนึ่งสายงานที่เครียดแล้วก็สร้างความกดดัน
แต่ก็แน่นอนล่ะครับ ว่างานไหนที่เครียด กดดัน มักจะเติบโตก้าวหน้ามากกว่าสายงานอื่น ๆ
แต่ด้วยปีล่าสุดผลประกอบการที่ไม่ค่อยจะเป็นไปตามแผน
ส่วนหนึ่งเนื่องจากกอัตราดอกเบี้ยอยู่ในทิศทางขาลง
ทำให้ธุรกิจธนาคารเป็นไปได้ว่าจะมีความกดดันมากขึ้นเนื่องจากการที่ลดอัตราดอกเบี้ยฝั่งเงินกู้อย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่เงินฝากยังลดไม่มากนัก
และมันอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมและทุกคนในแผนก รวมถึงสายงานโดนกดดันในการเพิ่ม volume ให้กับธนาคาร
ถ้าแค่เรื่องเป้าสินเชื่อผมก็ไม่ค่อยห่วง เพราะความที่เป็นธนาคารใหญ่ทำให้ได้เป้าอย่างไม่ยากเย็นนัก
แต่ product อื่น ๆ มันค่อนข้างจะเป็นปัญหาครับ การจะจูงใจธุรกิจให้หันมาใช้บริการอื่น ๆ กับเรานั้น ถ้าไม่ใช่วงเงินสินเชื่อ ก็คือยากครับ
ผมเองก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมสินเชื่อต้องทำ แผนกที่รับผิดชอบโดยตรงก็มี
มีความเป็นไปได้ว่าผมต้องพบลูกค้าบ่อยขึ้น นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายขึ้นมากกว่าเดิม
ทั้ง ๆ ที่ทุกวันนี้แค่นั่งเขียนรายงานผลวิเคราะห์สินเชื่อก็แทบจะไม่มีเวลาทำอย่างอื่นแล้ว
จากที่งานค่อนข้างที่จะวุ่นวายเป็นทุนเดิม กลายเป็นยุ่งยากมากขึ้นกว่าเดิม
เพราะงานสินเชื่อต้องติดต่อคนทั้งในและนอกองค์กร ด้วยความเป็นที่เป็นหน้าด่าน ไม่ต่างอะไรจากพนักงาน CSO
ปริมาณงานที่โหลดมาทางสินเชื่อที่ต้องคีย์ข้อมูลเข้าระบบ อัพโหลดเอกสาร
รับโทรศัพท์ลูกค้า ส่งแฟกซ์ ตอบอีเมล ประสานงานลูกค้าธุรกิจและแผนกอื่น ๆ ในองค์กร
ผมต้องตามเรื่องทุกอย่างให้กับลูกค้าธุรกิจ ทุกธุรกรรมที่ธุรกิจจะกระทำได้ ผมจะต้องเป็นคนช่วยเหลือและประสานงาน
เวลาลูกค้าคิดอะไรไม่ออก เขาจะโทรหาผมก่อนอันดับแรก!
แต่ก่อนหน้านี้ ผมก็สามารถบริหารเวลาของผมได้เป็นอย่างดี เสร็จทันเวลา
เป็นที่พอใจของหัวหน้าและเจ้านาย และเป็นที่พึ่งที่ดีสำหรับเพื่อนร่วมงาน
แต่เมื่อผมอายุงานเริ่มมากขึ้น ต้องรับผิดชอบมากขึ้น ลูกค้าจากเดิมที่
active 20 ราย กลายเป็น 30 40 50 เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เป็นเงาตามตัว
จากที่เคยกลับบ้านตรงเวลา ก็เริ่มจะมี 6 โมง หนึ่งทุ่มบ้าง สองทุ่มบ้าง ล่าสุดก็สามทุ่ม
ไฟผมเริ่มตก เริ่มหมดแรง เริ่มท้อ แต่ก็คิดว่ายังดี ยังดีที่ที่ทำงานปลอดการเมือง
เพื่อนที่ทำงานก็ดีเช่นกัน จะมีขัดอกขัดใจกันบ้าง แต่ก็ถือเป็นเรื่องเล็กน้อย
แล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปลกของสังคมมนุษย์
ยังดีที่เมื่อเทียบกับแผนกอื่น ที่สามทุ่มทุกวัน ที่มีความวุ่นวาย ที่มีหัวหน้างี่เง่า
ใส่เกียร์ว่างทำงาน โทรตามกลับออฟฟิศถ้าออกก่อนสามทุ่ม!
ทุกวันนี้งานแทบจะล้นมือ จนหลัง ๆ มีบางวันที่ผมต้องอยู่ค่ำมืดดึกดื่น โอทีก็ไม่ได้
ผมอยากที่จะ work balance ผมอยากกลับไปกินข้าวกับครอบครัวที่บ้าน
อยากมีเวลาออกกำลังกาย อยากมีเวลาหลังเลิกงานไปนั่งพักคลายเครียด
ไม่ได้อยากทำงานเสร็จแล้วกลับบ้านกินข้าวอาบน้ำนอน ผมไม่อยากใช้ชีวิตแบบนั้น
จากปัจจัยที่ผมมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ผมก็เริ่มคิด
ผมคงไม่ปฏิเสธความจริงที่ว่าผมเริ่มจะอยู่ด้วยความไม่สบายใจ
ด้วยความที่ผู้ใหญ่มีอายุมักจะเจ้าอารมณ์ ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดแม้ผมจะไม่เคยโดนต่อว่า
ด้วยความที่เพื่อนร่วมงานมักจะกวนใจขอให้ผมช่วยแก้ไขเวลามีปัญหา
ด้วยความที่ต้องติดต่อกับคนนั้นคนนี้ ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงแล้วผมรักความสงบ
งานยากไม่กลัว งานเยอะไม่กลัว ขอให้หอบกลับบ้านได้ แต่นี่เอาออกไม่ได้ เพราะเป็นข้อมูลลูกค้า
ผมขอแค่ balance ชีวิตเราได้ แล้วก็ไม่วุ่นวายกับคนเป็นพอ แต่นี่ความวุ่นวายทวีคูณครับ!
ผมไม่กล้าลาออก เพราะไม่รู้ว่าจะไปเจออะไรที่แย่กว่า
กลัวเจอพิษการเมือง ที่ผมไม่เจอในแผนกนี้
กลัวเจอคน ประเภทที่มันเลวสุดขั้วชั่วสุดขีด
กลัวไม่ได้สังคมเพื่อนร่วมงานดีๆ แบบที่มีอยู่
กลัวเจอนั่นเจอนี่ สารพัด
ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วการตัดสินใจทุกครั้งมีความเสี่ยง และเราต้องกล้าที่จะเสี่ยง
พูดถึงผลตอบแทนที่เป็นตัวเงิน ก็ธรรมดาล่ะมั้งครับ
โบนัส 3-4 เดือน ค่อนข้างสม่ำเสมอ ปีที่แล้วปรับเงินเดือนสองรอบ คิดทั้งปีก็เงินเดือนขึ้น 30%
เสียดายครับ
แต่ก็อย่างที่บอกครับ ผมเริ่มหมดไฟ ทั้ง ๆ ที่อายุยังไม่มาก(หรือเปล่า)
ไม่ได้ขี้เกียจ ไม่ได้อยากนอนอยู่บ้าน
แต่แค่อึดอัดเอามาก ๆ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ผมไม่ได้รังเกียจงานธนาคารครับ
แต่ผมเป็นคนชอบคิด ชอบเขียน ชอบวางแผน ชอบวิเคราะห์
งานสินเชื่อมันเลยค่อนข้างที่จะไม่ตอบโจทย์ชีวิตผมได้ตรงทีเดียว
เพราะเดิมที่ผมเข้าใจว่าสินเชื่อคืองานวิเคราะห์
แต่นี่มันวุ่นวายกับคนมากเกินไป ขอบเขตเนื้อหางานมันมีบางอย่างที่ผมไม่ถนัด ไม่ชอบ
แต่ก็ทนมาเรื่อยๆ ครับ เพราะการทำงาน คงไม่มีงานไหนที่ถูกใจเราไปเสียทั้งหมด
เอาเข้าจริง ก็มีทางเลือกอยู่ไม่กี่ทางหรอกครับ
คืออยู่ กับ ไป แค่นั้นเอง
ถ้าจะไป ลาออกก็คงดีกว่าย้ายแผนก
เพราะคงอัพค่าตัวได้พอสมควร
ทั้ง ๆ ที่ตัวเลือกมีแค่ไม่กี่ทาง
แต่ผมเองก็คิดไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าควรทำอย่างไรครับ เพราะผมไม่เคยเปลี่ยนงานเลย
หากมีใครมีประสบการณ์ดี ๆ ช่วยแชร์ให้ผมฟังหน่อยนะครับ
ขอบคุณทุกท่านครับ