เมื่อคุณได้รับข่าวร้ายว่านี่คือวาระสุดท้ายของพ่อ คุณจะทำใจอย่างไร

เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธุ์ได้พาพ่อซึ่งเป็นแผลที่เท้าเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล โดยที่ไม่ทราบเลยว่าแผลนั้นพ่อเป็นนานแล้วแต่เก็บงำทุกอย่างไว้คนเดียวมานานแค่ไหน เข้าโรงพยาบาลได้เพียง 2 วันแผลที่เท้าก็เหมือนกับมันระเบิดออกมาเป็นหนองไหลนองบนที่นอน เหมือนกับมันกัดกินมานานจากข้างในโดยที่เราไม่รู้ตัว ปกติคุณพ่อเป็นคนดื้อค่ะให้ถอดถุงเท้าให้คุณหมอดูเท้าคุณพ่อจะว่าตลอด แต่ก็ดูแลรักษาอย่างดีค่ะ อาการคุณพ่อเริ่มคุมน้ำตาลไม่ได้เนื่องจากไตของคุณพ่อทำงานหนักจนไม่สามารถรับยาได้ต้องฉีดเป็นอินซูลินแทน (ไม่แน่ใจว่าเขียนยังไงค่ะ) น้ำตาลคุมไม่ได้เลยค่ะ จากที่ไม่ว่าไปหาหมอกี่ครั้งก็คุมน้ำตาลได้ดีเพราะว่าคุณพ่อเป็นคนมีวินัยในการทานยาสูงมาก คุณหมอลงมติว่าจะต้องตัดขาเพื่อยื้อชีวิตของคุณพ่อไว้ค่ะ ในใจเราคิดอย่างเดียวว่าโอเค มันคงเป็นวิธีสุดท้ายแล้วแหละ ตัดไปก็คงจบ คุณพ่อออกจากห้องผ่าตัดมาคุยจ้อแถมเล่าให้ฟังอีกด้วยว่าได้ยินเสียงตอนเค้าตัดด้วยเพราะคุณหมอใช้วิธีการบลอคหลัง แต่2-3วันต่อจากนั้น อาการของคุณพ่อกลับแปลกไป ซึม นอนทั้งวัน ไม่พูดไม่จา แต่ลืมๆตามองเท่านั้น ให้พยาบาลมาวัดน้ำตาลเห้นว่ามีน้ำตาลเพียงแค่ 50 เท่านั้น เลยซื้อน้ำหวานมาให้ทาน เราก็คิดในใจ พ่อซึมไปคงเพราะน้ำตาลต่ำแน่ๆ วันรุ่งขึ้น พ่อกลับมาทานข้าวได้ปกติ คุยยิ้มกับเราได้เพราะเราจะไปหาก่อนไปทำงานทุกวันแม้จะมีเวลาเห็นหน้าเค้าแค่ 5 นาทีก็จะไปค่ะ แต่ระหว่างที่คุยพ่อกลับจับมือเราไว้แน่นแบบไม่ยอมปล่อยถึงแม้จะบอกว่า หนูจะไปทำงานแล้วนะ จนหลุดปากแซวพ่อไปว่า ไม่อยากให้ไปไงเนี่ย เราก็ดึงมือออกมาแล้วไปทำงานตามปกติค่ะ จนตอนเย็นก็ได้รับข่าวร้ายว่าคุณพ่อติดเชื้อในกระแสเลือด ไม่สามารถให้ยาฆ่าเชื้อได้เพราะไตทำงานได้น้อยมาก ทำได้แค่ดูอาการเท่านั้น ในคืนนั้น คุณพ่อได้สำลักของเสียออกมามีคำสั่งให้นำคุณพ่อเข้า ICU ด่วน อยู่ได้ซักประมาณ 3 วัน คุณหมอได้นำคุณพ่อออกจากห้อง ICU เพื่อให้ได้มาอยู่กับญาติเพราะไตไม่ทำงานและกระเพาะอาหารไม่ย่อยอาหารแล้ว แต่ 2 วันต่อมา คุณหมอได้ขอคุยกับคุณแม่แล้วถามว่า ตัดขาอีกมั้ยเผื่อเชื้อจะหายไปแล้วอะไรจะดีขึ้น หมอบอกว่าถ้าผู้ชายตรงนี้เป็นคุณพ่อของหมอ หมอจะทำนะ พวกเราตัดสินใจทันทีให้คุณพ่อผ่า แต่ก็มีอัตราเสี่ยงสูงที่คุณพ่อจะไปเลยในระหว่างผ่าตัด แต่พวกเราไม่มีอะไรจะเสียแล้วค่ะ คุณพ่อยังได้เสี่ยงที่จะหายดีกว่าปล่อยให้หมดลมไปเฉยๆ หลังออกจากห้องผ่าตัดคุณพ่อเข้า ICU อีกครั้ง ผ่านมา 2 วันจนถึงวันนี้ คุณหมอลงความเห้นว่ารักษาไม่ได้แล้วจริงๆ ไตยังคงไม่ทำงาน กระเพาะอาหารก็ไม่ทำงาน แถมเชื้อก็ยังคงอยู่และเกิดอาการดื้อยาแล้ว คุณหมอแจ้งว่านี่คือวาระสุดท้ายของท่านแล้ว อยากให้เอาออกจาก ICU มาอยู่กับญาติมากกว่า พยาบาลย้ำว่าอย่าร้องไห้กันนะคะ คนไข้จะได้ไม่ห่วง อยากทราบวิธีทำใจค่ะ ตัวเราคิดว่าทำใจได้ในระดับนึง แต่คุณแม่ที่เป็นคนเฝ้าแกเอาแต่ร้องไห้ว่าแกจะทนเห็นคุณพ่อจากไปต่อหน้าต่อตาได้อย่างไร จากที่เข้าไปเยี่ยมในห้อง ICU หน้าตาคุณพ่อกัดฟันคงเพราะเจ็บมากค่ะ ไตไม่ทำงานตัวบวม ขับน้ำออกตามผิวหนัง หายใจรวยรินเหลือเกิน ที่บ้านตัดสินใจไม่ปั๊มหัวใจคุณพ่อค่ะ เพราะคุณหมอบอกว่า ไม่มีโอกาศแล้วที่จะเป็นเหมือนเดิม ปั๊มคนไข้ก็ใช่ว่าอาการไตกับกระเพาะอาหารจะกลับมาทำงาน รบกวนด้วยนะคะ สอนในเราทำให้คุณแม่ทำใจได้ที เป็นห่วงคุณแม่จะล้มไปอีกคน ขอบพระคุณมากค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่