เริ่มเลยนะคะ ดิฉันอายุ 18 ปีค่ะ กำลังจะขึ้นมหาวิทยาลัย ปัญหาต่างๆมากมายเริ่มเกิดขึ้นมาเรื่อยๆจนตอนนี้ดิฉันเองสับสนไปหมด และปัญหาของเรื่องทั้งหมดมันก็เริ่มมาจาก ....
พ่อของดิฉันแอบไปมีภรรยาใหม่โดยที่แม่ของฉันไม่รู้ โดยเขามีลูกด้วยกันจนฉันอายุได้ 5 ขวบ ความจริงทุกอย่างเริ่มเปิดเผย พ่อทะเลาะกับแม่หนักมากจนสุดท้ายตัดสินใจ ไม่ส่งผ่อนบ้านต่อ จนสมบัติแทบจะเป็นชิ้นเดียวที่มีของแม่ถูกธนาคารยึดไปตั้งแต่ฉัน 6 ขวบ ฉันมีน้องสาวฝาแฝด 1 คน พี่ชาย 1 คน เรา 4 คน
แม่ลูกจำเป็นต้องย้ายออกจากบ้านหลังนั้น แม่ส่งฉันและน้องไปเรียนต่อ ป.2 ที่ จ.นครราชสีมา ส่วนพี่ชายก็อยู่กับแม่ตามเดิม แต่สุดท้ายก็ไม่ไหว เพราะแม่ทำงานเพียงคนเดียว จนในที่สุดก็ต้องส่งพวกเราทั้ง 3 คน มาเรียนต่อที่ จ.จันทบุรีที่พ่อทำงาน และเมื่อมาอยู่ที่นี้ แน่นอนว่าแม่เลี้ยง ลูกเลี้ยง และลูกของเขา มันก็ต้องมีอะไรแตกต่างเป็นธรรมดา เรา 3 คน ได้เรียนแค่ ร.ร.วัด แต่น้องสาวต่างมารดาเรียน ร.ร.คริสต์ ฉันรู้สึกแย่กับชีวิตที่เกิดขึ้น ทุกครั้งที่พ่อกับแม่เลี้ยงทะเลาะกัน ฉันและน้องจะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดในการสนทนาทุกครั้ง ว่าทำไมจะต้องมาเลี้ยงทั้งๆที่ไม่ใช่ลูก หรือบางครั้งก็พูดกับฉันว่าถ้าไม่มีพวกฉันเขาก็คงไม่ลำบากขนาดนี้
เมื่อพี่ชายของฉันจบ ม.3 เขาก็ออกไปทำงานเลยเพราะไม่อยากอยู่บ้านหลังนี้ จากเด็กที่ไม่ตั้งใจเรียนเลย ฉันกลับตั้งใจมากขึ้นจนสอบได้ที่ 1 ที่ 2 เสมอๆสุดท้าย ฉันก็สอบติด ร.ร.ประจำจังหวัดของที่นี้ เรียนไปได้ ปีกว่าๆฉันก็ต้องย้ายออกเนื่องจากการถูกกดดันมากมาย จากเพื่อน ครอบครัวเพราะฉันต้องช่วยงานที่บ้าน เลิกเรียนก็ต้องเดินจาก ร.ร. มาขายของที่ตลาดกลับบ้าน 4-5 ทุ่ม กว่าจะได้นอน เวลาไปเรียนก็ง่วงเรียนไม่รู้เรื่องถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังได้เกรดเฉลี่ยถึง 3 อยู่เสมอ
ฉันตัดสินใจย้ายออกจาก ร.ร.ประจำจังหวัดมาเรียน ร.ร.วัดตามเดิม ด้วยเหตุผลไม่อยากเป็นตัวถ่วงของใคร และไม่อยากให้ใครมาดูถูกฉันและครอบครัว จนฉันใกล้จะจบ ม.6 ฉันก็มีความฝันเล็กๆว่าอยากจะเรียนในมหาลัยของรัฐดังๆ แต่น้องสาวของฉันเกิดท้องขึ้นมา พ่อทั้งด่า ต่อว่าฉันว่าไม่ยอมเตือนน้อง ฉันกลับกลายเป็นคนที่ถูกสังคมประนาม ดูถูกว่าเดี๋ยวอีกไม่ช้า ฉันก็จะต้องท้องเหมือนกัน ทำดูถูกต่างๆ สร้างความโกรธและเกลียดมากขึ้นเรื่อยๆ ความอึดอัด เสียใจมากขึ้นเป็นทวีคูณ พ่ออายมาก บอกให้ฉันและคนในครอบครัวปิดเรื่องนี้เป็นความลับ แต่ ความลับมันไม่มีในโลก ในเมื่อฉันจำเป็นต้องโกหก แต่ความจริงมันก็คือความจริง ฉันถูกแขวะ ถูกแซว แต่มันก็ยังไม่เท่าที่พ่อจะไม่ยอมส่งฉันเรียนต่อมหาวิทยาลัย และดูถูกฉันเหมือนที่ใครๆเขาทำ ตั้งแต่น้องท้องมา พ่อไม่เคยยื่นมือเข้าไปช่วยหรือดูแล กลับดูถูกรังเกียจ และด่าด้วยคำหยาบๆคาย มีแต่แม่ที่ยื่นมือเข้ามา แม่ป่วยเป็นโรคประสาทตั้งแต่เลิกกับพ่อ แม่จะโทรมาหาพ่อบ่อยๆเพื่อให้พ่อหายโกรธน้อง แต่คำตอบคือไม่ และคำด่าว่าเธอมันบ้า ประสาทใครจะไปรับได้ ฉันผิดหวังและเสียใจมากๆที่พ่อทำแบบนี้
ฉันรู้ว่าน้องทำผิด และมันเป็นเรื่องร้ายแรงมาก แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องตัดสินฉันไปแบบนั้นด้วย ปิดกั้นฉันจากโลกภายนอก ให้ฉันอยู่ในนรกบนดินนี้ แม่โทรมาหาฉันเกือบทุกวัน บอกว่าเสมอๆว่าคิดถึง ทำไมไม่มาหาแม่บ้าง ฉันอยากไปใจจะขาด แต่ต้องโกหกแม่ว่า "เรียนผู้ช่วยพยาบาลยังไม่จบ" (ฉันเรียนผู้ช่วยพยาบาลวัน เสาร์- อาทิตย์ /จันทร์-ศุกร์ ฉันเรียนมัธยมตามปกติ)เพราะพ่อพูดว่า " จะไปทำไม แม่เธอมันบ้าไม่ต้องไป " ในเมื่อพ่อจะไม่ส่งฉันเรียนฉันก็ต้องทำงานเพื่อเก็บเงินมาใช้ในมหาลัย ฉันติดสินจะเรียนรามคำแหง แต่จะไปเรียนตามปกติ และหางานพาร์ทไทม์ทำหลังเลิกเรียน แต่พ่อก็ไม่ยอมให้ฉันไป โดยให้ฉันช่วยงานอยู่ที่ร้านอาหาร โดยที่ฉันต้องตื่นตั้งแต่ ตี 5 มาทำงานและเสร็จงานตอน 4 ทุ่ม ไม่มีเงินค่าจ้างหรือค่าขนมใดๆ มีแต่ข้าวเช้าที่ได้กินตอนบ่าย และข้าวกลางวัน ตอน 3 ทุ่ม ทั้งที่ลูกของแม่เลี้ยงได้ 300 เท่าเทียมไหมล่ะสังคมนี้ เรียนก็ไม่ส่ง จะไปทำงานหาเงินมาเรียนก็ไม่ให้ไป ฉันตัดสินใจจะโกหกพ่อว่าไปฝึกงานโรงพยาบาลที่ กทม. 3 เดือน แต่นัดกับเพื่อนไว้แล้วว่าจะไปทำพาร์ทไทม์เก็บเงินเรียน มีอะไรจะแย่ไปกว่านี้ไหมค่ะ ดิฉันรู้สึกไปหมดเลย แอบร้องไห้อยู่บ่อยๆในความโชคร้ายของตัวเอง ฉันทำถูกไหมที่จะทำแบบนี้
มีใครเคยเจอชีวิตร้ายๆแบบนี้มั้งค่ะ ครอบครัวแตกแยก = ปัญหาของทุกๆสิ่ง
พ่อของดิฉันแอบไปมีภรรยาใหม่โดยที่แม่ของฉันไม่รู้ โดยเขามีลูกด้วยกันจนฉันอายุได้ 5 ขวบ ความจริงทุกอย่างเริ่มเปิดเผย พ่อทะเลาะกับแม่หนักมากจนสุดท้ายตัดสินใจ ไม่ส่งผ่อนบ้านต่อ จนสมบัติแทบจะเป็นชิ้นเดียวที่มีของแม่ถูกธนาคารยึดไปตั้งแต่ฉัน 6 ขวบ ฉันมีน้องสาวฝาแฝด 1 คน พี่ชาย 1 คน เรา 4 คน
แม่ลูกจำเป็นต้องย้ายออกจากบ้านหลังนั้น แม่ส่งฉันและน้องไปเรียนต่อ ป.2 ที่ จ.นครราชสีมา ส่วนพี่ชายก็อยู่กับแม่ตามเดิม แต่สุดท้ายก็ไม่ไหว เพราะแม่ทำงานเพียงคนเดียว จนในที่สุดก็ต้องส่งพวกเราทั้ง 3 คน มาเรียนต่อที่ จ.จันทบุรีที่พ่อทำงาน และเมื่อมาอยู่ที่นี้ แน่นอนว่าแม่เลี้ยง ลูกเลี้ยง และลูกของเขา มันก็ต้องมีอะไรแตกต่างเป็นธรรมดา เรา 3 คน ได้เรียนแค่ ร.ร.วัด แต่น้องสาวต่างมารดาเรียน ร.ร.คริสต์ ฉันรู้สึกแย่กับชีวิตที่เกิดขึ้น ทุกครั้งที่พ่อกับแม่เลี้ยงทะเลาะกัน ฉันและน้องจะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดในการสนทนาทุกครั้ง ว่าทำไมจะต้องมาเลี้ยงทั้งๆที่ไม่ใช่ลูก หรือบางครั้งก็พูดกับฉันว่าถ้าไม่มีพวกฉันเขาก็คงไม่ลำบากขนาดนี้
เมื่อพี่ชายของฉันจบ ม.3 เขาก็ออกไปทำงานเลยเพราะไม่อยากอยู่บ้านหลังนี้ จากเด็กที่ไม่ตั้งใจเรียนเลย ฉันกลับตั้งใจมากขึ้นจนสอบได้ที่ 1 ที่ 2 เสมอๆสุดท้าย ฉันก็สอบติด ร.ร.ประจำจังหวัดของที่นี้ เรียนไปได้ ปีกว่าๆฉันก็ต้องย้ายออกเนื่องจากการถูกกดดันมากมาย จากเพื่อน ครอบครัวเพราะฉันต้องช่วยงานที่บ้าน เลิกเรียนก็ต้องเดินจาก ร.ร. มาขายของที่ตลาดกลับบ้าน 4-5 ทุ่ม กว่าจะได้นอน เวลาไปเรียนก็ง่วงเรียนไม่รู้เรื่องถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังได้เกรดเฉลี่ยถึง 3 อยู่เสมอ
ฉันตัดสินใจย้ายออกจาก ร.ร.ประจำจังหวัดมาเรียน ร.ร.วัดตามเดิม ด้วยเหตุผลไม่อยากเป็นตัวถ่วงของใคร และไม่อยากให้ใครมาดูถูกฉันและครอบครัว จนฉันใกล้จะจบ ม.6 ฉันก็มีความฝันเล็กๆว่าอยากจะเรียนในมหาลัยของรัฐดังๆ แต่น้องสาวของฉันเกิดท้องขึ้นมา พ่อทั้งด่า ต่อว่าฉันว่าไม่ยอมเตือนน้อง ฉันกลับกลายเป็นคนที่ถูกสังคมประนาม ดูถูกว่าเดี๋ยวอีกไม่ช้า ฉันก็จะต้องท้องเหมือนกัน ทำดูถูกต่างๆ สร้างความโกรธและเกลียดมากขึ้นเรื่อยๆ ความอึดอัด เสียใจมากขึ้นเป็นทวีคูณ พ่ออายมาก บอกให้ฉันและคนในครอบครัวปิดเรื่องนี้เป็นความลับ แต่ ความลับมันไม่มีในโลก ในเมื่อฉันจำเป็นต้องโกหก แต่ความจริงมันก็คือความจริง ฉันถูกแขวะ ถูกแซว แต่มันก็ยังไม่เท่าที่พ่อจะไม่ยอมส่งฉันเรียนต่อมหาวิทยาลัย และดูถูกฉันเหมือนที่ใครๆเขาทำ ตั้งแต่น้องท้องมา พ่อไม่เคยยื่นมือเข้าไปช่วยหรือดูแล กลับดูถูกรังเกียจ และด่าด้วยคำหยาบๆคาย มีแต่แม่ที่ยื่นมือเข้ามา แม่ป่วยเป็นโรคประสาทตั้งแต่เลิกกับพ่อ แม่จะโทรมาหาพ่อบ่อยๆเพื่อให้พ่อหายโกรธน้อง แต่คำตอบคือไม่ และคำด่าว่าเธอมันบ้า ประสาทใครจะไปรับได้ ฉันผิดหวังและเสียใจมากๆที่พ่อทำแบบนี้
ฉันรู้ว่าน้องทำผิด และมันเป็นเรื่องร้ายแรงมาก แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องตัดสินฉันไปแบบนั้นด้วย ปิดกั้นฉันจากโลกภายนอก ให้ฉันอยู่ในนรกบนดินนี้ แม่โทรมาหาฉันเกือบทุกวัน บอกว่าเสมอๆว่าคิดถึง ทำไมไม่มาหาแม่บ้าง ฉันอยากไปใจจะขาด แต่ต้องโกหกแม่ว่า "เรียนผู้ช่วยพยาบาลยังไม่จบ" (ฉันเรียนผู้ช่วยพยาบาลวัน เสาร์- อาทิตย์ /จันทร์-ศุกร์ ฉันเรียนมัธยมตามปกติ)เพราะพ่อพูดว่า " จะไปทำไม แม่เธอมันบ้าไม่ต้องไป " ในเมื่อพ่อจะไม่ส่งฉันเรียนฉันก็ต้องทำงานเพื่อเก็บเงินมาใช้ในมหาลัย ฉันติดสินจะเรียนรามคำแหง แต่จะไปเรียนตามปกติ และหางานพาร์ทไทม์ทำหลังเลิกเรียน แต่พ่อก็ไม่ยอมให้ฉันไป โดยให้ฉันช่วยงานอยู่ที่ร้านอาหาร โดยที่ฉันต้องตื่นตั้งแต่ ตี 5 มาทำงานและเสร็จงานตอน 4 ทุ่ม ไม่มีเงินค่าจ้างหรือค่าขนมใดๆ มีแต่ข้าวเช้าที่ได้กินตอนบ่าย และข้าวกลางวัน ตอน 3 ทุ่ม ทั้งที่ลูกของแม่เลี้ยงได้ 300 เท่าเทียมไหมล่ะสังคมนี้ เรียนก็ไม่ส่ง จะไปทำงานหาเงินมาเรียนก็ไม่ให้ไป ฉันตัดสินใจจะโกหกพ่อว่าไปฝึกงานโรงพยาบาลที่ กทม. 3 เดือน แต่นัดกับเพื่อนไว้แล้วว่าจะไปทำพาร์ทไทม์เก็บเงินเรียน มีอะไรจะแย่ไปกว่านี้ไหมค่ะ ดิฉันรู้สึกไปหมดเลย แอบร้องไห้อยู่บ่อยๆในความโชคร้ายของตัวเอง ฉันทำถูกไหมที่จะทำแบบนี้