คงเป็นสวรรค์สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่เหน็ดเหนื่อยจากการดูแลเจ้าตัวจิ๋วแสนซนตัวร้าย หรืออ่อนล้าการทำงานมาอย่างหนักทั้งวัน ถ้าเด็กๆจะนั่งนิ่งๆให้ได้พักหายใจกันบ้าง Tablet และ Device ต่างๆ ถูกนำมาเป็นตัวช่วยที่คุณพ่อคุณแม่หลายๆคู่นำมาใช้เป็นตัวช่วยเพื่อให้เจ้าตัวเล็กหยุดวิ่งและยอมนั่งนิ่งอยู่กับที่

         สมัยที่เรายังเด็กพ่อแม่ของเราอาจจะหลอกล่อให้เราเชื่อฟังด้วยขนมหวาน ที่แม้จะอร่อยและทำให้เรามีความสุข แต่หากบ่อยเข้าก็อาจจะทำให้เรากลายเป็นเด็กอ้วนหรืออาจจะฟันผุฟันหลอได้

         ลองมาดูกันว่าเจ้าผู้ช่วยทันสมัยอย่างเจ้ามือถือ smart phone หรือ tablet ต่างๆเหล่านี้จะเป็นพิษต่อเด็กๆที่รักของเราเหมือนขนมหวานเหล่านั้นหรือเปล่านะ



ขอเข้าทฤษฎีนิดนึง <ขี้เกียจอ่านก็ข้ามส่วนนี้ไปได้ค่า>
********************************************************************
จากทฤษฏีพัฒนาการของเพียเจย์ (แบบย่อๆ)

อายุ เกิด - 2ปี อยู่ในขั้นประสาทรับรู้และการเคลื่อนไหว
         พฤติกรรมหลักของเด็กในวัยนี้ขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นการแสดงออกทางด้านร่างกายจะสื่อถึงระดับสติปัญญาของเจ้าตัวเล็ก คือ เด็กสามารถแก้ปัญหาได้ แม้จะไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูด แต่เด็กจะต้องมีโอกาสที่จะสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมด้วยตนเองเพื่อให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาในส่วนนี้

อายุ 2-7 ปีขั้นก่อนปฏิบัติการคิด
--> 2 - 4 ปี Preconceptual Thought คือเด็กเริ่มมีเหตุผลเบื้องต้น สามารถโยงความสัมพันธ์ระหว่างเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ หรือมากกว่าเป็นเหตุผลเกี่ยวโยงกันได้ แต่เหตุผลยังจำกัด เนื่องจากเด็กยังยึดตนเองเป็นศูนย์กลางของโลก เหตุผลจึงอาจไม่ตรงตามความจริง นอกจากนี้ความคิดรวบยอดของเด็กวัยนี้อาจยังไม่พัฒนาเต็มที่ แต่ในด้านพัฒนาการทางภาษาของเด็กเจริญรวดเร็วมาก

--> 4 - 7 ปี Intuitive Thought ขั้นนี้เด็กจะมีความคิดรวบยอดดีขึ้นสามารถ apply แก้ปัญหาโดยใช้ประสบการณ์จากเรื่องที่ต่างกันแต่มีความเชื่อมโยงกันได้ การคิดหาเหตุผลของเด็กยังขึ้นอยู่กับสิ่งที่ตนรับรู้ หรือสัมผัสจากภายนอก

อายุ 7-11 ปี ขั้นปฏิบัติการคิดด้านรูปธรรม
          ความคิดของเด็กวัยนี้สามารถสร้างกฎเกณฑ์ และตั้งเกณฑ์ในการแบ่งสิ่งแวดล้อมออกเป็นหมวดหมู่ได้ สามารถเข้าใจเหตุผล แก้ปัญหาสิ่งต่างๆ ที่เป็นรูปธรรมได้ เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องปริมาตร สามารถเข้าใจความสัมพันธ์ของส่วนย่อย ส่วนรวม โดยลักษณะเด่นของเด็กวัยนี้คือ ความสามารถในการคิดย้อนกลับ ความสามารถในการจำของเด็กในช่วงนี้มีประสิทธิภาพขึ้น สามารถจัดกลุ่มได้อย่างสมบูรณ์ สามารถสนทนาและเข้าใจความคิดของผู้อื่นได้ดี

อายุ 11-15 ปี ขั้นปฏิบัติการคิดด้วยนามธรรม
          ขั้นนี้พัฒนาการทางสติปัญญาและความคิดของเด็กจะเริ่มเป็นแบบผู้ใหญ่ ความคิดแบบเด็กจะสิ้นสุดลง สามารถคิดหาเหตุผล คิดแบบนักวิทยาศาสตร์ สามารถตั้งสมมุติฐานและทฤษฎี และเห็นว่าความเป็นจริงที่เห็นด้วยการรับรู้ที่สำคัญเท่ากับความคิดกับสิ่งที่อาจจะเป็นไปได้ เด็กวัยนี้มีความคิดนอกไปจากปัจจุบัน สนใจในการสร้างทฤษฎีเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างและมีความพึงพอใจที่จะคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นนามธรรม
********************************************************************

          จากทฤษฏีพัฒนาการ (ด้านบน) แสดงให้เห็นว่าหากเด็กๆมีโอกาสเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อม และสังคมรอบข้างอย่างเหมาะสม โดยมีพ่อแม่ที่รักให้การสนับสนุนอย่างถูกวิธี ก็จะทำให้เด็กจิ๋วจอมแสบเหล่านั้น เติบโตขึ้นเป็นวัยรุ่นที่มีพัฒนาการทางความคิด มีพัฒนาการด้านจริยธรรม สามารถปรับตัวเพื่อเติบโตไปกับสังคมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้ดี จนเติบใหญ่กลายเป็นประชากรที่มีความสุข และเป็นประชากรที่มีคุณภาพต่อไป

          Technology นั้นเปรียบเสมือนดาบ 2 คม มีประโยชน์ต่อชีวิตของเรา และอาจหลีกเลี่ยงยากต่อการสัมผัส แต่ทว่าในขณะเดียวกันหากนำไปใช้ในกลุ่มที่ยังมีวุฒิภาวะไม่เพียงพอที่จะสามารถมี "วินัย" ในการใช้ technology เหล่านั้น ก็อาจจะกลายเป็นดาบที่ทำร้ายพัฒนาการของลูกน้อยได้อย่างร้ายกาจทีเดียว

         
ท้ายที่สุดคุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง (ที่มีความเข้าใจขั้นพัฒนาการแล้ว) ลองชั่งใจ ประเมิน และตอบคำถามต่อไปนี้กันนะคะ

         
การให้เจ้าเด็กน้อยแสนฉลาดนั่งนิ่งๆอยู่กับอุปกรณ์ technology อันทันสมัย นอกจากจะทำให้พวกเขาหยุดนิ่งแล้วนั้น จะทำให้พัฒนาการของพวกเขาหยุดนิ่งไปด้วยหรือไม่?

(สืบเนื่องจาก 10 Reasons Why Handheld Devices Should Be Banned for Children Under the Age of 12 )

(ลองเข้าไปอ่านกันนะคะ)
http://www.huffingtonpost.com/cris-rowan/10-reasons-why-handheld-devices-should-be-banned_b_4899218.html?utm_hp_ref=fb&src=sp&comm_ref=false