“คุณเดินไปอาบน้ำไหวไหม”
สิงห์ที่อยู่ในชุดกางเกงขายาว กับเสื้อยืดสีขาวพร้อมนอน ถามคนที่ยังไม่ยอมมองหน้าเขาอย่างใจเย็น แต่เมื่อเห็นว่าเธอยังนิ่งอยู่อย่างนั้นเขาจึงเดินเข้าไปในห้องน้ำแทน ชลนามองตาม และรีบเบนสายตาหนีเมื่อเห็นเขาเดินออกมา แต่แล้ว คนเคยเงียบก็ต้อง ส่งเสียงอุทานเบาๆ เมื่อสิงห์เดินดุ่มๆมาอุ้มเธอลอยจากเตียง
“ปล่อยฉัน”
“คุณเดินไม่ไหวหรอก ขาคุณบวมมาก”ชลนามองคนพูดที่ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆทั้งสิ้นอย่างขัดใจ แต่ก็พูดอะไรไม่ออก เธอหมดพลังไปจากการทุ่มเทอาละวาด ทำลายข้าวของไปเยอะ
“ผมเตรียมน้ำไว้ให้แล้ว คุณอาบไหวไหม” ชลนาปรายตามองเขานิดหนึ่ง ก่อนจะหันหน้าไปอีกทาง ไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำขอบคุณใดๆออกมา คำขอบคุณคงไม่จำเป็น ในเมื่อเขาเป็นคนบังคับคนที่ขาใช้การไม่ได้อย่างเธอมาอยู่ที่นี่เอง เขาก็จะต้องรับผิดชอบเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว!
เมื่อเหลือเพียงตัวคนเดียวแน่นอนแล้ว ชลนาจึงค่อยๆปลดเสื้อผ้าออกอย่างไม่ยากเย็นนัก ก่อนจะก้าวอย่างระมัดระวังลงอ่างที่มีน้ำและฟองฟูฟ่องน่าอาบ ความเย็นของน้ำ ทำให้คนที่เหนื่อยมากับการใช้พลังผ่อนคลายลง เธอค่อยๆหลับตาลง ตั้งใจจะนอนแช่น้ำให้สบายกาย สบายใจ แล้วค่อยออกไปเผชิญกับเรื่องวุ่นวายที่มีเพียงประตูห้องน้ำกั้น
“คุณชล!!”
ชลนาลืมตาขึ้นอย่างตกใจ เมื่อรับรู้ถึงการถูกรุกราน และยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีก เมื่อเห็นว่าตนอยู่ในสภาพเปลือย โชคยังดีที่มีฟองสบู่ช่วยปกปิดบางแห่งไว้ แต่บางส่วนเช่นเนินอก กลับเปิดเผยจนสามารถเห็นได้ชัด
“กรี้ด!!!!!!”
สิงห์รีบหันหลังให้กับเสียงกรีดร้องแหลมหูของชลนา หายใจติดๆขัดๆ เมื่อภาพที่เห็นเมื่อสักครู่ยังจำติดตา
“หยุดกรี้ดได้แล้วคุณ ผมแค่เห็นว่าคุณเข้ามานาน แล้วไม่ออกไปซักที ผมเป็นห่วง….”
“เป็นห่วงฉัน หรือต้องการอะไรกันแน่ ไอ้โรคจิต ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!”ชลนาตะโกนใส่คนที่ยังหันหลังให้เธออย่างเจ็บใจ ความอายทำให้มีรอยระเรื่ออยู่บนใบหน้า เธอไม่แน่ใจ ว่าเขาจะเห็นร่างกายเธอไปถึงส่วนไหน แต่ที่แน่ๆ เธอไม่ให้อภัยเขา!
“…ยังมีแรงตะโกนด่าปาวๆแบบนี้ ผมก็วางใจ”
ชลนาที่ทั้งโกรธทั้งอาย รีบยกมือปกปิดร่างกายอย่างตกใจ เมื่อเขาหันมาอีกครั้ง ถึงแม้ว่าฟองสบู่จะช่วยปกปิดบางส่วนแล้วก็ตาม แต่ตรงเนินอกซึ่งกระเพื่อมขึ้นตามแรงหายใจ และมีฟองน้ำปกปิดน้อยกว่าส่วนอื่น แค่คิดว่าเขาอาจจะเห็น น้ำตาก็รื้นขึ้นมาอย่างอัดอั้นตันใจ เมื่อรู้สึกว่าช่างเป็นเรื่องน่าอายเหลือเกินที่มีสถานการณ์เช่นนี้กับคนแปลกหน้า
สิงห์มองใบหน้าที่เดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีดนั้นอย่างเห็นใจ สายตาของเขาคงที่อยู่ระดับสายตาเท่านั้น ไม่คิดจะมองเลยไปส่วนอื่นให้ใครต้องรู้สึกอับอายเพิ่มขึ้น
“คุณ…อาบเสร็จแล้วก็รีบออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว ผมเตรียมไว้ให้ข้างนอก”
กล่าวเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ ก่อนจะพาตัวเองให้ออกไปจากความเป็นส่วนตัวของชลนาแต่โดยเร็ว เมื่อพ้นจากสายตาไม่เป็นมิตรของคนในห้องน้ำ สิงห์ส่ายหัวให้กับความบุ่มบ่ามของตัวเองที่เป็นห่วงชลนาจนไม่ทันได้ไตร่ตรองให้ดี เมื่อเขาเห็นว่าเธอหายเข้าไปในห้องน้ำร่วมชั่วโมงกว่าแล้วยังไม่ออกมา จึงได้เปิดประตูห้องน้ำที่ไม่มีกลอนเข้าไป แล้วเหตุการณ์ก็เป็นดังเช่นที่ผ่านมา ..แต่ครั้งนี้เขาไม่ถือว่าเป็นความผิดของตัวเองเต็มร้อย ในเมื่อชลนาก็เข้าไปนานเกินไปจริงๆ แล้วอีกอย่าง เขาก็ทำไปเพราะความเป็นห่วงเธอไม่ได้หวังจะฉวยโอกาสใดๆทั้งนั้น
ทางด้านชลนาถึงแม้ว่าจะจัดการพันตัวเองกับผ้าขนหนูเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ เธอไม่รู้ว่าจะต้องรับมือกับอะไรข้างนอกนั่น เธอไม่มีวันยอมออกไปในสภาพเกือบเปลือยและมีแต่ผ้าขนหนูพันตัวแบบนี้แน่นอน
ขณะที่คนในห้องน้ำกำลังครุ่นคิด เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ชล คุณ..เสร็จรึยัง”
“….”
ชลนาเม้มปากอย่างอึดอัดเมื่อเขาส่งเสียงผ่านเข้ามา แต่เธอทำใจออกไปในสภาพนี้ไม่ได้ เขาเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่สมควรมาเห็นเธอนุ่งน้อยห่มน้อยเช่นนี้..อย่างน้อยก็เหลือศักดิ์ศรีให้เธอบ้างไม่ได้หรือ
“ออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้นะคุณ”
เธอยังคงเม้มปากไว้แน่น ไม่ยอมตอบเขาอย่างเด็ดขาด..
“ผมจะให้เวลาคุณอีกห้านาที คราวนี้ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสภาพไหนผมจะไม่สน”
“ห้ามเข้ามานะ!”
เผลอตัวตอบเขาออกไปอยากตกใจ เมื่อคิดว่าเขาจะเปิดประตูขึ้นมาอีกครั้ง ชลนามองประตูห้องน้ำอย่างขัดใจ ทำไมเขาถึงได้สร้างประตูห้องน้ำที่ไม่มีที่ล็อคนะ!
“งั้นก็ออกมา”
“ถ้าฉันออกไป ก็โง่เกินไปแล้วล่ะ” ชลนาที่นั่งพิงอยู่กับผนังพื้นห้องน้ำ ตะโกนผ่านประตูห้องน้ำไปอย่างโมโห
“ถ้าคุณไม่ออกมา คุณจะเจออะไรที่โง่กว่า”
ชลนารีบเอาแผ่นหลังไปพิงตรงประตูเมื่อมีความรู้สึกว่าเขาจะเข้ามาจริงๆ อย่างน้อยเธอก็จะต้องต้านเอาไว้ ไม่ยอมให้เขาเข้ามาง่ายๆ ..ถึงจะคิดแบบนั้น แต่เพียงไม่นาน เธอก็รู้สึกได้ถึงแรงดันจากภายนอก ชลนาพยายามฝืนตัวเองไว้สุดแรง แต่..
ว้ายย! พรวด!
เมื่อเห็นเขาเข้ามายืนยิ้มให้อยู่ตรงหน้า เธอก็แทบจะร้องให้ ทำไมเขาถึงเข้ามาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้!
“ในเมื่อคุณไม่ยอมออกไปเอง ผมจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณเอง”
“อย่านะ”
เธอถอยหลังหนีด้วยแรงที่มี แต่ขาที่เจ็บก็ไม่เอื้ออำนวย เขาเดินเพียงสองก้าว ก่อนจะอุ้มเธอตัวลอยดังเช่นที่เคยทำด้วยท่าทางสบายๆแต่เพิ่มระดับความโหดบนใบหน้า
เธอทุบกำปั้นลงบนอกที่มีเสื้อยืดสีขาวทับอยู่อย่างเจ็บใจ แต่คนตัวใหญ่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกเจ็บ เมื่อเขาปล่อยเธอลงบนเตียง ชลนาก็รีบคลานตัวเองไปอยู่อีกมุมของเตียงเตรียมรับมืออย่างเร็วที่สุด
“ฉัน ..ฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเอง!”
สิงห์มองคนดื้อที่ผมยังมีรอยน้ำหยดลงบนตัวนิ่งๆ แล้วหัวเราะแกนๆ ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวของตนมาวางไว้ตรงเตียงฝั่งตัวเองแล้วตบ แปะๆ ลงบนเตียงเป็นเชิงเชื้อเชิญ
“มาเอาไปสิ”
ชลนามองเขาอย่างไม่ไว้ใจ แต่เมื่อเห็นว่าเขาจะเดินเข้ามาพร้อมกับเสื้อตัวนั้น เธอก็รีบตะโกนอย่างสุดเสียง
“หยุด! คุณไม่ต้องเข้ามา ฉันจะเข้าไปเอาเอง”
สิงห์ที่ไม่อยากจะขัดใจเธอเท่าไหร่นัก วางเสื้อไว้ที่เดิมแต่โดยดี ชี้เสื้อผ้าของหญิงสาว ราวกับจะบอกว่า เข้ามาเอาได้แล้ว
ชลนาเอื้อมมือไปหยิบช้าๆ เมื่อสามารถจับเสื้อได้แล้วตั้งใจจะดึงกลับ สิงห์กลับจับเสื้ออีกด้านไว้ก่อน
“อะไรอีกเล่า!”
“พูดว่าขอบคุณก่อนสิ นี่ผมบริการอย่างดีเลยนะ ทั้งอุ้มคุณไปมาเพราะขาคุณเจ็บ ทั้งเตรียมน้ำ ทั้งเอาเสื้อผ้ามาให้ ”
“อะไรนะ!!!!”
สิงห์รู้ว่าเธอได้ยินชัดเจน เขากระชับนิ้วที่จับเสื้อแน่นมากขึ้น ก่อนจะมองหญิงสาวอย่างท้าทาย
“มันสำคัญตรงไหน คุณสามารถเอามันไปต้มกินแทนข้าวได้เหรอไง”
“ถ้าคุณไม่พูด ก็ไม่ต้องเอา คืนนี้ก็นอนแบบมีผ้าขนหนูพันแบบนี้ก็แล้วกัน คุณ..ก็ดูดีนะ”
ชลนาถลึงตาใส่เขาที่กำลังทำท่าสำรวจเธอ ก่อนจะกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคออย่างยากเย็น แล้วตัดสินใจ…ทำในสิ่งที่เขาต้องการ
“ขอบคุณ!”
“หางเสียงไปไหน?” ระหว่างคิ้วของเขาย่นเข้าหากัน ชลนามองผู้ชายที่มือข้างหนึ่งจับเสื้อ มืออีกข้างไขว้หลังไว้นั้นอย่างสะกดอารมณ์
“นี่คุณเป็นครูสอนมารยาทหรือไง!!!”
“หางเสียง”เขายังคงเน้นย้ำในสิ่งที่ต้องการ
“….ขอบ คุณ ค่ะ! แค่นี้ใช่ไหมที่ต้องการ”
ชลนาเน้นคำพูดทุกคำ ก่อนจะกระชากเสื้อจากมือเขาอย่างแรง แต่เป็นจังหวะที่เขาปล่อยเสื้อพอดี ทำให้เธอที่นั่งอยู่บนเตียงอยู่แล้ว แผ่ราบไปกับเตียงทันทีด้วยท่วงท่าที่ไม่มีคำว่า ‘ดูดี’ เอาเสียเลย
“ก็เท่านี้”
สิงห์ยิ้มบางๆ ไม่สนใจหน้าเหลอหลาของคนที่ยังค้างอยู่ที่ท่าประหลาดๆบนเตียง ก่อนจะเดินหลังไปหยุดลงที่โต๊ะเครื่องแป้งของมารดา
“เสร็จแล้วใช่ไหม”สิงห์พูดพร้อมกับสำรวจโต๊ะเครื่องแป้งไปด้วย
“มีอะไรอีก!”
ชลนาที่เพิ่งใส่เสื้อเชิ้ตเสร็จ ส่งเสียงห้วน ให้กับสิงห์ที่ยืนพิงเก้าอี้อยู่อย่างรำคาญปนไม่ไว้ใจ
“…”
คำพูดของชลนาแข็งกระด้างจนหาความนิ่มนวลของคำพูดไม่เจอ เขามองเธอนิ่ง ก่อนจะเดินมาหยุดที่เตียงข้างเดียวกับที่หญิงสาวนั่งพิงเตียงอยู่ แล้วสอดมือเข้าที่เอวบางกับเรียวขาเปลือยของหญิงสาวโดยไม่สนใจปฏิกิริยาต่อต้านและตื่นตระหนกของเธอ เขารวบเธอเข้ามาสู่อ้อมกอดอีกครั้งอย่างเริ่มเคยชินกับน้ำหนัก กลิ่นหอมจากครีมอาบน้ำ ส่งผลให้เดินสะดุดเบาๆอย่างไม่ตั้งตัว …สิงห์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะคลายแล้วยิ้มบางๆที่มุมปากแทน
“เป็นบ้าเหรอไง ยิ้มอยู่คนเดียว”
สิงห์ไม่ตอบ แต่วางหญิงสาวลงบนเก้าอี้ที่เขาพิงเมื่อครู่แทน ก่อนจะใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดผมยาวเปียกชื้นของเธอช้าๆ ชลนามองหน้าเขาผ่านกระจก เม้มปากและลองกัดริมฝีปากตัวเองดูว่าเธอไม่ฝันไป
“คุณรู้ไหม ว่าทำแบบนี้เขาเรียกว่าการลักพาตัว”
“อย่างนั้นเหรอ”
เขาแค่นหัวเราะแบบเคยชิน ชลนาเอี้ยวตัว ปัดมือเขาออกจากผมของเธอ
“ใช่! และไม่ว่าคุณจะแกล้งมาทำดีกับฉันยังไง ก็อย่าหวังเลยว่าฉันจะหลงกล ไม่ได้โง่นะ!”
“ไม่มีใครว่าคุณโง่สักหน่อย…”เขาถอนหายใจ
“เอ้ะ! นี่คุณว่าฉันว่าตัวเองเหรอ”
“ผมพูดอย่างนั้นเหรอ”
เขายังคงตอบกลับมาแบบไม่ยี่หระ ทำให้ชลนาฉุนกึก ปัดผ้าในมือเขาออกห่างผมเธออีกรอบ แล้วลุกขึ้นยืนกะจะเอาเรื่องเขาที่กวนอารมณ์ แต่เธอกลับได้เรื่องเสียเอง เมื่อขาเจ็บแปลบขึ้นมาอีก ได้แต่รีบนั่งลงแล้วลูบขาตัวเองป้อยๆ
“อูยยย”
“เจ็บมากไหม”
สิงห์ถามแต่มือก็ยังเช็ดผมเธอป้อยๆ ชลนาค้อนเขาผ่านเงาในกระจก คิดว่าเขาถามไปอย่างนั้น ท่าทีก็ไม่ได้เห็นจะเป็นห่วงเธอสักนิด
“คุณลองมาเป็นฉันดูไหมล่ะ”
“ไม่ล่ะ ผมไม่ใช่คนซุ่มซ่าม”
“นี่คุณว่าฉันซุ่มซ่ามเหรอ!”
“เปล่า…ผมว่าอย่างนั้นเหรอ”เขายังคงพูดเสียงเนิบนาบ และตั้งอกตั้งใจเช็ดผมเธออย่างเต็มที่ ไม่สนมือของชลนาที่หันมาปัดมือเขาอย่างจริงจัง เมื่อเธอปัด เขาก็หยุด และเริ่มเช็ดต่อ วนไปอย่างนี้หลายรอบจนคนปัดเริ่มเหนื่อย หยุดปัดไปซะเอง
“โอ๊ย! ฉันกำลังจะเป็นบ้า เพราะคุณ รู้บ้างไหม!!!”
สิงห์มองคนทำหน้าเหมือนอยากจะร้องให้ แล้วนึกขำในใจ ผู้หญิงคนนี้มักจะแสดงความรู้สึกผ่านทางสีหน้าเสมอ
“ฉันรู้ว่าคุณไม่ใช่คนใจร้าย…”
ชลนามองเขาผ่านกระจก พยายามมองสบตาอย่างจริงใจที่สุก แล้วก็เห็นเขาเลิกคิ้วขึ้นสูง ดังจะรอฟังเธออยู่เช่นกัน จึงแสร้งถอนหายใจเสียงดังอย่างอัดอั้นตันใจที่สุดในชีวิต แล้วเอ่ยประโยคที่ทำให้คนรอฟังแทบจะทำหน้าไม่ถูก
“ฉันจะจ่ายเงินเท่าที่คุณต้องการเลย ..แล้วเราต่างคนต่างไป ฉันจะถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ตกลงนะ!”
สิงห์มองคนที่พูดจารวบรัดเอง เออเอง ก่อนจะกระตุกยิ้มที่มุมปากแต่ก็ยังไม่พูดอะไร ชลนาเห็นดังนั้นก็นึกว่าเขาจะชอบข้อเสนอของเธอ เผลอยิ้มกว้างขึ้น เพิ่งเข้าใจเรื่องไม้แข็งไม้อ่อนก็วันนี้ เมื่อตอนหัวค่ำเธออาละวาดแทบตาย เขาคงไม่พอใจ แต่ถ้าพูดกับเขาดีๆ เขาก็คงจะเข้าใจ…
“เงินที่คุณจะให้ผมนั่นเงินใครล่ะ มากแค่ไหน”
“ก็เงินของ....เอ่อ ก็คงมาก..” แม่ ชลนาเกือบจะตอบเช่นนี้ไปแล้ว แต่ก้อนสะอึกในลำคอทำงาน เธอมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ตกลงว่าเขาจะยอมทำตามที่เธอขอ หรือไม่กันแน่
“เอาเป็นว่า ถ้าคุณมีเงินเป็นของตัวเองเมื่อไหร่ เราค่อยมาคุยกันเรื่องนี้”
“โอ๊ย ทำไมเรื่องมาก..”
“ผมคุณแห้งพอดี” เขาพูดโดยไม่เสียเวลาฟังเธอให้จบ เขาเดินอ้อมมาด้านหน้า พาเธอขึ้นสู่อ้อมกอด ก่อนจะวางเธอลงบนเตียงของมารดา
“ราตรีสวัสดิ์”
เขาเอ่ยเบาๆเมื่อจัดการดึงผ้าห่มให้เธอเรียบร้อย
“ไปไกลๆฉันสักทีเถอะ รำคาญจะแย่””
พูดจบก็ดึงผ้าห่มจากบริเวณหน้าอกมาคลุมโปง พลางครุ่นคิด ไม่ว่าจะลงแรงไปเท่าไหร่ เขายังแสดงให้เธอเห็นว่าไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรกับการอาละวาด ด่า จิกกัดของเธอเลยแม้แต่น้อย..
นอกจากนี้ รู้จักกันไม่ถึงวันดี ดันโดนเขาถึงเนื้อถึงตัวไปตั้งหลายครั้ง แต่อะไรก็ไม่เจ็บใจเท่า เขาได้เห็นเธอโป๊ แล้วยังทำหน้าตาเฉยได้ลงคอ!! ชลนาอยากจะบ้าตาย นี่เธอต้องทิ้งชีวิตไว้กับผู้ชายที่เดาใจยากคนนี้หรือ แล้วถ้าแต่งงานไปตอนนี้ ชีวิตที่แสนจะสงบสุขในโลกส่วนตัวของเธอจะต้องพังทลายลงหรือเปล่า แล้วชีวิตโสดที่แสนจะลั้ลลา เฮฮาปาร์ตี้ของเธอกับเพื่อนๆ ก็จะไม่มีอีกต่อไป…งานที่คิดจะทำก็เป็นอันต้องพับไว้ แล้วไปเป็นภรรยาทาส ทำงานบ้านงกๆ เลี้ยงลูกจนเหงือกแห้ง ไร้ซึ่งความสวยใส ของหญิงสาวที่วัยยังไม่ใกล้เบญจเพศ…
เล่ห์รัก ตอนที่ 3
สิงห์ที่อยู่ในชุดกางเกงขายาว กับเสื้อยืดสีขาวพร้อมนอน ถามคนที่ยังไม่ยอมมองหน้าเขาอย่างใจเย็น แต่เมื่อเห็นว่าเธอยังนิ่งอยู่อย่างนั้นเขาจึงเดินเข้าไปในห้องน้ำแทน ชลนามองตาม และรีบเบนสายตาหนีเมื่อเห็นเขาเดินออกมา แต่แล้ว คนเคยเงียบก็ต้อง ส่งเสียงอุทานเบาๆ เมื่อสิงห์เดินดุ่มๆมาอุ้มเธอลอยจากเตียง
“ปล่อยฉัน”
“คุณเดินไม่ไหวหรอก ขาคุณบวมมาก”ชลนามองคนพูดที่ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆทั้งสิ้นอย่างขัดใจ แต่ก็พูดอะไรไม่ออก เธอหมดพลังไปจากการทุ่มเทอาละวาด ทำลายข้าวของไปเยอะ
“ผมเตรียมน้ำไว้ให้แล้ว คุณอาบไหวไหม” ชลนาปรายตามองเขานิดหนึ่ง ก่อนจะหันหน้าไปอีกทาง ไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำขอบคุณใดๆออกมา คำขอบคุณคงไม่จำเป็น ในเมื่อเขาเป็นคนบังคับคนที่ขาใช้การไม่ได้อย่างเธอมาอยู่ที่นี่เอง เขาก็จะต้องรับผิดชอบเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว!
เมื่อเหลือเพียงตัวคนเดียวแน่นอนแล้ว ชลนาจึงค่อยๆปลดเสื้อผ้าออกอย่างไม่ยากเย็นนัก ก่อนจะก้าวอย่างระมัดระวังลงอ่างที่มีน้ำและฟองฟูฟ่องน่าอาบ ความเย็นของน้ำ ทำให้คนที่เหนื่อยมากับการใช้พลังผ่อนคลายลง เธอค่อยๆหลับตาลง ตั้งใจจะนอนแช่น้ำให้สบายกาย สบายใจ แล้วค่อยออกไปเผชิญกับเรื่องวุ่นวายที่มีเพียงประตูห้องน้ำกั้น
“คุณชล!!”
ชลนาลืมตาขึ้นอย่างตกใจ เมื่อรับรู้ถึงการถูกรุกราน และยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีก เมื่อเห็นว่าตนอยู่ในสภาพเปลือย โชคยังดีที่มีฟองสบู่ช่วยปกปิดบางแห่งไว้ แต่บางส่วนเช่นเนินอก กลับเปิดเผยจนสามารถเห็นได้ชัด
“กรี้ด!!!!!!”
สิงห์รีบหันหลังให้กับเสียงกรีดร้องแหลมหูของชลนา หายใจติดๆขัดๆ เมื่อภาพที่เห็นเมื่อสักครู่ยังจำติดตา
“หยุดกรี้ดได้แล้วคุณ ผมแค่เห็นว่าคุณเข้ามานาน แล้วไม่ออกไปซักที ผมเป็นห่วง….”
“เป็นห่วงฉัน หรือต้องการอะไรกันแน่ ไอ้โรคจิต ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!”ชลนาตะโกนใส่คนที่ยังหันหลังให้เธออย่างเจ็บใจ ความอายทำให้มีรอยระเรื่ออยู่บนใบหน้า เธอไม่แน่ใจ ว่าเขาจะเห็นร่างกายเธอไปถึงส่วนไหน แต่ที่แน่ๆ เธอไม่ให้อภัยเขา!
“…ยังมีแรงตะโกนด่าปาวๆแบบนี้ ผมก็วางใจ”
ชลนาที่ทั้งโกรธทั้งอาย รีบยกมือปกปิดร่างกายอย่างตกใจ เมื่อเขาหันมาอีกครั้ง ถึงแม้ว่าฟองสบู่จะช่วยปกปิดบางส่วนแล้วก็ตาม แต่ตรงเนินอกซึ่งกระเพื่อมขึ้นตามแรงหายใจ และมีฟองน้ำปกปิดน้อยกว่าส่วนอื่น แค่คิดว่าเขาอาจจะเห็น น้ำตาก็รื้นขึ้นมาอย่างอัดอั้นตันใจ เมื่อรู้สึกว่าช่างเป็นเรื่องน่าอายเหลือเกินที่มีสถานการณ์เช่นนี้กับคนแปลกหน้า
สิงห์มองใบหน้าที่เดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีดนั้นอย่างเห็นใจ สายตาของเขาคงที่อยู่ระดับสายตาเท่านั้น ไม่คิดจะมองเลยไปส่วนอื่นให้ใครต้องรู้สึกอับอายเพิ่มขึ้น
“คุณ…อาบเสร็จแล้วก็รีบออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว ผมเตรียมไว้ให้ข้างนอก”
กล่าวเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ ก่อนจะพาตัวเองให้ออกไปจากความเป็นส่วนตัวของชลนาแต่โดยเร็ว เมื่อพ้นจากสายตาไม่เป็นมิตรของคนในห้องน้ำ สิงห์ส่ายหัวให้กับความบุ่มบ่ามของตัวเองที่เป็นห่วงชลนาจนไม่ทันได้ไตร่ตรองให้ดี เมื่อเขาเห็นว่าเธอหายเข้าไปในห้องน้ำร่วมชั่วโมงกว่าแล้วยังไม่ออกมา จึงได้เปิดประตูห้องน้ำที่ไม่มีกลอนเข้าไป แล้วเหตุการณ์ก็เป็นดังเช่นที่ผ่านมา ..แต่ครั้งนี้เขาไม่ถือว่าเป็นความผิดของตัวเองเต็มร้อย ในเมื่อชลนาก็เข้าไปนานเกินไปจริงๆ แล้วอีกอย่าง เขาก็ทำไปเพราะความเป็นห่วงเธอไม่ได้หวังจะฉวยโอกาสใดๆทั้งนั้น
ทางด้านชลนาถึงแม้ว่าจะจัดการพันตัวเองกับผ้าขนหนูเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ เธอไม่รู้ว่าจะต้องรับมือกับอะไรข้างนอกนั่น เธอไม่มีวันยอมออกไปในสภาพเกือบเปลือยและมีแต่ผ้าขนหนูพันตัวแบบนี้แน่นอน
ขณะที่คนในห้องน้ำกำลังครุ่นคิด เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ชล คุณ..เสร็จรึยัง”
“….”
ชลนาเม้มปากอย่างอึดอัดเมื่อเขาส่งเสียงผ่านเข้ามา แต่เธอทำใจออกไปในสภาพนี้ไม่ได้ เขาเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่สมควรมาเห็นเธอนุ่งน้อยห่มน้อยเช่นนี้..อย่างน้อยก็เหลือศักดิ์ศรีให้เธอบ้างไม่ได้หรือ
“ออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้นะคุณ”
เธอยังคงเม้มปากไว้แน่น ไม่ยอมตอบเขาอย่างเด็ดขาด..
“ผมจะให้เวลาคุณอีกห้านาที คราวนี้ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสภาพไหนผมจะไม่สน”
“ห้ามเข้ามานะ!”
เผลอตัวตอบเขาออกไปอยากตกใจ เมื่อคิดว่าเขาจะเปิดประตูขึ้นมาอีกครั้ง ชลนามองประตูห้องน้ำอย่างขัดใจ ทำไมเขาถึงได้สร้างประตูห้องน้ำที่ไม่มีที่ล็อคนะ!
“งั้นก็ออกมา”
“ถ้าฉันออกไป ก็โง่เกินไปแล้วล่ะ” ชลนาที่นั่งพิงอยู่กับผนังพื้นห้องน้ำ ตะโกนผ่านประตูห้องน้ำไปอย่างโมโห
“ถ้าคุณไม่ออกมา คุณจะเจออะไรที่โง่กว่า”
ชลนารีบเอาแผ่นหลังไปพิงตรงประตูเมื่อมีความรู้สึกว่าเขาจะเข้ามาจริงๆ อย่างน้อยเธอก็จะต้องต้านเอาไว้ ไม่ยอมให้เขาเข้ามาง่ายๆ ..ถึงจะคิดแบบนั้น แต่เพียงไม่นาน เธอก็รู้สึกได้ถึงแรงดันจากภายนอก ชลนาพยายามฝืนตัวเองไว้สุดแรง แต่..
ว้ายย! พรวด!
เมื่อเห็นเขาเข้ามายืนยิ้มให้อยู่ตรงหน้า เธอก็แทบจะร้องให้ ทำไมเขาถึงเข้ามาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้!
“ในเมื่อคุณไม่ยอมออกไปเอง ผมจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณเอง”
“อย่านะ”
เธอถอยหลังหนีด้วยแรงที่มี แต่ขาที่เจ็บก็ไม่เอื้ออำนวย เขาเดินเพียงสองก้าว ก่อนจะอุ้มเธอตัวลอยดังเช่นที่เคยทำด้วยท่าทางสบายๆแต่เพิ่มระดับความโหดบนใบหน้า
เธอทุบกำปั้นลงบนอกที่มีเสื้อยืดสีขาวทับอยู่อย่างเจ็บใจ แต่คนตัวใหญ่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกเจ็บ เมื่อเขาปล่อยเธอลงบนเตียง ชลนาก็รีบคลานตัวเองไปอยู่อีกมุมของเตียงเตรียมรับมืออย่างเร็วที่สุด
“ฉัน ..ฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเอง!”
สิงห์มองคนดื้อที่ผมยังมีรอยน้ำหยดลงบนตัวนิ่งๆ แล้วหัวเราะแกนๆ ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวของตนมาวางไว้ตรงเตียงฝั่งตัวเองแล้วตบ แปะๆ ลงบนเตียงเป็นเชิงเชื้อเชิญ
“มาเอาไปสิ”
ชลนามองเขาอย่างไม่ไว้ใจ แต่เมื่อเห็นว่าเขาจะเดินเข้ามาพร้อมกับเสื้อตัวนั้น เธอก็รีบตะโกนอย่างสุดเสียง
“หยุด! คุณไม่ต้องเข้ามา ฉันจะเข้าไปเอาเอง”
สิงห์ที่ไม่อยากจะขัดใจเธอเท่าไหร่นัก วางเสื้อไว้ที่เดิมแต่โดยดี ชี้เสื้อผ้าของหญิงสาว ราวกับจะบอกว่า เข้ามาเอาได้แล้ว
ชลนาเอื้อมมือไปหยิบช้าๆ เมื่อสามารถจับเสื้อได้แล้วตั้งใจจะดึงกลับ สิงห์กลับจับเสื้ออีกด้านไว้ก่อน
“อะไรอีกเล่า!”
“พูดว่าขอบคุณก่อนสิ นี่ผมบริการอย่างดีเลยนะ ทั้งอุ้มคุณไปมาเพราะขาคุณเจ็บ ทั้งเตรียมน้ำ ทั้งเอาเสื้อผ้ามาให้ ”
“อะไรนะ!!!!”
สิงห์รู้ว่าเธอได้ยินชัดเจน เขากระชับนิ้วที่จับเสื้อแน่นมากขึ้น ก่อนจะมองหญิงสาวอย่างท้าทาย
“มันสำคัญตรงไหน คุณสามารถเอามันไปต้มกินแทนข้าวได้เหรอไง”
“ถ้าคุณไม่พูด ก็ไม่ต้องเอา คืนนี้ก็นอนแบบมีผ้าขนหนูพันแบบนี้ก็แล้วกัน คุณ..ก็ดูดีนะ”
ชลนาถลึงตาใส่เขาที่กำลังทำท่าสำรวจเธอ ก่อนจะกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคออย่างยากเย็น แล้วตัดสินใจ…ทำในสิ่งที่เขาต้องการ
“ขอบคุณ!”
“หางเสียงไปไหน?” ระหว่างคิ้วของเขาย่นเข้าหากัน ชลนามองผู้ชายที่มือข้างหนึ่งจับเสื้อ มืออีกข้างไขว้หลังไว้นั้นอย่างสะกดอารมณ์
“นี่คุณเป็นครูสอนมารยาทหรือไง!!!”
“หางเสียง”เขายังคงเน้นย้ำในสิ่งที่ต้องการ
“….ขอบ คุณ ค่ะ! แค่นี้ใช่ไหมที่ต้องการ”
ชลนาเน้นคำพูดทุกคำ ก่อนจะกระชากเสื้อจากมือเขาอย่างแรง แต่เป็นจังหวะที่เขาปล่อยเสื้อพอดี ทำให้เธอที่นั่งอยู่บนเตียงอยู่แล้ว แผ่ราบไปกับเตียงทันทีด้วยท่วงท่าที่ไม่มีคำว่า ‘ดูดี’ เอาเสียเลย
“ก็เท่านี้”
สิงห์ยิ้มบางๆ ไม่สนใจหน้าเหลอหลาของคนที่ยังค้างอยู่ที่ท่าประหลาดๆบนเตียง ก่อนจะเดินหลังไปหยุดลงที่โต๊ะเครื่องแป้งของมารดา
“เสร็จแล้วใช่ไหม”สิงห์พูดพร้อมกับสำรวจโต๊ะเครื่องแป้งไปด้วย
“มีอะไรอีก!”
ชลนาที่เพิ่งใส่เสื้อเชิ้ตเสร็จ ส่งเสียงห้วน ให้กับสิงห์ที่ยืนพิงเก้าอี้อยู่อย่างรำคาญปนไม่ไว้ใจ
“…”
คำพูดของชลนาแข็งกระด้างจนหาความนิ่มนวลของคำพูดไม่เจอ เขามองเธอนิ่ง ก่อนจะเดินมาหยุดที่เตียงข้างเดียวกับที่หญิงสาวนั่งพิงเตียงอยู่ แล้วสอดมือเข้าที่เอวบางกับเรียวขาเปลือยของหญิงสาวโดยไม่สนใจปฏิกิริยาต่อต้านและตื่นตระหนกของเธอ เขารวบเธอเข้ามาสู่อ้อมกอดอีกครั้งอย่างเริ่มเคยชินกับน้ำหนัก กลิ่นหอมจากครีมอาบน้ำ ส่งผลให้เดินสะดุดเบาๆอย่างไม่ตั้งตัว …สิงห์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะคลายแล้วยิ้มบางๆที่มุมปากแทน
“เป็นบ้าเหรอไง ยิ้มอยู่คนเดียว”
สิงห์ไม่ตอบ แต่วางหญิงสาวลงบนเก้าอี้ที่เขาพิงเมื่อครู่แทน ก่อนจะใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดผมยาวเปียกชื้นของเธอช้าๆ ชลนามองหน้าเขาผ่านกระจก เม้มปากและลองกัดริมฝีปากตัวเองดูว่าเธอไม่ฝันไป
“คุณรู้ไหม ว่าทำแบบนี้เขาเรียกว่าการลักพาตัว”
“อย่างนั้นเหรอ”
เขาแค่นหัวเราะแบบเคยชิน ชลนาเอี้ยวตัว ปัดมือเขาออกจากผมของเธอ
“ใช่! และไม่ว่าคุณจะแกล้งมาทำดีกับฉันยังไง ก็อย่าหวังเลยว่าฉันจะหลงกล ไม่ได้โง่นะ!”
“ไม่มีใครว่าคุณโง่สักหน่อย…”เขาถอนหายใจ
“เอ้ะ! นี่คุณว่าฉันว่าตัวเองเหรอ”
“ผมพูดอย่างนั้นเหรอ”
เขายังคงตอบกลับมาแบบไม่ยี่หระ ทำให้ชลนาฉุนกึก ปัดผ้าในมือเขาออกห่างผมเธออีกรอบ แล้วลุกขึ้นยืนกะจะเอาเรื่องเขาที่กวนอารมณ์ แต่เธอกลับได้เรื่องเสียเอง เมื่อขาเจ็บแปลบขึ้นมาอีก ได้แต่รีบนั่งลงแล้วลูบขาตัวเองป้อยๆ
“อูยยย”
“เจ็บมากไหม”
สิงห์ถามแต่มือก็ยังเช็ดผมเธอป้อยๆ ชลนาค้อนเขาผ่านเงาในกระจก คิดว่าเขาถามไปอย่างนั้น ท่าทีก็ไม่ได้เห็นจะเป็นห่วงเธอสักนิด
“คุณลองมาเป็นฉันดูไหมล่ะ”
“ไม่ล่ะ ผมไม่ใช่คนซุ่มซ่าม”
“นี่คุณว่าฉันซุ่มซ่ามเหรอ!”
“เปล่า…ผมว่าอย่างนั้นเหรอ”เขายังคงพูดเสียงเนิบนาบ และตั้งอกตั้งใจเช็ดผมเธออย่างเต็มที่ ไม่สนมือของชลนาที่หันมาปัดมือเขาอย่างจริงจัง เมื่อเธอปัด เขาก็หยุด และเริ่มเช็ดต่อ วนไปอย่างนี้หลายรอบจนคนปัดเริ่มเหนื่อย หยุดปัดไปซะเอง
“โอ๊ย! ฉันกำลังจะเป็นบ้า เพราะคุณ รู้บ้างไหม!!!”
สิงห์มองคนทำหน้าเหมือนอยากจะร้องให้ แล้วนึกขำในใจ ผู้หญิงคนนี้มักจะแสดงความรู้สึกผ่านทางสีหน้าเสมอ
“ฉันรู้ว่าคุณไม่ใช่คนใจร้าย…”
ชลนามองเขาผ่านกระจก พยายามมองสบตาอย่างจริงใจที่สุก แล้วก็เห็นเขาเลิกคิ้วขึ้นสูง ดังจะรอฟังเธออยู่เช่นกัน จึงแสร้งถอนหายใจเสียงดังอย่างอัดอั้นตันใจที่สุดในชีวิต แล้วเอ่ยประโยคที่ทำให้คนรอฟังแทบจะทำหน้าไม่ถูก
“ฉันจะจ่ายเงินเท่าที่คุณต้องการเลย ..แล้วเราต่างคนต่างไป ฉันจะถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ตกลงนะ!”
สิงห์มองคนที่พูดจารวบรัดเอง เออเอง ก่อนจะกระตุกยิ้มที่มุมปากแต่ก็ยังไม่พูดอะไร ชลนาเห็นดังนั้นก็นึกว่าเขาจะชอบข้อเสนอของเธอ เผลอยิ้มกว้างขึ้น เพิ่งเข้าใจเรื่องไม้แข็งไม้อ่อนก็วันนี้ เมื่อตอนหัวค่ำเธออาละวาดแทบตาย เขาคงไม่พอใจ แต่ถ้าพูดกับเขาดีๆ เขาก็คงจะเข้าใจ…
“เงินที่คุณจะให้ผมนั่นเงินใครล่ะ มากแค่ไหน”
“ก็เงินของ....เอ่อ ก็คงมาก..” แม่ ชลนาเกือบจะตอบเช่นนี้ไปแล้ว แต่ก้อนสะอึกในลำคอทำงาน เธอมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ตกลงว่าเขาจะยอมทำตามที่เธอขอ หรือไม่กันแน่
“เอาเป็นว่า ถ้าคุณมีเงินเป็นของตัวเองเมื่อไหร่ เราค่อยมาคุยกันเรื่องนี้”
“โอ๊ย ทำไมเรื่องมาก..”
“ผมคุณแห้งพอดี” เขาพูดโดยไม่เสียเวลาฟังเธอให้จบ เขาเดินอ้อมมาด้านหน้า พาเธอขึ้นสู่อ้อมกอด ก่อนจะวางเธอลงบนเตียงของมารดา
“ราตรีสวัสดิ์”
เขาเอ่ยเบาๆเมื่อจัดการดึงผ้าห่มให้เธอเรียบร้อย
“ไปไกลๆฉันสักทีเถอะ รำคาญจะแย่””
พูดจบก็ดึงผ้าห่มจากบริเวณหน้าอกมาคลุมโปง พลางครุ่นคิด ไม่ว่าจะลงแรงไปเท่าไหร่ เขายังแสดงให้เธอเห็นว่าไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรกับการอาละวาด ด่า จิกกัดของเธอเลยแม้แต่น้อย..
นอกจากนี้ รู้จักกันไม่ถึงวันดี ดันโดนเขาถึงเนื้อถึงตัวไปตั้งหลายครั้ง แต่อะไรก็ไม่เจ็บใจเท่า เขาได้เห็นเธอโป๊ แล้วยังทำหน้าตาเฉยได้ลงคอ!! ชลนาอยากจะบ้าตาย นี่เธอต้องทิ้งชีวิตไว้กับผู้ชายที่เดาใจยากคนนี้หรือ แล้วถ้าแต่งงานไปตอนนี้ ชีวิตที่แสนจะสงบสุขในโลกส่วนตัวของเธอจะต้องพังทลายลงหรือเปล่า แล้วชีวิตโสดที่แสนจะลั้ลลา เฮฮาปาร์ตี้ของเธอกับเพื่อนๆ ก็จะไม่มีอีกต่อไป…งานที่คิดจะทำก็เป็นอันต้องพับไว้ แล้วไปเป็นภรรยาทาส ทำงานบ้านงกๆ เลี้ยงลูกจนเหงือกแห้ง ไร้ซึ่งความสวยใส ของหญิงสาวที่วัยยังไม่ใกล้เบญจเพศ…