“คิดอะไรอยู่เหรอครับ”
“ไปไกลๆเถอะน่า ไว้ฉันต้องการอะไร จะเรียก”
ชลนาเอ่ยปากไล่คนที่นั่งอยู่โซฟาอีกฝั่งหนึ่งของเตียงที่เธอนั่งอยู่ ก่อนจะเริ่มเข้าสู่ห้วงแห่งความคิดในการหาวิธีหนีเขา ทว่าเสียงของเขาก็ดังขัดขึ้นเป็นระยะๆ
“ผมไม่ใช่คนใช้”
ชลนากรอกตากับเสียงที่แสนจะขัดหูเธออย่างยิ่ง ก่อนจะตัดบทด้วยการหันหนีเขาอีกครั้ง …รู้ว่าต่อปากต่อคำกับเขาก็ไม่มีวันจะชนะ ผู้ชายอะไร เถียงเก่ง ขัดเก่ง แย้งก็เก่ง มีดีหน่อยก็แค่หน้าตาที่พอถูไถไปได้ แต่ยังโชคร้ายโดนหน้าตามึนๆนั้นบดบังรัศมีของตัวเองหมด
“ขาคุณดีขึ้นหรือยัง”
“ยัง” เธอทำเสียงจิ้จ้ะ
“แต่เราจะเข้ากรุงเทพ พรุ่งนี้”
“อะไรนะ!! คุณล้อเล่นใช่ไหม”
สิงห์หรี่ตามองคนที่เด้งตัวขึ้นจากเตียง แล้วมองหน้าแหยๆของคนลืมตัวอย่างรู้ทัน ก่อนจะส่ายหน้า
“เปล่า”
“คุณจะพาฉันกลับบ้าน…เหรอ”ชลนากลืนน้ำลายอย่างหนักอกหนักใจ คนมันไม่พร้อมจะให้ทำไงได้(ฟะ)
“ใช่”
“คุณสิงห์…คุณ เห็นใจฉันหน่อยเถอะนะ ฉันไหว้ล่ะ”
ชลนาจรดมือสองข้างลงตรงหน้าอก สังเกตเห็นหน้านิ่งๆของเขาอึ้งไปเช่นเดียวกัน แต่นั่นแหละที่เธอต้องการ ทำขนาดนี้ไม่เห็นอกเห็นใจกันก็ใจแข็งเกินไปแล้ว เธอเองก็จนปัญญาแล้วเหมือนกัน หนีก็หนีไม่พ้น ก็ต้องพูดกันตรงๆให้มันรู้แล้วรู้รอด ถ้าเขายังบังคับใจเธออยู่ เธอคงจะต้อง….
“ขาคุณพักอีกสักวันคงหาย คุณคงจะกลับพร้อมผมได้ไม่ลำบากนัก”… ฆ่าตัวตาย เธออยากจะตายให้มันรู้แล้วรู้รอด
ชลนาหน้าบึ้งขึ้นจากการไม่ได้ดั่งใจ ผู้ชายคนนี้ไม่เคยยอมเธอสักครั้ง ไม่เคยเห็นใจมนุษย์โลก (ขนาดนั้น) แล้งน้ำใจสิ้นดี! เธอคงจะทำใจให้แต่งงานกับคนใจร้ายไม่ได้เข้าไปใหญ่
“ฉันเกลียดคุณที่สุดเลย!”
“อ่าห้ะ”
“ฉันไม่หมั้นและไม่แต่งงานกับคนใจร้ายแบบคุณแน่”
“แล้วคุณจะทำยังไงล่ะ”
“ฉันจะโดดหน้าต่างตายไปเลย ถ้าคุณบังคับให้ฉันกลับไปพร้อมกับคุณ”
เมื่อเห็นว่าเขายังเงียบ และยังมองหน้าเธออยู่ราวกับต้องการฟังต่อ ชลนาก็เตรียมจะพ่นไฟ ถ้าไม่ติดที่ว่าเสียงของเขาดังขึ้นเสียก่อน
......
“ตามสบาย”
“อะไรนะ!” ชลนาอยากจะกรี้ดใส่หน้าเขาอีกรอบ
“คุณอยากจะทำอะไรก็ตามใจ ถ้าคุณไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง ผมก็คงหมดหนทางที่จะไปห้ามคุณ”
ชลนา มองคนที่กำลังเดินไปที่ประตูโดยที่ไม่สนใจมองมาทางเธอสักนิด แล้วน้ำตาแทบเล็ด ก่อนจะคว้าหมอนที่อยู่ใกล้ตัวเขวี้ยงตรงไปหาเขาอย่างหัวเสีย โดยที่ไม่รู้ว่าหลังประตูปิดลงอย่างแผ่วเบา เขาปล่อยตัวพิงอย่างสับสน หน้าประตูนั้น!




หลังจากนั้นเขาก็ไม่เข้ามาให้เธอกวนใจอีกเลย ถึงเวลาอาหาร เขาก็ให้แม่บ้านยกขึ้นมาให้เท่านั้น แต่เธอก็ไม่คิดที่จะแตะมันอยู่ดี จะเรียกว่าเป็นการประท้วงก็ได้ แต่มันก็เป็นการประท้วงที่ทรมานที่สุด ในเมื่อเขาไม่คิดที่จะสนใจและเธอก็หิวจนไส้กิ่ว จนเมื่อประตูถูกเปิดเข้ามาอีกที ถึงได้มีหน้ามึนๆของเขาโผล่มาให้เห็น ชลนาแอบเบ้ปาก ไม่เห็นหน้าเขายังเจริญตามากกว่าเยอะ
“ทำไมคุณไม่ทานข้าว”
ตอนนั้นเอง ที่เธอถึงได้เห็นว่าเขายกถาดอาหารเข้ามาด้วย ชลนามองถาดอาหารที่ถูกวางลงบนเตียง อย่างชั่งใจ ก่อนจะถอนหายใจเสียงดัง
“คงกินลงหรอก”
หญิงสาวปดแต่สายตายังมองไปที่ถามอาหารอยู่
“คุณโกรธผมมากไหม”
มากจนแทบจะบ้าตายแล้ว เธอถอนหายใจใส่เขาอีกรอบ ราวกับเหนื่อยใจหนักหนา ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นตอบ
“ถ้าฉันโกรธแล้วจะทำไม คุณก็ไม่คิดที่จะสนใจอะไรไปมากกว่าลากฉันกลับไปอยู่ดี”
สิงห์มองปากยื่นๆนั้นด้วยความรู้สึกที่แปลกๆ
“ถ้าคุณยังไม่อยากกลับพร้อมผม..ผมมีอีกหนึ่งข้อเสนอ”
“ข้อเสนออะไร”
เธอมองเขาอย่างไม่ไว้ใจ
“ผมจะบอกหลังคุณทานข้าวเสร็จ”
“เฮอะ”
“ถ้าคุณไม่อยากรู้ ผมไปก็ได้ แล้วพรุ่งนี้เช้า ผมจะเอาคุณกลับไปส่งที่บ้าน”
เขาทำท่าว่าจะหันหลังให้เธอ ด้วยความตกใจว่าโอกาสจะหลุดลอยไป ชลนารีบคว้าแขนเขาไว้ทันที สิงห์เลื่อนสายตามองมือที่รั้งเขาไว้อย่างพอใจ
“ก็ได้ ฉันหิวพอดี”
เธอปล่อยมือจากแขนเขา แล้วหันมาจัดการอาหารที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายอย่างไม่รีรอ สิงห์ยืนเฝ้าสักครู่ ก่อนจะเดินไปนั่งรอที่นั่งประจำของตัวเอง เมื่อคืนเขานั่งรอจนเธอหลับถึงได้ลงไปนอนที่ห้องรับแขกด้านล่างเพราะยังมีงานคั่งค้างที่เขาจะต้องทำ ซึ่งในห้องนี้ไม่สะดวกมากพอและที่สำคัญ เขาคงจะไม่มีสมาธิแน่ๆ ถ้าต้องทำงานไป แอบมองคนหลับไป
สิงห์หลับตาเพื่อหวังจะผ่อนคลายตัวเองให้มากที่สุด ก่อนที่เสียงช้อนกระทบจานจะสิ้นสุดลง เขาถึงได้ลืมตาขึ้นช้าๆ แล้วสบตาเข้าให้กับ คนที่มองตรงมายังเขาเช่นเดียวกัน…เขาทบทวนความคิดของตัวเอง
‘…ผมทำดีที่สุดได้เท่านี้’
ชลนามองรถที่เคลื่อนไปจากบริเวณหน้าบ้านของพี่เขย จากบนห้องนอนของตัวเองด้วยสมองที่หนักอึ้ง พลางคิดถึงข้อเสนอของเขาเมื่อคืน
‘ผมรู้ว่าคุณไม่อยากที่จะหมั้นและแต่งงานกับคนที่คุณไม่รู้จัก’
‘….’
‘ผมเองก็ไม่มั่นในใจชีวิตคู่ที่ไม่ได้เกิดจากความรักเช่นเดียวกัน’
‘แล้วคุณจะทำยังไง ปล่อยฉันไปเหรอ’
‘ผมจะไม่มีวันทำแบบนั้น’
‘แล้วคุณต้องการอะไรกันเล่า!’
‘ไปอยู่กับผม…แค่ครึ่งปี เรื่องนี้จะไม่มีใครรู้ ถ้าผมไม่สามารถทำให้คุณรักผมได้ ผมยินดีจะปล่อยคุณไป แล้วผมจะเป็นคนไปคุยกับแม่ของคุณให้ยกเลิกการผูกมัดของเรา’
“ชลจะไปไหน”
เมื่อเห็นว่าน้องสาวจัดการเก็บของใช้ส่วนตัวเข้ากระเป๋าเดินทางใบเดียวกับที่นำมาในวันที่เธอไปรับที่สนามบิน ธาราก็ถามเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากที่สิงห์พาน้องสาวเธอมาส่งที่บ้านแล้วจากไป ชลนาก็เอาแต่ขลุกตัวอยู่ในห้อง ไม่ยอมพูดจากับใคร โดยเฉพาะธีร์ ชลนาไม่แม้แต่จะมองหน้าซะด้วยซ้ำไป
“เรื่องที่ชลวานพี่น้ำว่าไงบ้างคะ” คนที่กำลังจัดกระเป๋าเลือกที่จะไม่ตอบแต่กลับถามเรื่องที่ได้ไหว้วานพี่สาวขึ้นมาแทน
“…แม่เอารูปคุณสิงห์ให้แม่ดูแม่ยืนยันมาแล้วจ้ะ ว่าใช่คนเดียวกัน”
“…..”
เมื่อได้รับคำตอบที่ชัดเจน ชลนาก็จิตใจห่อเหี่ยวยิ่งกว่าเดิม เธอหวังอยู่ในใจว่าไม่ใช่เขาหรือใครทั้งนั้น เธอหวังว่ามันจะเป็นการสวมรอยหรือเรื่องหลอกลวงเธอจะได้ละทิ้งทุกอย่างแล้วหาวิธีแก้ไขใหม่
“แล้วชลบอกพี่ไม่ได้เหรอ ว่าชลจะไปอยู่ที่ไหน”
“…บอกไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวพี่ธีร์ก็อาจจะเอาไปบอกใครต่อใครอีกว่าชลอยู่ที่ไหน”
เอ่ยประชดท้ายประโยคตวัดสายตาเฉี่ยวไปทางพี่เขยที่ยืนเกาะประตูห้องนอนของเธออยู่จนธีร์ต้องส่งสายตาแหยงๆมาให้
“ชลยังโกรธพี่ธีร์อยู่เหรอ พี่กับธีร์ไม่ได้ตั้งใจ…”
“ค่ะ ชลรู้ ชลก็แค่พูดไปตามอารมณ์เท่านั้นเอง..พี่น้ำไม่รู้เหรอ”
ยังไม่ทันที่คนพูดจะพูดจบประโยคดี ผู้น้องก็พูดแทรกออกมาด้วยเสียงสั่นเครืออย่างน้อยใจกอปรกับความรู้สึกขัดใจทุกสิ่งไปเสียหมด ทุกอย่างไม่ได้ดั่งใจเธอเลยสักนิดไม่มีใครมาคอยตามใจเธออีกแล้ว มีแต่พากันบังคับ พากันทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยใจเหลือเกิน
“พี่รู้จ้ะ พี่รู้”ธารารีบเข้าไปกอดน้องสาวไว้หลวมๆ เมื่อโดนโอบกอดจากคนที่เธอคอยพึ่งอยู่เสมอตั้งแต่เด็ก ชลนาก็ปล่อยโฮออกมาทันทีด้วยความกดดัน ทำให้คนธาราก็เผลอกั้นความรู้สึกสงสารน้องไม่อยู่จนต้องร้องสะอึกสะอื้นตามน้องสาวไปอีกคน และเมื่อเงยหน้าขึ้นสบตากับสามีก็เห็นว่าเขาพยักหน้าให้เบาๆคอยเป็นกำลังใจให้
“แล้วตกลงชลจะไปอยู่ไหน พอจะบอกพี่ได้ไหม”
“ถ้าชลเป็นอิสระจากทุกอย่างเมื่อไหร่ ชลค่อยกลับมาเล่าให้พี่น้ำฟัง”
คนพูดที่หยุดร้องให้ไปแล้ว ต้องสะกดกั้นน้ำตาที่เตรียมจะรื้นออกมาอีกเมื่อนึกถึงสิ่งที่เธอได้ตัดสินใจไปแล้ว
“ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ จะให้พี่ปล่อยชลไปง่ายๆคงไม่ได้ พี่เป็นห่วง ถ้าเปิดอะไรขึ้นมา..”
“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วค่ะ ชลสบายมาก”
ชลนาพูดปรับน้ำเสียงให้เข้มขึ้นเพื่อยืนยันให้ธาราไม่ต้องคอยพะวงเรื่องของเธอ แต่สิ่งที่พี่สาวได้เห็น กลับเป็นความสดใสที่หายไปของน้องสาวเท่านั้น แต่ธาราผู้ซึ่งเป็นอีกหนึ่งคนที่เลี้ยงชลนามาตั้งแต่เด็ก ย่อมรู้ดีว่าห้ามอย่างไรน้องสาวก็คงไม่ฟัง จึงต้องเชื่อมั่นในตัวน้องสาว ก่อนที่ธีร์จะเดินเข้ามาจับกระเป๋าเสื้อผ้าของชลนาไว้
“พี่รู้นะ ที่ที่น้องชลจะไปต้องเกี่ยวกับไอ้สิงห์แน่ๆ มันทำแบบนี้เกินไปแล้ว ถ้าไม่อยากไปก็อยู่ที่นี่แหละ พี่จะไปคุยกับมันเอง”
“….”
ชลนาเงยหน้ามองพี่เขยเต็มๆตา รู้ได้ถึงความจริงใจที่ธีร์มีให้
“ไม่เป็นไรค่ะ ชลจะเอาชนะเขาเอง”
นิ้วเรียวสวยกดกริ่งหน้าบ้านหลังหนึ่งพลางสำรวจสภาพบ้านจากข้างนอกไปด้วย ขณะยืนรอให้เจ้าของบ้านเปิดประตูให้ เพียงไม่นาน ก็ได้ยินเสียงกุกกักหน้าประตูและเห็นใบหน้าของเขาบางส่วนจากช่องของรั้ว เธอก็แทบจะลืมหายใจ ถึงแม้ว่าสิงห์จะให้โอกาสเธอได้คิดหลายวัน และขณะที่เดินทางมาเธอก็ได้คิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว แต่ทว่า…
“สวัสดีแม่สิลูก”
ทันทีที่ประตูเปิดออก และหน้าตาของเธออยู่ในขั้นเคร่งเครียดเต็มที่ เธอกลับได้พบกับ ผู้ชายหนึ่งคนส่งยิ้มกว้างๆ จนเธอกลัวว่าเขาจะปากฉีกมาให้ กับสัตว์มีขน …อีกหนึ่งตัว ที่จ้องมายังเธอตาใส
“
อะไรของคุณเนี่ย หลบไปได้แล้ว”
ชลนาเดาว่าเขาท่าจะประสาทกลับ ผู้ชายหน้ามึนกับรอยยิ้มประหลาดๆ แล้วยังจะอะไรกลมๆ อ้วนๆที่เขาอุ้มอยู่นั่นอีก เธอค้อนใส่เขาครั้งหนึ่ง ก่อนที่เขาจะยอมถอยห่างจากประตู ให้เธอได้เข้าไปในโลกส่วนตัวของเขา ที่กำลังจะกลายมาเป็นโลกของเธอในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
“หวัดดีลูกสิคุณ”
ทันทีที่เท้าของเธอเหยียบย่างเข้าไปในบ้านของเขาครบสองข้าง นั่นคือประโยคแรกที่เขาพูดกับเธอ…ชลนาสะดุดกึก ก่อนจะหันหลังไปเผชิญหน้ากับ ‘ลูก’ ที่เขาว่า เธอขยับเข้าไปใกล้เขา แล้วเพ่งสายตาไปที่เจ้าตัวนั้น ก่อนจะถอยหลังออกมามองหน้าเขาสลับกับลูกของเขาไปมา
“ประสาท”
“นี่ลูกของเรานะ”
“จะบ้าเหรอ!” เธอแหวใส่เขาอย่างไม่ต้องคิด
“คุณไม่ควรจะเสียงดังใส่ลูกอย่างนั้น...ต่อไปคุณจะต้องดูแลนมสดในฐานะแม่ และจะอยู่เป็นเพื่อนคุณเมื่อผมไปทำงาน”
“นี่คุณ ฟังนะ ฉันไม่เคยมีลูก และที่สำคัญ ฉันไม่ได้มีลูกเป็นเจ้าตัวนี้”
ชลนาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย วางกระเป๋าเสื้อผ้าลงข้างตัว แล้วกอดอก เตรียมรับมือกับเขาอย่างเต็มที่ สิงห์มองชลนาอย่างอึ้งๆ ก้มลงมองดูลูกชายที่มีขนสีขาว และเขาตั้งชื่อให้แล้วว่า ‘นมสด’ นี่เธอไม่หลงรักเจ้าตัวนี้อย่างนั้นหรือ ทั้งๆที่ตอนเห็นมันครั้งแรก เขาก็นึกถึงหน้าเธอทันที หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มกับเจ้าปอมเมอเรเนียนสีขาวปุกปุย ..
“ชลไม่ชอบนมสดเหรอ”
“ฉันไม่ชอบหมา”เธอพูดตามตรงและหัวคิ้วเริ่มย่นเข้าหากันเมื่อมองมัน
“งั้นเหรอ”เขามองหน้าเธอราวกับจะค้นหาความจริง…และเขาก็พบว่าเจ้าของนัยน์ตาดำสนิทที่มองมาดูท่าจะไม่ชอบเลี้ยงสัตว์จริงๆ มิน่า…ถึงได้เอาแต่ใจเหลือเกิน แต่แบบนี้สิดี ถือเป็นการดัดนิสัยไปในตัว..สิงห์คิดก่อนจะมีเสียงชลนาแทรกเข้ามา
“ใช่ และฉันจะไม่มีวันมีลูกกับคุณ ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น”
“ไม่ว่ากรณีใดๆ?”
“ใช่ ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น!”เธอจงใจกล่าวซ้ำ
“ถ้าอย่างนั้นผมจะทำให้ชลยอมรับนมสดเป็นลูกชายให้ได้”
“คุณจะทำอะไร”ชลนามองสิงห์ที่เดินเข้ามาใกล้เธอแค่มีเจ้าหมาตัวหนึ่งกั้นเท่านั้นอย่างไม่ไว้วางใจ แต่ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นเธอต้องรีบจับเจ้าหมาสีขาวๆของเขามาแนบอกแทบไม่ทัน เมื่อเขาผลักมันมาให้ ก่อนจะคว้ากระเป๋าของเธอไปถือไว้แทน
“อะไรของคุณเนี่ย เอาหมาของคุณคืนไปเดี๋ยวนี้นะ”
“เอาน่า เดี๋ยวคุณจะหลงรักเจ้านมสดเองแหละ”
“ไม่..”
“เราเอาของไปเก็บกันดีกว่านะ ห้องไหนดี…อ้อ มันก็ต้องเป็นห้องนั้นอยู่แล้วล่ะ”
เขาไม่เพียงแต่ไม่ฟังเธอค้านให้เสียเวลา ยังพูดเองเออเอง แล้วเดินนำเธอขึ้นไปชั้นบนของบ้านทันที ชลนาเม้มปากอย่างขัดใจ แล้วก้มลงดูสาเหตุของความรู้สึกนุ่มในอ้อมอก
“พ่อแกนี่…กวนโมโหที่สุดเลยรู้ไหม”
เมื่อได้ยินเสียงเห่าเล็กๆ ตอบรับคำพูด เธอขมวดคิ้วหนาอย่างคิดคำนึง ก่อนจะพูดกับตัวเองอย่างมั่นใจ
“แกคงจะคิดเหมือนกันสินะ แบบนี้สิ …ถึงจะอยู่ด้วยกันยืด แต่ว่า…ฉันไม่เลี้ยงแกหรอกนะ” ชลนาพึมพำกับตัวก่อนจะรีบเดินตามเขาขึ้นไปชั้นบนของบ้าน
เล่ห์รัก ตอนที่ 4
“ไปไกลๆเถอะน่า ไว้ฉันต้องการอะไร จะเรียก”
ชลนาเอ่ยปากไล่คนที่นั่งอยู่โซฟาอีกฝั่งหนึ่งของเตียงที่เธอนั่งอยู่ ก่อนจะเริ่มเข้าสู่ห้วงแห่งความคิดในการหาวิธีหนีเขา ทว่าเสียงของเขาก็ดังขัดขึ้นเป็นระยะๆ
“ผมไม่ใช่คนใช้”
ชลนากรอกตากับเสียงที่แสนจะขัดหูเธออย่างยิ่ง ก่อนจะตัดบทด้วยการหันหนีเขาอีกครั้ง …รู้ว่าต่อปากต่อคำกับเขาก็ไม่มีวันจะชนะ ผู้ชายอะไร เถียงเก่ง ขัดเก่ง แย้งก็เก่ง มีดีหน่อยก็แค่หน้าตาที่พอถูไถไปได้ แต่ยังโชคร้ายโดนหน้าตามึนๆนั้นบดบังรัศมีของตัวเองหมด
“ขาคุณดีขึ้นหรือยัง”
“ยัง” เธอทำเสียงจิ้จ้ะ
“แต่เราจะเข้ากรุงเทพ พรุ่งนี้”
“อะไรนะ!! คุณล้อเล่นใช่ไหม”
สิงห์หรี่ตามองคนที่เด้งตัวขึ้นจากเตียง แล้วมองหน้าแหยๆของคนลืมตัวอย่างรู้ทัน ก่อนจะส่ายหน้า
“เปล่า”
“คุณจะพาฉันกลับบ้าน…เหรอ”ชลนากลืนน้ำลายอย่างหนักอกหนักใจ คนมันไม่พร้อมจะให้ทำไงได้(ฟะ)
“ใช่”
“คุณสิงห์…คุณ เห็นใจฉันหน่อยเถอะนะ ฉันไหว้ล่ะ”
ชลนาจรดมือสองข้างลงตรงหน้าอก สังเกตเห็นหน้านิ่งๆของเขาอึ้งไปเช่นเดียวกัน แต่นั่นแหละที่เธอต้องการ ทำขนาดนี้ไม่เห็นอกเห็นใจกันก็ใจแข็งเกินไปแล้ว เธอเองก็จนปัญญาแล้วเหมือนกัน หนีก็หนีไม่พ้น ก็ต้องพูดกันตรงๆให้มันรู้แล้วรู้รอด ถ้าเขายังบังคับใจเธออยู่ เธอคงจะต้อง….
“ขาคุณพักอีกสักวันคงหาย คุณคงจะกลับพร้อมผมได้ไม่ลำบากนัก”… ฆ่าตัวตาย เธออยากจะตายให้มันรู้แล้วรู้รอด
ชลนาหน้าบึ้งขึ้นจากการไม่ได้ดั่งใจ ผู้ชายคนนี้ไม่เคยยอมเธอสักครั้ง ไม่เคยเห็นใจมนุษย์โลก (ขนาดนั้น) แล้งน้ำใจสิ้นดี! เธอคงจะทำใจให้แต่งงานกับคนใจร้ายไม่ได้เข้าไปใหญ่
“ฉันเกลียดคุณที่สุดเลย!”
“อ่าห้ะ”
“ฉันไม่หมั้นและไม่แต่งงานกับคนใจร้ายแบบคุณแน่”
“แล้วคุณจะทำยังไงล่ะ”
“ฉันจะโดดหน้าต่างตายไปเลย ถ้าคุณบังคับให้ฉันกลับไปพร้อมกับคุณ”
เมื่อเห็นว่าเขายังเงียบ และยังมองหน้าเธออยู่ราวกับต้องการฟังต่อ ชลนาก็เตรียมจะพ่นไฟ ถ้าไม่ติดที่ว่าเสียงของเขาดังขึ้นเสียก่อน
......
“ตามสบาย”
“อะไรนะ!” ชลนาอยากจะกรี้ดใส่หน้าเขาอีกรอบ
“คุณอยากจะทำอะไรก็ตามใจ ถ้าคุณไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง ผมก็คงหมดหนทางที่จะไปห้ามคุณ”
ชลนา มองคนที่กำลังเดินไปที่ประตูโดยที่ไม่สนใจมองมาทางเธอสักนิด แล้วน้ำตาแทบเล็ด ก่อนจะคว้าหมอนที่อยู่ใกล้ตัวเขวี้ยงตรงไปหาเขาอย่างหัวเสีย โดยที่ไม่รู้ว่าหลังประตูปิดลงอย่างแผ่วเบา เขาปล่อยตัวพิงอย่างสับสน หน้าประตูนั้น!
หลังจากนั้นเขาก็ไม่เข้ามาให้เธอกวนใจอีกเลย ถึงเวลาอาหาร เขาก็ให้แม่บ้านยกขึ้นมาให้เท่านั้น แต่เธอก็ไม่คิดที่จะแตะมันอยู่ดี จะเรียกว่าเป็นการประท้วงก็ได้ แต่มันก็เป็นการประท้วงที่ทรมานที่สุด ในเมื่อเขาไม่คิดที่จะสนใจและเธอก็หิวจนไส้กิ่ว จนเมื่อประตูถูกเปิดเข้ามาอีกที ถึงได้มีหน้ามึนๆของเขาโผล่มาให้เห็น ชลนาแอบเบ้ปาก ไม่เห็นหน้าเขายังเจริญตามากกว่าเยอะ
“ทำไมคุณไม่ทานข้าว”
ตอนนั้นเอง ที่เธอถึงได้เห็นว่าเขายกถาดอาหารเข้ามาด้วย ชลนามองถาดอาหารที่ถูกวางลงบนเตียง อย่างชั่งใจ ก่อนจะถอนหายใจเสียงดัง
“คงกินลงหรอก”
หญิงสาวปดแต่สายตายังมองไปที่ถามอาหารอยู่
“คุณโกรธผมมากไหม”
มากจนแทบจะบ้าตายแล้ว เธอถอนหายใจใส่เขาอีกรอบ ราวกับเหนื่อยใจหนักหนา ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นตอบ
“ถ้าฉันโกรธแล้วจะทำไม คุณก็ไม่คิดที่จะสนใจอะไรไปมากกว่าลากฉันกลับไปอยู่ดี”
สิงห์มองปากยื่นๆนั้นด้วยความรู้สึกที่แปลกๆ
“ถ้าคุณยังไม่อยากกลับพร้อมผม..ผมมีอีกหนึ่งข้อเสนอ”
“ข้อเสนออะไร”
เธอมองเขาอย่างไม่ไว้ใจ
“ผมจะบอกหลังคุณทานข้าวเสร็จ”
“เฮอะ”
“ถ้าคุณไม่อยากรู้ ผมไปก็ได้ แล้วพรุ่งนี้เช้า ผมจะเอาคุณกลับไปส่งที่บ้าน”
เขาทำท่าว่าจะหันหลังให้เธอ ด้วยความตกใจว่าโอกาสจะหลุดลอยไป ชลนารีบคว้าแขนเขาไว้ทันที สิงห์เลื่อนสายตามองมือที่รั้งเขาไว้อย่างพอใจ
“ก็ได้ ฉันหิวพอดี”
เธอปล่อยมือจากแขนเขา แล้วหันมาจัดการอาหารที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายอย่างไม่รีรอ สิงห์ยืนเฝ้าสักครู่ ก่อนจะเดินไปนั่งรอที่นั่งประจำของตัวเอง เมื่อคืนเขานั่งรอจนเธอหลับถึงได้ลงไปนอนที่ห้องรับแขกด้านล่างเพราะยังมีงานคั่งค้างที่เขาจะต้องทำ ซึ่งในห้องนี้ไม่สะดวกมากพอและที่สำคัญ เขาคงจะไม่มีสมาธิแน่ๆ ถ้าต้องทำงานไป แอบมองคนหลับไป
สิงห์หลับตาเพื่อหวังจะผ่อนคลายตัวเองให้มากที่สุด ก่อนที่เสียงช้อนกระทบจานจะสิ้นสุดลง เขาถึงได้ลืมตาขึ้นช้าๆ แล้วสบตาเข้าให้กับ คนที่มองตรงมายังเขาเช่นเดียวกัน…เขาทบทวนความคิดของตัวเอง
‘…ผมทำดีที่สุดได้เท่านี้’
ชลนามองรถที่เคลื่อนไปจากบริเวณหน้าบ้านของพี่เขย จากบนห้องนอนของตัวเองด้วยสมองที่หนักอึ้ง พลางคิดถึงข้อเสนอของเขาเมื่อคืน
‘ผมรู้ว่าคุณไม่อยากที่จะหมั้นและแต่งงานกับคนที่คุณไม่รู้จัก’
‘….’
‘ผมเองก็ไม่มั่นในใจชีวิตคู่ที่ไม่ได้เกิดจากความรักเช่นเดียวกัน’
‘แล้วคุณจะทำยังไง ปล่อยฉันไปเหรอ’
‘ผมจะไม่มีวันทำแบบนั้น’
‘แล้วคุณต้องการอะไรกันเล่า!’
‘ไปอยู่กับผม…แค่ครึ่งปี เรื่องนี้จะไม่มีใครรู้ ถ้าผมไม่สามารถทำให้คุณรักผมได้ ผมยินดีจะปล่อยคุณไป แล้วผมจะเป็นคนไปคุยกับแม่ของคุณให้ยกเลิกการผูกมัดของเรา’
“ชลจะไปไหน”
เมื่อเห็นว่าน้องสาวจัดการเก็บของใช้ส่วนตัวเข้ากระเป๋าเดินทางใบเดียวกับที่นำมาในวันที่เธอไปรับที่สนามบิน ธาราก็ถามเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากที่สิงห์พาน้องสาวเธอมาส่งที่บ้านแล้วจากไป ชลนาก็เอาแต่ขลุกตัวอยู่ในห้อง ไม่ยอมพูดจากับใคร โดยเฉพาะธีร์ ชลนาไม่แม้แต่จะมองหน้าซะด้วยซ้ำไป
“เรื่องที่ชลวานพี่น้ำว่าไงบ้างคะ” คนที่กำลังจัดกระเป๋าเลือกที่จะไม่ตอบแต่กลับถามเรื่องที่ได้ไหว้วานพี่สาวขึ้นมาแทน
“…แม่เอารูปคุณสิงห์ให้แม่ดูแม่ยืนยันมาแล้วจ้ะ ว่าใช่คนเดียวกัน”
“…..”
เมื่อได้รับคำตอบที่ชัดเจน ชลนาก็จิตใจห่อเหี่ยวยิ่งกว่าเดิม เธอหวังอยู่ในใจว่าไม่ใช่เขาหรือใครทั้งนั้น เธอหวังว่ามันจะเป็นการสวมรอยหรือเรื่องหลอกลวงเธอจะได้ละทิ้งทุกอย่างแล้วหาวิธีแก้ไขใหม่
“แล้วชลบอกพี่ไม่ได้เหรอ ว่าชลจะไปอยู่ที่ไหน”
“…บอกไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวพี่ธีร์ก็อาจจะเอาไปบอกใครต่อใครอีกว่าชลอยู่ที่ไหน”
เอ่ยประชดท้ายประโยคตวัดสายตาเฉี่ยวไปทางพี่เขยที่ยืนเกาะประตูห้องนอนของเธออยู่จนธีร์ต้องส่งสายตาแหยงๆมาให้
“ชลยังโกรธพี่ธีร์อยู่เหรอ พี่กับธีร์ไม่ได้ตั้งใจ…”
“ค่ะ ชลรู้ ชลก็แค่พูดไปตามอารมณ์เท่านั้นเอง..พี่น้ำไม่รู้เหรอ”
ยังไม่ทันที่คนพูดจะพูดจบประโยคดี ผู้น้องก็พูดแทรกออกมาด้วยเสียงสั่นเครืออย่างน้อยใจกอปรกับความรู้สึกขัดใจทุกสิ่งไปเสียหมด ทุกอย่างไม่ได้ดั่งใจเธอเลยสักนิดไม่มีใครมาคอยตามใจเธออีกแล้ว มีแต่พากันบังคับ พากันทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยใจเหลือเกิน
“พี่รู้จ้ะ พี่รู้”ธารารีบเข้าไปกอดน้องสาวไว้หลวมๆ เมื่อโดนโอบกอดจากคนที่เธอคอยพึ่งอยู่เสมอตั้งแต่เด็ก ชลนาก็ปล่อยโฮออกมาทันทีด้วยความกดดัน ทำให้คนธาราก็เผลอกั้นความรู้สึกสงสารน้องไม่อยู่จนต้องร้องสะอึกสะอื้นตามน้องสาวไปอีกคน และเมื่อเงยหน้าขึ้นสบตากับสามีก็เห็นว่าเขาพยักหน้าให้เบาๆคอยเป็นกำลังใจให้
“แล้วตกลงชลจะไปอยู่ไหน พอจะบอกพี่ได้ไหม”
“ถ้าชลเป็นอิสระจากทุกอย่างเมื่อไหร่ ชลค่อยกลับมาเล่าให้พี่น้ำฟัง”
คนพูดที่หยุดร้องให้ไปแล้ว ต้องสะกดกั้นน้ำตาที่เตรียมจะรื้นออกมาอีกเมื่อนึกถึงสิ่งที่เธอได้ตัดสินใจไปแล้ว
“ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ จะให้พี่ปล่อยชลไปง่ายๆคงไม่ได้ พี่เป็นห่วง ถ้าเปิดอะไรขึ้นมา..”
“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วค่ะ ชลสบายมาก”
ชลนาพูดปรับน้ำเสียงให้เข้มขึ้นเพื่อยืนยันให้ธาราไม่ต้องคอยพะวงเรื่องของเธอ แต่สิ่งที่พี่สาวได้เห็น กลับเป็นความสดใสที่หายไปของน้องสาวเท่านั้น แต่ธาราผู้ซึ่งเป็นอีกหนึ่งคนที่เลี้ยงชลนามาตั้งแต่เด็ก ย่อมรู้ดีว่าห้ามอย่างไรน้องสาวก็คงไม่ฟัง จึงต้องเชื่อมั่นในตัวน้องสาว ก่อนที่ธีร์จะเดินเข้ามาจับกระเป๋าเสื้อผ้าของชลนาไว้
“พี่รู้นะ ที่ที่น้องชลจะไปต้องเกี่ยวกับไอ้สิงห์แน่ๆ มันทำแบบนี้เกินไปแล้ว ถ้าไม่อยากไปก็อยู่ที่นี่แหละ พี่จะไปคุยกับมันเอง”
“….”
ชลนาเงยหน้ามองพี่เขยเต็มๆตา รู้ได้ถึงความจริงใจที่ธีร์มีให้
“ไม่เป็นไรค่ะ ชลจะเอาชนะเขาเอง”
นิ้วเรียวสวยกดกริ่งหน้าบ้านหลังหนึ่งพลางสำรวจสภาพบ้านจากข้างนอกไปด้วย ขณะยืนรอให้เจ้าของบ้านเปิดประตูให้ เพียงไม่นาน ก็ได้ยินเสียงกุกกักหน้าประตูและเห็นใบหน้าของเขาบางส่วนจากช่องของรั้ว เธอก็แทบจะลืมหายใจ ถึงแม้ว่าสิงห์จะให้โอกาสเธอได้คิดหลายวัน และขณะที่เดินทางมาเธอก็ได้คิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว แต่ทว่า…
“สวัสดีแม่สิลูก”
ทันทีที่ประตูเปิดออก และหน้าตาของเธออยู่ในขั้นเคร่งเครียดเต็มที่ เธอกลับได้พบกับ ผู้ชายหนึ่งคนส่งยิ้มกว้างๆ จนเธอกลัวว่าเขาจะปากฉีกมาให้ กับสัตว์มีขน …อีกหนึ่งตัว ที่จ้องมายังเธอตาใส
“
อะไรของคุณเนี่ย หลบไปได้แล้ว”
ชลนาเดาว่าเขาท่าจะประสาทกลับ ผู้ชายหน้ามึนกับรอยยิ้มประหลาดๆ แล้วยังจะอะไรกลมๆ อ้วนๆที่เขาอุ้มอยู่นั่นอีก เธอค้อนใส่เขาครั้งหนึ่ง ก่อนที่เขาจะยอมถอยห่างจากประตู ให้เธอได้เข้าไปในโลกส่วนตัวของเขา ที่กำลังจะกลายมาเป็นโลกของเธอในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
“หวัดดีลูกสิคุณ”
ทันทีที่เท้าของเธอเหยียบย่างเข้าไปในบ้านของเขาครบสองข้าง นั่นคือประโยคแรกที่เขาพูดกับเธอ…ชลนาสะดุดกึก ก่อนจะหันหลังไปเผชิญหน้ากับ ‘ลูก’ ที่เขาว่า เธอขยับเข้าไปใกล้เขา แล้วเพ่งสายตาไปที่เจ้าตัวนั้น ก่อนจะถอยหลังออกมามองหน้าเขาสลับกับลูกของเขาไปมา
“ประสาท”
“นี่ลูกของเรานะ”
“จะบ้าเหรอ!” เธอแหวใส่เขาอย่างไม่ต้องคิด
“คุณไม่ควรจะเสียงดังใส่ลูกอย่างนั้น...ต่อไปคุณจะต้องดูแลนมสดในฐานะแม่ และจะอยู่เป็นเพื่อนคุณเมื่อผมไปทำงาน”
“นี่คุณ ฟังนะ ฉันไม่เคยมีลูก และที่สำคัญ ฉันไม่ได้มีลูกเป็นเจ้าตัวนี้”
ชลนาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย วางกระเป๋าเสื้อผ้าลงข้างตัว แล้วกอดอก เตรียมรับมือกับเขาอย่างเต็มที่ สิงห์มองชลนาอย่างอึ้งๆ ก้มลงมองดูลูกชายที่มีขนสีขาว และเขาตั้งชื่อให้แล้วว่า ‘นมสด’ นี่เธอไม่หลงรักเจ้าตัวนี้อย่างนั้นหรือ ทั้งๆที่ตอนเห็นมันครั้งแรก เขาก็นึกถึงหน้าเธอทันที หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มกับเจ้าปอมเมอเรเนียนสีขาวปุกปุย ..
“ชลไม่ชอบนมสดเหรอ”
“ฉันไม่ชอบหมา”เธอพูดตามตรงและหัวคิ้วเริ่มย่นเข้าหากันเมื่อมองมัน
“งั้นเหรอ”เขามองหน้าเธอราวกับจะค้นหาความจริง…และเขาก็พบว่าเจ้าของนัยน์ตาดำสนิทที่มองมาดูท่าจะไม่ชอบเลี้ยงสัตว์จริงๆ มิน่า…ถึงได้เอาแต่ใจเหลือเกิน แต่แบบนี้สิดี ถือเป็นการดัดนิสัยไปในตัว..สิงห์คิดก่อนจะมีเสียงชลนาแทรกเข้ามา
“ใช่ และฉันจะไม่มีวันมีลูกกับคุณ ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น”
“ไม่ว่ากรณีใดๆ?”
“ใช่ ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น!”เธอจงใจกล่าวซ้ำ
“ถ้าอย่างนั้นผมจะทำให้ชลยอมรับนมสดเป็นลูกชายให้ได้”
“คุณจะทำอะไร”ชลนามองสิงห์ที่เดินเข้ามาใกล้เธอแค่มีเจ้าหมาตัวหนึ่งกั้นเท่านั้นอย่างไม่ไว้วางใจ แต่ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นเธอต้องรีบจับเจ้าหมาสีขาวๆของเขามาแนบอกแทบไม่ทัน เมื่อเขาผลักมันมาให้ ก่อนจะคว้ากระเป๋าของเธอไปถือไว้แทน
“อะไรของคุณเนี่ย เอาหมาของคุณคืนไปเดี๋ยวนี้นะ”
“เอาน่า เดี๋ยวคุณจะหลงรักเจ้านมสดเองแหละ”
“ไม่..”
“เราเอาของไปเก็บกันดีกว่านะ ห้องไหนดี…อ้อ มันก็ต้องเป็นห้องนั้นอยู่แล้วล่ะ”
เขาไม่เพียงแต่ไม่ฟังเธอค้านให้เสียเวลา ยังพูดเองเออเอง แล้วเดินนำเธอขึ้นไปชั้นบนของบ้านทันที ชลนาเม้มปากอย่างขัดใจ แล้วก้มลงดูสาเหตุของความรู้สึกนุ่มในอ้อมอก
“พ่อแกนี่…กวนโมโหที่สุดเลยรู้ไหม”
เมื่อได้ยินเสียงเห่าเล็กๆ ตอบรับคำพูด เธอขมวดคิ้วหนาอย่างคิดคำนึง ก่อนจะพูดกับตัวเองอย่างมั่นใจ
“แกคงจะคิดเหมือนกันสินะ แบบนี้สิ …ถึงจะอยู่ด้วยกันยืด แต่ว่า…ฉันไม่เลี้ยงแกหรอกนะ” ชลนาพึมพำกับตัวก่อนจะรีบเดินตามเขาขึ้นไปชั้นบนของบ้าน