คนไทยมักจะไม่ค่อยยอมรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างจากที่ตนเชื่อ และมักจะไม่ยอมรับข้อเท็จจริงทางสังคมว่าในสังคม...คนทุกคนมีทั้งส่วนดีและไม่ดี...ไม่ใช่ใครที่ปากบอกว่ารักชาติ รักสถาบันพระมหากษัตริย์ แล้วทุกคนต้องเป็นคนดีหมดจดครบถ้วน เราจะไปรู้เบื้องลึกในจิตใจพวกเขาได้อย่างไร? ลืมตาขึ้นมาดูความเป็นจริงบ้างเถอะ...ก่อนจะเชื่อแบบไหน...อย่างไหน...ลองศึกษาดูให้ถ้วนถี่ บางคนบอกรัก..แต่กลับดึงสิ่งที่ปากบอกรักลงมาทำลายเล่นทุกวัน เพื่อเรียกร้องในสิ่งที่ตนเองไม่สมควรจะได้รับ ทุกวันนี้เห็นกันอยู่ได้บ่อยๆ มีการหลอกลวงความคิดต่างๆนาๆ มีการวางแผนหลอกลวงคนให้มีโทโสโมโหและความเกลียดชังต่อคนที่เห็นต่าง การตำหนิใครว่าต้องการล้มเจ้าล้มสถาบัน เราต้องศึกษาให้ระเอียดว่าประวัติความเป็นมาของบุคลนั้นเป็นอย่างไร ไม่ใช่ใครบอกว่าคนนั้นทำคนนี้ทำก็รุมกันเข้าไปสาปแช่งด่าทอเขา บางกลุ่มบางพวกมาแผนสูง...เอาหน้าเนื้อเผยเอาใจหมาซ่อน ทำทีว่าปกป้อง....ให้คนมาเป็นพวก....เพื่อหวังใช้เป็นเครื่องมือทำลายอีกฝ่าย...อยู่ในโลกยุคป้ายสีแบบแนบเนียน...หูต้องอย่าเบา เพราะหูเบาเมื่อไหร่...ตนเองอาจเป็นคนทำลายสิ่งที่ตนเองเคารพศรัทธาด้วยน้ำมือตนก็ได้!! อยู่ในโลกยุคนี้ "หูต้องหนัก ปากต้องช้า ตาต้องไว ใจต้องถ่อม สมองต้องคิด วิจารณญานต้องเกิด" ถึงจะอยู่รอดได้อย่างไม่ทำลายใคร และไม่ถูกใครทำลาย
คนไทยทุกคนรักชาติ รักสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่คนไทยกลับถือตนว่ารักมากกว่าอีกฝ่าย กลับกลายเป็นเอาความรักทะเลาะกับความรัก...สมัยก่อนคนไทยเหมือนจะรักกันมากกว่านี้ จริงๆแล้วไม่ใช่เลย ที่สมัยก่อนคนไทยไม่อาการโคม่าขนาดนี้เพราะเทคโนโลยีการสื่อสารมันไม่ได้แพร่หลายอย่างทุกวันนี้ เลยดูเหมือนคนไทยรักกัน แต่พอมาสมัยนี้การศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลมันสามารถทำได้หลายช่องทาง คนเลยทะเลาะเกลียดชังกันง่ายขึ้น เมื่อทะเลาะกันก็ไปอ้างคนนั่นทำแบบนั่นอ้างคนนี้ทำแบบนี้ แทนที่จะเอาเวลาที่โทษกันไปมา ไปหาข้อเท็จจริง...ว่าที่เค้าพูดมามันถูกต้องมั๊ย..ไม่ใช่ใครพูดอะไรก็หลับหูหลับตาเชื่ออย่างเดียว มันดูเบาปัญญาไปสำหรับคนที่บอกว่าตนเองเป็นผู้มีปัญญา มีการศึกษา และเป็นชนชั้นอารยะ จริงไม่จริงก็ลองคิดดู...ต่อจากวันนี้...จะมีเรื่องมาหลอกลวงให้คนสับสน โกรธแค้น เดือดดาล อีกหลายเรื่อง ก็ขอให้ใช้สติปัญญาที่คุยโตกันว่ามีมากมายมากกว่าใช้อารมณ์ก็แล้วกัน
แค่อยากเตือน...ก่อนที่มันจะไปกันใหญ่
คนไทยทุกคนรักชาติ รักสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่คนไทยกลับถือตนว่ารักมากกว่าอีกฝ่าย กลับกลายเป็นเอาความรักทะเลาะกับความรัก...สมัยก่อนคนไทยเหมือนจะรักกันมากกว่านี้ จริงๆแล้วไม่ใช่เลย ที่สมัยก่อนคนไทยไม่อาการโคม่าขนาดนี้เพราะเทคโนโลยีการสื่อสารมันไม่ได้แพร่หลายอย่างทุกวันนี้ เลยดูเหมือนคนไทยรักกัน แต่พอมาสมัยนี้การศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลมันสามารถทำได้หลายช่องทาง คนเลยทะเลาะเกลียดชังกันง่ายขึ้น เมื่อทะเลาะกันก็ไปอ้างคนนั่นทำแบบนั่นอ้างคนนี้ทำแบบนี้ แทนที่จะเอาเวลาที่โทษกันไปมา ไปหาข้อเท็จจริง...ว่าที่เค้าพูดมามันถูกต้องมั๊ย..ไม่ใช่ใครพูดอะไรก็หลับหูหลับตาเชื่ออย่างเดียว มันดูเบาปัญญาไปสำหรับคนที่บอกว่าตนเองเป็นผู้มีปัญญา มีการศึกษา และเป็นชนชั้นอารยะ จริงไม่จริงก็ลองคิดดู...ต่อจากวันนี้...จะมีเรื่องมาหลอกลวงให้คนสับสน โกรธแค้น เดือดดาล อีกหลายเรื่อง ก็ขอให้ใช้สติปัญญาที่คุยโตกันว่ามีมากมายมากกว่าใช้อารมณ์ก็แล้วกัน