ตอนที่ 3: เมื่อวันที่ฉันต้องขึ้นศาล
หวังว่า ทุกคนคงได้แง่คิดไม่มากก็น้อยน่ะค่ะ นิกหวังว่า เรื่องราวของนิกจะเป็นประโยชน์กับทุกๆคนค่ะ
“ Hi Nick welcome on board ” เสียงคุณ Chris ทักทายอย่างเป็นกันเอง ต้อนรับในวันทำงานวันแรก สายตาคุณ Chris ดูเป็นผู้ชายที่มุ่งมั่น และ จริงจังในการทำงาน “นิกนั่งตรงนี้เลยค่ะ ส่วนคอมใช้รวมกันกับเพื่อนๆตรงนี้น่ะค่ะ อ่อ แล้ววันนี้เราจะมีประชุม sales กันยังไงนิกเข้าด้วยน่ะค่ะจะได้เรียนรู้เรื่อง process ในการทำงานด้วย” นิกพนักหน้ารับคำ “พี่สุ” เจ้านายของนิกค่ะ พี่สุดูเป็นผู้หญิงที่ไม่เหมือน saleเลยแม้แต่น้อย พี่สุเป็นผู้หญิงที่ดูพูดจาช้า เรื่อยๆ ดูน่าง่วงนอน ภาพต่างจากพี่ปุ๊เจ้านายคนเก่าของนิกมาก เพราะพี่ปุ๊จะดูเข้าถึงง่าย ร่าเริง พูดเก่ง
วันนี้เป็นวันที่นิกเริ่มทำงาน แท้จริงแล้วนิกไม่ได้อยากทำงานที่นี่ เพราะนิกได้เงินเดือนน้อยกว่าเดิม จาก 9,000 บาท เหลือ 7,000 บาท แต่นิกต้องจำใจทำเพราะนิกไม่มีสิทธิ์เลือกตอนนี้ รวมถึง คุณ Chrisและ พี่สุบอกว่า นิกจะได้ค่าคอมมิชชั่นถ้าขายได้ตามเป้าของบริษัทอีกด้วย นิกเลยคิดว่า น่าจะโอเคกว่าที่เก่า วันนี้นิกได้เข้าประชุม sales รู้สึกได้ถึงความเครียดของทีม ทุกคนดูกดดัน เพราะ คุณ Chris ด่าคนในทีมไม่มีชิ้นดี สิ่งที่นิกได้ยินคือ คนไทย is stupid นิกรู้สึกไม่ชอบคำพูดนั้นเอามากๆ คุณ Chrisในภาพที่เห็นตอนเช้า กลับภาพตอนนี้มันช่างแตกต่างกัน เหมือนคนละคนจริงๆ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ ……นิกกำลังต้องเผชิญกับชีวิตที่ไม่มีแม้แต่….คนที่ไว้ใจได้อีกครั้งในชีวิต
นืกเข้าไปเป็น sales คนที่ 5 และ นิกต้องหาลูกค้าใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นอะไรที่ยากมาก เพราะลูกค้าใหญ่ๆตกไปอยู่ในมือคนอื่นหมดแล้ว นิกได้เรียนรู้งานกับพี่ sales คนนึงที่เป็นภรรยาของเจ้าของ(คุณ Chris) นิกได้ยินจากคนอื่นว่า พี่เค้าเคยทำงานโรงแรมมาก่อน และเจอคุณ Chris ที่นั่น พี่อ้อดูเป็นผู้หญิงต่างจังหวัด แต่ก็ดูคล่องแคล่ว นิกได้เรียนรู้เรื่องการขายนิดหน่อยจากพี่อ้อ แต่ก็ไม่ได้เรียนรู้อะไรมากกว่าการเปิด catalog และ ขายเหมือนการขายตรง สำหรับนิกแล้วที่นี่ดูเหมือนคนละแบบกับบริษัทแรกมาก ที่นี่ดูไม่เป็นทางการ ไม่มีความ Professional นิกไม่เคยเห็นคนที่นี่เค้าทำ Proposal กันเหมือนที่แรกที่นิกต้องทำ แต่นิกก็ต้องเรียนรู้การขายโฆษณาจากพี่ๆที่นี่ เพราะนิกยังใหม่กับการขายโฆษณามาก
นิกไปกับพี่ๆในทีมประมาณ 3ครั้ง และครั้งนี้คือ ครั้งที่ 3 นิกได้ไปเจอลูกค้ารายใหญ่รายนึง พี่เค้าบอกว่าจะให้นิกปิดลูกค้ารายนี้เอง ถ้าเค้าซื้อจะให้เป็นลูกค้าของนิก นิกคิดในใจ “นิกยังไม่ได้รู้อะไรมาก นิกจะปิดลูกค้าได้ยังไง?” นิกไปเจอลูกค้ารายนี้ที่ office ลูกค้าดูดีมาก แต่งตัวดี พูดจาภาษา marketingที่นิกชอบ นิกเริ่มฟังการตลาดจากลูกค้ารายนี้ และมีความใฝ่ฝันว่า “สักวันนิกจะเป็นแบบนี้” วันนั้นนิกpresentงานแบบตะกุกตะกักมาก พูดผิดๆถูกๆ เพราะนี่คือครั้งแรกที่นิก present แถมเจอลูกค้ารายใหญ่อีกด้วย (ลูกค้าเป็นน้ำผลไม้ non concentrate 100% ชื่อดังค่ะ) นิกเนี่ยปากสั่นมือสั่นตลอดการ present แต่มันก็จบไปด้วยดี นิกคิดในใจ “เฮ้อ จบได้สักทีนะ”
นิกกลับไปด้วยความรู้สึกไม่มั่นใจ วันนี้นิกตั้งใจไป BIG C ส่วนหนึ่งคือ ซื้อขนมปังเหมือนทุกวัน และ อีกส่วนหนึ่ง นิกตั้งใจไปหารายชื่อลูกค้าใหม่ๆ ใน SUPERMARKET หลังจากนิกซื้อขนมปังเสร็จ นิกก็พุ่งตรงไปที่ shelf ขายของ นิกไล่ดูรายชื่อและเบอร์บริษัทจากหลังกล่อง ตั้งใจจะเอาไปเป็น LIST เพื่อโทรหาลูกค้าในวันรุ่งขึ้น ในขณะที่นิกตั้งใจจดอยู่นั้น ก็มีพนักงานมาบอกว่า “ห้ามจด ห้ามจด” นิกเลยรีบๆเดินไป วันนี้นิกจดมาได้ 5 บริษัท
“สวัสดีค่ะ คุณพิม ไม่ทราบว่ามีอะไรให้นิกช่วยหลังจาก present ไหมคะ” คุณพิมคือ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของบริษัทน้ำผลไม้ ที่นิกไป present วันนั้น คุณพิมตอบกลับมาว่า ให้นิกทำ quotation ส่งไป 1.5ล้านบาทสำหรับ Media ทั้งหมด “นิกตกใจมาก ว่า เฮ้ย ทำไมเค้าซื้อ แถมซื้อเยอะมากด้วย” จนกระทั่งเค้าเซ็นต์กลับมา นิกเลยโทรกลับไปขอบคุณเค้าและถามว่า “ถามจริงๆทำไมคุณพิมถึงซื้อนิก นิกรู้สึกว่านิกพูดไม่รู้เรื่องเลยอ่ะค่ะ แย่มาก นิกเพิ่งมา ยังไม่ค่อยทราบอะไรเท่าไหร่” คุณพิมตอบมาว่า “ พี่ชอบน้อง น้องดูตั้งใจและมุ่งมั่นมาก” นิกได้แต่ยิ้ม และ รู้สึกดีใจลึกๆที่มีคนเห็นคุณค่าในตัวเรา “ขอบคุณค่ะพี่พิม นิกจะดูแลงานพี่ให้ดีที่สุด”
นิกพยายามกับการทำงานทุกอย่าง ไล่โทรศัพท์หาลูกค้าใหม่ตาม supermarket เกือบทุกวัน ภายในเดือนแรก นิกปิดงานได้ทันที 3 งาน และทำเป้าได้เกินtarget ที่ตั้งไว้ 150% คุณ Chris พี่สุ และทีม ปรบมือและดีใจกับนิก ที่นิกได้เป็น " TOP SALE " ตั้งแต่เดือนแรกของการทำงาน นิกคิดในใจว่า เดือนนี้นิกคงได้ คอมมิชชั่น เยอะมากๆ
เวลาผ่านไป 3 เดือนนิกไปตามค่าคอมมิชชั่นกับทางบัญชี ทางบัญชีบอกว่า “ยังไม่ได้เพราะลูกค้ายังไม่จ่ายเงิน ทางบริษัทมีกฎว่าต้องให้ลูกค้าจ่ายเงินก่อน” นิกก็เลยโอเค นิกทำงานเหมือนปกติ และเริ่มเห็นอะไรบางอย่างแปลกๆ เวลาผ่านไป 5เดือน นิกไปตามเรื่องคอมมิชชั่นอีกครั้ง บัญชีตอบกลับมาว่า “ลูกค้ายังจ่ายเงินไม่ครบ เดี่ยวรอเดือนหน้าจะแจ้งอีกครั้ง ”
นิกเริ่มรู้สึกว่าบริษัทนี้ไม่ค่อยน่าไว้ใจแล้ว ในขณะเดียวกัน ด้วยความที่ว่านิกเป็นคนละเอียดมาก นิกเก็บ contract ที่เซ็นต์ก่อนเข้าทำงาน รวมถึงใบ quotation ทั้งหมด Xerox ไว้ทุกอย่างในแฟ้ม นิกแค่คิดว่า เก็บไว้ถ้ามีป้ญหาอะไรจะได้มายืนยันได้ นิกเริ่มเอาเรื่องค่าคอมมิชชั่นของนิกไปปรึกษากับพี่ๆในทีม และ นิกก็พบว่า ไม่มีใครเคยได้ค่าคอมมิชชั่น เหมือนกันหมด ทุกคนโดนให้เหตุผลเหมือนกัน คือ “ลูกค้ายังไม่จ่ายเงิน”
“พี่ว่าน่ะนิกถ้าเดือนนี้พี่ไม่ได้อีก พี่ว่าจะลาออก” นิกได้ยินแบบนั้นแล้วรู้สึกใจหวิว และ คิดในหัวตลอดว่า นิกจะทำยังไงดีนะ
“ นิก ๆ พี่ไปถาม saleคนเก่าที่พี่รู้จักมาแล้วนะ ที่เค้าออกกันทั้งทีมน่ะ คือ เค้าไม่ได้คอมมิชชั่นกันทั้งทีม คนละหลายๆแสน เค้าเลยออกกันยกทีม” นิกได้ยิน แทบจะ shock เพราะความหวังที่จะได้ค่าคอมมิชชั่นในระยะ 5 เดือนที่ผ่านมา ต้องพังทลาย ตอนนี้นิกรู้แล้วว่า บริษัทนี้รวยได้เพราะเงินทุกบาททุกสตาค์ไม่เคยออกนอกกระเป๋า เจ้าของรับเต็มๆ จ้างเงินเดือนต่ำๆและหลอกว่าจะได้คอมมิชชั่น และก็ไม่เคยให้ ใครไม่พอใจก็ออกไป นิกจำได้แล้ว เพราะคุณChrisมักจะพูดเสมอว่า คนไทย is stupid ถือว่าเป็นคำติดปากตอนเค้าโมโหบ่อยครั้งมาก
นิกได้ยินดังนั้น สิ่งแรกที่นิกทำคือ นิกเก็บเอกสารทั้งหมดกลับบ้าน และ เริ่มหย่อนใบสมัครใหม่ นิกรู้สึกว่า โชคไม่เคยเข้าข้างนิกเลยแม้แต่น้อย ชีวิตนิกที่เหมือนจะกำลังดี มันก็กลับล่มสลายอีกครั้ง นิกเหมือนต้องเริ่มชีวิตใหม่อีกครั้ง เริ่มสมัครงานไปทุกๆวัน เกือบ 3 เดือน นิกก็ได้งาน กับบริษัทที่เล็กกว่าเดิม แต่เงินเดือนมากกว่าเดิมถึง3เท่า นิกแทบจะคิดว่ามันเป็นเรื่องโกหก ฟ้าคงไม่ใจดีกับนิกขนาดนั้น นิกเริ่มเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย และหวาดกลัวกับคนบนโลกใบนี้ซะเหลือเกิน นิกเลยโทรหาบริษัทใหม่ให้เค้าทำใบยืนยันเรื่องเงินเดือนมาอีกครั้ง MD บอกว่า “ทั้งชีวิตยังไม่เคยทำ contract พี่ใช้ใจในการทำงานแต่จะทำให้น้องคนแรก”นิกฟังแล้วก็อึ้ง รู้สึกเหมือนโดนว่า แต่นิกต้องรอบคอบไว้ก่อน นิกไม่อยากพลาดเหมือนที่แล้วๆมาอีกแล้ว ทางบัญชีที่บริษัทใหม่โทรมาให้นิกมารับ contract ที่ office หลังจากเปิด contract นิกแทบกริ๊ด เพราะตกใจในเงินเดือน นิกกลับไปและอมยิ้มตลอดทั้งคืน สิ่งที่คิดในหัวคือ “ พ่อช่วยหนูใช่ไหม?”
ผ่านไปจนเกือบสิ้นเดือน วันนี้เป็นวันที่นิกตัดสินใจยื่นใบลาออก หลังจากที่ต้องทนโดยข่มเหง ด่าว่า โกงเงินมาร่วม 8 เดือน นิกเขียนจดหมายไว้ 2 ฉบับ ฉบับที่ 1 คือ “จดหมายลาออก” ฉบับที่ 2 คือ “จดหมายต่อว่า หรือ ด่านั่นเอง” ใจความในจดหมายด่า นิกเขียนเป็นภาษาอังกฤษ แต่นิกขอเขียนแปลเป็นไทยเลยนะคะ นิกเขียนว่า
“ถึง คุณ Chris
ก่อนอื่นคุณคงได้รับจดหมายลาออกที่นิกวางไว้บนโต๊ะแล้ว
เรื่องที่ 1 : วันนี้นิกจะขอทำงานเป็นวันสุดท้าย สำหรับงานทั้งหมดนิกเก็บเอกสารไว้ที่แฟ้มบนโต๊ะทั้งหมด
เรื่องที่ 2 : สำหรับค่าคอมมิชชั่น รวม 8 เดือนที่ผ่านมา เป็นเงิน 85,000บาท นิกมีเอกสารยืนยันทุกอย่างสำหรับการทำงานทั้งหมด รวมทั้งโทรไปถามลูกค้าแล้ว ลูกค้าบอกว่า จ่ายเงินครบตั้งแต่เดือนแรกที่ทำงาน และส่วนที่เหลือได้โทรถามลูกค้ารายอื่นๆแล้ว ทางลูกค้ายืนยันว่าจ่ายไปหมดแล้ว แต่ทำไม?ทางบัญชียังยืนยันว่า ไม่ได้เงินบ้าง ยังได้เงินไม่ครบบ้าง นิกคิดว่า สิ่งที่ทางคุณทำมาตลอดมันเป็นการฉ้อโกงเงินพนักงานซึ่งทำงานมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยตลอดระยะเวลา 8 เดือน
เรื่องที่ 3 : “คนไทยไม่ได้โง่” คุณช่วยเปลี่ยนความคิดของคุณด้วย ที่เค้าไม่เอาเรื่องคุณ เพราะเค้าไม่อยากมีเรื่อง แต่สำหรับคนอย่างคุณ คุณคงไม่มีจิตสำนึกในความคิดเลยแม้แต่น้อย คุณไม่เคยสนใจ ว่าคนแต่ละคนเค้าจะมีชีวิตยังไง? จะเดือดร้อนแค่ไหน? จากกระทำของคุณ และที่สำคัญ “นี่มันไม่ใช่เงินของคุณ” เพราะฉะนั้น เราคงไม่มีอะไรต้องพูดคุยกันและคงไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่า “ขอให้เรามาเจอกันในชั้นศาล เตรียมรับ Notice จากทนายได้เลยค่ะ” เงินทุกบาททุกสตางค์ที่นิกควรจะได้ในข้อตกลงใน contract ของการทำงานนิกต้องได้ทั้งหมดคืนตามสิทธิ์ที่นิกควรได้ คุณอย่าคิดว่า คนไทยจะให้คุณเอาเปรียบได้ตลอดไป ถ้าคุณยังอยากทำงานอยู่บนผืนแผ่นดินไทย กรุณาให้เกียรติคนไทย และ กรุณาเอานิสัยฉ้อโกงและเอาเปรียบไปใช้ที่อื่น อย่ามาใช้ในประเทศไทย ประเทศของเรา”
เจอกันในชั้นศาลค่ะ
จาก นิก”
หลังจากนั้นนิกเดินออกมาจากบริษัท ด้วยความรู้สึกสะใจเล็กๆ นิกยื่นฟ้องด้วยหลักฐานทั้งหมดที่มี หลังจากนั้น พี่สุ เจ้านายนิก ได้โทรมาบอกว่า “ นิกพี่ว่านิกอย่าฟ้องเค้าเลย นิกฟ้องไปก็แพ้ เราจะเอาอะไรไปสู้กับเค้า” นิกเลยถามพี่สุว่า “ เค้าให้พี่สุโทรมาหรอ? งั้นบอกเค้าด้วยว่า ถ้าเค้าถูกจริงก็มาเจอกันที่ศาลเลยค่ะ นิกไม่ขอพูดอะไรในโทรศัพท์นะคะ” แล้วนิกก็วางสายไป เวลาผ่านไป 2 อาทิตย์ นิกไปกับทนายที่ศาลแพ่งใต้ เพื่อขึ้นศาลต่อสู้คดีความกับ คุณ Chris ทนายที่ช่วยดูแลคดีไม่ใช่คนอื่นคนไกล คือ ลุงของนิกเองค่ะ เพราะฉะนั้น นิกก็ไม่ต้องเสียค่าทนายอะไรอยู่แล้ว ลุงถามนิกว่า "พร้อมไหม ?” นิกพยักหน้าอย่างมั่นใจ หลังจากนั้นมีเสียงเรียกมาแต่ไกล ลุงรีบเดินไปและหันมาบอกนิกว่า “นิกๆ รอลุงตรงนี้น่ะ ศาลมาเรียก เดี่ยวลุงเดินมา” แล้วลุงกลับมาพร้อมบอกว่า “ ทางคุณChris ไม่มาขึ้นศาล สั่งทนายให้มาประนีประนอมบอกว่าจะจ่ายเงินทั้งหมด65,000 บาทโดยจะสั่งเช็คฝากมาให้ลุงพรุ่งนี้ “ นิกจะยอมไหม ลุงว่าเราควรยอมความเพราะเรื่องมันจะได้ไม่นานเกินไป ” นิกฟังแบบนั้น ก็เลยทำตามที่ลุงแนะนำ คือ ยอมความคดี และแล้วนิกก็ได้เงินมาถึงจะไม่ทั้งหมด แต่ก็ได้มาในส่วนที่นิกควรได้ นิกคิดในใจว่า “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าเราไม่ยอมแพ้มัน” นิกจะต่อสู้ทุกๆอย่างเพื่อให้คนในครอบครัวนิกมีความสุขและมีชีวิตที่ดีกว่าวันนี้
แล้วคุณล่ะ? เคยมีความเชื่อแบบแรงกล้าไหมว่า ชีวิตคุณต้องดีขึ้น คุณเชื่อไหม?…นิกเชื่อซะยิ่งกว่าเชื่อว่า นิกต้องมีชีวิตที่ดีขึ้น มีคนเคยบอกว่า นิกเป็นคนโชคดี ได้แต่งานดีๆ ทุกๆคนมักมองคนตอนที่ประสบความสำเร็จ มันมักจะดูสวยงาม แต่นิกเชื่อว่า ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆถ้าปราศจากความพยายาม ความสำเร็จไม่ง่ายเหมือนที่ทุกๆคนเห็น ไม่มีใครเคยมองว่า นิกเคยทำอะไรมาบ้าง เคยผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายมากมาย เคยเดินหางานอาจจะมากกว่าที่คนอื่นเคยทำ เคยอดมากกว่าที่คนอื่นเคยอด เคยทำหลายอย่างที่คนอื่นไม่เคยทำ หรือ อดทนทำมันจนมันสำเร็จ ทุกสิ่งทุกอย่าง อยู่ที่ตัวเรา ไม่มีอะไรในโลกที่เป็นไปไม่ได้ นิกบอกกับตัวเองว่า “นิกจะไม่ยอมแพ้ จนกว่าจะถึงจุดสำเร็จเท่านั้น”
บทเรียนที่ 3 สอนให้รู้ว่า “ อย่ากลัวกับสิ่งที่คุณยังไม่เคยได้ลงมือทำ และ อย่าให้เสียงของคนอื่นมาทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง โดยเฉพาะ ความฝันของคุณ”
“คนล้านคนบอกว่า “คุณทำได้ ”แต่ถ้าคุณเพียงคนเดียวบอกว่า “ฉันทำไม่ได้” มันก็คือ ไม่ได้ เพราะฉะนั้น จุดเริ่มต้นของความสำเร็จ ที่นิกจะบอกคือ
“คุณต้องเชื่อและบอกกับตัวเองว่า คุณทำได้"
จากชีวิตจริงของผู้หญิงที่ชื่อว่านิก "ชีวิตติดลบ...สู่ชีวิตเงินล้าน" ตอนที่3
หวังว่า ทุกคนคงได้แง่คิดไม่มากก็น้อยน่ะค่ะ นิกหวังว่า เรื่องราวของนิกจะเป็นประโยชน์กับทุกๆคนค่ะ
“ Hi Nick welcome on board ” เสียงคุณ Chris ทักทายอย่างเป็นกันเอง ต้อนรับในวันทำงานวันแรก สายตาคุณ Chris ดูเป็นผู้ชายที่มุ่งมั่น และ จริงจังในการทำงาน “นิกนั่งตรงนี้เลยค่ะ ส่วนคอมใช้รวมกันกับเพื่อนๆตรงนี้น่ะค่ะ อ่อ แล้ววันนี้เราจะมีประชุม sales กันยังไงนิกเข้าด้วยน่ะค่ะจะได้เรียนรู้เรื่อง process ในการทำงานด้วย” นิกพนักหน้ารับคำ “พี่สุ” เจ้านายของนิกค่ะ พี่สุดูเป็นผู้หญิงที่ไม่เหมือน saleเลยแม้แต่น้อย พี่สุเป็นผู้หญิงที่ดูพูดจาช้า เรื่อยๆ ดูน่าง่วงนอน ภาพต่างจากพี่ปุ๊เจ้านายคนเก่าของนิกมาก เพราะพี่ปุ๊จะดูเข้าถึงง่าย ร่าเริง พูดเก่ง
วันนี้เป็นวันที่นิกเริ่มทำงาน แท้จริงแล้วนิกไม่ได้อยากทำงานที่นี่ เพราะนิกได้เงินเดือนน้อยกว่าเดิม จาก 9,000 บาท เหลือ 7,000 บาท แต่นิกต้องจำใจทำเพราะนิกไม่มีสิทธิ์เลือกตอนนี้ รวมถึง คุณ Chrisและ พี่สุบอกว่า นิกจะได้ค่าคอมมิชชั่นถ้าขายได้ตามเป้าของบริษัทอีกด้วย นิกเลยคิดว่า น่าจะโอเคกว่าที่เก่า วันนี้นิกได้เข้าประชุม sales รู้สึกได้ถึงความเครียดของทีม ทุกคนดูกดดัน เพราะ คุณ Chris ด่าคนในทีมไม่มีชิ้นดี สิ่งที่นิกได้ยินคือ คนไทย is stupid นิกรู้สึกไม่ชอบคำพูดนั้นเอามากๆ คุณ Chrisในภาพที่เห็นตอนเช้า กลับภาพตอนนี้มันช่างแตกต่างกัน เหมือนคนละคนจริงๆ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ ……นิกกำลังต้องเผชิญกับชีวิตที่ไม่มีแม้แต่….คนที่ไว้ใจได้อีกครั้งในชีวิต
นืกเข้าไปเป็น sales คนที่ 5 และ นิกต้องหาลูกค้าใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นอะไรที่ยากมาก เพราะลูกค้าใหญ่ๆตกไปอยู่ในมือคนอื่นหมดแล้ว นิกได้เรียนรู้งานกับพี่ sales คนนึงที่เป็นภรรยาของเจ้าของ(คุณ Chris) นิกได้ยินจากคนอื่นว่า พี่เค้าเคยทำงานโรงแรมมาก่อน และเจอคุณ Chris ที่นั่น พี่อ้อดูเป็นผู้หญิงต่างจังหวัด แต่ก็ดูคล่องแคล่ว นิกได้เรียนรู้เรื่องการขายนิดหน่อยจากพี่อ้อ แต่ก็ไม่ได้เรียนรู้อะไรมากกว่าการเปิด catalog และ ขายเหมือนการขายตรง สำหรับนิกแล้วที่นี่ดูเหมือนคนละแบบกับบริษัทแรกมาก ที่นี่ดูไม่เป็นทางการ ไม่มีความ Professional นิกไม่เคยเห็นคนที่นี่เค้าทำ Proposal กันเหมือนที่แรกที่นิกต้องทำ แต่นิกก็ต้องเรียนรู้การขายโฆษณาจากพี่ๆที่นี่ เพราะนิกยังใหม่กับการขายโฆษณามาก
นิกไปกับพี่ๆในทีมประมาณ 3ครั้ง และครั้งนี้คือ ครั้งที่ 3 นิกได้ไปเจอลูกค้ารายใหญ่รายนึง พี่เค้าบอกว่าจะให้นิกปิดลูกค้ารายนี้เอง ถ้าเค้าซื้อจะให้เป็นลูกค้าของนิก นิกคิดในใจ “นิกยังไม่ได้รู้อะไรมาก นิกจะปิดลูกค้าได้ยังไง?” นิกไปเจอลูกค้ารายนี้ที่ office ลูกค้าดูดีมาก แต่งตัวดี พูดจาภาษา marketingที่นิกชอบ นิกเริ่มฟังการตลาดจากลูกค้ารายนี้ และมีความใฝ่ฝันว่า “สักวันนิกจะเป็นแบบนี้” วันนั้นนิกpresentงานแบบตะกุกตะกักมาก พูดผิดๆถูกๆ เพราะนี่คือครั้งแรกที่นิก present แถมเจอลูกค้ารายใหญ่อีกด้วย (ลูกค้าเป็นน้ำผลไม้ non concentrate 100% ชื่อดังค่ะ) นิกเนี่ยปากสั่นมือสั่นตลอดการ present แต่มันก็จบไปด้วยดี นิกคิดในใจ “เฮ้อ จบได้สักทีนะ”
นิกกลับไปด้วยความรู้สึกไม่มั่นใจ วันนี้นิกตั้งใจไป BIG C ส่วนหนึ่งคือ ซื้อขนมปังเหมือนทุกวัน และ อีกส่วนหนึ่ง นิกตั้งใจไปหารายชื่อลูกค้าใหม่ๆ ใน SUPERMARKET หลังจากนิกซื้อขนมปังเสร็จ นิกก็พุ่งตรงไปที่ shelf ขายของ นิกไล่ดูรายชื่อและเบอร์บริษัทจากหลังกล่อง ตั้งใจจะเอาไปเป็น LIST เพื่อโทรหาลูกค้าในวันรุ่งขึ้น ในขณะที่นิกตั้งใจจดอยู่นั้น ก็มีพนักงานมาบอกว่า “ห้ามจด ห้ามจด” นิกเลยรีบๆเดินไป วันนี้นิกจดมาได้ 5 บริษัท
“สวัสดีค่ะ คุณพิม ไม่ทราบว่ามีอะไรให้นิกช่วยหลังจาก present ไหมคะ” คุณพิมคือ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของบริษัทน้ำผลไม้ ที่นิกไป present วันนั้น คุณพิมตอบกลับมาว่า ให้นิกทำ quotation ส่งไป 1.5ล้านบาทสำหรับ Media ทั้งหมด “นิกตกใจมาก ว่า เฮ้ย ทำไมเค้าซื้อ แถมซื้อเยอะมากด้วย” จนกระทั่งเค้าเซ็นต์กลับมา นิกเลยโทรกลับไปขอบคุณเค้าและถามว่า “ถามจริงๆทำไมคุณพิมถึงซื้อนิก นิกรู้สึกว่านิกพูดไม่รู้เรื่องเลยอ่ะค่ะ แย่มาก นิกเพิ่งมา ยังไม่ค่อยทราบอะไรเท่าไหร่” คุณพิมตอบมาว่า “ พี่ชอบน้อง น้องดูตั้งใจและมุ่งมั่นมาก” นิกได้แต่ยิ้ม และ รู้สึกดีใจลึกๆที่มีคนเห็นคุณค่าในตัวเรา “ขอบคุณค่ะพี่พิม นิกจะดูแลงานพี่ให้ดีที่สุด”
นิกพยายามกับการทำงานทุกอย่าง ไล่โทรศัพท์หาลูกค้าใหม่ตาม supermarket เกือบทุกวัน ภายในเดือนแรก นิกปิดงานได้ทันที 3 งาน และทำเป้าได้เกินtarget ที่ตั้งไว้ 150% คุณ Chris พี่สุ และทีม ปรบมือและดีใจกับนิก ที่นิกได้เป็น " TOP SALE " ตั้งแต่เดือนแรกของการทำงาน นิกคิดในใจว่า เดือนนี้นิกคงได้ คอมมิชชั่น เยอะมากๆ
เวลาผ่านไป 3 เดือนนิกไปตามค่าคอมมิชชั่นกับทางบัญชี ทางบัญชีบอกว่า “ยังไม่ได้เพราะลูกค้ายังไม่จ่ายเงิน ทางบริษัทมีกฎว่าต้องให้ลูกค้าจ่ายเงินก่อน” นิกก็เลยโอเค นิกทำงานเหมือนปกติ และเริ่มเห็นอะไรบางอย่างแปลกๆ เวลาผ่านไป 5เดือน นิกไปตามเรื่องคอมมิชชั่นอีกครั้ง บัญชีตอบกลับมาว่า “ลูกค้ายังจ่ายเงินไม่ครบ เดี่ยวรอเดือนหน้าจะแจ้งอีกครั้ง ”
นิกเริ่มรู้สึกว่าบริษัทนี้ไม่ค่อยน่าไว้ใจแล้ว ในขณะเดียวกัน ด้วยความที่ว่านิกเป็นคนละเอียดมาก นิกเก็บ contract ที่เซ็นต์ก่อนเข้าทำงาน รวมถึงใบ quotation ทั้งหมด Xerox ไว้ทุกอย่างในแฟ้ม นิกแค่คิดว่า เก็บไว้ถ้ามีป้ญหาอะไรจะได้มายืนยันได้ นิกเริ่มเอาเรื่องค่าคอมมิชชั่นของนิกไปปรึกษากับพี่ๆในทีม และ นิกก็พบว่า ไม่มีใครเคยได้ค่าคอมมิชชั่น เหมือนกันหมด ทุกคนโดนให้เหตุผลเหมือนกัน คือ “ลูกค้ายังไม่จ่ายเงิน”
“พี่ว่าน่ะนิกถ้าเดือนนี้พี่ไม่ได้อีก พี่ว่าจะลาออก” นิกได้ยินแบบนั้นแล้วรู้สึกใจหวิว และ คิดในหัวตลอดว่า นิกจะทำยังไงดีนะ
“ นิก ๆ พี่ไปถาม saleคนเก่าที่พี่รู้จักมาแล้วนะ ที่เค้าออกกันทั้งทีมน่ะ คือ เค้าไม่ได้คอมมิชชั่นกันทั้งทีม คนละหลายๆแสน เค้าเลยออกกันยกทีม” นิกได้ยิน แทบจะ shock เพราะความหวังที่จะได้ค่าคอมมิชชั่นในระยะ 5 เดือนที่ผ่านมา ต้องพังทลาย ตอนนี้นิกรู้แล้วว่า บริษัทนี้รวยได้เพราะเงินทุกบาททุกสตาค์ไม่เคยออกนอกกระเป๋า เจ้าของรับเต็มๆ จ้างเงินเดือนต่ำๆและหลอกว่าจะได้คอมมิชชั่น และก็ไม่เคยให้ ใครไม่พอใจก็ออกไป นิกจำได้แล้ว เพราะคุณChrisมักจะพูดเสมอว่า คนไทย is stupid ถือว่าเป็นคำติดปากตอนเค้าโมโหบ่อยครั้งมาก
นิกได้ยินดังนั้น สิ่งแรกที่นิกทำคือ นิกเก็บเอกสารทั้งหมดกลับบ้าน และ เริ่มหย่อนใบสมัครใหม่ นิกรู้สึกว่า โชคไม่เคยเข้าข้างนิกเลยแม้แต่น้อย ชีวิตนิกที่เหมือนจะกำลังดี มันก็กลับล่มสลายอีกครั้ง นิกเหมือนต้องเริ่มชีวิตใหม่อีกครั้ง เริ่มสมัครงานไปทุกๆวัน เกือบ 3 เดือน นิกก็ได้งาน กับบริษัทที่เล็กกว่าเดิม แต่เงินเดือนมากกว่าเดิมถึง3เท่า นิกแทบจะคิดว่ามันเป็นเรื่องโกหก ฟ้าคงไม่ใจดีกับนิกขนาดนั้น นิกเริ่มเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย และหวาดกลัวกับคนบนโลกใบนี้ซะเหลือเกิน นิกเลยโทรหาบริษัทใหม่ให้เค้าทำใบยืนยันเรื่องเงินเดือนมาอีกครั้ง MD บอกว่า “ทั้งชีวิตยังไม่เคยทำ contract พี่ใช้ใจในการทำงานแต่จะทำให้น้องคนแรก”นิกฟังแล้วก็อึ้ง รู้สึกเหมือนโดนว่า แต่นิกต้องรอบคอบไว้ก่อน นิกไม่อยากพลาดเหมือนที่แล้วๆมาอีกแล้ว ทางบัญชีที่บริษัทใหม่โทรมาให้นิกมารับ contract ที่ office หลังจากเปิด contract นิกแทบกริ๊ด เพราะตกใจในเงินเดือน นิกกลับไปและอมยิ้มตลอดทั้งคืน สิ่งที่คิดในหัวคือ “ พ่อช่วยหนูใช่ไหม?”
ผ่านไปจนเกือบสิ้นเดือน วันนี้เป็นวันที่นิกตัดสินใจยื่นใบลาออก หลังจากที่ต้องทนโดยข่มเหง ด่าว่า โกงเงินมาร่วม 8 เดือน นิกเขียนจดหมายไว้ 2 ฉบับ ฉบับที่ 1 คือ “จดหมายลาออก” ฉบับที่ 2 คือ “จดหมายต่อว่า หรือ ด่านั่นเอง” ใจความในจดหมายด่า นิกเขียนเป็นภาษาอังกฤษ แต่นิกขอเขียนแปลเป็นไทยเลยนะคะ นิกเขียนว่า
“ถึง คุณ Chris
ก่อนอื่นคุณคงได้รับจดหมายลาออกที่นิกวางไว้บนโต๊ะแล้ว
เรื่องที่ 1 : วันนี้นิกจะขอทำงานเป็นวันสุดท้าย สำหรับงานทั้งหมดนิกเก็บเอกสารไว้ที่แฟ้มบนโต๊ะทั้งหมด
เรื่องที่ 2 : สำหรับค่าคอมมิชชั่น รวม 8 เดือนที่ผ่านมา เป็นเงิน 85,000บาท นิกมีเอกสารยืนยันทุกอย่างสำหรับการทำงานทั้งหมด รวมทั้งโทรไปถามลูกค้าแล้ว ลูกค้าบอกว่า จ่ายเงินครบตั้งแต่เดือนแรกที่ทำงาน และส่วนที่เหลือได้โทรถามลูกค้ารายอื่นๆแล้ว ทางลูกค้ายืนยันว่าจ่ายไปหมดแล้ว แต่ทำไม?ทางบัญชียังยืนยันว่า ไม่ได้เงินบ้าง ยังได้เงินไม่ครบบ้าง นิกคิดว่า สิ่งที่ทางคุณทำมาตลอดมันเป็นการฉ้อโกงเงินพนักงานซึ่งทำงานมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยตลอดระยะเวลา 8 เดือน
เรื่องที่ 3 : “คนไทยไม่ได้โง่” คุณช่วยเปลี่ยนความคิดของคุณด้วย ที่เค้าไม่เอาเรื่องคุณ เพราะเค้าไม่อยากมีเรื่อง แต่สำหรับคนอย่างคุณ คุณคงไม่มีจิตสำนึกในความคิดเลยแม้แต่น้อย คุณไม่เคยสนใจ ว่าคนแต่ละคนเค้าจะมีชีวิตยังไง? จะเดือดร้อนแค่ไหน? จากกระทำของคุณ และที่สำคัญ “นี่มันไม่ใช่เงินของคุณ” เพราะฉะนั้น เราคงไม่มีอะไรต้องพูดคุยกันและคงไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่า “ขอให้เรามาเจอกันในชั้นศาล เตรียมรับ Notice จากทนายได้เลยค่ะ” เงินทุกบาททุกสตางค์ที่นิกควรจะได้ในข้อตกลงใน contract ของการทำงานนิกต้องได้ทั้งหมดคืนตามสิทธิ์ที่นิกควรได้ คุณอย่าคิดว่า คนไทยจะให้คุณเอาเปรียบได้ตลอดไป ถ้าคุณยังอยากทำงานอยู่บนผืนแผ่นดินไทย กรุณาให้เกียรติคนไทย และ กรุณาเอานิสัยฉ้อโกงและเอาเปรียบไปใช้ที่อื่น อย่ามาใช้ในประเทศไทย ประเทศของเรา”
เจอกันในชั้นศาลค่ะ
จาก นิก”
หลังจากนั้นนิกเดินออกมาจากบริษัท ด้วยความรู้สึกสะใจเล็กๆ นิกยื่นฟ้องด้วยหลักฐานทั้งหมดที่มี หลังจากนั้น พี่สุ เจ้านายนิก ได้โทรมาบอกว่า “ นิกพี่ว่านิกอย่าฟ้องเค้าเลย นิกฟ้องไปก็แพ้ เราจะเอาอะไรไปสู้กับเค้า” นิกเลยถามพี่สุว่า “ เค้าให้พี่สุโทรมาหรอ? งั้นบอกเค้าด้วยว่า ถ้าเค้าถูกจริงก็มาเจอกันที่ศาลเลยค่ะ นิกไม่ขอพูดอะไรในโทรศัพท์นะคะ” แล้วนิกก็วางสายไป เวลาผ่านไป 2 อาทิตย์ นิกไปกับทนายที่ศาลแพ่งใต้ เพื่อขึ้นศาลต่อสู้คดีความกับ คุณ Chris ทนายที่ช่วยดูแลคดีไม่ใช่คนอื่นคนไกล คือ ลุงของนิกเองค่ะ เพราะฉะนั้น นิกก็ไม่ต้องเสียค่าทนายอะไรอยู่แล้ว ลุงถามนิกว่า "พร้อมไหม ?” นิกพยักหน้าอย่างมั่นใจ หลังจากนั้นมีเสียงเรียกมาแต่ไกล ลุงรีบเดินไปและหันมาบอกนิกว่า “นิกๆ รอลุงตรงนี้น่ะ ศาลมาเรียก เดี่ยวลุงเดินมา” แล้วลุงกลับมาพร้อมบอกว่า “ ทางคุณChris ไม่มาขึ้นศาล สั่งทนายให้มาประนีประนอมบอกว่าจะจ่ายเงินทั้งหมด65,000 บาทโดยจะสั่งเช็คฝากมาให้ลุงพรุ่งนี้ “ นิกจะยอมไหม ลุงว่าเราควรยอมความเพราะเรื่องมันจะได้ไม่นานเกินไป ” นิกฟังแบบนั้น ก็เลยทำตามที่ลุงแนะนำ คือ ยอมความคดี และแล้วนิกก็ได้เงินมาถึงจะไม่ทั้งหมด แต่ก็ได้มาในส่วนที่นิกควรได้ นิกคิดในใจว่า “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าเราไม่ยอมแพ้มัน” นิกจะต่อสู้ทุกๆอย่างเพื่อให้คนในครอบครัวนิกมีความสุขและมีชีวิตที่ดีกว่าวันนี้
แล้วคุณล่ะ? เคยมีความเชื่อแบบแรงกล้าไหมว่า ชีวิตคุณต้องดีขึ้น คุณเชื่อไหม?…นิกเชื่อซะยิ่งกว่าเชื่อว่า นิกต้องมีชีวิตที่ดีขึ้น มีคนเคยบอกว่า นิกเป็นคนโชคดี ได้แต่งานดีๆ ทุกๆคนมักมองคนตอนที่ประสบความสำเร็จ มันมักจะดูสวยงาม แต่นิกเชื่อว่า ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆถ้าปราศจากความพยายาม ความสำเร็จไม่ง่ายเหมือนที่ทุกๆคนเห็น ไม่มีใครเคยมองว่า นิกเคยทำอะไรมาบ้าง เคยผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายมากมาย เคยเดินหางานอาจจะมากกว่าที่คนอื่นเคยทำ เคยอดมากกว่าที่คนอื่นเคยอด เคยทำหลายอย่างที่คนอื่นไม่เคยทำ หรือ อดทนทำมันจนมันสำเร็จ ทุกสิ่งทุกอย่าง อยู่ที่ตัวเรา ไม่มีอะไรในโลกที่เป็นไปไม่ได้ นิกบอกกับตัวเองว่า “นิกจะไม่ยอมแพ้ จนกว่าจะถึงจุดสำเร็จเท่านั้น”
บทเรียนที่ 3 สอนให้รู้ว่า “ อย่ากลัวกับสิ่งที่คุณยังไม่เคยได้ลงมือทำ และ อย่าให้เสียงของคนอื่นมาทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง โดยเฉพาะ ความฝันของคุณ”
“คนล้านคนบอกว่า “คุณทำได้ ”แต่ถ้าคุณเพียงคนเดียวบอกว่า “ฉันทำไม่ได้” มันก็คือ ไม่ได้ เพราะฉะนั้น จุดเริ่มต้นของความสำเร็จ ที่นิกจะบอกคือ
“คุณต้องเชื่อและบอกกับตัวเองว่า คุณทำได้"