ฉีกสัญญาอีก 1 เจ้า!!เสิ่นเจิ้น ปิดบริษัทเมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา พร้อมขายทรัพย์สินทั้งหมดที่มี...

กระทู้สนทนา
ฉีกสัญญาอีก 1 เจ้า!!เสิ่นเจิ้น ปิดบริษัทเมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา พร้อมขายทรัพย์สินทั้งหมดที่มี และส่งคนยื่นยกเลิก...

04 กุมภาพันธ์ 2557 ฉีกสัญญาอีก 1 เจ้า!! เสิ่นเจิ้น ปิดบริษัทเมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา พร้อมขายทรัพย์สินทั้งหมดที่มี และส่งคนมายื่นหนังสือให้ขอยกเลิกการทำสัญญาซื้อขายแท็บเล็ต กับสพฐ.

ประเด็นหลัก

ทั้งนี้ เมื่อ เสิ่นเจิ้น อิงถังฯ เห็นว่า ข้อเสนอทั้ง 3 ข้อถูกปฏิเสธและจะถูกคู่สัญญา คือ สำนักคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ดำเนินการยึดหลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นเงินประมาณ 120 ล้านบาท จึงได้ทำการปิดบริษัทเมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา พร้อมขายทรัพย์สินทั้งหมดที่มี และส่งคนมายื่นหนังสือให้ขอยกเลิกการทำสัญญาซื้อขายแท็บเล็ต กับสพฐ.

แน่นอนที่สุด กรณีดังกล่าวเปรียบได้กับการฉีกสัญญาที่เคยตกลงกันไว้ และจะนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ ที่กำลังจะตามมาในอีกไม่ช้า นั่นคือ  สพฐ.จะต้องดำเนินการจัดซื้อใหม่โดยต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน  หรือรวมระยะเวลาที่ทำให้โครงการนี้ต้องตกอยู่ท่ามกลางภาวะสุญญากาศ หรือไม่มีความคืบหน้าตามที่ประกาศไว้ ไม่น้อยกว่า 10 เดือน และสิ่งที่จะตามมาด้วยก็คือระยะเวลาที่สูญเสียไปนี้ สพฐ. อาจจะต้องกลับไปพิจารณาเรื่องความคุ้มค่าทางเทคโนโลยีตามสเปคเดิมที่เคยระบุไว้ในสัญญาจัดซื้อ เพราะเวลาเกือบ 1 ปี อาจจะส่งผลให้กลายเป็นการจัดซื้อแท็บเล็ตเทคโนโลยีตกรุ่น ที่ไม่สามารถนำมาใช้งานจริงได้ในอนาคตตามมาอีกด้วย

http://www.posttoday.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B9%8C/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9/275712/%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B9%87%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A5
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9570000013709

______________________________________

บ.จีนไม่เชื่อน้ำหน้า รบ.ไทย แคนเชิล "แท็บเล็ตป.1" 8 แสนเครื่อง


       เด็กป.1 แห้วแท็บเล็ต “เซิ่นเจิ้น อิงถัง” ส่งหนังสือขอยกเลิกสัญญา อ้างเหตุความไม่แน่นอนของการเมืองไทย และความไม่เข้าใจต่อทีโออาร์ รวมทั้งสัญญาที่สื่อสารไม่ตรงกัน มอบคณะกรรมการจัดซื้อ สพฐ.ไปพิจารณาริบเงินค้ำประกัน 120 ล.บาทและฟ้องร้องบริษัทเรียกค่าเสียหาย

บ.จีนไม่เชื่อน้ำหน้า รบ.ไทย แคนเชิล แท็บเล็ตป.1 8 แสนเครื่อง
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

       วันนี้ (4 ก.พ.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในฐานะคณะกรรมการจัดซื้อคอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ในโครงการ 1คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ต่อ 1 นักเรียน ประจำปีการศึกษา 2556 ได้ทำหนังสือเร่งรัดให้บริษัทที่ชนะการประมูลด้วยวิธีจัดซื้อจัดจ้างทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อี-ออกชัน ดำเนินการจัดส่งแท็บเล็ตตามสัญญานั้น โดยเมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมาบริษัทเซิ่นเจิ้น อิงถัง อินเทลลิเจ้นท์ คอนโทรล จำกัดที่ชนะการประมูลจัดซื้อแท็บเล็ตระดับประถมศึกษาปีที่ 1 โซน 1 (ภาคกลางและภาคใต้) จำนวน 431,105 เครื่อง มูลค่า 842 ล้านบาท และป. 1 โซน 2 (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จำนวน 373,637 เครื่อง เป็นเงิน 786 ล้านบาท รวมทั้ง 2 โซน เป็นวงเงิน 1,628 ล้านบาท ได้ทำหนังสือแจ้งขอยกเลิกสัญญาซื้อขายแท็บเล็ตโดยให้เหตุผลถึงความแน่นอนของสถานการณ์การเมืองไทย ความเข้าใจต่อทีโออาร์(TOR) และสัญญาไม่ตรงกัน รวมถึงการติดต่อสื่อสารมีปัญหาอุปสรรคจนกระทั่งบริษัทส่งมอบของล่าช้าและถูกเรียกค่าปรับ
      
       นอกจากนี้ บริษัทเซิ่นเจิ้นฯ แจ้งอีกว่าเพื่อไม่ส่งผลกระทบต่อโครงการแท็บเล็ตฯและเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียทางธุรกิจจึงขอยกเลิกสัญญาทั้งหมดที่ได้ลงนาม ส่วนการขอคืนหลักประกันตามสัญญาที่ทางบริษัทเซิ่นเจิ้นฯได้มอบไว้ ทางบริษัทเซิ่นเจิ้นฯ ขอสงวนสิทธิ์อุทธรณ์ตามกฎหมาย ซึ่งทางคณะกรรมการจัดซื้อของสพฐ.จะพิจารณาในประเด็นการริบวงเงินค้ำประกัน 120 ล้านบาท การฟ้องร้องบริษัทในฐานะผู้ละทิ้งงานและเรียกร้องค่าเสียหายในส่วนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการจัดซื้อเดิมและการประมูลจัดซื้อใหม่ที่จะเกิดขึ้นตามระเบียบของทางราชการ ซึ่งจะต้องพิจารณาและสรุปเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายฯ ที่มีตนเป็นประธานในวันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้
      
       รักษาการ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อว่า ถึงแม้จะสามารถเรียกร้องค่าเสียหายกับบริษัทได้แต่คงไม่คุ้มกับความเสียหายที่เด็กไม่ได้ใช้แท็บเล็ตมาจนถึงเวลานี้ซึ่งกำลังครบ 1 ปีการศึกษา ซึ่งจะต้องมีการสรุปบทเรียนจากการดำเนินการที่ผ่านมาทั้งหมดและต้องยอมรับว่าการจัดซื้อแท็บเล็ตที่ผ่านมามีปัญหาอย่างมาก ทั้งปัญหาทางเทคนิค วิธีการ กระบวนการจัดซื้อ และยังมีปัญหาแทรกซ้อนขึ้นมา เช่น ปัญหาบริษัทที่เสนอราคาประมูลต่ำแต่ทำไม่ได้จริง มีข้อสงสัยว่าแข่งกันจริงหรือไม่ในบางรายการ และเมื่อจะยกเลิกก็ยกเลิกไม่ได้เหมือนเขาวงกตตกหลุมดำแล้วหาทางออกไม่เจอ ซึ่งเรื่องนี้ต้องเร่งสรุปบทเรียนเพื่อนำมาแก้ปัญหาในการดำเนินการจัดซื้อรอบใหม่ ทั้งนี้ กรณีของบริษัทเซิ่นเจิ้นฯ ในเรื่องของผู้ดำเนินการก็ต้องมาสรุปปัญหาเช่นกันว่ามีใครทำอะไรในแต่ละขั้นตอน เช่น เห็นปัญหาอยู่แล้วและหากทางป้องกันดีหรือไม่เพราะที่ผ่านมาก็มีข่าวเป็นระยะเกี่ยวกับความมั่นคงของบริษัท เป็นต้น อย่างไรก็ตาม สพฐ.จะต้องเร่งสรุปบทเรียนในครั้งนี้และเมื่อยกเลิกสัญญาแล้วต้องรีบดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อจัดซื้อแต่แนวโน้มเด็กป.1และม.1 ปีการศึกษา2556น่าจะได้ใช้แท็บเล็ตพร้อมกับเด็กชั้นป.1และม.1ในปีการศึกษา2557
      
       "ถามว่าจะให้ใครเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายครั้งนี้ก็คงเป็นเรื่องที่ต้องไปดู แต่เรื่องนี้ดำเนินการไปตามระเบียบที่กำหนดไว้ เมื่อผมเข้ามาทำงานกระบวนการต่าง ๆ ก็ผ่านไปครึ่งทางจะปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขก็ไม่สามารถทำได้ ซึ่งการจัดซื้อแท็บเล็ตจะต้องดำเนินการต่อไปเพราะเป็นโครงการที่ได้รับมาตามพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2556 ที่ได้อนุมัติวงเงินไว้แล้วจึงต้องทำให้ได้ สำหรับวิธีการจัดซื้อที่มีผู้เสนอให้กระจายอำนาจให้เขตพื้นที่การศึกษาดำเนินการเองนั้นจะต้องมาดูมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)ที่อนุมัติไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะให้ดำเนินการได้หรือไม่อย่างไรและจะผูกพันไปถึงครม.ชุดใหม่หรือไม่ ดังนั้นจึงต้องมาดูว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหน" นายจาตุรนต์ กล่าว

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9570000013709

______________________________


หายนะแท็บเล็ตนักเรียนมรสุมใหม่ของรัฐบาล


โดย...ทีมข่าวการเมือง

ท่ามกลางข่าวความวุ่นวายจาการประท้วงทางการเมืองมาอย่างยาวนาน จนเป็นมรสุมกระหน่ำรัฐบาลที่รักษาการอยู่อย่างต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ยังมีมรสุมอีกลูกซึ่งเป็นผลพวงความล้มเหลวจากโครงการที่เคยใช้หาเสียงไว้ในอดีต นั่นก็คือโครงการ 1 คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ต่อ 1 นักเรียน หรือที่เรียกกันว่า "โครงการแท็บเล็ตแจกนักเรียน" ที่กำลังประสบกับปัญหาการจัดซื้อเพื่อแจกให้กับนักเรียนชั้น ป.1 และ ม.1 ประจำปีการศึกษา 2556 ด้านความล่าช้าและมีปัญหาเนื่องจากบริษัทซึ่งประมูลแท็บเล็ตได้ในโซน 1 โซน 2 และโซน 4 ไม่สามารถที่จะจัดส่งแท็บเล็ตได้ทันตามกำหนดที่ระบุไว้ในสัญญา

ล่าสุดหลังจากที่ บริษัทเสิ่นเจิ้น อิงถัง อินเทลลิเจ้นท์ คอนโทรล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูล ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย.2556 ในโซนที่ 1 ชั้น ป.1 (ภาคกลางและภาคใต้) และโซนที่ 2 ป.1 (ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ขอเจรจาต่อรองใน 3 เรื่อง คือ 1.ไม่เสียค่าปรับ 2.2 ล้านบาท 2.ขอขยายเวลาส่งมอบแท็บเล็ตออกไปอีก 60 วัน นับตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค. 2556 ซึ่งเป็นวันที่คู่สัญญาเริ่มปรับเงินหากการส่งมอบล่าช้าวันละ 2.2 ล้านบาทตามที่ระบุไว้ในสัญญา และ 3.ขอให้คณะกรรมการตรวจรับแท็บเล็ตเดินทางไปตรวจแท็บเล็ตที่ประเทศจีน

ทั้งนี้ เมื่อ เสิ่นเจิ้น อิงถังฯ เห็นว่า ข้อเสนอทั้ง 3 ข้อถูกปฏิเสธและจะถูกคู่สัญญา คือ สำนักคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ดำเนินการยึดหลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นเงินประมาณ 120 ล้านบาท จึงได้ทำการปิดบริษัทเมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา พร้อมขายทรัพย์สินทั้งหมดที่มี และส่งคนมายื่นหนังสือให้ขอยกเลิกการทำสัญญาซื้อขายแท็บเล็ต กับสพฐ.

แน่นอนที่สุด กรณีดังกล่าวเปรียบได้กับการฉีกสัญญาที่เคยตกลงกันไว้ และจะนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ ที่กำลังจะตามมาในอีกไม่ช้า นั่นคือ  สพฐ.จะต้องดำเนินการจัดซื้อใหม่โดยต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน  หรือรวมระยะเวลาที่ทำให้โครงการนี้ต้องตกอยู่ท่ามกลางภาวะสุญญากาศ หรือไม่มีความคืบหน้าตามที่ประกาศไว้ ไม่น้อยกว่า 10 เดือน และสิ่งที่จะตามมาด้วยก็คือระยะเวลาที่สูญเสียไปนี้ สพฐ. อาจจะต้องกลับไปพิจารณาเรื่องความคุ้มค่าทางเทคโนโลยีตามสเปคเดิมที่เคยระบุไว้ในสัญญาจัดซื้อ เพราะเวลาเกือบ 1 ปี อาจจะส่งผลให้กลายเป็นการจัดซื้อแท็บเล็ตเทคโนโลยีตกรุ่น ที่ไม่สามารถนำมาใช้งานจริงได้ในอนาคตตามมาอีกด้วย

นอกจากปัญหาที่กล่าวมา การจัดซื้อแท็บเล็ตล็อตแรก 8.6 แสนเครื่องที่เคยเป็นไปอย่างราบรื่น ก็เริ่มกลายเป็นปัญหาดินพอหางหมู หลังจากที่การจัดซื้อล็อตดังกล่าว ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ในระยะยาว ในกรณีที่ได้ตั้งเป้าไว้ว่า โครงการแท็บเล็ตเพื่อการศึกษา ที่รัฐบาลจะตั้งงบประมาณจัดซื้ออย่างต่อเนื่องจะกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้ประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะจีนเข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านการขนส่ง ซึ่งจะส่งผลด้านบวกที่รัฐบาลเคลมเป็นความสำเร็จอย่างสวยหรูได้ไม่ยาก

แต่พญามังกรจีน ดีดลูกคิดแล้วก็คำนวณได้ไม่ยากว่า ค่าแรงการผลิตในจีนกับต้นทุนการขนส่ง คุ้มค่ากว่าต้องแบกค่าแรงในไทย และเมื่อกรณีนี้ไม่ได้ระบุเป็นข้อบังคับไว้ในสัญญาจัดซื้อ หลังเซ็นสัญญากับไทย ก็ไม่มีบริษัทไหนเข้ามาตั้งฐานการผลิตในบ้านเราตามที่ตั้งใจไว้ในตอนแรกเลย

อย่างไรก็ตาม กรณีที่กล่าวมา ยังไม่รวมถึงปัญหาการจัดซื้อ โซน 3 ที่บริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชัน (ไทยแลนด์) ชนะการประมูล แต่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน มีความเห็นว่าการประมูลของโซน3 ไม่เป็นธรรมในการแข่งขันและควรได้ราคาต่ำกว่านี้ สพฐ.จึงยกเลิกการประมูลในโซนนี้ โดยรอผลการอุทธรณ์ที่บริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชันยื่นต่อกรมบัญชีกลาง

ทั้งนี้ หากการประมูลในโซน 3 กลายเป็นคดีฟ้องร้อง ก็กระทบการจัดซื้อในโซนนี้ที่จะจะล่าช้าตามไปด้วย นักเรียนที่จะได้รับแจกอาจจะต้องรอไปจนกว่าคดีจะสิ้นสุด โดยในระหว่างนี้จะมีปัญหาอื่นซ่อนตัวอยู่เช่น เรื่องความล้าหลังของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน

ภาวะสุญญากาศที่จะเกิดขึ้นกับแท็บเล็ตทั้ง 3 โซน ทำให้เด็กไม่มีอุปกรณ์เรียนตามที่รัฐบาลเคยสัญญาไว้ อาจจะมีการร้องเรียนเรื่องความเหลื่อมล้ำตามมาฯลฯ

นอกจากนี้ ปัญหาที่ซ่อนตัวอยู่ ยังไม่รวมเนื้อหาที่บรรจุอยู่ในเครื่องที่แจกไปแล้วซึ่งยังไม่มีการพัฒนาให้มีความต่อเนื่องในการเรียนการสอน  ขณะที่โรงเรียนหลายแห่งเห็นว่าแท็บเล็ต ที่แจกไปแล้วเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเรียนการสอนไม่ได้จริง ตามที่คาดหวังไว้และทยอยกันเลิกใช้ ยังไม่นับรวมถึงอีกสารพัดปัญหาจากโครงการนี้ ที่ถูกซุกไว้ใต้พรม รอวันที่จะถูกขุดคุยออกมาให้เห็น ว่า เป็นอีกความล้มเหลวหนึ่งที่กำลังถามหาความรับผิดชอบจากรัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้อง


ผมขอเปลื่ยนชื่อจาก So Magawn เป็น Magawn19 (มันมีความหมายว่าเริ่มเล่นพันทิปอายุ19ครับ) มีผลทุกช่องทางนะครับ รวมถึงคลังความรู้โทรคมนาคมและการสือสาร http://magawn19.blogspot.com/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่