บทเรียนเก่าจากคนที่เราเคยรัก(1)

ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ นี่เป็นการโพสครั้งแรกของผมเลยหลังจากเป็นผู้อ่าน(อย่างเดียว)มานาน ขอประเดิมด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับความรักในวัยมัธยมของผมครับ รับรองว่าอ่านเพลิน สนุก และได้แง่คิดดีๆแน่ครับ
    ปล. เนื่องจากพึ่งเริ่มขีดเขียน หากเพื่อนๆมี comment หรือคำแนะนำดีๆ โพสได้เลยนะครับ ผมจะได้นำมาปรับปรุงในงานเขียนอันต่อไป นอกจากนี้ ผมเชื่อว่า "ลมหายใจของนักเขียนคือกำลังใจดีๆจากนักอ่านครับ" ^^ เริ่มกันเลยนะครับ

    "รักแรกพบ"ของผมเกิดขึ้นตอนม.1ครับ

     มีคนเคยกล่าวไว้ว่า "รักแรกพบเกิดได้หลายครั้ง แต่รักแท้เกิดได้ครั้งเดียว" ผมไม่รู้ว่ามันจริงหรือเปล่า แต่ค่อนข้างมั่นใจว่า “รักแรกพบ”ครั้งนี้แหละ คือ “รักแท้”  

     เธอมีชื่อเล่นว่า “นัท”ครับ

     ผู้หญิงสวมแว่นตา ตัวเล็ก น่ารัก สไตล์คุณหนู ที่ใครๆเห้นแวบแรกก็จะพูดในใจว่า “เด็กเนิร์ด”

     วันที่ผมพบเธอครั้งแรกนั้นเป็นวัน “ปฐมนิเทศ” ที่นักเรียนจะได้ทำความรู้จักกัน ซึ่งผมก็เป็นคน“โชคดี”อีกคนหนึ่งที่สอบเข้าได้และได้มีโอกาสมาเข้าเรียน โรงเรียนดีๆแบบนี้

     และ“นัท”ก็เป็นหนึ่งในผู้โชคดีเหล่านั้นด้วย…

     เราต่างเป็น“ผู้โชคดี”เหมือนกันทั้งคู่

     แค่พึ่งพบกัน เราก็มีอะไรที่คล้ายๆกันแล้ว



     “ความประทับใจครั้งแรก”หรือที่ฝรั่งเขาเรียกว่า “First Impression” ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วง 5 นาทีแรกที่คนสองคนมาพบกันนั้น ผมเชื่อว่ามันมีอยู่จริงครับ

     แปลกมั้ยครับ… ความประทับใจครั้งเดียวสามารถทำให้คน“รัก”กันได้และความผิดใจครั้งสุดท้าย(ที่เป็นครั้งเดียว)ก็สามารถทำให้คน"เลิก"กันได้เช่นกัน



     และความประทับใจครั้งแรกที่ผมมีต่อนัทคือ"ท่านั่งสมาธิ"ของเธอครับ

     เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กที่ดูสง่างามในยามที่เธอนั่งสมาธิมาก ใบหน้าที่สงบนิ่ง หลังตรง สอดรับกับแว่นตากลมๆอันเล็กน่ารัก...

     เธอจะรู้บ้างมั้ยนะ "สมาธิ"ของเธอ กำลังทำให้ใครบางคน"ไม่มีสมาธิ"

ว่าฉันรักเธอโดยที่ไม่รู้จัก

และฉันรักเธอตั้งแต่แรกพบหน้า

มากมายจนข้างใน ต้องระบายออกมา

ให้เธอ ได้ยิน



ว่าสำหรับฉันนั้นเธอคือทุกสิ่ง

เป็นแรงบันดาลใจเป็นทุกๆ อย่าง

เธอเชื่อมให้ฉันเห็นภาพที่สวยงามของชีวิต

แม้ว่าเรายังไม่ทันได้รู้จัก กันเลย


     "ต้องระบายออกมา ให้เธอ... ได้ยิน" ผมชอบประโยคนี้ในเพลง"เรื่องจริง"ของ Modern Dog มากจึงได้ทำตามความหมายของมัน

     แต่"เธอ"ของผมคือ"เพื่อน"ครับ

     ผมได้บอกเพื่อนที่สนิทที่สุดไปในเรื่องที่ผมแอบชอบนัทและขอเขาไว้ว่า"อย่าบอกใคร"เพราะผมยังไม่พร้อมที่จะให้สาธารณชนได้รับรู้

     แล้ว"ความลับ"ที่ห้ามบอกใครก็ได้แพร่ออกไปภายในวันเดียว

     เมื่อ"ความลับ"ไม่ได้ทำตามหน้าที่ของมัน "ความล้อ"ก็เกิดขึ้นมาแทน

     "ความล้อ"มักจะมาพร้อมกับ"ความเขิน"เสมอ แล้วโอกาสที่ผมจะได้คุยกับเธอก็ยิ่งมีน้อยลง(ทั้งที่มันก็น้อยอยู่แล้ว) จากเพื่อนๆช่างล้อเหล่านั้น


     วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ.2551

     ช่วงนั้นเป็นเทศกาล"วันพ่อ"ที่โรงเรียนผมจะจัดขึ้นทุกๆปี ซึ่งแต่ละห้องจะต้องมี"คู่พิธีกร"ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากการที่นักเรียนสมัครใจ เป็นกัน

     ในวันนั้น อาจารย์ผมได้ถามถึง"อาสาสมัคร"ที่จะเป็น"คู่พิธีกร" แต่แล้วก็ไม่มีใคร"อาสา"สักที

     ผมจึงบอกกับเพื่อนคนหนึ่งไปว่า"ถ้าทำให้กูได้คู่กับนัท กูยอมเป็นก็ได้"

    เพื่อนคนนั้นก็"อาสา"ขึ้นมาทันที โดยตะโกนว่า"เพิ่ม-นัทๆๆ !"

    เมื่อคนหนึ่งเริ่ม คนอื่นๆก็เริ่มทำตาม ตามหลักการ"การปรับตัว"ของชาร์ส ดาร์วิน

    อาจารย์ได้ยินดังนั้น จึงถามย้ำกับผมว่า "เพิ่ม... เพิ่มอยากเป็นพิธีกรจริงๆใช่มั้ย"

    ผมตอบรับด้วยการพยักหน้า

    "แล้วนัทล่ะ... อยากเป็นหรือเปล่า"

     ยังไม่ทันที่เธอจะได้ตอบ อาจารย์ก็"ผลัก"หัวของเธอให้"พยัก"เสียแล้ว

    ผมสงสัย... ในแรง"ผลัก"ของอาจารย์นั้น มีแรง"พยัก"หน้าของเธอด้วยหรือเปล่า

    แล้วคำตอบ... ก็มาพร้อมกับวันพรุ่งนี้



    วันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ.2551

     วันแห่งความทรงจำของผม

     มันเป็น"ซ้อมใหญ่"ของงานวันพ่อละมันเป็นวันที่นัทได้มานั่งข้างๆผมครั้งแรก

     เธอถามผมว่า

     "เพิ่มชอบเราหรอ"

     "อึ้ง"มากครับ อยากจะตอบว่า"ไม่!"มากๆ เพราะผมไม่ได้"ชอบ"เธอเลย แต่ผม"รัก"เธอต่างหาก!!! อมยิ้ม02

     แต่ไม่เป็นไร ตอนอึ้งๆแบบนี้ "ชอบ"กับ"รัก"คงไม่ต่างกันมากนัก

     "อื้อ" ตอนนั้นผมมีเสียงแค่นั้นจริงๆครับ

     "แต่เราไม่ได้ชอบเพิ่มนะ... เราเป็นเพื่อนกันดีกว่า"

.

     หากเสียงของใครบางคน

     มีผลต่อการเต้นของหัวใจ

     ผมเคยคิกอยาหยุดหัวใจไว้ที่คนๆนี้

    แต่เสียงของเธอในวันนี้... ความจริงของวันนี้ ได้ทำลายความฝันแบบนั้นไปแล้ว

    ไม่มีวัน...

    กับความฝันที่เป็นความจริง

...

..

     ผมเคยคิดว่าการพูดตรงๆเป็นเรื่องที่ดี เพราะมันไม่ต้องมาเสียเวลามาคิดตีความและง่ายต่อการทำความเข้าใจ

     แต่ผมคิดผิด...

     เรื่องที่ง่ายต่อการทำความเข้าใจ มันไม่ควรใช้"ใจ"ในการตีความ


     เหตุผลไม่สำคัญเลยสำหรับผม เพราะตอนผม"รัก"เธอ ผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะรัก ดังนั้นหากเธอเลือกที่จะบอก"ลา"ใครสักคน เหตุผลก็คงไม่สำคุญสำหรับเธอเช่นกัน

     แต่เรื่องที่ผม"เสียใจ"จริงๆ คือการที่เธอบอก"ลา"ก่อนที่เราจะได้รู้จักกันจริงๆเสียอีก



      หากเลือกที่จะ"รัก"ต้องพร้อมที่จะ"รู้"

     ยังไม่ทันที่เธอจะได้"รู้" เธอก็ชิงบอก"ลา"เสียแล้ว

     "บ้าน"คือสถานที่ที่ผมอยากทำสิ่งหนึ่งมากที่สุด

     "ร้องไห้"

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่