ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ นี่เป็นการโพสครั้งแรกของผมเลยหลังจากเป็นผู้อ่าน(อย่างเดียว)มานาน ขอประเดิมด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับความรักในวัยมัธยมของผมครับ รับรองว่าอ่านเพลิน สนุก และได้แง่คิดดีๆแน่ครับ
ปล. เนื่องจากพึ่งเริ่มขีดเขียน หากเพื่อนๆมี comment หรือคำแนะนำดีๆ โพสได้เลยนะครับ ผมจะได้นำมาปรับปรุงในงานเขียนอันต่อไป นอกจากนี้ ผมเชื่อว่า
"ลมหายใจของนักเขียนคือกำลังใจดีๆจากนักอ่านครับ" ^^ เริ่มกันเลยนะครับ
"รักแรกพบ"ของผมเกิดขึ้นตอนม.1ครับ
มีคนเคยกล่าวไว้ว่า
"รักแรกพบเกิดได้หลายครั้ง แต่รักแท้เกิดได้ครั้งเดียว" ผมไม่รู้ว่ามันจริงหรือเปล่า แต่ค่อนข้างมั่นใจว่า “รักแรกพบ”ครั้งนี้แหละ คือ “รักแท้”
เธอมีชื่อเล่นว่า “นัท”ครับ
ผู้หญิงสวมแว่นตา ตัวเล็ก น่ารัก สไตล์คุณหนู ที่ใครๆเห้นแวบแรกก็จะพูดในใจว่า “เด็กเนิร์ด”
วันที่ผมพบเธอครั้งแรกนั้นเป็นวัน “ปฐมนิเทศ” ที่นักเรียนจะได้ทำความรู้จักกัน ซึ่งผมก็เป็นคน“โชคดี”อีกคนหนึ่งที่สอบเข้าได้และได้มีโอกาสมาเข้าเรียน โรงเรียนดีๆแบบนี้
และ“นัท”ก็เป็นหนึ่งในผู้โชคดีเหล่านั้นด้วย…
เราต่างเป็น“ผู้โชคดี”เหมือนกันทั้งคู่
แค่พึ่งพบกัน เราก็มีอะไรที่คล้ายๆกันแล้ว
“ความประทับใจครั้งแรก”หรือที่ฝรั่งเขาเรียกว่า “First Impression” ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วง 5 นาทีแรกที่คนสองคนมาพบกันนั้น ผมเชื่อว่ามันมีอยู่จริงครับ
แปลกมั้ยครับ…
ความประทับใจครั้งเดียวสามารถทำให้คน“รัก”กันได้และความผิดใจครั้งสุดท้าย(ที่เป็นครั้งเดียว)ก็สามารถทำให้คน"เลิก"กันได้เช่นกัน
และความประทับใจครั้งแรกที่ผมมีต่อนัทคือ"ท่านั่งสมาธิ"ของเธอครับ
เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กที่ดูสง่างามในยามที่เธอนั่งสมาธิมาก ใบหน้าที่สงบนิ่ง หลังตรง สอดรับกับแว่นตากลมๆอันเล็กน่ารัก...
เธอจะรู้บ้างมั้ยนะ "สมาธิ"ของเธอ กำลังทำให้ใครบางคน"ไม่มีสมาธิ"
ว่าฉันรักเธอโดยที่ไม่รู้จัก
และฉันรักเธอตั้งแต่แรกพบหน้า
มากมายจนข้างใน ต้องระบายออกมา
ให้เธอ ได้ยิน
ว่าสำหรับฉันนั้นเธอคือทุกสิ่ง
เป็นแรงบันดาลใจเป็นทุกๆ อย่าง
เธอเชื่อมให้ฉันเห็นภาพที่สวยงามของชีวิต
แม้ว่าเรายังไม่ทันได้รู้จัก กันเลย
"ต้องระบายออกมา ให้เธอ... ได้ยิน" ผมชอบประโยคนี้ในเพลง"เรื่องจริง"ของ Modern Dog มากจึงได้ทำตามความหมายของมัน
แต่"เธอ"ของผมคือ"เพื่อน"ครับ
ผมได้บอกเพื่อนที่สนิทที่สุดไปในเรื่องที่ผมแอบชอบนัทและขอเขาไว้ว่า"อย่าบอกใคร"เพราะผมยังไม่พร้อมที่จะให้สาธารณชนได้รับรู้
แล้ว"ความลับ"ที่ห้ามบอกใครก็ได้แพร่ออกไปภายในวันเดียว
เมื่อ"ความลับ"ไม่ได้ทำตามหน้าที่ของมัน "ความล้อ"ก็เกิดขึ้นมาแทน
"ความล้อ"มักจะมาพร้อมกับ"ความเขิน"เสมอ แล้วโอกาสที่ผมจะได้คุยกับเธอก็ยิ่งมีน้อยลง(ทั้งที่มันก็น้อยอยู่แล้ว) จากเพื่อนๆช่างล้อเหล่านั้น
วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ.2551
ช่วงนั้นเป็นเทศกาล"วันพ่อ"ที่โรงเรียนผมจะจัดขึ้นทุกๆปี ซึ่งแต่ละห้องจะต้องมี"คู่พิธีกร"ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากการที่นักเรียนสมัครใจ เป็นกัน
ในวันนั้น อาจารย์ผมได้ถามถึง"อาสาสมัคร"ที่จะเป็น"คู่พิธีกร" แต่แล้วก็ไม่มีใคร"อาสา"สักที
ผมจึงบอกกับเพื่อนคนหนึ่งไปว่า"ถ้าทำให้กูได้คู่กับนัท กูยอมเป็นก็ได้"
เพื่อนคนนั้นก็"อาสา"ขึ้นมาทันที โดยตะโกนว่า"เพิ่ม-นัทๆๆ !"
เมื่อคนหนึ่งเริ่ม คนอื่นๆก็เริ่มทำตาม ตามหลักการ"การปรับตัว"ของชาร์ส ดาร์วิน
อาจารย์ได้ยินดังนั้น จึงถามย้ำกับผมว่า "เพิ่ม... เพิ่มอยากเป็นพิธีกรจริงๆใช่มั้ย"
ผมตอบรับด้วยการพยักหน้า
"แล้วนัทล่ะ... อยากเป็นหรือเปล่า"
ยังไม่ทันที่เธอจะได้ตอบ อาจารย์ก็"ผลัก"หัวของเธอให้"พยัก"เสียแล้ว
ผมสงสัย... ในแรง"ผลัก"ของอาจารย์นั้น มีแรง"พยัก"หน้าของเธอด้วยหรือเปล่า
แล้วคำตอบ... ก็มาพร้อมกับวันพรุ่งนี้
วันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ.2551
วันแห่งความทรงจำของผม
มันเป็น"ซ้อมใหญ่"ของงานวันพ่อละมันเป็นวันที่นัทได้มานั่งข้างๆผมครั้งแรก
เธอถามผมว่า
"เพิ่มชอบเราหรอ"
"อึ้ง"มากครับ อยากจะตอบว่า"ไม่!"มากๆ เพราะผมไม่ได้"ชอบ"เธอเลย แต่ผม"รัก"เธอต่างหาก!!!
แต่ไม่เป็นไร ตอนอึ้งๆแบบนี้ "ชอบ"กับ"รัก"คงไม่ต่างกันมากนัก
"อื้อ" ตอนนั้นผมมีเสียงแค่นั้นจริงๆครับ
"แต่เราไม่ได้ชอบเพิ่มนะ... เราเป็นเพื่อนกันดีกว่า"
.
หากเสียงของใครบางคน
มีผลต่อการเต้นของหัวใจ
ผมเคยคิกอยาหยุดหัวใจไว้ที่คนๆนี้
แต่เสียงของเธอในวันนี้... ความจริงของวันนี้ ได้ทำลายความฝันแบบนั้นไปแล้ว
ไม่มีวัน...
กับความฝันที่เป็นความจริง
...
..
ผมเคยคิดว่าการพูดตรงๆเป็นเรื่องที่ดี เพราะมันไม่ต้องมาเสียเวลามาคิดตีความและง่ายต่อการทำความเข้าใจ
แต่ผมคิดผิด...
เรื่องที่ง่ายต่อการทำความเข้าใจ มันไม่ควรใช้"ใจ"ในการตีความ
เหตุผลไม่สำคัญเลยสำหรับผม เพราะตอนผม"รัก"เธอ ผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะรัก ดังนั้นหากเธอเลือกที่จะบอก"ลา"ใครสักคน เหตุผลก็คงไม่สำคุญสำหรับเธอเช่นกัน
แต่เรื่องที่ผม"เสียใจ"จริงๆ คือการที่เธอบอก"ลา"ก่อนที่เราจะได้รู้จักกันจริงๆเสียอีก
หากเลือกที่จะ"รัก"ต้องพร้อมที่จะ"รู้"
ยังไม่ทันที่เธอจะได้"รู้" เธอก็ชิงบอก"ลา"เสียแล้ว
"บ้าน"คือสถานที่ที่ผมอยากทำสิ่งหนึ่งมากที่สุด
"ร้องไห้"
บทเรียนเก่าจากคนที่เราเคยรัก(1)
ปล. เนื่องจากพึ่งเริ่มขีดเขียน หากเพื่อนๆมี comment หรือคำแนะนำดีๆ โพสได้เลยนะครับ ผมจะได้นำมาปรับปรุงในงานเขียนอันต่อไป นอกจากนี้ ผมเชื่อว่า "ลมหายใจของนักเขียนคือกำลังใจดีๆจากนักอ่านครับ" ^^ เริ่มกันเลยนะครับ
"รักแรกพบ"ของผมเกิดขึ้นตอนม.1ครับ
มีคนเคยกล่าวไว้ว่า "รักแรกพบเกิดได้หลายครั้ง แต่รักแท้เกิดได้ครั้งเดียว" ผมไม่รู้ว่ามันจริงหรือเปล่า แต่ค่อนข้างมั่นใจว่า “รักแรกพบ”ครั้งนี้แหละ คือ “รักแท้”
เธอมีชื่อเล่นว่า “นัท”ครับ
ผู้หญิงสวมแว่นตา ตัวเล็ก น่ารัก สไตล์คุณหนู ที่ใครๆเห้นแวบแรกก็จะพูดในใจว่า “เด็กเนิร์ด”
วันที่ผมพบเธอครั้งแรกนั้นเป็นวัน “ปฐมนิเทศ” ที่นักเรียนจะได้ทำความรู้จักกัน ซึ่งผมก็เป็นคน“โชคดี”อีกคนหนึ่งที่สอบเข้าได้และได้มีโอกาสมาเข้าเรียน โรงเรียนดีๆแบบนี้
และ“นัท”ก็เป็นหนึ่งในผู้โชคดีเหล่านั้นด้วย…
เราต่างเป็น“ผู้โชคดี”เหมือนกันทั้งคู่
แค่พึ่งพบกัน เราก็มีอะไรที่คล้ายๆกันแล้ว
“ความประทับใจครั้งแรก”หรือที่ฝรั่งเขาเรียกว่า “First Impression” ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วง 5 นาทีแรกที่คนสองคนมาพบกันนั้น ผมเชื่อว่ามันมีอยู่จริงครับ
แปลกมั้ยครับ… ความประทับใจครั้งเดียวสามารถทำให้คน“รัก”กันได้และความผิดใจครั้งสุดท้าย(ที่เป็นครั้งเดียว)ก็สามารถทำให้คน"เลิก"กันได้เช่นกัน
และความประทับใจครั้งแรกที่ผมมีต่อนัทคือ"ท่านั่งสมาธิ"ของเธอครับ
เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กที่ดูสง่างามในยามที่เธอนั่งสมาธิมาก ใบหน้าที่สงบนิ่ง หลังตรง สอดรับกับแว่นตากลมๆอันเล็กน่ารัก...
เธอจะรู้บ้างมั้ยนะ "สมาธิ"ของเธอ กำลังทำให้ใครบางคน"ไม่มีสมาธิ"
และฉันรักเธอตั้งแต่แรกพบหน้า
มากมายจนข้างใน ต้องระบายออกมา
ให้เธอ ได้ยิน
ว่าสำหรับฉันนั้นเธอคือทุกสิ่ง
เป็นแรงบันดาลใจเป็นทุกๆ อย่าง
เธอเชื่อมให้ฉันเห็นภาพที่สวยงามของชีวิต
แม้ว่าเรายังไม่ทันได้รู้จัก กันเลย
"ต้องระบายออกมา ให้เธอ... ได้ยิน" ผมชอบประโยคนี้ในเพลง"เรื่องจริง"ของ Modern Dog มากจึงได้ทำตามความหมายของมัน
แต่"เธอ"ของผมคือ"เพื่อน"ครับ
ผมได้บอกเพื่อนที่สนิทที่สุดไปในเรื่องที่ผมแอบชอบนัทและขอเขาไว้ว่า"อย่าบอกใคร"เพราะผมยังไม่พร้อมที่จะให้สาธารณชนได้รับรู้
แล้ว"ความลับ"ที่ห้ามบอกใครก็ได้แพร่ออกไปภายในวันเดียว
เมื่อ"ความลับ"ไม่ได้ทำตามหน้าที่ของมัน "ความล้อ"ก็เกิดขึ้นมาแทน
"ความล้อ"มักจะมาพร้อมกับ"ความเขิน"เสมอ แล้วโอกาสที่ผมจะได้คุยกับเธอก็ยิ่งมีน้อยลง(ทั้งที่มันก็น้อยอยู่แล้ว) จากเพื่อนๆช่างล้อเหล่านั้น
วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ.2551
ช่วงนั้นเป็นเทศกาล"วันพ่อ"ที่โรงเรียนผมจะจัดขึ้นทุกๆปี ซึ่งแต่ละห้องจะต้องมี"คู่พิธีกร"ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากการที่นักเรียนสมัครใจ เป็นกัน
ในวันนั้น อาจารย์ผมได้ถามถึง"อาสาสมัคร"ที่จะเป็น"คู่พิธีกร" แต่แล้วก็ไม่มีใคร"อาสา"สักที
ผมจึงบอกกับเพื่อนคนหนึ่งไปว่า"ถ้าทำให้กูได้คู่กับนัท กูยอมเป็นก็ได้"
เพื่อนคนนั้นก็"อาสา"ขึ้นมาทันที โดยตะโกนว่า"เพิ่ม-นัทๆๆ !"
เมื่อคนหนึ่งเริ่ม คนอื่นๆก็เริ่มทำตาม ตามหลักการ"การปรับตัว"ของชาร์ส ดาร์วิน
อาจารย์ได้ยินดังนั้น จึงถามย้ำกับผมว่า "เพิ่ม... เพิ่มอยากเป็นพิธีกรจริงๆใช่มั้ย"
ผมตอบรับด้วยการพยักหน้า
"แล้วนัทล่ะ... อยากเป็นหรือเปล่า"
ยังไม่ทันที่เธอจะได้ตอบ อาจารย์ก็"ผลัก"หัวของเธอให้"พยัก"เสียแล้ว
ผมสงสัย... ในแรง"ผลัก"ของอาจารย์นั้น มีแรง"พยัก"หน้าของเธอด้วยหรือเปล่า
แล้วคำตอบ... ก็มาพร้อมกับวันพรุ่งนี้
วันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ.2551
วันแห่งความทรงจำของผม
มันเป็น"ซ้อมใหญ่"ของงานวันพ่อละมันเป็นวันที่นัทได้มานั่งข้างๆผมครั้งแรก
เธอถามผมว่า
"เพิ่มชอบเราหรอ"
"อึ้ง"มากครับ อยากจะตอบว่า"ไม่!"มากๆ เพราะผมไม่ได้"ชอบ"เธอเลย แต่ผม"รัก"เธอต่างหาก!!!
แต่ไม่เป็นไร ตอนอึ้งๆแบบนี้ "ชอบ"กับ"รัก"คงไม่ต่างกันมากนัก
"อื้อ" ตอนนั้นผมมีเสียงแค่นั้นจริงๆครับ
"แต่เราไม่ได้ชอบเพิ่มนะ... เราเป็นเพื่อนกันดีกว่า"
.
หากเสียงของใครบางคน
มีผลต่อการเต้นของหัวใจ
ผมเคยคิกอยาหยุดหัวใจไว้ที่คนๆนี้
แต่เสียงของเธอในวันนี้... ความจริงของวันนี้ ได้ทำลายความฝันแบบนั้นไปแล้ว
ไม่มีวัน...
กับความฝันที่เป็นความจริง
...
..
ผมเคยคิดว่าการพูดตรงๆเป็นเรื่องที่ดี เพราะมันไม่ต้องมาเสียเวลามาคิดตีความและง่ายต่อการทำความเข้าใจ
แต่ผมคิดผิด...
เรื่องที่ง่ายต่อการทำความเข้าใจ มันไม่ควรใช้"ใจ"ในการตีความ
เหตุผลไม่สำคัญเลยสำหรับผม เพราะตอนผม"รัก"เธอ ผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะรัก ดังนั้นหากเธอเลือกที่จะบอก"ลา"ใครสักคน เหตุผลก็คงไม่สำคุญสำหรับเธอเช่นกัน
แต่เรื่องที่ผม"เสียใจ"จริงๆ คือการที่เธอบอก"ลา"ก่อนที่เราจะได้รู้จักกันจริงๆเสียอีก
หากเลือกที่จะ"รัก"ต้องพร้อมที่จะ"รู้"
ยังไม่ทันที่เธอจะได้"รู้" เธอก็ชิงบอก"ลา"เสียแล้ว
"บ้าน"คือสถานที่ที่ผมอยากทำสิ่งหนึ่งมากที่สุด
"ร้องไห้"