ไปอ่านเจอมาจากในFacebookค่ะ เลยอยากนำมาแบ่งปัน ไม่รู้ว่ามีคนเอามาแชร์หรือยังนะคะ เรื่องราวที่เจ้าของเรื่องเล่ามา อ่านแล้วทั้งสุขทั้งเศร้าเลย แล้วก็ได้ข้อคิดมากๆด้วย
เครดิต : นำมาจาก Facebook 'อกาลิโก แปลว่า ไม่ประกอบด้วยกาล' ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องของเค้าหรือเค้าแชร์มานะคะ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
"
Arm Issara
เศษผักที่แม่ค้าทิ้งยังมีค่า
... เพิ่งได้เห็นกับตาว่า ผักที่คนอื่นเขาไม่กินแล้ว แต่มีประโยชน์สำหรับบางคน เกือบน้ำตาหล่น เมื่อเห็นคุณลุงวัย 70 กว่า หยิบใบผักกาดขาวที่แม่ค้าเด็ดทิ้งขึ้นมาใส่ถุงที่แม่ค้าใจดีมอบให้ ลุงยัดมันใส่เข้าไปจนเต็ม และแม่ค้าก็แถมผักกาดที่ยังไม่เด็ดใบให้อีกหัว ลุงเอ่ยขอบใจแล้วก็ทำท่าจะเดินจากไป เพราะความชอบ

เรื่องชาวบ้าน ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะเรียกลุงไว้ แล้ว ถามออกไปว่า
"ลุงจะเอาไปทำอะไรน่ะ" ถามออกไปแล้ว ก็รู้สึกว่าไม่น่าถามเลย ถ้าเขาไม่เข้าใจ เขาจะคิดว่าเราดูถูกเขาเปล่าๆ แม่ค้าจึงเลยบอกว่า ลุงเอาไปเลี้ยงหลานอีกสองคนที่ลูกชายทิ้งเอาไว้ "ลูกชายลุงเขาโดนคดี โดนจับเข้าคุก เมียก็หนี ทิ้งลูกไว้สองคนให้ลุงเลี้ยงดู คนโตกำลังอยู่ ป.6 คนเล็ก อยู่ ป.5 ก่อนนี้ลูกชายลุงแกขับรถตุ๊กๆหน้าตลาด แม่ค้ารู้จักกันหมดแหละ พอโดนจับเราก็ช่วยลุงเท่าที่จะช่วยได้ "เรามันคนจนน่ะคุณ รู้จักกัน มีอะไรก็แบ่งปันกัน" แม่ค้าอีกคนที่ขายพวกหอม กะเทียมและปลาแห้ง แบ่งปลาแห้งที่ขายไม่ออกและคงจะอยู่มานานเต็มทีใส่ถุงยื่นให้ลุง ผมยืนมองดูภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
... นี่คือกรุงเทพ เมืองหลวงของประเทศไทย เมืองสวรรค์ที่หลายๆคนอยากมาใช้ชีวิต ก่อนหน้านี้ครั้งหนึ่งเมื่อย้อนกลับไปสามเกือบสี่สิบปีก่อน สมัยที่ผมเคยซุกตัวนอนอยู่ในตลาดประแจจีนก็เคยแบบนี้ แม่ค้าใจดี อารี มอบเงินให้เป็นค่าจ้างเล็กๆน้อยๆ สำหรับค่าขนผัก ทำความสะอาดแผง เป็นค่าแรงที่ทำให้ผมอยู่มาได้ตลอดเวลาที่โรงเรียนปิดเทอม "อย่ามาลำบากแบบนี้เลยลูกเอ๊ย...กลับบ้านไปเถอะ ป่านนี้พ่อแม่เป็นห่วง ตามหาจนหัวหมุนแล้วล่ะ" น้ำใจที่พวกเขาเหล่านั้นเคยมอบให้ ผมไม่เคยลืม... เช่นเดียวกับยามนี้ที่ผมกำลังยืนมองน้ำใจที่พวกเขามอบให้ชายชราคนนี้ เหมือนวันเวลาในอดีตย้อนกลับมาอีกครั้ง เงินสามพันบาทที่เจ้านายโอนมาให้ค่าต้นฉบับสารคดี "ดินแดนโลกตะลึง" ผมจ่ายไปแล้วบางส่วน เป็นค่าโดเมนเนมเวบไซต์ 2 ชื่อ 963 บาท ที่เหลืออยู่ในกระเป๋าอีก 2000 กว่าบาท กะว่าจะเอาใส่ซองให้ลูกเป็นอั่งเปาวันตรุษจีนคนละพัน แต่ในตอนนั้น นึกอย่างไรไม่รู้ หยิบออกมา 1 ใบ ยื่นให้ลุงซึ่งกำลังยืนงงๆอยู่ ยัดใส่ในกำมือ "ลุงเอาไปไว้ใช้นะ" ผมบอก " แล้วนี่ลุงบ้านอยู่ตรงไหน เผื่อผมจะได้ไปเยี่ยม" ลุงยืนนิ่งอยู่นาน นานจนผมอึดอัด กลัวว่าลุงจะคิดว่า ผมดูถูกแกหรือเปล่า ผมหันไปมองแม่ค้า ซึ่งกำลังมองมายังผมด้วยสายตาแปลกๆ
...นี่เราทำอะไรผิดไปหรือเปล่า หวังว่าเขาคงไม่คิดว่า ผมดูถูกเขานะ... สักพักผมจึงเข้าใจ เมื่อเห็นน้ำตาของลุงไหลหลั่งออกมา ลุงทรุดตัวลงนั่ง ยกมือไหว้ผม ซึ่งตกใจไม่น้อยไปกว่ากัน จนต้องคว้าแขนลุงให้ลุกขึ้นมา บอกกับลุงว่าอย่าทำอย่างนั้น มันจะทำให้นรกกินกะบาลผม แม่ค้าแอบปาดน้ำตา บอกกับผมว่า " คุณหยิบผิดหรือเปล่า ที่คุณให้ไปมันแบงค์พันนะ" ผมหัวเราะ แกล้งบอกว่า อ้าว...เหรอ ผมนึกว่า เป็นแบงค์ร้อย ลุงแกรีบยื่นคืนกลับให้ผมทันที แต่ผมบอกว่า ผมพูดเล่น ลุงเอาไปเถอะ ผมให้ลุงทั้งหมดนั่นแหละ เงินจำนวนนี้ที่จริงผมจะเอาใส่ซองให้ลูก แต่ลูกผมมันคงไม่จำเป็นมากมายเท่ากับที่ลุงต้องใช้ ลุงไปซื้อหมูที่ร้าน...(ผมบอกชื่อร้านประจำผมไป ) บอกเขานะว่าผมให้ลุงมาซื้อ ลุงจะได้เยอะๆ เดี่ยวผมจะไปจ่ายให้ ส่วนแบงค์พันลุงเก็บเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายให้หลานเรียนนะ
" ผมขอเศษกระดาษจากแม่ค้ามา แล้วจดเบอร์โทรศัพท์ให้ไป บอกว่า ถ้าลุงต้องการอะไร ลุงโทรมาหาผมได้ ผมยินดีเสมอ ถ้าช่วยได้ก็ช่วยกันไป ลุงบอกขอบใจ แล้วเดินจากไป โดยที่ไม่ได้บอกผมว่า ลุงอยู่ที่ไหน แต่แม่ค้าบอกว่า ลุงอาศัยอย่ในบ้านเช่าหลังเล็กๆหลังคลอง "ลุงแกมาขอพวกผักที่เราขายไม่ได้แล้วเอาไปทำกับข้าวทุกเย็น คุณอยากเจอแกก็มาดักเอาประมาณนี้แหละ ชั้นว่า แกคงไม่โทรหาคุณหรอก อายุขนาดนั้น แกจะโทรศัพท์เป็นมั้ย"
ยืนคุยกับแม่ค้าอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงเดินซื้อของที่ต้องการ ก่อนกลับบ้านผมเดินไปจ่ายค่าหมูที่ร้านขาประจำ แต่พี่เจ้าของแผงบอกว่า ลุงแกจ่ายแล้ว ยังสงสัยเลยว่า แกเอาแบงค์พันมาจากไหน เพราะทุกทีอย่างดีลุงก็จะมาซื้อกระดูกหมูเล็กๆน้อยๆจากร้านที่รู้จักกันไปต้มผักกาดมั่งอะไรมั่ง วันนี้ แกมาซื้อหมู 50 บาท ก็ตกใจล่ะ ผมเดินกลับบ้าน ด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้งเหมือนแบกอะไรไว้ มองดูกล้วยหอมหวีละ 80 บาท ที่ซื้อกลับบ้านมา แล้วนึกถึงภาพของลุงคนนั้นที่กลับบ้านไปด้วยเศษผักกากกองใหญ่ กับหนื้อหมูห้าสิบบาท
วันนี้ อาหารเย็นของพวกเขาคงอร่อยมากมายยิ่งกว่าอะไร ในขณะที่กล้วยหอม 10 ใบ 80 บาท ที่ผมซื้อมานั้น มันช่างแพงมากมายเมื่อคิดได้ว่า มันน่าจะเอาเงินจำนวนนี้ไปทำอะไรได้มากกว่านั้น สิ่งที่บางคนไม่ต้องการ แต่มันอาจจะเป็นสิ่งที่หลายคนอยากได้ ผมไม่รู้หรอกว่า วันหน้าผมจะได้เจอลุงอีกมั้ย แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกดีใจ ก็คือ เงินที่เจ้านายโอนมาให้ เงินที่ผมคิดว่า ชาตินี้คงไม่ได้แล้วล่ะ ผมถือว่ามันเป็นเงินที่สูญหาย และผมดีใจที่ส่วนหนึ่งของมันได้หายไปอยู่ในมือของลุงคนนั้น ถือว่าเป็นของขวัญวันตรุษจีนนะครับลุง..."
-------------------------------------------- --------------------------------------- ------------------------------------------------
อ่านจบแล้วอดคิดถึงตัวเองไม่ได้ บางครั้งซื้อของกิน ของเล่นให้ลูกมากมาย ลูกเลยไม่ค่อยเห็นค่าของเงิน เราเองก็เลยต้องสอนเค้าบ่อยๆว่า
เงินไม่ได้หาได้ง่ายๆ กินข้าวก็ต้องกินให้หมด ชอบหรือไม่ชอบก็ต้องกิน หนูยังโชคดีกว่าคนอื่นที่มีกิน เพราะยังมีคนที่ต้องลำบากมากมายกว่าจะมีข้าวกินสักมื้อ
อยากให้เด็กที่เข้ามาอ่านได้รู้คุณค่าของเงิน ส่วนผู้ใหญ่ที่เข้ามาอ่าน คนที่มีน้อยขอให้มีกำลังใจที่จะสู้ชีวิต คนที่มีมากกว่า..อยากให้มีน้ำใจแบ่งปันกันแบบเรื่องที่เอามาแชร์ อยากให้เราสร้างรอยยิ้มให้คนอื่นได้บ้างเมื่อมีโอกาสนะคะ
***** ข้อเพิ่มเติมข้อมูลหน่อยค่ะ
มีนักเขียนที่เรารู้จักท่านหนึ่ง รู้จักกับเจ้าของเรื่องที่ไปเจอคุณลุงนะคะ คุณลุงชื่อลุงล้อม คุณลุงลำบากมากจริงๆ นักเขียนท่านนั้นเลยนำนิยายของตัวเองออกมาประมูลนำรายได้ไปช่วยเหลือคุณลุงค่ะ ถ้าอยากรู้รายละเอียดลองเข้าไปดูกันนะคะ
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=698364216869943&set=a.409537415752626.92812.405909742782060&type=1&theater
*******อัพเดทเพิ่มเติม วันที่ 07/02/57 คุณลุงในเรื่องตอนนี้กำลังจะไปอยู่กับลูกสะใภ้ซึ่งเป็นแม่ของเด็กแล้วค่ะ คิดว่าคุณลุงน่าจะสบายขึ้นระดับนึงค่ะ เงินที่มีคนรวบรวมช่วยคุณลุงก็ได้ไปประมาณสองหมื่นค่ะ (รวมถึงที่เพื่อนนักเขียนประมูลนิยายเพื่อช่วยคุณลุงด้วย)
เศษผักที่แม่ค้าทิ้งยังมีค่า...กับคนบางคน...ข้อคิดดีๆที่นำมาแบ่งปัน
เครดิต : นำมาจาก Facebook 'อกาลิโก แปลว่า ไม่ประกอบด้วยกาล' ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องของเค้าหรือเค้าแชร์มานะคะ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
"Arm Issara
เศษผักที่แม่ค้าทิ้งยังมีค่า
... เพิ่งได้เห็นกับตาว่า ผักที่คนอื่นเขาไม่กินแล้ว แต่มีประโยชน์สำหรับบางคน เกือบน้ำตาหล่น เมื่อเห็นคุณลุงวัย 70 กว่า หยิบใบผักกาดขาวที่แม่ค้าเด็ดทิ้งขึ้นมาใส่ถุงที่แม่ค้าใจดีมอบให้ ลุงยัดมันใส่เข้าไปจนเต็ม และแม่ค้าก็แถมผักกาดที่ยังไม่เด็ดใบให้อีกหัว ลุงเอ่ยขอบใจแล้วก็ทำท่าจะเดินจากไป เพราะความชอบ
"ลุงจะเอาไปทำอะไรน่ะ" ถามออกไปแล้ว ก็รู้สึกว่าไม่น่าถามเลย ถ้าเขาไม่เข้าใจ เขาจะคิดว่าเราดูถูกเขาเปล่าๆ แม่ค้าจึงเลยบอกว่า ลุงเอาไปเลี้ยงหลานอีกสองคนที่ลูกชายทิ้งเอาไว้ "ลูกชายลุงเขาโดนคดี โดนจับเข้าคุก เมียก็หนี ทิ้งลูกไว้สองคนให้ลุงเลี้ยงดู คนโตกำลังอยู่ ป.6 คนเล็ก อยู่ ป.5 ก่อนนี้ลูกชายลุงแกขับรถตุ๊กๆหน้าตลาด แม่ค้ารู้จักกันหมดแหละ พอโดนจับเราก็ช่วยลุงเท่าที่จะช่วยได้ "เรามันคนจนน่ะคุณ รู้จักกัน มีอะไรก็แบ่งปันกัน" แม่ค้าอีกคนที่ขายพวกหอม กะเทียมและปลาแห้ง แบ่งปลาแห้งที่ขายไม่ออกและคงจะอยู่มานานเต็มทีใส่ถุงยื่นให้ลุง ผมยืนมองดูภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
... นี่คือกรุงเทพ เมืองหลวงของประเทศไทย เมืองสวรรค์ที่หลายๆคนอยากมาใช้ชีวิต ก่อนหน้านี้ครั้งหนึ่งเมื่อย้อนกลับไปสามเกือบสี่สิบปีก่อน สมัยที่ผมเคยซุกตัวนอนอยู่ในตลาดประแจจีนก็เคยแบบนี้ แม่ค้าใจดี อารี มอบเงินให้เป็นค่าจ้างเล็กๆน้อยๆ สำหรับค่าขนผัก ทำความสะอาดแผง เป็นค่าแรงที่ทำให้ผมอยู่มาได้ตลอดเวลาที่โรงเรียนปิดเทอม "อย่ามาลำบากแบบนี้เลยลูกเอ๊ย...กลับบ้านไปเถอะ ป่านนี้พ่อแม่เป็นห่วง ตามหาจนหัวหมุนแล้วล่ะ" น้ำใจที่พวกเขาเหล่านั้นเคยมอบให้ ผมไม่เคยลืม... เช่นเดียวกับยามนี้ที่ผมกำลังยืนมองน้ำใจที่พวกเขามอบให้ชายชราคนนี้ เหมือนวันเวลาในอดีตย้อนกลับมาอีกครั้ง เงินสามพันบาทที่เจ้านายโอนมาให้ค่าต้นฉบับสารคดี "ดินแดนโลกตะลึง" ผมจ่ายไปแล้วบางส่วน เป็นค่าโดเมนเนมเวบไซต์ 2 ชื่อ 963 บาท ที่เหลืออยู่ในกระเป๋าอีก 2000 กว่าบาท กะว่าจะเอาใส่ซองให้ลูกเป็นอั่งเปาวันตรุษจีนคนละพัน แต่ในตอนนั้น นึกอย่างไรไม่รู้ หยิบออกมา 1 ใบ ยื่นให้ลุงซึ่งกำลังยืนงงๆอยู่ ยัดใส่ในกำมือ "ลุงเอาไปไว้ใช้นะ" ผมบอก " แล้วนี่ลุงบ้านอยู่ตรงไหน เผื่อผมจะได้ไปเยี่ยม" ลุงยืนนิ่งอยู่นาน นานจนผมอึดอัด กลัวว่าลุงจะคิดว่า ผมดูถูกแกหรือเปล่า ผมหันไปมองแม่ค้า ซึ่งกำลังมองมายังผมด้วยสายตาแปลกๆ
...นี่เราทำอะไรผิดไปหรือเปล่า หวังว่าเขาคงไม่คิดว่า ผมดูถูกเขานะ... สักพักผมจึงเข้าใจ เมื่อเห็นน้ำตาของลุงไหลหลั่งออกมา ลุงทรุดตัวลงนั่ง ยกมือไหว้ผม ซึ่งตกใจไม่น้อยไปกว่ากัน จนต้องคว้าแขนลุงให้ลุกขึ้นมา บอกกับลุงว่าอย่าทำอย่างนั้น มันจะทำให้นรกกินกะบาลผม แม่ค้าแอบปาดน้ำตา บอกกับผมว่า " คุณหยิบผิดหรือเปล่า ที่คุณให้ไปมันแบงค์พันนะ" ผมหัวเราะ แกล้งบอกว่า อ้าว...เหรอ ผมนึกว่า เป็นแบงค์ร้อย ลุงแกรีบยื่นคืนกลับให้ผมทันที แต่ผมบอกว่า ผมพูดเล่น ลุงเอาไปเถอะ ผมให้ลุงทั้งหมดนั่นแหละ เงินจำนวนนี้ที่จริงผมจะเอาใส่ซองให้ลูก แต่ลูกผมมันคงไม่จำเป็นมากมายเท่ากับที่ลุงต้องใช้ ลุงไปซื้อหมูที่ร้าน...(ผมบอกชื่อร้านประจำผมไป ) บอกเขานะว่าผมให้ลุงมาซื้อ ลุงจะได้เยอะๆ เดี่ยวผมจะไปจ่ายให้ ส่วนแบงค์พันลุงเก็บเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายให้หลานเรียนนะ
" ผมขอเศษกระดาษจากแม่ค้ามา แล้วจดเบอร์โทรศัพท์ให้ไป บอกว่า ถ้าลุงต้องการอะไร ลุงโทรมาหาผมได้ ผมยินดีเสมอ ถ้าช่วยได้ก็ช่วยกันไป ลุงบอกขอบใจ แล้วเดินจากไป โดยที่ไม่ได้บอกผมว่า ลุงอยู่ที่ไหน แต่แม่ค้าบอกว่า ลุงอาศัยอย่ในบ้านเช่าหลังเล็กๆหลังคลอง "ลุงแกมาขอพวกผักที่เราขายไม่ได้แล้วเอาไปทำกับข้าวทุกเย็น คุณอยากเจอแกก็มาดักเอาประมาณนี้แหละ ชั้นว่า แกคงไม่โทรหาคุณหรอก อายุขนาดนั้น แกจะโทรศัพท์เป็นมั้ย"
ยืนคุยกับแม่ค้าอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงเดินซื้อของที่ต้องการ ก่อนกลับบ้านผมเดินไปจ่ายค่าหมูที่ร้านขาประจำ แต่พี่เจ้าของแผงบอกว่า ลุงแกจ่ายแล้ว ยังสงสัยเลยว่า แกเอาแบงค์พันมาจากไหน เพราะทุกทีอย่างดีลุงก็จะมาซื้อกระดูกหมูเล็กๆน้อยๆจากร้านที่รู้จักกันไปต้มผักกาดมั่งอะไรมั่ง วันนี้ แกมาซื้อหมู 50 บาท ก็ตกใจล่ะ ผมเดินกลับบ้าน ด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้งเหมือนแบกอะไรไว้ มองดูกล้วยหอมหวีละ 80 บาท ที่ซื้อกลับบ้านมา แล้วนึกถึงภาพของลุงคนนั้นที่กลับบ้านไปด้วยเศษผักกากกองใหญ่ กับหนื้อหมูห้าสิบบาท
วันนี้ อาหารเย็นของพวกเขาคงอร่อยมากมายยิ่งกว่าอะไร ในขณะที่กล้วยหอม 10 ใบ 80 บาท ที่ผมซื้อมานั้น มันช่างแพงมากมายเมื่อคิดได้ว่า มันน่าจะเอาเงินจำนวนนี้ไปทำอะไรได้มากกว่านั้น สิ่งที่บางคนไม่ต้องการ แต่มันอาจจะเป็นสิ่งที่หลายคนอยากได้ ผมไม่รู้หรอกว่า วันหน้าผมจะได้เจอลุงอีกมั้ย แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกดีใจ ก็คือ เงินที่เจ้านายโอนมาให้ เงินที่ผมคิดว่า ชาตินี้คงไม่ได้แล้วล่ะ ผมถือว่ามันเป็นเงินที่สูญหาย และผมดีใจที่ส่วนหนึ่งของมันได้หายไปอยู่ในมือของลุงคนนั้น ถือว่าเป็นของขวัญวันตรุษจีนนะครับลุง..."
-------------------------------------------- --------------------------------------- ------------------------------------------------
อ่านจบแล้วอดคิดถึงตัวเองไม่ได้ บางครั้งซื้อของกิน ของเล่นให้ลูกมากมาย ลูกเลยไม่ค่อยเห็นค่าของเงิน เราเองก็เลยต้องสอนเค้าบ่อยๆว่า
เงินไม่ได้หาได้ง่ายๆ กินข้าวก็ต้องกินให้หมด ชอบหรือไม่ชอบก็ต้องกิน หนูยังโชคดีกว่าคนอื่นที่มีกิน เพราะยังมีคนที่ต้องลำบากมากมายกว่าจะมีข้าวกินสักมื้อ
อยากให้เด็กที่เข้ามาอ่านได้รู้คุณค่าของเงิน ส่วนผู้ใหญ่ที่เข้ามาอ่าน คนที่มีน้อยขอให้มีกำลังใจที่จะสู้ชีวิต คนที่มีมากกว่า..อยากให้มีน้ำใจแบ่งปันกันแบบเรื่องที่เอามาแชร์ อยากให้เราสร้างรอยยิ้มให้คนอื่นได้บ้างเมื่อมีโอกาสนะคะ
***** ข้อเพิ่มเติมข้อมูลหน่อยค่ะ
มีนักเขียนที่เรารู้จักท่านหนึ่ง รู้จักกับเจ้าของเรื่องที่ไปเจอคุณลุงนะคะ คุณลุงชื่อลุงล้อม คุณลุงลำบากมากจริงๆ นักเขียนท่านนั้นเลยนำนิยายของตัวเองออกมาประมูลนำรายได้ไปช่วยเหลือคุณลุงค่ะ ถ้าอยากรู้รายละเอียดลองเข้าไปดูกันนะคะ
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=698364216869943&set=a.409537415752626.92812.405909742782060&type=1&theater
*******อัพเดทเพิ่มเติม วันที่ 07/02/57 คุณลุงในเรื่องตอนนี้กำลังจะไปอยู่กับลูกสะใภ้ซึ่งเป็นแม่ของเด็กแล้วค่ะ คิดว่าคุณลุงน่าจะสบายขึ้นระดับนึงค่ะ เงินที่มีคนรวบรวมช่วยคุณลุงก็ได้ไปประมาณสองหมื่นค่ะ (รวมถึงที่เพื่อนนักเขียนประมูลนิยายเพื่อช่วยคุณลุงด้วย)