นานๆผมจะตั้งกระทู้เรื่องการเมืองสักที เห็นบรรยากาศเริ่มร้อนแรงของการเมืองบ้านเราวันนี้แล้วอดคิดถึงประวัติศาสตร์ไม่ได้
อย่างที่ทราบประเทศไทยเราได้เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ตั้งแต่ปี พศ.2475
แต่ถึงอย่างนั้นประชาธิปไตยก็ยังสะดุดลงหลายต่อหลายครั้งจนนำไปสู่การประท้วงครั้งใหญ่ ที่เหล่าผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
เหล่านั้นได้ถูกยกย่องให้เป็นวีรชนในอีกหลายสิบปีให้หลัง พวกเขาหลั่งเลือดเพื่อให้ประชาธิปไตยเบ่งบานในประเทศไทยอีกครัง
แต่วันนี้ กลับมีคนบางกลุ่มกำลังพยายามแช่แข็งประชาธิปไตยอีกครั้ง ก่อนที่พวกเขาจะทำการใดๆต่อวันนี้ ผมอยากให้กลับไป
ทบทวนอดีตบางส่วนที่ผ่านมาหลังจากที่มีกลุ่มบางกลุ่มทำให้ประชาธิปไตยสะดุด
เริ่มจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516
เหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 นับเป็นเหตุการณ์สำคัญในทางการเมืองของไทยสมัยใหม่ เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ
ที่แสดงให้เห็นความตื่นตัวทางการเมืองของพลังมวลชนนอกระบบราชการ โดยเฉพาะนิสิต นักศึกษาและประชาชนที่ลุกขึ้นมา
ต่อต้านการปกครองแบบเผด็จการทหาร เรียกร้องรัฐธรรมนูญ และการปกครองแบบประชาธิปไตย
กลุ่มนิสิต นักศึกษา และประชาชน ที่ชุมนุมเรียกร้องรัฐธรรมนูญและการปกครองระบอบประชาธิปไตย การประท้วงเริ่มจาก
กลุ่มนักศึกษาและได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเป็นจำนวนมากขึ้น เมื่อมีการเดินขบวนจึงมีจำนวนผู้ร่วมเดินขบวนนับแสนคน
การประท้วงดังกล่าวเป็นไปโดยสันติวิธี แต่ได้เกิดการปะทะกับกำลังตำรวจและทหาร ทำให้เกิดการจลาจล แต่ผลของการเดินขบวน
ได้ทำให้รัฐบาลเผด็จการทหารของจอมพลถนอมต้องลาออก กล่าวกันว่า ภายหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516
ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ความเป็นประชาธิปไตยอีกระดับหนึ่ง ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพมากขึ้น มีการร่างรัฐธรรมนูญและ
ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2517 ที่เปิดโอกาสให้คนกลุ่มต่างๆ มีส่วนร่วมทางการเมือง ผ่านระบบการเลือกตั้ง
มีพรรคการเมือง มีการถ่วงดุลอำนาจระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร
เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พศ.2535 (Black May)
เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 17 – 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 เป็นเหตุการณ์ชุมนุมของประชาชน
เพื่อต่อต้านการขึ้นสู่ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพลเอกสุจินดา คราประยูร หนึ่งในผู้นำทหารใน
คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ซึ่งได้ทำรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาล พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ
ที่เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง ผลของเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ได้แสดงให้เห็นปฏิกิริยาของประชาชน
ที่ต่อต้านกระบวนการทางการเมืองที่พยายาม ยึดอำนาจรัฐในแบบเก่า และสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของประชาชน
ที่ต้องการให้มีการพัฒนา ประชาธิปไตย มีระบบรัฐสภาที่มีตัวแทนของประชาชนที่มาจากการเลือกตั้ง
มากกว่าที่จะยอมรับการขึ้นมามีอำนาจของกลุ่มบุคคลที่ไม่ได้มาจากการเลือก ตั้ง เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ
ได้ส่งผลสำคัญต่อการเมืองไทยในปัจจุบัน เพราะถือเป็นจุดเริ่มต้นให้มีกระแสเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมือง
การปกครอง แก้ไขรัฐธรรมนูญและร่างรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2540 นอกจากนี้ หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว
ทำให้ทหารหรือกองทัพซึ่งเคยมีบทบาทอย่างมากในการเมืองไทยถูกลดบทบาทลง
_________________________________________________________________________________
และมาถึงยุคปัจจุบันประชาธิปไตยกำลังจะสะดุดลงอีกครั้ง ด้วยเหตุผลการบริหารประเทศที่ผิดพลาดของรัฐบาล
ชุดปัจจุบันแต่วิธีการลงโทษรัฐบาลกลับเป็นวิธีนอกระบบ ที่กระทบกับระบอบประชาธิปไตย กระทบระบบเศรษกิจ
กระทบความมั่นคง และยังรวมถึงละเมิดสิทธิประชาชนทั่วไปอย่างรุนแรง
ประชาชนมีสิทธิ์ลงโทษรัฐบาลแต่ทั้งหมดต้องอยู่ในกรอบความชอบธรรมของกฏหมาย ยังจำครั้งแรกที่คนไทยลงโทษ
รัฐบาลชุดนี้ด้วยเรื่อง พรบ.นิรโทษได้อยู่ไหม? นั่นแหละผมกำลังจะบอกว่าพลังบริสุทธิ์ของแท้จะเป็นแบบนั้นไม่ต้องเกณฑ์
คนมาร่วมชุมนุมแต่ทั้งประเทศแสดงถึงการต่อต้านโดยพร้อมเพรียงกัน เป็นเหตุให้รัฐบาลต้องถอยสุดตัวและยุบสภาในที่สุด
หากจะลงโทษดาบสอง ก็ขอให้ลงโทษด้วยความชอบธรรมด้วยปากกาและสิทธิ์เลือกตั้งเถิดครับ
อย่าลงโทษด้วยวิธีอะไรแปลกๆเลย ผมเชื่อว่าถ้ารัฐบาลโกง ถ้าฝ่ายค้านและองค์กรอิสระต่างๆจะจัดการเอาผิดจริงๆ
โดยไม่กระทบกับประชาธิปไตยและระบบตุลาการก็สามารถทำได้ไม่ยาก แต่ที่ผ่านมาอ้างว่าทำไม่ได้หรือทำไม่สุดตัวก็ไม่รู้
แต่เอาจริงๆก็ทำได้ง่ายๆถ้าพวกคุณไม่หวัง "เชือดเขายกพรรคเพื่อให้พรรคพวกตนเองเข้าไปมีอำนาจแทน"
ตอนนี้ยังไม่สายนะครับ ช่วยๆกันคนละไม้คนละมือ ไม่ให้ประเทศหลุดเข้าไปสู่ความรุนแรง ถ้าประชาธิปไตยหลุดลอย
ด้วยกลุ่มบุคคลใดๆก็ตามหรือหากมีการรัฐประหารเกิดขึ้น ผมเชื่อเหลือเกินว่าคราวนี้จะต่างจากปี พศ.2549
ประชาชนที่เป็นพลังบริสุทธิ์จะลุกฮือขึ้นมาต่อต้านสิ่งที่อยู่นอกระบอบประชาธิปไตยไม่ต่างจากอดีตที่ผ่านมา
การประท้วงที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์คือ"การเรียกร้องประชาธิปไตย"
อย่างที่ทราบประเทศไทยเราได้เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ตั้งแต่ปี พศ.2475
แต่ถึงอย่างนั้นประชาธิปไตยก็ยังสะดุดลงหลายต่อหลายครั้งจนนำไปสู่การประท้วงครั้งใหญ่ ที่เหล่าผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
เหล่านั้นได้ถูกยกย่องให้เป็นวีรชนในอีกหลายสิบปีให้หลัง พวกเขาหลั่งเลือดเพื่อให้ประชาธิปไตยเบ่งบานในประเทศไทยอีกครัง
แต่วันนี้ กลับมีคนบางกลุ่มกำลังพยายามแช่แข็งประชาธิปไตยอีกครั้ง ก่อนที่พวกเขาจะทำการใดๆต่อวันนี้ ผมอยากให้กลับไป
ทบทวนอดีตบางส่วนที่ผ่านมาหลังจากที่มีกลุ่มบางกลุ่มทำให้ประชาธิปไตยสะดุด
เริ่มจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516
เหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 นับเป็นเหตุการณ์สำคัญในทางการเมืองของไทยสมัยใหม่ เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ
ที่แสดงให้เห็นความตื่นตัวทางการเมืองของพลังมวลชนนอกระบบราชการ โดยเฉพาะนิสิต นักศึกษาและประชาชนที่ลุกขึ้นมา
ต่อต้านการปกครองแบบเผด็จการทหาร เรียกร้องรัฐธรรมนูญ และการปกครองแบบประชาธิปไตย
กลุ่มนิสิต นักศึกษา และประชาชน ที่ชุมนุมเรียกร้องรัฐธรรมนูญและการปกครองระบอบประชาธิปไตย การประท้วงเริ่มจาก
กลุ่มนักศึกษาและได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเป็นจำนวนมากขึ้น เมื่อมีการเดินขบวนจึงมีจำนวนผู้ร่วมเดินขบวนนับแสนคน
การประท้วงดังกล่าวเป็นไปโดยสันติวิธี แต่ได้เกิดการปะทะกับกำลังตำรวจและทหาร ทำให้เกิดการจลาจล แต่ผลของการเดินขบวน
ได้ทำให้รัฐบาลเผด็จการทหารของจอมพลถนอมต้องลาออก กล่าวกันว่า ภายหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516
ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ความเป็นประชาธิปไตยอีกระดับหนึ่ง ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพมากขึ้น มีการร่างรัฐธรรมนูญและ
ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2517 ที่เปิดโอกาสให้คนกลุ่มต่างๆ มีส่วนร่วมทางการเมือง ผ่านระบบการเลือกตั้ง
มีพรรคการเมือง มีการถ่วงดุลอำนาจระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร
เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พศ.2535 (Black May)
เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 17 – 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 เป็นเหตุการณ์ชุมนุมของประชาชน
เพื่อต่อต้านการขึ้นสู่ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพลเอกสุจินดา คราประยูร หนึ่งในผู้นำทหารใน
คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ซึ่งได้ทำรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาล พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ
ที่เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง ผลของเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ได้แสดงให้เห็นปฏิกิริยาของประชาชน
ที่ต่อต้านกระบวนการทางการเมืองที่พยายาม ยึดอำนาจรัฐในแบบเก่า และสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของประชาชน
ที่ต้องการให้มีการพัฒนา ประชาธิปไตย มีระบบรัฐสภาที่มีตัวแทนของประชาชนที่มาจากการเลือกตั้ง
มากกว่าที่จะยอมรับการขึ้นมามีอำนาจของกลุ่มบุคคลที่ไม่ได้มาจากการเลือก ตั้ง เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ
ได้ส่งผลสำคัญต่อการเมืองไทยในปัจจุบัน เพราะถือเป็นจุดเริ่มต้นให้มีกระแสเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมือง
การปกครอง แก้ไขรัฐธรรมนูญและร่างรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2540 นอกจากนี้ หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว
ทำให้ทหารหรือกองทัพซึ่งเคยมีบทบาทอย่างมากในการเมืองไทยถูกลดบทบาทลง
_________________________________________________________________________________
และมาถึงยุคปัจจุบันประชาธิปไตยกำลังจะสะดุดลงอีกครั้ง ด้วยเหตุผลการบริหารประเทศที่ผิดพลาดของรัฐบาล
ชุดปัจจุบันแต่วิธีการลงโทษรัฐบาลกลับเป็นวิธีนอกระบบ ที่กระทบกับระบอบประชาธิปไตย กระทบระบบเศรษกิจ
กระทบความมั่นคง และยังรวมถึงละเมิดสิทธิประชาชนทั่วไปอย่างรุนแรง
ประชาชนมีสิทธิ์ลงโทษรัฐบาลแต่ทั้งหมดต้องอยู่ในกรอบความชอบธรรมของกฏหมาย ยังจำครั้งแรกที่คนไทยลงโทษ
รัฐบาลชุดนี้ด้วยเรื่อง พรบ.นิรโทษได้อยู่ไหม? นั่นแหละผมกำลังจะบอกว่าพลังบริสุทธิ์ของแท้จะเป็นแบบนั้นไม่ต้องเกณฑ์
คนมาร่วมชุมนุมแต่ทั้งประเทศแสดงถึงการต่อต้านโดยพร้อมเพรียงกัน เป็นเหตุให้รัฐบาลต้องถอยสุดตัวและยุบสภาในที่สุด
หากจะลงโทษดาบสอง ก็ขอให้ลงโทษด้วยความชอบธรรมด้วยปากกาและสิทธิ์เลือกตั้งเถิดครับ
อย่าลงโทษด้วยวิธีอะไรแปลกๆเลย ผมเชื่อว่าถ้ารัฐบาลโกง ถ้าฝ่ายค้านและองค์กรอิสระต่างๆจะจัดการเอาผิดจริงๆ
โดยไม่กระทบกับประชาธิปไตยและระบบตุลาการก็สามารถทำได้ไม่ยาก แต่ที่ผ่านมาอ้างว่าทำไม่ได้หรือทำไม่สุดตัวก็ไม่รู้
แต่เอาจริงๆก็ทำได้ง่ายๆถ้าพวกคุณไม่หวัง "เชือดเขายกพรรคเพื่อให้พรรคพวกตนเองเข้าไปมีอำนาจแทน"
ตอนนี้ยังไม่สายนะครับ ช่วยๆกันคนละไม้คนละมือ ไม่ให้ประเทศหลุดเข้าไปสู่ความรุนแรง ถ้าประชาธิปไตยหลุดลอย
ด้วยกลุ่มบุคคลใดๆก็ตามหรือหากมีการรัฐประหารเกิดขึ้น ผมเชื่อเหลือเกินว่าคราวนี้จะต่างจากปี พศ.2549
ประชาชนที่เป็นพลังบริสุทธิ์จะลุกฮือขึ้นมาต่อต้านสิ่งที่อยู่นอกระบอบประชาธิปไตยไม่ต่างจากอดีตที่ผ่านมา