เผด็จการในคราบประชาธิปไตย โหดร้ายยิ่งกว่าทรราช รศ.ประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ แนวหน้าออนไลน์

กระทู้สนทนา
สถานการณ์ของประเทศไทยในทางการเมืองขณะนี้เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อ 40 ปีก่อน อาจกล่าวได้ว่า
นักการเมืองผู้ครองอำนาจและข้าราชการบางคน บางกลุ่ม มีพฤติกรรมที่เลวร้ายกว่า

ทั้งนี้ จะเห็นได้จากสิ่งที่ปรากฏในองค์กรที่อ้างว่าเป็นตัวแทนของประชาชน แต่พฤติกรรมมิได้เป็นเช่นนั้น
เพราะการตัดสินใจแก้กฎหมายเพื่อประโยชน์ของพวกตนมากกว่าของประชาชน โดยอาศัยพวกมากลาก
ไปและทำตามผู้เป็นนายสั่ง โดยไม่คำนึงถึงประชาชน

ยิ่งไปกว่านั้น การกระทำของตำรวจที่แสดงความป่าเถื่อนด้วยการใช้กำลังพลมากมายล้อมประชาชนที่ทำ
การประท้วง พฤติกรรมของรัฐบาลด้วยการสั่งตัดน้ำ ตัดไฟ ห้ามเข้า-ออกและห้ามนำข้าวปลาอาหารไปให้
ผู้ร่วมชุมนุม ทำให้ต้องส่งเสบียงอาหารด้วยการลอยคอส่งข้ามคลอง รวมทั้งสั่งการมิให้ผู้ว่าราชการ
กรุงเทพมหานครส่งรถสุขาไปให้ เป็นสิ่งที่เลวร้าย ทารุณ และทุเรศที่สุด


พฤติกรรมเหล่านี้แม้จะมิได้ใช้กำลังทำร้ายผู้ร่วมชุมนุม แต่ถือเป็นการแสดงออกของผู้สั่งการที่ป่าเถื่อน
ไร้มนุษยธรรม ยิ่งเสียกว่าการทำการปราบปรามด้วยกำลังเสียอีก ซึ่งมีผลทำให้ผู้นำการชุมนุมผู้ต่อต้าน
ต้องยอมปฏิบัติตาม เพราะทนความสงสารผู้ร่วมชุมนุมที่ถูกบีบคั้นไม่ไหวทั้งที่ชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ
และเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ

พฤติกรรมของฝ่ายรัฐกระทำเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าสังคมประชาธิปไตยของประเทศไทยมีแต่เพียงชื่อ เพราะ
พฤติกรรมของฝ่ายผู้มีอำนาจเลวร้ายยิ่งกว่าสมัยเผด็จการโดยจอมพลถนอม จอมพลประภาส ซึ่งถูกประณาม
ว่าเป็นทรราชเสียอีก ความฮึกเหิมของผู้มีอำนาจในปัจจุบันที่ท่องคาถาว่ามาจากการเลือกตั้งเป็นประชาธิปไตย
แต่พฤติกรรมเป็นยิ่งกว่าทรราชสมัย 14 ตุลาคม 2516


ฉะนั้น การที่มีประชาชนกลุ่มต่างๆ ลุกขึ้นต่อต้านเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกที แม้ประชาชนผู้รักสงบหรือบางคนคิดว่า
ธุระไม่ใช่ อาจจะมองว่า กลุ่มชนเหล่านั้นเป็นพวกก่อความวุ่นวาย

ถ้าคิดเช่นนั้นขอให้กลับไปคิดเสียใหม่ว่า พฤติกรรมของผู้มีอำนาจได้ทำร้ายและทำลายประเทศชาติและประชาชน
ทั้งในด้านเสรีภาพการเมือง เศรษฐกิจ และร้ายที่สุด คือ การฉ้อราษฎร์บังหลวงจนประเทศไทยที่เคยรุ่งเรืองกลับ
เสื่อมถอยในด้านภาพพจน์ลงทุกที จนมีผู้กล่าวว่าเป็นหลุมดำคอร์รัปชั่น

ทั้งนี้เพราะผู้มีอำนาจทั้งที่เป็นทางการและผู้อยู่เบื้องหลังใช้กลวิธีของผู้เผด็จการในอดีตแห่งประเทศเยอรมัน
คือ ฮิตเลอร์ ซึ่งใช้การโฆษณาชวนเชื่อแก่ประชาชนถึงความยิ่งใหญ่ แต่สุดท้ายได้สร้างความยิ้มของ
ประเทศเยอรมัน

หรือพฤติกรรมของ นายพลเปรอง ประธานาธิบดีแห่งประเทศอาร์เจนตินา ที่ใช้นโยบายประชานิยมจนทำให้
ประเทศล้มละลาย ปัจจุบันนี้ประเทศไทยกำลังเดินสู่บริบทเช่นประเทศอาร์เจนตินาสมัยนายพลเปรอง
เป็นประธานาธิบดี ที่ประชาชนผู้ยากไร้ให้ความนิยมมาก โดยหานึกไม่ว่า ลัทธิประชานิยมเป็นอันตรายอย่างมหันต์
ต่อประเทศชาติและประชาชนในที่สุด

พฤติกรรมของผู้มีอำนาจรัฐในขณะนี้กำลังสร้างความหายนะ โดยอาศัยพฤติกรรมเผด็จการในคราบการปกครอง
ระบอบประชาธิปไตยทำร้ายชาติและประชาชน ไม่ใช่เป็นการปกครองของประชาชนโดยประชาชนและเพื่อประชาชน
ตามทฤษฎีประชาธิปไตย

ฉะนั้น การที่ประชาชนกลุ่มต่างๆ ลุกขึ้นต่อสู้ภายใต้กรอบแห่งรัฐธรรมนูญ จึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และถึงเวลาที่ต้องทำ
อย่างไรก็ดี การต่อสู้ขณะนี้อาจกล่าวได้ว่า เป็นเพียงการเริ่มต้นเช่นเดียวกับเหตุการณ์ก่อนวันที่ 14 ตุลาคม 2516
ซึ่งอาจใช้เวลานานพอสมควร ก่อนที่จะถึงวันที่รัฐบาลเผด็จการจะถึงบทอวสาน ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเช่นเหตุการณ์
14 ตุลาคม 2516

http://www.naewna.com/politic/columnist/9151

ไม่น่าเชื่อนะคะ  ว่า อ.จ. เคยสอนอยู่ในคณะรัฐศาสตร์ด้วย และเราก็เคยเป็นลูกศิษย์อ.จ.ด้วย
ถ้าวันนี้ อ.จ.ยังสอนอยู่  อนาคตของชาติจะเป็นแบบไหน  นึกเอาเองก็แล้วกัน
ส่งข้าว  ผ่านคลองแสนแสบ  น.ป.ช. ก็เคยทำเหมือนกัน  

เพราะ วันที่น.ป.ช.ชุมนุม  ก็มีการงดส่งข้าวส่งน้ำ  เหมือนกัน ไม่ใช่ไม่มี
แต่รัฐบาลนี้  ยังไม่เคยใช้กระสุนจริง ค่ะ

เอาประเด็นอื่นๆ  ให้เพื่อนๆ วิจารณ์กันบ้างก็แล้วกันนะ  อ่านแล้ว  จะกด  แสดงความรู้สึกแบบไหนดี  
ขอบอกว่า เจ้าของกระทู้ "สยอง"  ค่ะ  เหมือน "นักรัฐศาสตร์" กำลังเรียกหา  "เผด็จการ"
แต "ขำกลิ้ง"  ก็ได้เหมือนกันนะ   นี่แหละ  "แนวหน้า"  ที่มีบ.ก. เป็นส.ส.ประชาธิปัตย์  ไงล่ะคะ  เศร้า

สาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่