พี่ชายของฉัน...

กระทู้สนทนา
ลืมตาตื่นขึ้นมาทุกเช้าก็ราวกับมีเชือกมามัดไว้ระหว่างคน2คนตลอดเวลา  เข้าห้องน้ำแปรงฟันด้วยแปรงอันเดียว  อาบน้ำพร้อมกันด้วยฝักบัวอันเดียวกัน  แต่งตัวเหมือนกันยันถุงเท้าที่ดึงยืดเท่ากัน  กินข้าวจานเดียวกันช้อนส้อมคู่เดียวกัน ไปเรียนพร้อมกันเรียนห้องเดียวกัน  นั่งที่เดียวกัน มันเป็นเช่นนี้ตั้งแต่ที่ตัวฉันรู้ว่าฉันชื่อวีคและรู้ว่าพี่ชายแฝดชื่อยัค  ฉันกับยัคต้องไปไหนมาไหนทำอะไรเหมือนกันตลอดทุกอย่าง  ถึงเราเป็นฝาแฝดกันมันก็ไม่จำเป็นที่เราจะต้องใช้อะไรด้วยกันและเหมือนกันซะหมดทุกอย่างหนิ  เมื่อถึงโต๊ะอาหารทุกครั้งผมจะถามพ่อแม่ตั้งแต่ตอนเด็กด้วยความสงสัยว่า......
"ทำไมผมต้องอยู่กับพี่ชายตลอดและทำอะไรก็ต้องเหมือนกันตลอดเลยครับแม่ ผมไม่เข้าใจ"
แม่ตอบฉันด้วยคำตอบเดิมๆว่า......
"เพราะว่าแม่และพ่อรักลูกทั้ง2คนมากๆหน่ะสิ  ลูกควรอยู่ด้วยกันตลอดเพราะมีเรื่องอะไรจะได้ช่วยกันแก้ปันหาได้นะ  แม่อยากให้ลูกทั้ง2รักกันแนบแน่นมากกว่าพี่น้องคนอื่นๆทั่วๆไปและแม่คิดว่าลูกควรเลิกถามคำถามนี้ได้แล้วนะ  เพราะแม่ได้บอกลูกไปเป็นร้อยๆรอบแล้ว  พ่อก็คงไม่ชอบที่ลูกพูดแต่เรื่องเดิมๆไม่พูดเรื่องอื่นๆที่ลูกได้ไปเรียนรู้มาใหม่มั้ง  ลูกรู้แค่ว่าพ่อกับแม่หวังดีกับลูกเสมอและรักลูกเหนือสิ่งอื่นใดและเมื่อโตขึ้นลูกจะรู้ว่าพ่อกับแม่ได้ให้สิ่งที่วิเศษแก่ลูก  ที่พี่น้องคนไหนก็ไม่มี"


จนฉันอายุ15ปีก็น่าจะเรียกได้ว่าฉันโตแล้วนะ  แต่ฉันกลับไม่เห็นความมหัศจรรย์อะไรแม้แต่น้อย  ที่แม่พูดอาจจะหมายถึงความมหัศจรรย์สำหรับ"ยัค"พี่ชายของฉันมากกว่า


ตอนอยู่ในโรงเรียนระดับหอคอยงาช้าง  ยัคก็จะเอาตามใจตัวเองหมดไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม  ฉันไม่มีสิทธิแม้แต่การออกความเห็น  ในตอนกินข้าวยัคก็ใช้เงินฉันซื้อเสมอ  หลายครั้งยัคจะเลือกกินข้าวมันไก่และเสิร์ฟแตงกวาชิ้นโตเข้าปากฉัน  ทำฉันอ้วกทุกครั้งในช่วงแรกเพราะฉันเกลียดผักที่มีกลิ่นแรงทุกชนิดมาก  จนฉันเริ่มชินกับแตงกวา  ยัคก็เปลี่ยนเมนูเป็นข้าวผัดอเมริกันเพิ่มเนื้อมะเขือเทศกับน้ำมะเขือเทศปั่นอีก  หลังกินข้าวเสร็จฉันก็อยากมีเพื่อนๆในห้องที่ฉันอยากรู้จักหลายคน  แต่ยัคก็จะล่ามโซ่ข่มขู่ฉันไปห้องสมุดกับเขาเสมอ  ไปนั่งอ่านนิยายเล่มเดิมของเขาเสมอที่อ่านจบไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ  นิยายเล่มนั้นเป็นนิยายที่บรรณารักษ์ห้องสมุดแนะนำตั้งแต่วันแรกที่เราทั้ง2ได้เข้าห้องสมุด  ในห้องสมุดมักเปิดเพลงบรรเลงเดิมๆเสมอ  ซึ่งก็ทำให้ฉันเคลิ้มหลับทุกครั้งจนไม่ได้สนใจนิยายเล่มนั้นที่ยัคอ่านเลยซักนิด  เมื่อมีการบ้านยัคก็จะบังคับกดดันให้ฉันทำคนเดียวตลอดไม่ว่าจะเยอะแค่ไหน  ฉันอดทนการกดขี่เอาเปรียบจากยัคทุกรูปแบบ  เพราะเลือกไม่ได้ที่จะไม่ทำ  เพราะเราต้องไปไหนมาไหนทำอะไรเหมือนกันด้วยกันเสมอแม้แต่จังหวะหายใจ


หลังจากเลิกเรียนลุงยศก็จะขับรถมารับเราทั้งคู่ไปกินขนมดูทีวีที่บ้านแกเสมอ  ช่องสารคดีสัตว์โลกช่องเดิมทุกครั้ง  บ้านแกอยู่ถัดจากเราไม่กี่หลัง  แกเหมือนพ่อคนที่2ของเราเป็นคนสำคัญคนหนึ่ง  เพราะถึงฐานะบ้านเรารวยและหลังใหญ่แต่ไม่มีทีวีและอินเตอร์เน็ตเลย  พ่อแม่ไม่อยากให้เราทั้งคู่เหมือนเด็กคนอื่นที่เอาแต่เล่นไร้สาระไปวันๆ  บ้านลุงยศเลยเป็นเหมือนสถานบันเทิงอารมณ์แห่งเดียวที่เรามี  เมื่อลุงยศส่งเราทั้งคู่ถึงบ้าน  พ่อแม่ก็เตรียมอาหารเย็นรอเรา  หลังทานอาหารเย็นอาบน้ำเสร็จ  พ่อและแม่จะเปิดเพลงบรรเลงเพลงเดิมที่คุ้นเคยลั่นบ้านเพื่อกล่อมฉันนอน  สำหรับฉันมันเหมือนยานอนหลับชนิดเสียงดีๆนี่เอง  ที่เมื่อขาดมันฉันจะรู้สึกอึดอัดนอนไม่หลับ  ซึ่งมันเป็นสิ่งเดียวที่ฉันกับยัคจะแตกต่างกัน  เพราะยัคจะไม่ง่วงและไม่ยอมนอนแต่จะอ่านนิยายเล่มเดิมจนดึกดื่นเสมอ


ชีวิตเราทั้งคู่วนเวียนเช่นนี้มาตลอดจนถึงวันนี้  ขณะพักเที่ยงยัคดิ่งตรงไปที่ห้องสมุดเช่นเคย  แต่ในกระเป๋ายัคกลับไม่มีนิยายเล่มเดิมที่ยัคติดงอมแงม  ยัคท่าทางทำอะไรไม่ถูกเมื่อนิยายเล่มนั้นหายไป  เหมือนวงจรชีวิตที่คุ้นเคยเป็นเข็มนาฬิกาที่ติดขัดแล้วกระตุกๆอยุ่อย่างนั้น  เข็มกระตุกเช่นนี้ไป1-2อาทิตย์  ยัคถึงหยุดหานิยายเล่มนั้นแล้วก็หยุดนิ่งตามเข็มนาฬิกา  เปลี่ยนจากนิยายเล่มนั้นเป็นเขียนสมุดไดอารี่เล่มใหม่ในเวลาก่อนนอนทุกคืนแทน  มันเป็นวันที่ฉันเข้าใจว่าอิสรภาพเป็นเช่นไร  ฉันกลับกลายเป็นคนชี้ชะตาหรือเลือกชีวิตของเรา2ทั้งคู่  มันเปลี่ยนไปหมดทุกอย่าง  ฉันมีอิสระ  ฉันเริ่มมีเพื่อนๆที่รู้จักในห้อง  ฉันกินอาหารจานเส้นทุกมื้อในแบบที่ฉันชอบ  พักเที่ยงฉันก็ไปเตะบอลหรือเล่นบาสกับเพื่อน  หลังเลิกเรียนก็หนีจากลุงยศที่ปกติจะมารับกลับบ้านไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนๆต่อ  แต่ถึงจะเป็นยังงั้นเรา2พี่น้องก็ยังอยู่ด้วยกันตลอดทุกที่ไม่ว่าฉันจะเลือกทำอะไร  ชีวิตฉันเริ่มมีความสุขอิสระแล้วชีวิตยัคล่ะ?  ยัคจะรู้สึกยังไงบ้าง?  แต่ฉันไม่เคยบังคับกดขี่ยัคเหมือนตอนมันทำกับฉันนะ  แต่อยู่ดีๆยัคก็นิ่งเงียบไปเองซะงั้น  ยัคเป็นแบบนี้จนผ่านไปหลายปี  จนเราทั้งคู่เข้าเรียนมหาลัย


ตั้งแต่เข้ามหาลัยไม่นานนัก  เราทั้งคู่เริ่มรู้สึกพักผ่อนไม่เพียงพอ  สงสัยจะเพราะชีวิตวัยรุ่นที่เผาผลาญพลังงานมหาศาลและแสนจะสนุกสนาน กับโลกกว้าง  จากการพักผ่อนไม่เพียงพอฉันต้องแอบหลับในชั่วโมงเรียนกับยัคเสมอ  อะไรจะสันดานขนาดนั้น  ตั้งแต่ก้าวเข้ารั้วมหาลัยยัคเริ่มมีส่วนร่วมมากขึ้นในชีวิตของเรา  หลังจากที่ปกติฉันจะเป็นคนเลือกทำแทบทุกอย่าง  ยัคเปลี่ยนไปจากตอนมอต้นกับมอปลายอย่างสิ้นเชิงตั้งแต่ที่นิยายเล่มนั้นหาย  ยัคเริ่มพูดคุยกับฉันดีๆจากที่เมื่อก่อนไม่เคยพูดดีด้วยเลย  ยัคอาสาเป็นผู้ช่วยแม่ในการทำอาหาร  โดยแนะนำร้านสุกี้ร้านหนึ่งและจะขี่จักรยานไปซื้อของมาช่วยกันทำอาหารเย็นกับพ่อและแม่บ่อยๆ  ร้านสุกี้ร้านนั้นทำให้ฉันเจอ"โรส"  ฉันกับยัคไปซื้อวัตถุดิบในการทำอาหารเย็นที่ร้านของเทอแทบทุกวัน  จนฉันกับเทอสนิทกันและชอบกัน  โดยยัคได้จะคอยสนับสนุนอยู่ห่างๆ  ผมเลยขอโรสคบเป็นแฟน  เรามีนิสัยค่อนข้างคล้ายๆกัน  ชอบอะไรคล้ายๆกัน  เหมือนเทพเจ้าโปรยกุหลาบให้เทอมาเจอฉัน  เรามักมาเจอกันหลังเลิกเรียนไปเที่ยวด้วยกัน3คน  มีเรื่องต่างๆมาเล่ามาปรึกษากัน  พ่อแม่และลุงยศและยัคต่างยินดีกับเราทั้ง2ที่รักกันดีเพราะเราแทบไม่เคยทะเลาะกันเลย  พ่อแม่และลุงยศต่างเข้าใจและสนับสนุนเราทั้งคู่ดี  เทออายุมากกว่าฉัน4ปี  แต่ตัวเลขไม่ใช่อุปสรรคของเราเลย  สิ่งเดียวที่เป็นอุปสรรคคือเจ้าชีวิตของฝ่ายโรสคือแม่เทอนั่นเอง  เทอเป็นครูที่ปรึกษาของผม  ท่านยังไม่รู้เรื่องของเราทั้งคู่หรอก  แต่โรสรู้ว่าแม่เทอยังไม่ยอมให้เทอมีความรักในวัยนี้  เพราะแม่เทอมองว่ามันเป็นความใคร่มากกว่าความรัก  ในวัยที่อ่อนต่อโลกเช่นนี้  แม่เทอจึงคัดหนุ่มๆมารอเทอหลายต่อหลายคน  แต่โรสรับไม่ได้ที่จะให้เป็นเช่นนี้  เราจึงต้องปิดเรื่องนี้เป็นความลับไม่ให้ใครรู้เด็ดขาดแม้แต่เพื่อนสนิท  พ่อแม่และลุงยศต่างอุบปากเงียบกริบ  กลัวอำนาจของลมจะพัดพาเรื่องราวของเราไประคายหูแม่ของเทอได้


วันนี้ก็เช่นเคยที่เราเที่ยวด้วยกันจนดึกดื่น  ฉันคืนลูกสาวแสนรักให้คุณครูเกินเวลากลับบ้านไปไม่น้อย  ท่านคงจะเป็นห่วงมากทีเดียว  เมื่อผมกับยัคถึงบ้านพ่อแม่เราก็ต่อว่าเรายกใหญ่ด้วยความเป็นห่วงอย่างเป็นวาระพิเศษ  เพราะช่วงนี้มีคนโดนฆาตกรรมตายในระแวกนี้เยอะมากโดยเฉพาะผู้หญิงเสร็จไปแล้ว5ศพ  ซึ่งท่านก็อดเป็นห่วงเราไม่ได้อยู่ดีถึงเราทั้งคู่จะเป็นลูกชาย  ด้วยความเหนื่อยล้าแต่ยัคก็คงยังไม่ยอมนอน  นั่งเขียนไดอารี่เป็นปกติวิสัย  ฉันเลยต้องพึ่งเพลงบรรเลงอันไพเราะของแม่หลับฝันดีไปอีกคืน


วันนี้เป็นวันศุกร์ช่างเป็นวันที่แสนสุขจริงๆเพราะใกล้วันเสาร์แล้วอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้!!  แต่มันก็เป็นวันที่แสนแปลกที่สุดเช่นกัน  เพราะวันนี้คุนแม่ของโรสหรือคุนครูที่ปรึกษาของฉัน  ได้นัดฉันกับยัคไปทานข้าวในวันเสาร์พรุ่งนี้ตอนเที่ยงตรง  เทอทำสายตาที่ดูอาการออกแต่ก็ฟอร์มเก็บอาการไว้  เทอพูดคุยชักชวนเราโดยใช้คำพูดเป็นนัยๆไม่พูดออกมาตรงๆ  ผมกับพี่ก็ไม่ได้เด็กดีในสายตาแกเท่าไหร่นัก  มักโดดเรียนหรือแอบหลับในวิชาแกบ่อยที่สุดด้วยซ้ำ  มันคงมีไม่กี่เหตุผลที่ครูนัดฉันไปทานข้าวเที่ยงที่บ้าน  เพราะเมื่อวานโรสกลับดึกจากการไปเที่ยวกันกับเรา  แม่เทอคงคาดคั้นฟันศอกจนโรสยอมปริปาก  ซึ่งก็ต้องไปตามที่แกนัดรับสภาพที่จะเกิด  เพราะฉันได้ลิ้มชิมสวาทลูกสาวเทอไปแล้ว  เป็นจันยาบรรณความรับผิดชอบที่เลี่ยงไม่ได้  ฉันก็ซ้อมพูดสนทนากับยัคเพื่อเตรียมคำพูดสวยๆเหตุผลดีๆ  เพื่อที่จะยืดอายุความเป็นแฟนของเราให้อยุ่ต่อไปได้โดยไม่มีท่อนซุงจากแม่เทอมาขวางกั้น  ครอบครัวเทอไม่ปลื้มฉันกับพี่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วซะด้วยสิ


เมื่อเวลานัดมาถึง  ฉันกับพี่ฉีดน้ำหอมใส่สูตรรูดซิปให้เนี๊ยบที่สุดเท่าที่จะทำได้  ปรึกษาพ่อแม่ก่อนไปตะลุยศึกหนัก  ออกจากบ้านแบกอารมณ์ตื่นเต้นกังวลซีเรียสมันหนักจนขาสั่นไปหมด  บ้านของเทอถัดจากบ้านฉันไประยะทางประมาณ2-3พันหลังคาบ้านได้  ฉันนั่งรถเมล์ลงหน้าซอยบ้านเทอ  แวะซื้อสตอเบอรี่ปั่นของโปรดไปฝากเทอ  ต่อมอไซร์ถึงหน้าบ้านเทอตรงเวลานัดเป๊ะ  ฉันนั่งที่พื้นซ้อมพูดกับยัคที่ริมรั้วหน้าบ้านเทอก่อนจะเข้าไปเผชิญกับความจริงที่โหดร้าย  แถวนั้นลมเย็นๆและมีเสียงเพลงบรรเลงผ่านหูมาทำให้ฉันเคลิ้มเผลอหลับไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว  
ลุงยศแกผ่านมาแถวนั้นพอดี  เห็นเลยปลุกฉันให้ตื่นมาก็บ่ายกว่าๆจะเย็นแล้ว  ยัคก็บอกว่าตนเผลอหลับไปเช่นกัน  ตายล่ะสิผิดนัดแม่เทอไปตั้งหลายชั่วโมง  แม่เทอคงคิดว่าฉันไม่กล้ามาพบแน่ๆ  ฉันสวมบทให้ลุงยศเป็นผู้ใหญ่กันกระแทกจากแรงกดดันจากแม่กับป้าของโรส  ลุงยศก็ทำหน้างงๆแต่ลุงก็รับปากจะช่วย  ฉันกับยัคเดินไปกดออด  แต่ก็ไม่มีใครเปิด  แกคงโกดจนไม่เปิดประตูให้เข้าแน่ๆ  ลุงยศลองบิดประตูดู  แต่ประตูไม่ได้ล็อค  


ภาพที่เห็นข้างในบ้านทำให้เราต้องแจ้งตำรวจเรียกรถพยาบาลทันที  คือโรสนอนหมดสติน้ำลายฟูปากในห้องครัว  ข้างๆมีศพน้าสาวเทอนอนคว้ำอีโต้ปักแหวกกระโหลกลึกลงไปครึ่งด้าม  ในห้องน้ำมีศพแม่ของเทอนอนสลบอยู่สันนิษฐานได่ว่าโดนของแข็งตีที่หัวจนกระโหลกร้าวหลายทีแล้วจับกดน้ำชักโครกขาดใจตาย  ในห้องนอนพบน้องสาวเทอนอนหลับอยู่บนเตียง  เดินเข้าไปปลุกกลับพบว่าน้องเทอตายแล้ว  ในท้องตรวจพบน้ำยาล้างห้องน้ำและยานอนหลับชนิดรุนแรง  ฉันทนกลั้นอารมณ์กลั้นน้ำตาไม่ไหวกับเหตุการณ์ตรงหน้าจึงชิงกลับบ้านกับยัคก่อน  
ไม่นานเสียงร้องไห้ของแม่ทะลุกำแพงห้องฉันมา  ฉันเล่าเรื่องราวต่างๆให้พ่อกับแม่ฟัง  พ่อและแม่พยายามพูดให้ฉันรู้สึกดีกับเรื่องนี้และตกท้ายด้วยประโยคที่ตบหัวลูบหลังฉันอย่างจัง......
"ลูก ตะกี้ลุงยศโทรมาบอกแม่ว่า  โรสอยู่โรงพยาบาลพ้นขีดอันตรายแล้วนะ  แต่ตำรวจกล่าวหาว่าลูกเป็นผู้ต้องหาหลักในคดี  ในฐานะที่เป็นผู้พบศพคนแรกและตำรวจอ้างว่าพบน้ำสตอเบอรี่ปั่นที่ลูกซื้อมามีสารไซยาไน้และยานอนหลับอยู่ที่โรสกินเข้าไป  แต่ลูกไม่ต้องกังวลนะเพราะถ้าลูกบริสุทธิ์จริงถึงยังไงรอโรสฟื้นแล้วเป็นพยานให้ลูกได้  อย่ากังวลไปเลยนะลูก"  


พอได้ยินเช่นนั้นฉันจึงรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนแล้วพุ่งตรงไปยังไดอารี่ของยัค  แต่ยัคดูไม่ร้อนรนอะไรเลย  สิ่งที่ปรากฏอยู่ในสมุดบันทึกคือเลข
ปริศนา 00 11 22 33 44 55 66 77 88 99  แต่ล่ะตัวเลขมีการเขียนรายละเอียดต่อท้ายไว้มากมายแก้ไขเพิ่มเติมยุ่งเหยิงไปหมด  จับใจความได้ว่า  เลขเหล่านี้คืออายุของคนตายที่โดนฆาตกรรมในข่าว2-3เดือนที่ผ่านมานี้.......44คือแม่ของโรส 33คือน้าสาวของโรส 22คือโรส 11คือน้องสาวของโรส แล้วเลข00มันคืออะไรกัน  ทั้งหมดมันเหมือนเป็นพิธีกรรมอะไรบางอย่าง  ฉันเค้นถามยัคด้วยความโกดและมึนงงว่า.....
"พี่ทำไปทำไม? เพื่ออะไรกัน?"


แต่ยัคกลับนิ่งเงียบไม่ยอมตอบคำถาม  แต่กลับสารภาพผิดและสำนึกในสิ่งที่ทำมา  ที่ทำให้ฉันมาเดือดร้อนด้วย  โดยที่จริงๆไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้เลย  พร้อมคุกเข่าร้องไห้ขอโทดฉันอยู่อย่างนั้นไม่ไปไหน  เมื่อฉันเห็นเช่นนั้นฉันก็หมดอารมณ์ที่จะโวยวายด่าทอติเตียนต่อและไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดีกับเรื่องนี้  เพราะหลักฐานมันมัดตัวฉันจนแทบกระดิกตัวไม่ได้  ได้แต่ภาวนาให้โรสอย่าได้จำเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้เลยคือความหวังสุดท้ายของฉัน....
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่