คนดังแผ่นดินจิ๋น ๑๙ ม.ค.๕๗

กระทู้สนทนา
คนดังแผ่นดินจิ๋น

คนดังแผ่นดินจิ๋น

ฮ่องเต้ผู้ก่อกำแพงยักษ์

ตอนที่ ๒ กลอุบายหลายชั้น                                                                     

   “ เล่าเซี่ยงชุน “

        ลิปุดอุยเดินทางมาถึงเมืองจิ๋นแล้ว จึงสืบถามหานางฮองกั้ว จนถึงตึกที่ตั้งอยู่
หน้าวังอันก๊กกุ๋นบิดาของอิหยิน ลิปุดอุยจึงหานายหน้าพาขึ้นไปหานางฮองกั้ว เอาเงินสิบแท่งกับแพรอย่างดี
ออกมาคำนับ นางฮองกั้วจึงถามว่า ท่านนี้มาแต่ไหนมีกิจธุระประการใดหรือ ลิปุดอุยก็เล่าความตามที่ได้รู้จัก
ชอบพออัชฌาสัยกับอิหยิน และคิดจะแก้ไขให้ได้กลับคืนมาบ้านเมือง ให้ฟังทุกประการ และส่งหนังสือ
สองฉบับกับปิ่นแก้วสองอันให้นางฮองกั้ว

        นางฮองกั้วก็เข้าไปในวัง เล่าความแก่นางฮัวเอี๋ยงฮูหยินตามที่ลิปุดอุยบอก แล้วส่งหนังสือ
สองฉบับนั้นให้ฮูหยินผู้น้อง นางฮัวเอี๋ยวฮูหยินเปิดหนังสือออกอ่านดู มีความว่า

        ข้าพเจ้าอิหยินขอคำนับมาถึงท่าน ด้วยข้าพเจ้าตกไปอยู่ในเมืองเตียว ได้ความทุกข์เวทนา
แจ้งมาแก่ลิปุดอุยสิ้น ขอท่านได้กรุณาแก่ข้าพเจ้า นำหนังสือและข้อความบอกแก่พระบิดาให้ทราบ แล้วช่วยจัดแจง
ให้ลิปุดอุยกลับไปโดยเร็ว จะได้คิดการกลับมาเมือง ถ้าชีวิตข้าพเจ้ายังมีอยู่ตราบใดจะได้ฉลองคุณท่าน

        นางฮองกั้วก็พูดกับนางผู้น้องว่า ตัวเจ้าทุกวันนี้ยังไม่มีบุตร ต่อไปจะหมายพึ่งผู้ใด
จงรับอิหยินไว้เป็นบุตรเลี้ยง เกลือกจะกลับมาได้จากเมืองเตียว ถ้าพระเจ้าจิ๋นเจี๋ยวหาบุญไม่
อันก๊กกุ๋นก็จะได้เป็นเจ้าแผ่นดิน ที่ไทจู๊ก็จะอยู่กับบุตรที่มีมารดา ถ้าชอบทีจงขอคำอันก๊กกุ๋นยกที่ไทจู๊
ไว้ให้กับอิหยิน นางฮัวเอี๋ยงฮูหยินก็เห็นชอบด้วย จึงไปคอยรับอันก๊กกุ๋นกลับมาจากสวน เข้าสู่ที่ข้างในเวลาเย็น

        เมื่อเห็นอันก๊กกุ๋นรื่นเริงปราศรัยได้ช่อง นางฮัวเอี๋ยงฮูหยินจึงแจ้งความว่า อิหยินบุตรท่าน
บัดนี้ใช้คนสนิทถือหนังสือ กับปิ่นแก้วคู่หนึ่งเป็นสำคัญมา อันก๊กกุ๋นก็มีความยินดี คลี่หนังสือออกอ่านได้ความว่า

        ข้าพเจ้าอิหยินผู้บุตรขอคำนับมาถึงพระบิดาให้ทราบ ด้วยข้าพเจ้าไปอยู่ในเงื้อมมือข้าศึก
คิดถึงความตายเป็นนิจ ระลึกถึงคุณพระบิดากับพระเจ้าปู่มิได้ขาด จึงป้องกันอันตรายชีวิตไว้ด้วยความกตัญญู
ต่องูใสไปแจ้งราชการจึงเห็นว่าชีวิตจะรอด เตียวอ๋องให้ไปอยู่กับกองซุนเขียน เขาก็มีใจกรุณา แล้วได้รู้จักชอบ
กับลิปุดอุย รับว่าจะช่วยให้ได้กลับคืนมาเมือง แต่หนทางไกลกันดารเกลือกจะมามิได้ จึงให้ลิปุดอุยมาเฝ้าจะได้
กำหนดทางที่จะมา พระบิดาช่วยทูลพระเจ้าปู่ขอกองทัพมารับข้าพเจ้าที่ปลายแดนด้วย

        อันก๊กกุ๋นได้แจ้งในหนังสือนั้น ก็มีความสงสารแก่บุตรยิ่งนัก นางฮัวเอี๋ยงฮูหยินจึงทูลว่า

        “……อิหยินผู้นี้มีกตัญญู ผู้ซึ่งจะไปมาก็สรรเสริญว่า มีสติปัญญามากกว่า
บุตรทั้งปวง ทุกวันนี้พระองค์ชุบเลี้ยงข้าพเจ้าได้ความสุข พระคุณหาที่สุดมิได้ ถ้าหาพระชนม์ไม่
ข้าพเจ้าจะมีแต่ความทุกข์ ด้วยหาบุตรมิได้ ทั้งไร้ญาติ อิหยินก็ไม่มีมารดา ข้าพเจ้าจะขอไว้เป็นบุตร……”

        ครั้นเห็นอันก๊กกุ๋นยังตกตลึงมิได้ว่าประการใด นางก็ทำทีประหนึ่งร้องไห้ซบหน้า
นิ่งอยู่ อันก๊กกุ๋นก็ลุกขึ้นมาพยุงนางให้ลุกขึ้นนั่งแล้วว่า

        “……เราพิเคราะห์ดูบุตรทั้งปวงที่มีสติปัญญาก็น้อย ไพร่บ้านพลเมืองจะเอา
เป็นที่พึ่งมิได้ เห็นแต่อิหยินผู้เดียวค่อยมีสติปัญญา แต่ไม่มีมารดา เจ้าจะรักเลี้ยงเป็นบุตรก็ตาม
อัชฌาสัยเถิด ตัวอิหยินก็ยังตกอยู่เมืองเตียว การที่จะคิดมาก็ยาก จะไปทูลพระเจ้าจิ๋นเจี๋ยวอ๋องให้ปรึกษา
ขุนนางทั้งปวงที่มีสติปัญญา จะได้คิดแก้ไขให้อิหยินคืนมาเมืองก่อน……”

        นางฮัวเอี๋ยงฮูหยินจึงแนะนำให้ปรึกษากับลิปุดอุยก่อน อันก๊กกุ๋นก็ออกไปข้างหน้า
แล้วใช้ให้คนไปตามลิปุดอุยมา เมื่อลิปุดอุยคำนับแล้วนิ่งอยู่ อันก๊กกุ๋นก็ปราศรัยว่า

        “…….ท่านกรุณาบุตรเราช่วยเป็นธุระนั้นขอบใจท่าน ดั่งเอาแก้วมาให้เราสักร้อยดวง…..”

        ลิปุดอุยก็ทูลว่า   

                “……อิหยินกับข้าพเจ้ารักใคร่สนิทกัน คิดจะแก้ไขให้อิหยินกลับมา แต่หนทางนั้น
ไกลกันดาร ข้าพเจ้าจะขอกองทัพไปคอยท่า ข้าพเจ้ากับอิหยินจะมาที่แม่น้ำอุยโห…..”

        อันก๊กกุ๋นได้ฟังลิปุดอุยกำหนดดังนั้นก็ดีใจนัก จึงว่า

        “…….เราจะจารึกถ้อยคำและชื่อท่าน ไว้ในแผ่นศิลาและแผ่นทอง ถ้าอิหยินได้กลับมา
เหมือนคำท่าน เราจะบำเหน็จให้ถึงขนาด แล้วจะทูลพระเจ้าจิ๋นเจี๋ยวอ่อง ให้ชุบเลี้ยงท่านเป็นขุนนางผู้ใหญ่
ซึ่งท่านจะพาอิหยินมานั้น จะกำหนดเมื่อไรให้รู้ จะได้แต่งกองทัพไปคอยรับที่แม่น้ำอุยโห….”

        ลิปุดอุยก็ทูลถึงความเก่าที่ได้พบกับอิหยิน และเห็นว่ามีลักษณะดีจะสืบ
พระวงศ์ได้ แม้นสืบไปภายหน้าพระองค์ได้ครองราชสมบัติ ก็ขอให้อิหยินเป็นที่ไทจู๊ลูกหลวงด้วย
อันก๊กกุ๋นก็ให้สัญญาไว้ และพระราชทานทองห้าร้อยตำลึงให้ลิปุดอุย เอาไปใช้สอยในเมืองเตียว
ลิปุดอุยก็ว่า

        “……ซึ่งข้าพเจ้าจะพาอิหยินมานั้น หนทางก็ไกลจะแก้ไขได้โดยนาน เพียงสิ้น
ฤดูหนาว จึงจะได้พาอิหยินมา….”

        แล้วลิปุดอุยก็คำนับลาอันก๊กกุ๋นมาหานางฮองกั้ว บอกว่าจะลากลับกลับ
ไปเมืองเตียวแล้ว นางฮองกั้วก็บอกว่านางฮัวเอี๋ยงฮูหยิน ฝากทองกับโสมไปให้อิหยินด้วย
ลิปุดอุยคำนับรับของแล้วก็ลามาจัดหาบคอน เดินทางออกจากเมืองจิ๋นกับบ่าวสามคน เดินทาง
กลับไปเมืองเตียว

        เมื่อเดินทางมาเป็นเวลาหลายวัน จนถึงเมืองเตียวแล้ว ลิปุดอุยก็ไปหาบิดา
ที่บ้าน เล่าความที่ไปเฝ้าอันก๊กก๋งที่เมืองจิ๋น ทูลการที่คิดไว้ได้สำเร็จ บิดาก็เตือนว่าการครั้งนี้
อย่าเบาความ รักษาตัวให้จงหนัก ลิปุดอุยก็ไปหานางจูกี๋ผู้ภรรยาที่ตึก พิเคราะห์ดูผิวหน้าเป็นนวล
ผิดขึ้นกว่าแต่ก่อน เข้าใจว่ามีครรภ์ ก็มีความยินดีคิดการไกลออกไปอีก ถึงเวลาเข้านอนจึงพูด
สัพยอกภรรยาว่า

        “………เราไปทางไกลเจ้าอยู่ภายหลัง เห็นเจ้าจะไม่วิตกถึง ดูกิริยาเจ้ารื่นเริงอยู่ดังนี้…..”

        นางจูกี๋ก็ตอบคำสามีว่า

        “…….ท่านพูดประหลาด ดูประหนึ่งว่าจะสงสัยข้าพเจ้า ว่าจะมีที่ลอบรักอยู่
ตั้งแต่มาเป็นภรรยาท่าน แต่ประตูบ้านก็มิได้ออกไป ชายผู้ใดก็มิได้ล่วงเข้ามา ซึ่งหน้าข้าพเจ้านวลนั้น
เห็นจะมีครรภ์ประมาณสักสองเดือน…….”

        ลิปุดอุยก็หัวเราะพูดต่อไปว่า

        “……ถ้าเจ้ายังไม่มีผัวแม้นชายมีตระกูล พ่อค้า เศรษฐีคหบดี และกษัตริย์
จะมาสู่ขอบิดามารดาจะยกเจ้าให้ น้ำใจเจ้าจะรักสกุลใด…..”

        นางจูกี๋ก็ว่า

        “……อันเกิดมาเป็นสตรี จะละเมิดนอกใจบิดามารดานั้นไม่ควร ถึงจะได้ผัว
ดีและชั่วประการใด สุดแต่บิดามารดาจะตกแต่ง เหมือนตัวข้าพเจ้าทุกวันนี้ บิดามารดายกให้เป็นสิทธิ์อยู่กับท่าน…….”

        ลิปุดอุยก็บอกว่า

        “…….เราดูลักษณะเจ้าจะได้เป็นฮองเฮาคือมเหสีมั่นคง ซึ่งเราไปถึงเมืองจิ๋น
เพราะด้วยอิหยินหลานพระเจ้าจิ๋นเจี๋ยวอ๋องเสียทัพ ตกมาอยู่กับกองซุนเขียน อิหยินคนนี้รูปงาม
ต้องลักษณะ ดั่งมังกรประการหนึ่ง เหมือนหงส์ประการหนึ่ง ดุจดวงพระอาทิตย์ประการหนึ่ง
ได้ลักษณะสามประการควรจะเป็นกษัตริย์ เราจะได้พึ่งจึงไปทอดสนิทไว้ พรุ่งนี้เราจะไปหา                  
  กองซุนเขียน ชวนอิหยินมากินโต๊ะที่บ้าน จะให้เจ้าออกไปนั่งใช้สอย เหมือนหนึ่งเสี่ยงวาสนา……”

        แล้วลิปุดอุยก็บอกแผนการของตน ให้ภรรยาทราบทุกประการ นางก็ว่าน้ำใจตนนั้น
รักลิปุดอุยโดยสัตย์บริสุทธิ์ดุจบิดามารดา แต่ต้องตามใจทำตามคำสั่งของสามีด้วยความภักดี   
ลิปุดอุยก็ปลอบว่า  การที่เราคิดกันทั้งนี้ จะให้ได้ดีมีประโยชน์ และความสุขไปภายหน้าถึงหมื่นชาติ
แต่จะมีคำคนนินทาอยู่หน่อยหนึ่ง ถ้าสมความคิดแล้ว คำซึ่งคนติเตียนนั้นก็จะสูญไปเอง

        ถึงวันรุ่งขึ้นเวลาเช้า ลิปุดอุยก็จัดถ้วยหยกคู่หนึ่ง กับรัดประคดสายหนึ่ง เดินไปหา
กองซุนเขียนที่ตึก แล้วคำนับบอกว่า

        “……ข้าพเจ้าไปค้าขายหลายเดือนไม่สู้มีกำไร ได้แต่ถ้วยชาหยกกับรัดประคดมาฝากท่าน…..”

        กองซุนเขียนจึงขอบใจที่ไปทางกันดาร แล้วยังมีจิตคิดถึงตนอุตส่าห์หาของที่ดีมาฝาก
แล้วก็สั่งให้ยกโต๊ะมาเลี้ยง และเชิญอิหยินมากินด้วย เมื่อกองซุนเขียนกินสุราเหงื่อไหลเปียกเสื้อที่ใส่
ก็ลุกเข้าไปผลัดเปลี่ยนเสื้อในตึก ลิปุดอุยก็กระซิบกับอิหยินว่า ตนได้ไปถึงนางฮองกั้ว นำหนังสือไปแจ้งความ
แก่นางฮัวเอี๋ยงฮูหยิน ให้ทูลความแก่อันก๊กกุ๋นสิ้นทุกประการ บิดาอิหยินจึงให้หาตนเข้าไปเฝ้า ตนก็ทูลขอที่ไทจู๊
ไว้ให้แก่อิหยิน อันก๊กกุ๋นก็เขียนหนังสือปิดตราเป็นสำคัญ ให้ไว้แก่นางฮัวเอี๋ยงฮูหยิน อิหยินได้ฟังดังนั้นจึงว่า

        “…..ท่านมีคุณครั้งนี้หาที่สุดมิได้ ถ้าเรากลับไปได้ครองราชสมบัติในเมืองจิ๋น จะให้ท่าน
เป็นผู้สำเร็จราชการ…….”   

        เมื่อกองซุนเขียนชำระกายแล้ว ออกมานั่งกินเลี้ยงพูดคุยต่อ ลิปุดอุยก็เชิญกองซุนเขียน
กับอิหยินไปกินเลี้ยงที่บ้านบ้าง อ้างว่าครอบครัวจะได้รู้จักไปมาคำนับเป็นที่พึ่ง กองซุนเขียนก็ว่าอยากจะไปเยี่ยม
ที่บ้านลิปุดอุยอยู่แล้ว พรุ่งนี้จะไปให้ถึงบ้านแน่นอน

        วันรุ่งขึ้นกองซุนเขียนกับอิหยินก็ขึ้นม้าพาบ่าวไพร่ ไปที่บ้านลิปุดอุย เจ้าบ้านก็ออกมาต้อนรับ
เข้าไปเชิญให้นั่งในที่สมควร แล้วก็ให้ยกโต๊ะอย่างดีเข้ามาตั้ง เชิญแขกทั้งสองให้กินตามสบาย ส่วนบ่าวไพร่ให้
เลี้ยงดูอยู่ภายนอก ลิปุดอุยจึงให้หญิงคนใช้ไปเรียกนางจูกี๋ออกมา นางจูกี๋ก็มีความละอายแต่เกรงใจสามี
จึงต้องออกมานั่งอยู่กับแขก ลิปุดอุยก็บอกกับภรรยาว่า ท่านทั้งสองจะได้เป็นที่พึ่งของเราไปภายหน้า
เจ้าจงคำนับแล้วรินสุราให้ นางก็คำนับจับปั้นสุรารินตามถ้วยเรียงรายทั้งโต๊ะ กองซุนเขียนและอิหยินกินสุรา
พลางพิศดูรูปจริตกิริยานางจูกี๋ เห็นงามพร้อมสรรพด้วยลักษณะ จะหาหญิงมาเปรียบนางนี้ยากนัก
ไม่สมควรเลยที่จะมาเป็นภรรยาพ่อค้า

        ครั้นถึงเวลาค่ำ ลิปุดอุยก็จุดโคมแสงไฟสว่าง กองซุนเขียนกินสุราเมาเหลือกำลังจึงขอตัว
ไปพักสักครู่หนึ่งก่อน ลิปุดอุยกับคนใช้ก็พยุงกองซุนเขียนเข้าไปนอนในตึก แล้วก็แอบดูอยู่ภายใน
อิหยินมีใจปฏิพัทธ์เมื่อนางจูกี๋รินสุราส่งให้ อิหยินรับจอกสุราจากมือนาง แล้วพูดจาสรรพยอกเป็นทีเกี้ยว
และเอี้ยวตัวไปจับมือนางไว้ ลิปุดอุยก็ออกมาว่า

        “…….ท่านนี้ดูหมิ่นหยอกภรรยาเรา ไม่คิดถึงตัวที่เราทำคุณไว้ แม้นกองซุนเขียนตื่นขึ้น
เราจะบอกให้ทำโทษถึงสาหัส อันนางจูกี๋ภรรยาเราจะหาสตรีมาเปรียบนั้นยาก ถ้าจะหาทองคำและหยกที่มีราคา
ก็จะได้โดยง่าย ไม่ควรที่ท่านจะทำกับเรา……”

        นางจูกี๋เห็นสามีทำเป็นโกรธ ก็คำนับแล้วอ้อนวอนขอโทษว่า

        “…….ท่านอุตส่าห์สู้เสียเงินทอง คิดการทำนุบำรุงอิหยิน หมายจะหาความสุขไปเบื้องหน้า
บัดนี้ท่านมาโกรธอิหยิน การที่คิดไว้จะมิเสียไปหรือ ทั้งนี้ก็เพราะข้าพเจ้าผู้เดียว จะอยู่ไปใยให้อายคน……..”
        ว่าแล้วนางก็ไปหยิบกระบี่ ทำทีจะเชือดคอตายเสียให้พ้นอาย แล้วทั้งสองชายจะทำอย่างไร
ต่อไป ก็ต้องรอตอนหน้าเช่นเคย.

#########
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่