สวัสดีค่ะ
ไม่รู้จะเริ่มเล่าจากตรงไหนดี แต่ที่อยากเล่าเพราะอยากเก็บไว้เป็นความทรงจำของผู้หญิงที่มีชีวิตเรียบง่ายคนหนึ่งค่ะ
ไม่มีเหตุการณ์อะไรน่าตื่นเต้นหรือประทับใจจนทำให้คนอ่านน้ำตาไหลได้หรอกนะคะ
อาจจะดูเพ้อเจ้อเพ้อฝันไปคนเดียวค่ะ แต่ในความเพ้อเจอมีความรู้สึกดีดีแฝงอยู่
เป็นความรู้สึกดีดีที่คิดไปเองคนเดียว
เป็นความรู้สึกดีดีที่ไม่ต้องการสิ่งใดเพิ่มขึ้นไปมากกว่าเดิม
เป็นความรู้สึกดีดีที่ช่วยหล่อเลี้ยงชีวิตในโลกอันแสนวุ่นวายและเหน็บหนาวนี้ให้อบอุ่นขึ้น..... แม้เพียงนิดก็ยังดี
เคยมั้ยคะที่พบเจอใครบางคน
คนแปลกหน้าคนนึงเท่านั้น
แต่เขากลับทำให้เราประทับใจอย่างประหลาด
ร้านขายหนังสือเล็กๆร้านหนึ่งที่เรามักแวะประจำหลังเลิกงาน จะพบผู้ชายคนหนึ่งอยู่หลังเคาร์เตอร์คิดเงินในสภาพเสื้อยืดเก่าๆ สีขาว กางเกงขาสั้น หน้ามัน ผิวขาวจัดจนแดง ยืนสั่งงานลูกน้องบ้าง หันไปจัดการนู่นนี่นั่นบ้าง ภายในร้านอากาศค่อนข้างร้อน
บอกไม่ถูกว่าประทับใจอะไร คนๆนี้ รู้แต่เพียงว่า เขาดูเป็นคนขยันจังเลย การจัดการดูคล่องแคล่ว ไม่ห่วงหล่อ ทั้งๆที่เขาจัดว่าหน้าตาดีมาก
ร้านนี้เปิดตั้งแต่ตีห้าด้วยค่ะ เราขับรถผ่านเพื่อไปทำงาน ตอนตีห้า ก็จะเห็นคนๆนี้จัดการอยู่หน้าร้าน มันทำให้เรารู้สึกว่า บนถนนที่ร้างไร้ผู้คนเช่นนี้เพราะเป็นเวลาที่ผู้คนกำลังหลับใหล กลับเจอแสงไฟจากร้านหนังสือเปิดอยู่ มันทำให้เรารู้สึกอุ่นใจว่าอย่างน้อย เราก็ไม่ได้ขับรถเพียงลำพัง
เคยเข้าไปซื้อหนังสือตอนร้านใกล้ปิดด้วย เห็นเขายืนอยู่คนเดียว ลูกน้องคงกลับไปหมดแล้ว เขาพูดจาสุภาพมากและลดราคาหนังสือให้เราโดยที่เรายังไม่ได้ควักบัตรสมาชิกให้ แล้วหันไปห่อหนังสือ ท่าทางดูไม่ค่อยถนัดนัก เพราะปกติแล้วลูกน้องคงทำมากกว่า เรายืนรอเขาห่อปกแต่ละเล่มนานมาก จนเสร็จ
แล้วเราก็รับหนังสือเดินออกจากร้าน เขายิ้มให้ตามมารยาทนิดนึง เราเดินออกจากร้านโดยไม่ลืมหันไปทักทายกับสุนัขซามอยด์ตัวโต หน้าดุ ที่อยู่หน้าร้าน มันกระดิกหางอย่างคุ้นกับเราดี
ร้านนี้มันเหมือนที่พักใจเราหลังเลิกงาน เวลาเหน็ดเหนื่อยจากที่ทำงานเลิกงานมาสองทุ่มจะแวะเกือบทุกครั้ง พอเข้าไปเหมือนเข้าไปอยู่ในโลกที่เรารู้สึกเป็นตัวเอง มีความฝัน ความหวังมากมาย ในนั้น ตอนเราฝึกเล่นหุ้น เราก็ไปหาหนังสือจากที่นั่นอ่าน พอเราจะทำธุรกิจเราก็ไปซื้อหนังสือจากที่นั่น ตอนเราจะสอบเรียนต่อ เราก็ไปหาหนังสือจากที่นั่น และตอนเราบ้านิยาย เราก็ไปซื้อจากที่นั่น
ร้านหนังสือที่เปิดตอนตีห้าและปิดตอนสามทุ่มที่เป็นเหมือนเพื่อนของเรา
ผู้ชายผิวขาวจัดหน้ามัน เจ้าของร้านที่บริการลูกค้าดีมาก
สุนัขสายพันธุ์ซามอยด์ตัวใหญ่ยักษ์ หน้าดุ แต่นิสัยขี้เล่น
ทั้งหมดคือความทรงจำดีๆ ที่กำลังกลายเป็นอดีต
เพราะเรากำลังย้ายงาน คงไม่ได้ใช้เส้นทางนี้อีกแล้ว
ไม่ได้ผ่านหน้าร้านนี้อีกแล้ว
แค่อยากบันทึกไว้ หากวันใดที่หัวใจเหน็บหนาวอีกครั้งจะได้นึกถึงร้านหนังสือเล็กๆร้านนี้ที่เราเคยบรรจุความฝันเอาไว้มากมาย
กระทู้ความรู้สึกดีดีในวันที่หัวใจเหน็บหนาว
ไม่รู้จะเริ่มเล่าจากตรงไหนดี แต่ที่อยากเล่าเพราะอยากเก็บไว้เป็นความทรงจำของผู้หญิงที่มีชีวิตเรียบง่ายคนหนึ่งค่ะ
ไม่มีเหตุการณ์อะไรน่าตื่นเต้นหรือประทับใจจนทำให้คนอ่านน้ำตาไหลได้หรอกนะคะ
อาจจะดูเพ้อเจ้อเพ้อฝันไปคนเดียวค่ะ แต่ในความเพ้อเจอมีความรู้สึกดีดีแฝงอยู่
เป็นความรู้สึกดีดีที่คิดไปเองคนเดียว
เป็นความรู้สึกดีดีที่ไม่ต้องการสิ่งใดเพิ่มขึ้นไปมากกว่าเดิม
เป็นความรู้สึกดีดีที่ช่วยหล่อเลี้ยงชีวิตในโลกอันแสนวุ่นวายและเหน็บหนาวนี้ให้อบอุ่นขึ้น..... แม้เพียงนิดก็ยังดี
เคยมั้ยคะที่พบเจอใครบางคน
คนแปลกหน้าคนนึงเท่านั้น
แต่เขากลับทำให้เราประทับใจอย่างประหลาด
ร้านขายหนังสือเล็กๆร้านหนึ่งที่เรามักแวะประจำหลังเลิกงาน จะพบผู้ชายคนหนึ่งอยู่หลังเคาร์เตอร์คิดเงินในสภาพเสื้อยืดเก่าๆ สีขาว กางเกงขาสั้น หน้ามัน ผิวขาวจัดจนแดง ยืนสั่งงานลูกน้องบ้าง หันไปจัดการนู่นนี่นั่นบ้าง ภายในร้านอากาศค่อนข้างร้อน
บอกไม่ถูกว่าประทับใจอะไร คนๆนี้ รู้แต่เพียงว่า เขาดูเป็นคนขยันจังเลย การจัดการดูคล่องแคล่ว ไม่ห่วงหล่อ ทั้งๆที่เขาจัดว่าหน้าตาดีมาก
ร้านนี้เปิดตั้งแต่ตีห้าด้วยค่ะ เราขับรถผ่านเพื่อไปทำงาน ตอนตีห้า ก็จะเห็นคนๆนี้จัดการอยู่หน้าร้าน มันทำให้เรารู้สึกว่า บนถนนที่ร้างไร้ผู้คนเช่นนี้เพราะเป็นเวลาที่ผู้คนกำลังหลับใหล กลับเจอแสงไฟจากร้านหนังสือเปิดอยู่ มันทำให้เรารู้สึกอุ่นใจว่าอย่างน้อย เราก็ไม่ได้ขับรถเพียงลำพัง
เคยเข้าไปซื้อหนังสือตอนร้านใกล้ปิดด้วย เห็นเขายืนอยู่คนเดียว ลูกน้องคงกลับไปหมดแล้ว เขาพูดจาสุภาพมากและลดราคาหนังสือให้เราโดยที่เรายังไม่ได้ควักบัตรสมาชิกให้ แล้วหันไปห่อหนังสือ ท่าทางดูไม่ค่อยถนัดนัก เพราะปกติแล้วลูกน้องคงทำมากกว่า เรายืนรอเขาห่อปกแต่ละเล่มนานมาก จนเสร็จ
แล้วเราก็รับหนังสือเดินออกจากร้าน เขายิ้มให้ตามมารยาทนิดนึง เราเดินออกจากร้านโดยไม่ลืมหันไปทักทายกับสุนัขซามอยด์ตัวโต หน้าดุ ที่อยู่หน้าร้าน มันกระดิกหางอย่างคุ้นกับเราดี
ร้านนี้มันเหมือนที่พักใจเราหลังเลิกงาน เวลาเหน็ดเหนื่อยจากที่ทำงานเลิกงานมาสองทุ่มจะแวะเกือบทุกครั้ง พอเข้าไปเหมือนเข้าไปอยู่ในโลกที่เรารู้สึกเป็นตัวเอง มีความฝัน ความหวังมากมาย ในนั้น ตอนเราฝึกเล่นหุ้น เราก็ไปหาหนังสือจากที่นั่นอ่าน พอเราจะทำธุรกิจเราก็ไปซื้อหนังสือจากที่นั่น ตอนเราจะสอบเรียนต่อ เราก็ไปหาหนังสือจากที่นั่น และตอนเราบ้านิยาย เราก็ไปซื้อจากที่นั่น
ร้านหนังสือที่เปิดตอนตีห้าและปิดตอนสามทุ่มที่เป็นเหมือนเพื่อนของเรา
ผู้ชายผิวขาวจัดหน้ามัน เจ้าของร้านที่บริการลูกค้าดีมาก
สุนัขสายพันธุ์ซามอยด์ตัวใหญ่ยักษ์ หน้าดุ แต่นิสัยขี้เล่น
ทั้งหมดคือความทรงจำดีๆ ที่กำลังกลายเป็นอดีต
เพราะเรากำลังย้ายงาน คงไม่ได้ใช้เส้นทางนี้อีกแล้ว
ไม่ได้ผ่านหน้าร้านนี้อีกแล้ว
แค่อยากบันทึกไว้ หากวันใดที่หัวใจเหน็บหนาวอีกครั้งจะได้นึกถึงร้านหนังสือเล็กๆร้านนี้ที่เราเคยบรรจุความฝันเอาไว้มากมาย