ชื่อหนังสือเล่มนี้มันช่างเข้ากับวิกฤติช่วงนี้จริงๆ จาก 1,600 ลงมาเหลือ 1,200 ภายในเวลาไม่กี่เดือน อาจจะยังไม่รุนแรงเท่าวิกฤติช่วงพฤศจิกายน ปี 2551 ที่ตลาดลงไปประมาณ 50% แต่อาจจะทำให้หลายคนต้องปาดเหงื่อ
ใจความคร่าวๆของหนังสือได้พูดถึง หุ้น คือทรัพย์สินที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด แต่ทำไมมีเพียงคนส่วนน้อยที่ร่ำรวยด้วยหุ้น..เครื่องบ่งชี้ความสำเร็จของตลาดหุ้นไม่ว่าจะเป็นปริมาณการซื้อขาย มูลค่าตลาด ดัชนีหุ้นและค่า P/E ของตลาดหุ้นอาจจะไม่เพียงพอเนื่องจากเป็นเพียงปัจจัยภายนอกที่ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของนักลงทุน ความสำเร็จของตลาดควรพิจารณาร่วมกับกำไรสุทธิ (Earning) รวมของหุ้นทุกตัว + ส่วนของทุน (Equity) ของหุ้นทุกตัว + อัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น (ROE)
..ณ จุดนี้ก็คงไม่มีใครตอบได้ว่าตลาดหุ้นจะเป็นอย่างไรต่อไป บางคนอาจจะมองว่าสภาวะตลาดที่ผันผวนเช่นนี้หันมาลงทุนด้วยความรู้รอตลาดขาขึ้นให้ชัวร์ๆก่อนดีกว่า แต่บางคนอาจจะเริ่มทยอยเก็บ หลายคนอาจจะเจ็บมาจากการ cut loss หรือเจ็บเทียมเพราะยังไม่ขาย แต่ทั้งนี้ทั้งก็ดูเงินในกระเป๋ากันด้วยนะ..ส่วนเราขอมองอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆละกัน..เจ็บมาเยอะแล้ว TT
คัมภีร์หุ้นห่านทองคำ วิกฤตคือโอกาส..หนังสือที่เหมาะกับสภาวะปู่ทิ้งตัวเช่นนี้
ใจความคร่าวๆของหนังสือได้พูดถึง หุ้น คือทรัพย์สินที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด แต่ทำไมมีเพียงคนส่วนน้อยที่ร่ำรวยด้วยหุ้น..เครื่องบ่งชี้ความสำเร็จของตลาดหุ้นไม่ว่าจะเป็นปริมาณการซื้อขาย มูลค่าตลาด ดัชนีหุ้นและค่า P/E ของตลาดหุ้นอาจจะไม่เพียงพอเนื่องจากเป็นเพียงปัจจัยภายนอกที่ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของนักลงทุน ความสำเร็จของตลาดควรพิจารณาร่วมกับกำไรสุทธิ (Earning) รวมของหุ้นทุกตัว + ส่วนของทุน (Equity) ของหุ้นทุกตัว + อัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น (ROE)
..ณ จุดนี้ก็คงไม่มีใครตอบได้ว่าตลาดหุ้นจะเป็นอย่างไรต่อไป บางคนอาจจะมองว่าสภาวะตลาดที่ผันผวนเช่นนี้หันมาลงทุนด้วยความรู้รอตลาดขาขึ้นให้ชัวร์ๆก่อนดีกว่า แต่บางคนอาจจะเริ่มทยอยเก็บ หลายคนอาจจะเจ็บมาจากการ cut loss หรือเจ็บเทียมเพราะยังไม่ขาย แต่ทั้งนี้ทั้งก็ดูเงินในกระเป๋ากันด้วยนะ..ส่วนเราขอมองอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆละกัน..เจ็บมาเยอะแล้ว TT