ทั้งที่ความดี หรือความเลว มนุษย์เป็นผู้กำหนดเองทั้งสิ้น ถูกใจชอบใจก็ว่าดี ไม่ถูกใจไม่ชอบใจก็ว่าไม่ดี แล้วมนุษย์เองก็มีความหลากหลายทางอารมย์ ความคิดอยู่เยอะแยะ ปัจจัยภายนอก อย่างสิ่งแวดล้อมเอง ก็มีผลกระทบต่อความคิดมนุษย์ สิ่งที่คนกลุ่มนึงบอกว่าดี อีกกลุ่มอาจจะเฉยๆ แล้วอีกกลุ่มอาจจะบอกว่าเลว เกลียดเข้าไส้
หนักกว่านั้น คนกลุ่มเดิม ที่บอกว่าดี หรือเลว วันเวลาเปลี่ยนไป ได้รับข้อมูลเพิ่มเติม หรือหลักความคิดเปลี่ยนไป จากที่ดีก็มีเปลี่ยนเป็นเลว จากที่เลว ก็อาจจะกลายเป็นดีก็ได้
ผมสังเกตว่าเวลาที่คนคุยกันไม่ค่อยมีใครที่จะอ้างอิงหลักเกณฑ์ของธรรมชาติ หรือหลักทฤษฎีที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว ที่ไม่ว่าคนกลุ่มไหน หรือวันเวลาที่เปลี่ยนไปยังไง ความจริงข้อนี้ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เช่น น้ำบริสุทธิ์ที่ความดัน 1 บรรยากาศ จะเดือดที่ 100 องศาเซลเซียส หรือ จะกลายเป็นน้ำแข็งที่อุณหภูมิลดลงต่ำกว่า 0 องศา เซลเซียส กัน
เวลาคุยกัน ไม่ค่อยมีใครเอาข้อมูล สถิติมาประกอบการคุยกันสักเท่าไหร่ เน้นวิจารณญาณกันล้วนๆ ทั้งที่ข้อมูลมีความสำคัญมากกว่าวิจารณญาณเยอะเลย ของทุกอย่าง มีทั้งข้อดีและข้อเสีย เพียงแต่ว่าจุดที่เรียกว่า Optimization อยู่ตรงไหน น้อยกว่าจุดนี้ก็ถือว่าไม่เพียงพอ มากกว่าจุดนี้ก็ไม่ค่อยได้ประโยชน์ การ optimization ไม่ใช่การประนีประนอม แต่เป็นการพิจารณาถึงจุดที่สามารถบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอย่างจำกัด ให้เกิดความคุ้มค่าที่สุด แต่ก็ไม่มีใครเอาจุดนี้มานั่งคุยกันจริงๆ จังๆ ยิ่งนักการเมือง จะฝ่ายไหนฝั่งไหน ก็ไม่มีใครพูดถึงกัน หรือว่า optimization มันอยู่ในสายเลือดไปแล้ว ทุกอย่างที่ทำกันมันคือ optimized เรียบร้อยแล้ว หรือว่า เรื่อง optimization ไม่จำเป็นอ่ะครับ
ทำไมคนเราถึงยึดติดอยู่กับความดี ความเลว กันมากนักครับ?
หนักกว่านั้น คนกลุ่มเดิม ที่บอกว่าดี หรือเลว วันเวลาเปลี่ยนไป ได้รับข้อมูลเพิ่มเติม หรือหลักความคิดเปลี่ยนไป จากที่ดีก็มีเปลี่ยนเป็นเลว จากที่เลว ก็อาจจะกลายเป็นดีก็ได้
ผมสังเกตว่าเวลาที่คนคุยกันไม่ค่อยมีใครที่จะอ้างอิงหลักเกณฑ์ของธรรมชาติ หรือหลักทฤษฎีที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว ที่ไม่ว่าคนกลุ่มไหน หรือวันเวลาที่เปลี่ยนไปยังไง ความจริงข้อนี้ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เช่น น้ำบริสุทธิ์ที่ความดัน 1 บรรยากาศ จะเดือดที่ 100 องศาเซลเซียส หรือ จะกลายเป็นน้ำแข็งที่อุณหภูมิลดลงต่ำกว่า 0 องศา เซลเซียส กัน
เวลาคุยกัน ไม่ค่อยมีใครเอาข้อมูล สถิติมาประกอบการคุยกันสักเท่าไหร่ เน้นวิจารณญาณกันล้วนๆ ทั้งที่ข้อมูลมีความสำคัญมากกว่าวิจารณญาณเยอะเลย ของทุกอย่าง มีทั้งข้อดีและข้อเสีย เพียงแต่ว่าจุดที่เรียกว่า Optimization อยู่ตรงไหน น้อยกว่าจุดนี้ก็ถือว่าไม่เพียงพอ มากกว่าจุดนี้ก็ไม่ค่อยได้ประโยชน์ การ optimization ไม่ใช่การประนีประนอม แต่เป็นการพิจารณาถึงจุดที่สามารถบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอย่างจำกัด ให้เกิดความคุ้มค่าที่สุด แต่ก็ไม่มีใครเอาจุดนี้มานั่งคุยกันจริงๆ จังๆ ยิ่งนักการเมือง จะฝ่ายไหนฝั่งไหน ก็ไม่มีใครพูดถึงกัน หรือว่า optimization มันอยู่ในสายเลือดไปแล้ว ทุกอย่างที่ทำกันมันคือ optimized เรียบร้อยแล้ว หรือว่า เรื่อง optimization ไม่จำเป็นอ่ะครับ