วันนี้(27ธ.ค.) ชาวสังคมออนไลน์ได้แชร์ภาพเปรียบเทียบหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 27 ธ.ค.ที่มีการนำเสนอภาพของกลุ่มผู้ชุมนุมมีคำอธิบายใต้ภาพระบุว่า
“‘ช่วงชุลมุน เจ้าหน้าที่ตำรวจตรึงกำลังป้องกัน พร้อมยิงแก๊สน้ำตา-กระสุนยาง สกัดผู้ชุมนุม คปท.ที่พยายามฝ่าเข้ามาขัดขวางการจับสลากหมายเลขเลือกตั้งระบบบัญชีรายชื่อ ของบรรดาพรรคการเมืองที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เหตุการณ์อยู่ในช่วงชุลมุน ขณะเดียวกันมีภาพชายลึกลับไม่ทราบฝ่ายถืออาวุธในท่าพร้อมยิงแพร่ว่อนเน็ต’ “
ซึ่งชาวสังคมออนไลน์ได้เผยว่าภาพดังกล่าวมีภาพของชายถืออาวุธอยู่คนหนึ่งซึ่งเป็นภาพเก่าจากเหตุการณ์การชุมนุมบุกยึดท่าอากาศยานดอนเมือง เมื่อปี 2551
ทั้งนี้ในเว็บไซต์ของไทยรัฐออนไลน์ ได้มีการชี้แจงกรณีดังกล่าวระบุว่า ตามที่หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556 ได้เผยแพร่ภาพ-ข่าว กรณีเหตุปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและกลุ่มผู้ชุมนุมที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง โดยมีการนำภาพชายลึกลับถือปืน ประกอบข่าวดังกล่าวนั้น
ภายหลังจากที่ได้มีการตรวจสอบแล้ว พบว่า ภาพชายลึกลับคนดังกล่าว ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด ทางทีมข่าวไทยรัฐจึงขออภัยในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น มา ณ ที่นี้ด้วย
MThai news
http://news.mthai.com/hot-news/297807.html
ชาวเน็ตจับผิด นสพ.ไทยรัฐ ขุดภาพเก่าใส่ร้ายม็อบมีอาวุธ
“‘ช่วงชุลมุน เจ้าหน้าที่ตำรวจตรึงกำลังป้องกัน พร้อมยิงแก๊สน้ำตา-กระสุนยาง สกัดผู้ชุมนุม คปท.ที่พยายามฝ่าเข้ามาขัดขวางการจับสลากหมายเลขเลือกตั้งระบบบัญชีรายชื่อ ของบรรดาพรรคการเมืองที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เหตุการณ์อยู่ในช่วงชุลมุน ขณะเดียวกันมีภาพชายลึกลับไม่ทราบฝ่ายถืออาวุธในท่าพร้อมยิงแพร่ว่อนเน็ต’ “
ซึ่งชาวสังคมออนไลน์ได้เผยว่าภาพดังกล่าวมีภาพของชายถืออาวุธอยู่คนหนึ่งซึ่งเป็นภาพเก่าจากเหตุการณ์การชุมนุมบุกยึดท่าอากาศยานดอนเมือง เมื่อปี 2551
ทั้งนี้ในเว็บไซต์ของไทยรัฐออนไลน์ ได้มีการชี้แจงกรณีดังกล่าวระบุว่า ตามที่หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556 ได้เผยแพร่ภาพ-ข่าว กรณีเหตุปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและกลุ่มผู้ชุมนุมที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง โดยมีการนำภาพชายลึกลับถือปืน ประกอบข่าวดังกล่าวนั้น
ภายหลังจากที่ได้มีการตรวจสอบแล้ว พบว่า ภาพชายลึกลับคนดังกล่าว ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด ทางทีมข่าวไทยรัฐจึงขออภัยในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น มา ณ ที่นี้ด้วย
MThai news
http://news.mthai.com/hot-news/297807.html