วันนี้จะขอแนะนำร้านอาหารอิตาเลียนใกล้บ้านที่ชอบไปทานกับเพื่อนนะครับ
ชื่อร้าน La Bottega Di Luca อยู่ในอาคารเดียวกับ Starbucks ของซอยสุขุมวิท49
ตรงข้ามเวิ้งสารพัดร้านอาหารของ Piman49 พอดีเลย
ผมกับเพื่อนประทับใจร้านนี้มากตั้งแต่ไปกินครั้งแรก จนปัจจุบันก็แวะไปกินมา3ครั้งแล้ว
กระทู้นี้จะรวมรูปจาก 3มื้อไว้ด้วยกันนะครับ เมนูอาจจะซ้ำบ้าง เพราะเป็นเมนูที่อร่อยจนอยากกลับไปกินอีก
เริ่มกันที่มื้อแรก กินไปไม่นานมานี้เองครับ... ก็แค่ปลายๆเดือนพฤษภาปีนี้ 5555
ดองเค็มรูปไว้จะข้ามปีอยู่แล้ว
ขนมปัง complimentary ชอบ focaccia ครับ เนื้อขนมปังนุ่มๆฉ่ำๆอร่อยดี
Starter เริ่มกันด้วย signature ของร้าน
Burrata Cheese มาพร้อมกับแฮม prosciutto และมะเขือลูกจิ๋วคลุกกับใบbasil

Burrata เป็นชีส mozzarella รูปถุง ยัดไส้mozzarella cheese ผสมครีมสดไว้ข้างใน
จากเดิมที่mozzarella มันก็หอมมันอยู่แล้ว เติมครีมสดเข้าไปอีกยิ่งrich(และอ้วน)ขึ้นไปกันใหญ่
sinful pleasure ซะยิ่งกว่ากินเค้ก
ตามมาด้วย starter อีกจาน เป็น Wagyu carpaccio ไม่รู้ว่าจานแรกมันอร่อยเกินไปหรือว่ายังไง
พอกินจานนี้แล้วรู้สึกเฉยๆ ไม่ค่อยแตกต่างจากที่กินร้านอื่น
Seafood pasta in white wine
ที่จริงในเมนูมีแต่ pasta vongole(หอยลาย) white wine
ถ้าเป็น seafood pasta จะเป็น tomato sauce แต่ลองสั่งเป็นแบบ white wine ดูเค้าก็ทำให้ครับ

ก็อร่อยดีนะ แต่หลังครั้งล่าสุดที่ไปลองมาสั่ง vongole white wine sauce ตามเมนูปกติแล้วอร่อยกว่าเยอะเลย
เป็นบทเรียนว่าไม่ควรสั่งนอกเมนู stick with เมนูที่ทางร้านเค้าได้ทำได้ปรุงบ่อยๆจนชินมือแล้วน่าจะอร่อยกว่า
จานหลักและดาวเด่นของมื้อ อร่อยฟินจนต้องกลับไปกินอีก
Tasmanian ribeye steak ราคา 380B/100g. ชิ้นนี้เกือบๆ 400กรัมครับ
กินกันสองคน จุกจนกลิ้งกลับบ้าน
เค้าหั่นมาหนามาก ตอนยกมาทีแรก คิดว่าต้องเจอเนื้อประเภทขอบๆสุกเกินตรงกลางฉ่ำกำลังดี
ที่ไหนได้เจอเซอร์ไพรส์ มันเป็น meduim rare ทั้งชิ้นเลย ขนาดชิ้นตรงขอบนอกสุดก็ฉ่ำ สีแดงอมชมพูสวยเท่ากันหมด
สเต๊กร้านนี้ sous-vide มาแน่ๆครับ ฟันธง เนื้อนุ่มมมมม และหอม อร่อยมาก
อิ่มและกลับบ้านไปนอนเพ้อถึงน้องสเต๊กเนื้อได้สักพัก 3เดือนต่อมาได้ฤกษ์(คือเก็บตังค์ได้นั่นเอง)ไปกินอีกรอบ
คราวนี้ไปลอง lunch set บ้าง แอบตกใจที่ราคา lunch set ถูกกว่าที่คิดเยอะ คือ 390B

ขนมปัง complimentary ก็มีให้เหมือนของ dinner เลย
ราคา 390B เค้าจะให้เลือกว่า จะรับเป็นซุปหรือบุฟเฟ่ต์สลัดบาร์ + พาสตา 1 จาน
ผมเลือกเป็นสลัดบาร์ ของในไลน์บุฟเฟ่ต์เค้าก็คุณภาพดีนะ มีให้เลือกเยอะพอสมควร
แค่กินผักย่าง เห็ดผัดสมุนไพร กับพวกแฮมนี่ก็คุ้มมากแล้ว
จานหลักของผมเป็น angle hair seafood white wine sauce
เส้นเป็นเส้นสด เหนียวๆนุ่มๆ อร่อยดีครับ
ผมว่าเส้นเรียวๆแบบนี้เข้ากับซอส white wine ดีกว่าสปาเกตตีเส้นหนาๆนะ
จานของเพื่อนเป็น ราวิโอลิ ไส้ sea bass ตัวเปลือกราวิโอลีกับซอสอร่อยนะ
แต่ไส้ในมันแห้งๆพิกล เนื้อปลามาเป็นขุยๆ
พาสตาเส้นอ้วนเรียกว่า Pici ใน Tomato sauce
เส้นอร่อยดีๆนะ หนึบๆหนุบๆเหมือนอุด้ง ซอสก็อร่อย แต่แอบอยากได้เนื้อ/ผักเป็นเครื่องเคราหน่อย
จานนี้ที่รอคอย Tasmanian beef steak
ตอนสั่งพนักงานแจ้งว่า "ตอนนี้ของหมดสต๊อกค่ะ"
หัวใจแทบสลาย (เพราะผมถึงขั้นลางานครึ่งบ่ายมากินมื้อเที่ยงที่นี่)
แล้วคุณน้องพนักงานก็บอกต่อว่า "ribeye หมด ตอนนี้มีเป็น striploin แทน จะรับไหมคะ"
ค่อยยังชั่ว .... ไปยกมาเลยครับน้อง ไม่ได้กินเนื้อวันนี้ผมไม่กลับบ้าน (อันหลังนี่แค่คิดในใจนะ 555)
ได้มาเป็นจานนี้ เนื้อสุกแบบชุ่มฉ่ำทั้งชิ้นเหมือนเดิม อร่อยเหาะได้
เหมือนเนื้อฉ่ำกว่าเดิมด้วยซ้ำ แล้วก็มันน้อยกว่า ผมชอบกว่า ribeye อีก
(ตอนเช็กบิลถึงรู้ว่า striploin ราคาแพงกว่า ribeye หน่อย คือ 480B / 100g. แต่ไม่เป็นไรเพราะอร่อย ชอบ)
มาถึงมื้อล่าสุดที่ไปกินมาต้นเดือนนี้ (เท่ากับว่าไปกินเฉลี่ยทุกๆ3เดือนโดยประมาณ)
รอบนี้มีเพื่อนร่วมโต๊ะไม่กินเนื้อ เลยไม่ได้สั่งสเต๊ก แต่เล็งไว้ว่าอยากกิน Burrata ซึงก็ได้กินสมใจอยาก
ยังหอมมัน อร่อย(และกินแล้วอ้วน)เหมือนเดิม
คราวนี้ไม่สั่งนอกเมนูละ สั่งvongole white wine มาทานบ้าง (รู้สึกน่าจะเรียกว่าหอยตลับมากกว่าหอยลาย)
หอยสด หวานอร่อย จานนี้แนะนำครับ
ตามมาด้วย Risotto signature ของร้าน
Risotto di Luca - เป็นรีซอตโตใส่ชีสกับเห็ดทรัฟเฟิล โปะหน้าpancetta (Italian bacon)
หน้าตาเรียบๆแต่รสชาติเข้มข้นมาก เหมือนจะใส่แชมเปญหรือไวน์ขาวด้วยUmami อัดแน่นสุดๆเลยครับ
จานนี้เป็นราวิโอลิเห็ดporcini
เห็ดเยอะมาก ... มองไปมีแต่เห็ดแทบไม่เห็นราวิโอลิเลย อร่อยเช่นกันครับ
อันนี้เป็น Suckling pig อบสมุนไพร แต่งจานสวยมาก
เนื้อนุ่มดี กลิ่นrosemaryหอมแตะจมูกมาก อร่อยเช่นกันครับ
สรุปว่าร้านนี้ราคาค่อนไปทางสูงหน่อย(ตกหัวละ1000บาทโดยเฉลี่ย) แต่อาหารอร่อย ใช้วัตถุดิบคุณภาพ
โดยเฉพาะสเต๊กเนื้อ ทำออกมาดีกว่าร้านสเต๊กเฉพาะทางบางร้านซะอีก
และเป็นอีกร้านที่ผมจะกลับไปกินอีกแน่ๆครับ
กระทู้รวมรูปดองเค็ม(ซะส่วนใหญ่)ของผมก็หมดลงแต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมนะครับ
[CR] รวมรูปจาก 3 มื้อที่ร้านเดียว - La Bottega Di Luca @Sukhumvit 49
ชื่อร้าน La Bottega Di Luca อยู่ในอาคารเดียวกับ Starbucks ของซอยสุขุมวิท49
ตรงข้ามเวิ้งสารพัดร้านอาหารของ Piman49 พอดีเลย
ผมกับเพื่อนประทับใจร้านนี้มากตั้งแต่ไปกินครั้งแรก จนปัจจุบันก็แวะไปกินมา3ครั้งแล้ว
กระทู้นี้จะรวมรูปจาก 3มื้อไว้ด้วยกันนะครับ เมนูอาจจะซ้ำบ้าง เพราะเป็นเมนูที่อร่อยจนอยากกลับไปกินอีก
เริ่มกันที่มื้อแรก กินไปไม่นานมานี้เองครับ... ก็แค่ปลายๆเดือนพฤษภาปีนี้ 5555
ดองเค็มรูปไว้จะข้ามปีอยู่แล้ว
ขนมปัง complimentary ชอบ focaccia ครับ เนื้อขนมปังนุ่มๆฉ่ำๆอร่อยดี
Starter เริ่มกันด้วย signature ของร้าน
Burrata Cheese มาพร้อมกับแฮม prosciutto และมะเขือลูกจิ๋วคลุกกับใบbasil
Burrata เป็นชีส mozzarella รูปถุง ยัดไส้mozzarella cheese ผสมครีมสดไว้ข้างใน
จากเดิมที่mozzarella มันก็หอมมันอยู่แล้ว เติมครีมสดเข้าไปอีกยิ่งrich(และอ้วน)ขึ้นไปกันใหญ่
sinful pleasure ซะยิ่งกว่ากินเค้ก
ตามมาด้วย starter อีกจาน เป็น Wagyu carpaccio ไม่รู้ว่าจานแรกมันอร่อยเกินไปหรือว่ายังไง
พอกินจานนี้แล้วรู้สึกเฉยๆ ไม่ค่อยแตกต่างจากที่กินร้านอื่น
Seafood pasta in white wine
ที่จริงในเมนูมีแต่ pasta vongole(หอยลาย) white wine
ถ้าเป็น seafood pasta จะเป็น tomato sauce แต่ลองสั่งเป็นแบบ white wine ดูเค้าก็ทำให้ครับ
ก็อร่อยดีนะ แต่หลังครั้งล่าสุดที่ไปลองมาสั่ง vongole white wine sauce ตามเมนูปกติแล้วอร่อยกว่าเยอะเลย
เป็นบทเรียนว่าไม่ควรสั่งนอกเมนู stick with เมนูที่ทางร้านเค้าได้ทำได้ปรุงบ่อยๆจนชินมือแล้วน่าจะอร่อยกว่า
จานหลักและดาวเด่นของมื้อ อร่อยฟินจนต้องกลับไปกินอีก
Tasmanian ribeye steak ราคา 380B/100g. ชิ้นนี้เกือบๆ 400กรัมครับ
กินกันสองคน จุกจนกลิ้งกลับบ้าน
เค้าหั่นมาหนามาก ตอนยกมาทีแรก คิดว่าต้องเจอเนื้อประเภทขอบๆสุกเกินตรงกลางฉ่ำกำลังดี
ที่ไหนได้เจอเซอร์ไพรส์ มันเป็น meduim rare ทั้งชิ้นเลย ขนาดชิ้นตรงขอบนอกสุดก็ฉ่ำ สีแดงอมชมพูสวยเท่ากันหมด
สเต๊กร้านนี้ sous-vide มาแน่ๆครับ ฟันธง เนื้อนุ่มมมมม และหอม อร่อยมาก
อิ่มและกลับบ้านไปนอนเพ้อถึงน้องสเต๊กเนื้อได้สักพัก 3เดือนต่อมาได้ฤกษ์(คือเก็บตังค์ได้นั่นเอง)ไปกินอีกรอบ
คราวนี้ไปลอง lunch set บ้าง แอบตกใจที่ราคา lunch set ถูกกว่าที่คิดเยอะ คือ 390B
ขนมปัง complimentary ก็มีให้เหมือนของ dinner เลย
ราคา 390B เค้าจะให้เลือกว่า จะรับเป็นซุปหรือบุฟเฟ่ต์สลัดบาร์ + พาสตา 1 จาน
ผมเลือกเป็นสลัดบาร์ ของในไลน์บุฟเฟ่ต์เค้าก็คุณภาพดีนะ มีให้เลือกเยอะพอสมควร
แค่กินผักย่าง เห็ดผัดสมุนไพร กับพวกแฮมนี่ก็คุ้มมากแล้ว
จานหลักของผมเป็น angle hair seafood white wine sauce
เส้นเป็นเส้นสด เหนียวๆนุ่มๆ อร่อยดีครับ
ผมว่าเส้นเรียวๆแบบนี้เข้ากับซอส white wine ดีกว่าสปาเกตตีเส้นหนาๆนะ
จานของเพื่อนเป็น ราวิโอลิ ไส้ sea bass ตัวเปลือกราวิโอลีกับซอสอร่อยนะ
แต่ไส้ในมันแห้งๆพิกล เนื้อปลามาเป็นขุยๆ
พาสตาเส้นอ้วนเรียกว่า Pici ใน Tomato sauce
เส้นอร่อยดีๆนะ หนึบๆหนุบๆเหมือนอุด้ง ซอสก็อร่อย แต่แอบอยากได้เนื้อ/ผักเป็นเครื่องเคราหน่อย
จานนี้ที่รอคอย Tasmanian beef steak
ตอนสั่งพนักงานแจ้งว่า "ตอนนี้ของหมดสต๊อกค่ะ"
หัวใจแทบสลาย (เพราะผมถึงขั้นลางานครึ่งบ่ายมากินมื้อเที่ยงที่นี่)
แล้วคุณน้องพนักงานก็บอกต่อว่า "ribeye หมด ตอนนี้มีเป็น striploin แทน จะรับไหมคะ"
ค่อยยังชั่ว .... ไปยกมาเลยครับน้อง ไม่ได้กินเนื้อวันนี้ผมไม่กลับบ้าน (อันหลังนี่แค่คิดในใจนะ 555)
ได้มาเป็นจานนี้ เนื้อสุกแบบชุ่มฉ่ำทั้งชิ้นเหมือนเดิม อร่อยเหาะได้
เหมือนเนื้อฉ่ำกว่าเดิมด้วยซ้ำ แล้วก็มันน้อยกว่า ผมชอบกว่า ribeye อีก
(ตอนเช็กบิลถึงรู้ว่า striploin ราคาแพงกว่า ribeye หน่อย คือ 480B / 100g. แต่ไม่เป็นไรเพราะอร่อย ชอบ)
มาถึงมื้อล่าสุดที่ไปกินมาต้นเดือนนี้ (เท่ากับว่าไปกินเฉลี่ยทุกๆ3เดือนโดยประมาณ)
รอบนี้มีเพื่อนร่วมโต๊ะไม่กินเนื้อ เลยไม่ได้สั่งสเต๊ก แต่เล็งไว้ว่าอยากกิน Burrata ซึงก็ได้กินสมใจอยาก
ยังหอมมัน อร่อย(และกินแล้วอ้วน)เหมือนเดิม
คราวนี้ไม่สั่งนอกเมนูละ สั่งvongole white wine มาทานบ้าง (รู้สึกน่าจะเรียกว่าหอยตลับมากกว่าหอยลาย)
หอยสด หวานอร่อย จานนี้แนะนำครับ
ตามมาด้วย Risotto signature ของร้าน
Risotto di Luca - เป็นรีซอตโตใส่ชีสกับเห็ดทรัฟเฟิล โปะหน้าpancetta (Italian bacon)
หน้าตาเรียบๆแต่รสชาติเข้มข้นมาก เหมือนจะใส่แชมเปญหรือไวน์ขาวด้วยUmami อัดแน่นสุดๆเลยครับ
จานนี้เป็นราวิโอลิเห็ดporcini
เห็ดเยอะมาก ... มองไปมีแต่เห็ดแทบไม่เห็นราวิโอลิเลย อร่อยเช่นกันครับ
อันนี้เป็น Suckling pig อบสมุนไพร แต่งจานสวยมาก
เนื้อนุ่มดี กลิ่นrosemaryหอมแตะจมูกมาก อร่อยเช่นกันครับ
สรุปว่าร้านนี้ราคาค่อนไปทางสูงหน่อย(ตกหัวละ1000บาทโดยเฉลี่ย) แต่อาหารอร่อย ใช้วัตถุดิบคุณภาพ
โดยเฉพาะสเต๊กเนื้อ ทำออกมาดีกว่าร้านสเต๊กเฉพาะทางบางร้านซะอีก
และเป็นอีกร้านที่ผมจะกลับไปกินอีกแน่ๆครับ
กระทู้รวมรูปดองเค็ม(ซะส่วนใหญ่)ของผมก็หมดลงแต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมนะครับ