ในที่สุดเรย์ก็ได้เข้ามาในวิหารที่ตั้งอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศ วิหารไฮคิง เมื่อเสียงประตูเหล็กที่มีลวดลายของนักรบในสมัยก่อนปิดลง สิ่งที่เขาได้เห็นเป็นอย่างแรกในการมาเยือนของเขานั่นก็คือ กระถางคบเพลิงที่กำลังมีเปลวไฟลุกตั้งอยู่ที่เสาทั้งสี่ต้นกับผนังหินผาที่แกะสลักเป็นรูปวาดของสัญลักษณ์บางอย่างที่คล้ายกับนกชนิดหนึ่งซึ่งเมื่อเรย์ดูชัดๆ มันคล้ายคลึงกับนกอินทรี
เรย์เดินตามผู้เฒ่าที่มาต้อนรับถึงหน้าประตูไปตามทางเดินหินที่ค่อยข้างจะเก่าสักเล็กน้อย เขาเดินผ่านกระถางต้นไม้ที่คล้ายกับโถขนาดใหญ่ ดอกไม้สีเหลืองที่กำลังบานสะพรั่งในแสงไฟอ่อนๆจากกระถางคบเพลิง เรย์เหลียวสายตากลับมายังทางเดินนั้นเพราะว่าแสงที่สว่างไสวบางอย่างตรงหน้า เขาเงยหน้ามองขึ้นไปบนเพดานที่แสงส่องลงมากระทบกับพื้นนั้นเป็นจุดเดียว ดวงไฟที่คล้ายคลึงกับพระอาทิตย์ยามรุ่งเช้ากำลังส่องลงมาผ่านช่องสองช่องบนเพดานหินด้านบน เขากำลังคิดอยู่ว่านี่อาจจะเป็นเวทมนต์อะไรบางอย่างแน่นอน เพราะครั้งสุดท้ายที่เขาดูนาฬิกานั้นพึ่งจะห้าทุ่มอยู่เลย
"...ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ ข้ามีนามว่า อิจิส" ผู้เฒ่าที่เรย์กำลังเดินตามอยู่ข้างๆนั้นกล่าวขึ้นมา ผมยาวสีขาวของเขาสั่นไปตามแรงสะเทือนของการเดิน "ข้าเป็นหนึ่งใน 12 นักบวชสีเทา มีหน้าที่ปกป้องวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เอาไว้ และพวกเรารอคอยการมาของท่านอยู่..."
"...รอผมอยู่เหรอ?" เรย์ถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจพร้อมกับส่องสายตามองไปยังสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
"ถูกต้องแล้ว พวกเราได้แอบให้บททดสอบท่านเล็กน้อยก่อนที่ท่านจะยังขึ้นมายังวิหารแห่งนี้ได้สำเร็จ" เมื่อเรย์ได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าอิจิเขาก็รู้สึกว่าอารมณ์ของตัวเองเริ่มจะฉุนขึ้นมาเล็กน้อย
"อ๋อ พวกยักษ์สีขาวพวกนั้นสินะ" เรย์พูดสวนขึ้นมาในทันใด
"...เกือบใช่ทั้งหมด แต่ก็ เป็นคำตอบที่ถูกต้อง" ผู้เฒ่าอิจิสตอบและพยักหน้าเบาๆ
"แต่บททดสอบของพวกคุณเกือบจะฆ่าผม และฆ่าคนบริสุทธิ์ไปหลายคนแล้วที่มายังเขาลูกนี้"
"พวกมันแค่ทำตามหน้าที่ เพื่อปกป้องและขัดขวางการบุกรุกมายังวิหารแห่งนี้ และมันก็ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมเลยจริงไหมท่าน" ผู้เฒ่าอิจิสอธิบายให้เรย์ฟังซึ่งเรยก็ไม่ค่อยจะเข้าใจนัก
"ปกป้องเหรอ ปกป้องจากอะไร?" เรย์ถามคำถามสวนขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าที่คิ้วขมวดของเขา
"...จากความชั่วร้าย หรือพลังแห่งความมืดที่แฝงตัวมาในรูปแบบต่างๆที่ท่านอาจจะยังไม่รู้ เป็นเวลานานมาแล้วที่ข้าและพวกพ้องของข้าปกป้องวิหารแห่งนี้มานานหลายศตวรรค์จากสิ่งเหล่านั้น แต่บัดนี้พวกมันกลับทวีความรุ่นแรงขึ้น มันรุนแรงขึ้นมากจนพวกข้าคิดว่าสักวันหนึ่งพวกข้าอาจจะยับยั้งเอาไว้ไม่อยู่ พวกข้าจึงสร้างเหล่าผู้ปกป้องวิหารนี้ขึ้นมา เพื่อปกป้องในยามที่อาณาเขตของพวกเราถูกบุกรุก และบททดสอบเล็กๆพวกนั้นก็ทำให้พวกข้าได้เห็นแล้วว่า ท่านนั้นยังอ่อนหัดนัก พลังของท่านยังอ่อนเกินไป เกินกว่าที่จะต่อกรกับพลังแห่งความมืดพวกนั้นไหว"
"ยังน้อยไปอย่างงั้นเหรอ ที่ผมฝ่าด่านมาถึงที่นี่จนได้นี่มันยังไม่พออีกเหรอไง..." ความไม่เข้าใจของเรย์ยิ่งถาโถมขึ้นไปอีกเมื่อนึกถึงเรื่องที่เขาเกือบเอาชีวิตไม่รอดหลังการต่อสู้ครั้งสุดท้ายจบลง ผู้เฒ่าอิจิสส่ายหน้าไปมาอย่างช้าๆเป็นการตอบ
"ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่ท่านยังไม่รู้ อะไรหลายๆอย่างที่เป็นเหตุผลที่นำท่านมาสู่ที่นี่..."
"คุณมีพรสวรรค์เรื่องหยั่งรู้... คุณเองก็เป็นคนที่มีพลังสินะ" ผู้เฒ่าอิจิสไม่ตอบคำถามอะไรเรย์อีกหลังจากนั้น
ผู้เฒ่าอิจิสเดินนำเรย์ไปยังกลางห้องนั้นที่แสงสว่างกำลังสาดส่องลงมา เขายืนอยู่กลางกรอบสี่เหลี่ยมที่อยู่บนพื้นซึ่งปลายแหลมของมุมสี่เหลี่ยมทั้งสี่ด้านนั้นชี้ไปยังประตูทั้งสี่ทิศ เขาหันหลังไปมองยังรูปปั้นนักรบขนาดใหญ่ที่กำลังตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องนั้น สายตาของเขาค่อยๆเลื่อนลงมาจนมาหยุดอยู่กับคนใส่ผ้าคลุมสีเทาซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าของเขา เรย์ตกใจจนแอบผงะเล็กน้อยก่อนที่เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นมาจากทางเดินทั้งสี่ทิศจะดังขึ้นมา
นักบวชสีเทาทั้งสิบสองคนค่อยๆเดินออกมาจากทางเดินนั้นแล้วมารวมกันอยู่รอบๆสี่เหลี่ยมที่เรยกำลังยืนอยู่ เรย์เหลียวซ้ายแลขวามองไปรอบๆ เขารู้สึกถึงหัวใจของตัวเองที่กำลังเต้นถี่ขึ้นด้วยความตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาแอบหายใจเข้าออกสองรอบแล้วเงยหน้ามองเหล่านักบวชพวกนั้น เสียงซุบซิบของเหล่าบรรดานักบวชสีเทาที่อยู่รอบๆเกี่ยวกับเขา พวกเขาคาดไม่ถึงกันว่าคนที่ปลุกแหวนในตำนานนี้ขึ้นมาได้อีกครั้งจะเป็นเด็กหนุ่มที่อายุยังน้อย
"เหล่าสหายของข้า..." ผู้เฒ่าอิจิสกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงที่ก้องกังวาลไปทั่วห้องโถงใหญ่นั้น "นี่คือท่านเรย์ มิเลียร์ ผู้กล้าแห่งแหวนสีแดงที่พวกเราเฝ้ารอการมาของเขา บัดนี้เขาได้มายืนอยู่ที่นี่แล้ว!"
เรย์รู้สึกว่าตัวเองในตอนนี้เหมือนเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งของประเทศอย่างไงอย่างงั้น หัวใจของเขารู้สึกลำพองตนอย่างบอกไม่ถูก แต่อีกนัยน์หนึ่งเขาก็รู้สึกตื่นเต้น เมื่อเขาคิดเล่นๆว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นต่อไป เรย์ก้มหน้าคิดถึงเหตุการณ์ก่อนที่ตัวเองจะตัดสินใจผ่าอันตรายมายังที่แห่งนี้
"เอ่อ ผมมาที่นี่เพราะคำแนะนำจากอาจารย์เอวิน..." เรย์ตอบแล้วใช้มือล้วงกระเป๋าเพื่อหยิบสิ่งของสิ่งหนึ่งขึ้นมา มันคือกระดาษหนึ่งแผ่นเก่าๆ เมื่อเรย์หยิบมันขึ้นมาแล้วก็โชว์ให้นักบวชทั้งสิบสองคนนั้น ผู้เฒ่าอิจิสมองดูกระดาษแผ่นนั้นแล้วขมวดคิ้วเข้าหากันพร้อมกับมองสลับกับใบหน้าของเรย์
"....ท่านมาที่นี่เพื่อการฝึกสินะ"
กระดาษเก่าๆที่เรย์กำลังถืออยู่ในมือนั้นมีรูปวาดที่เขียนด้วยหมึกสีดำของภูเขาไฮฮ็อกก้ากับหมู่บ้านเล็กๆตรงใต้รูปภาพ ข้างหลังของกระดาษนั้นมีตัวอักษรภาษากรีกโบราณที่คนทั่วไปน้อยคนนักจะอ่านมันออก แต่เมื่อครั้งแรกที่เรย์ได้เห็นคำศัพท์ที่อยู่บนกระดาษแผ่นนี้ เขากลับมีความรู้สึกว่าตัวเองกำลังอ่านมันออกและมันบอกรหัสอะไรบางอย่าง
"การฝึกเหรอ?" เรย์ถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจพร้อมกับพลิกกระดาษนั้นไปมา เขาไม่เห็นอะไรในกระดาษที่จะบอกใบ้อะไรเกี่ยวกับการฝึกที่ผู้เฒ่าอิจิสกล่าวเลย
"ทาเรียสคงรู้แล้วว่าพลังของผู้กล้าของเขานั้นมีน้อยเกินไป เขาต้องทำให้พลังนั้นตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์" ผู้เหล่าอิจิสพูดขึ้นมาเบาๆพร้อมกับลูบเครายาวๆสีขาวหม่นๆของตัวเองช้าๆ
"ทาเรียส? คุณหมายถึงคนที่ให้กระดาษนี้กับผมน่ะเหรอ"
ผู้เฒ่าอิจิสไม่ได้ตอบอะไรนอกจากรอยยิ้มเล็กๆที่ออกมาจากใบหน้าของตัวเองเท่านั้น เรย์พลิกกระดาษกลับมาหาตัวเองและมองดูรูปภาพที่อยู่ในนั้น
... ทาเรียสเหรอ ชื่อของอาจารย์เอวินอีกชื่อคือทาเรียสเหรอเนีย ...
เรย์รู้สึกถึงภาระอันหนักอึ้งที่โถมเข้ามาหลังจากสิ้นประโยคของผู้เฒ่าอิจิส แต่เมื่อตัวเขาย้อนไปในวันวาน การต่อสู้ที่ผ่านๆมาที่มันเด่นชัดที่สุดก็คือ การเข้าห่ำหั่นกันระหว่างผู้กล้าแห่งแหวนด้วยกันเอง ซึ่งผลที่ตามมาก็คือเขาแพ้อย่างหมดรูป และในการต่อสู้ในวันนั้นก็ทำให้เขานึกขึ้นได้อีกว่าพลังของเขาต่ำที่สุดในบรรดาผู้กล้าทั้งหมด เรย์มองสายตาของผู้เฒ่าอิจิสที่เหมือนว่าจะรู้คำตอบอยู่แล้วว่าคนตรงหน้าต้องการอะไร
"...ผมจะต้องใช้เวลาฝึกนานแค่ไหน?" ผู้เฒ่าอิจิสเลิกคิ้วขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มเมื่อได้ยินคำถามจากคนตรงหน้า
"ขึ้นอยู่กับร่างกายและความตั้งใจของท่าน... แต่ว่า ในตอนนี้เรามีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่จะต้องทำให้แกท่านซะก่อน"
"หืม... ให้ผมเหรอ?" เรย์ถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจ ผู้เฒ่าอิจิสพยักหน้าเป็นเชิงคำตอบ
"ถูกต้องแล้ว ก่อนหน้าที่ท่านจะเข้าไปสู้การฝึกโดยบทเรียนแห่งคัมภีร์ที่กำลังซ่อนอยู่ในมือของท่าน..." คำพูดของผู้เฒ่าอิจิสทำให้เรย์พลิกกระดาษที่อยู่ในมือสลับหน้าหลังไปมา เขาไม่รู้สึกว่าเจ้าสิ่งนี้มันจะดูเหมือนคัมภีร์อะไรทั้งนั้นเลย
"พวกข้าจะทำให้พลังของท่านตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ โดยการดึงพลังแฝงของท่านขึ้นมาซะก่อน..." อีกครั้งที่คำพูดของผู้เฒ่าอิจิสทำให้เรย์ต้องหยุดชะงักกับสิ่งที่กำลังทำอยู่
"ดึงพลังของผมเหรอ ยังไงล่ะ..."
"อีกไม่นานเดี๋ยวท่านคงได้รู้... ท่านคงเห็นปริศนาที่อยู่บนแผ่นกระดาษนั่นแล้วใช่หรือไม่" ผู้เฒ่าอิจิสชี้ไปยังกระดาษที่เรย์กำลังถืออยู่ในมือ
"อ๋อ เจ้านี่เหรอ" เรย์ชูกระดาษขึ้นแล้วแกว่งมันไปมาให้อิจิสดู
"ท่านต้องแก้ปริศนาที่อยู่ในกระดาษนั้นให้ได้ซะก่อน ท่านจึงจะได้คัมภีร์นกฟินิกซ์ของท่านมาไว้ในครอบครอง..."
"จริงเหรอเนี่ย... ถ้าเรื่องแก้ปริศนาบนกระดาษนี้ผมแก้ได้ตั้งนานแล้วล่ะ... นี่ไง!"
เพราะคำพูดของเรย์ทำให้เหล่าผู้เฒ่าทั้งสิบสองคนต้องอุทานออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ ไม่ใช่แค่นั้น เรย์ในตอนนี้กลับกำลังแสดงให้พวกเขาเหล่านั้นเห็นว่าสิ่งที่เขาพูดไปเมื่อกี้นั้นเป็นความจริง เขากำลังพับกระดาษแผ่นนั้นอย่างประณีตบรรจงสลับหน้าหลังไปมา ตัวหนังสือที่อยู่ข้างหลังกระดาษนั้นกำลังแทนที่ด้วยรูปภาพบางรูป ซึ่งรูปภูเขาแห่งไฮฮ็อกก้านั้นกำลังหายไปภายเป็นรูปหัวนก และเมื่อเขากลับด้านไปพับอีกทบหนึ่งกลายเป็นปีกซ้ายของนก
"ตอนแรกก็ดูไม่ออกหรอกนะว่ามันเป็นปริศนา จนผมเห็นตัวหนังสือที่เว้นระยะห่างเกินไปจนผิดปกติของกระดาษแผ่นนี้ เลยลองทำอะไรเล่นๆดูระหว่างทางที่มา... มันคล้ายๆกับเกมส์ๆนึงที่ผมเคยเล่นในสมัยเด็กๆนั่นล่ะครับ"
ในขณะที่เรย์กำลังอธิบายให้เหล่านักบวชทั้งสิบสองฟังเขาก็ไม่ได้หยุดมือในการพับกระดาษที่อยู่บนมือนั่นเลย ผู้เฒ่าอิจิสมองกระดาษแผ่นนั้นอย่างไม่กระพริบตา ซึ่งในตอนนี้เขาเห็นแล้วว่ารูปตรงหน้ากำลังจะกลายเป็นนกชนิดหนึ่ง เมื่อเรย์พับส่วนท้ายเข้าหายกันรูปนั้นจึงสมบูรณ์ นัยน์ตาสีดำมองดูรูปภาพที่อยู่บนกระดาษที่พับอย่างไม่กระพริบตา รูปที่ต่อกับรอยพับบนกระดาษเผยให้เห็น รูปนกฟินิกซ์
ตัวของเรย์เองก็พึ่งจะเห็นรูปนี้อย่างสมบูรณ์ทำให้ดวงตาสีดำคู่นั้นของเขาจ้องมองรูปที่อยู่ตรงหน้าอย่างเปล่งประกาย ผู้เฒ่าอิจิสพยักหน้าอย่างช้าๆมองดูคนตรงหน้าของเขาอย่างรู้สึกชื่นชม
"ผมเองก็พึ่งจะเห็นรูปนี้เป็นครั้งแรก..." เรย์พูดด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้นกับผลงานของตัวเองตรงหน้า
"...ท่านเป็นคนมีพรสวรรค์ มีทักษะ มันจะเป็นประโยชน์สำหรับท่านในการฝึกหลังจากนี้ได้แน่ๆ" ผู้เฒ่าอิจิสยื่นมือเพื่อขอกระดาษที่อยู่ในมือของเรย์ ซึ่งเขาก็ยื่นให้เขาโดยไม่ลังเลอะไร
เหมือนเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งของพวกเขา เมื้อผู้เฒ่าอิจิสรับกระดาษนั้นมาแล้ว เหล่าผู้เหล่าทั้งสิบสองคนก็ยืนล้อมวงกันโดยเว้นระยะห่างอย่างเป็นระเบียบ โดยพวกเขายืนล้อมเรย์ที่ยืนอยู่บนพื้นที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมนั่นเอาไว้ เรย์มองตามผู้เฒ่าอิจิสที่กำลังเดินขึ้นไปทางบันไดยืนอยู่หน้าเตาไฟหินที่กำลังลุกโชติช่วงอยู่และวินาทีต่อมาพวกเขาก็เริ่มสวดมนต์อะไรบางอย่าง โดยเหล่านักบวชทั้งสิบสองคนเริ่มจับมือกันเป็นรูปวงกลม ทันใดนั้นสายลมที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนก็เริ่มพัดผ่านเข้ามาในห้องโถงนั้น
เมื่อเหล่านักบวชเริ่มท่องบทสวดมนต์ได้ไม่นานเสียงคล้ายแผ่นดินไหวก็ดังขึ้นมา แสงที่เคยสว่างจ้าที่ส่องลงมาจากบนเพดานก็เริ่มริบหรี่ลง เปลวเพลิงที่เคยสว่างอยู่บนกระถางคบเพลิงตามจุดต่างๆรอบห้องนั้นก็เริ่มมอดหายไป เหลือเอาไว้แต่เพียงแสงที่ออกมาจากการประสานมือของเหล่านักบวช และเปลวไฟที่หน้าอยู่ตรงหน้าของผู้เฒ่าอิจิสเท่านั้น
"บัดนี้... ถึงเวลาแล้วที่พลังแห่งผู้พิทักษ์จะตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์!!!..."
KP Warriors ตอนที่ 8 : คัมภีร์นกฟินิกซ์
เรย์เดินตามผู้เฒ่าที่มาต้อนรับถึงหน้าประตูไปตามทางเดินหินที่ค่อยข้างจะเก่าสักเล็กน้อย เขาเดินผ่านกระถางต้นไม้ที่คล้ายกับโถขนาดใหญ่ ดอกไม้สีเหลืองที่กำลังบานสะพรั่งในแสงไฟอ่อนๆจากกระถางคบเพลิง เรย์เหลียวสายตากลับมายังทางเดินนั้นเพราะว่าแสงที่สว่างไสวบางอย่างตรงหน้า เขาเงยหน้ามองขึ้นไปบนเพดานที่แสงส่องลงมากระทบกับพื้นนั้นเป็นจุดเดียว ดวงไฟที่คล้ายคลึงกับพระอาทิตย์ยามรุ่งเช้ากำลังส่องลงมาผ่านช่องสองช่องบนเพดานหินด้านบน เขากำลังคิดอยู่ว่านี่อาจจะเป็นเวทมนต์อะไรบางอย่างแน่นอน เพราะครั้งสุดท้ายที่เขาดูนาฬิกานั้นพึ่งจะห้าทุ่มอยู่เลย
"...ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ ข้ามีนามว่า อิจิส" ผู้เฒ่าที่เรย์กำลังเดินตามอยู่ข้างๆนั้นกล่าวขึ้นมา ผมยาวสีขาวของเขาสั่นไปตามแรงสะเทือนของการเดิน "ข้าเป็นหนึ่งใน 12 นักบวชสีเทา มีหน้าที่ปกป้องวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เอาไว้ และพวกเรารอคอยการมาของท่านอยู่..."
"...รอผมอยู่เหรอ?" เรย์ถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจพร้อมกับส่องสายตามองไปยังสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
"ถูกต้องแล้ว พวกเราได้แอบให้บททดสอบท่านเล็กน้อยก่อนที่ท่านจะยังขึ้นมายังวิหารแห่งนี้ได้สำเร็จ" เมื่อเรย์ได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าอิจิเขาก็รู้สึกว่าอารมณ์ของตัวเองเริ่มจะฉุนขึ้นมาเล็กน้อย
"อ๋อ พวกยักษ์สีขาวพวกนั้นสินะ" เรย์พูดสวนขึ้นมาในทันใด
"...เกือบใช่ทั้งหมด แต่ก็ เป็นคำตอบที่ถูกต้อง" ผู้เฒ่าอิจิสตอบและพยักหน้าเบาๆ
"แต่บททดสอบของพวกคุณเกือบจะฆ่าผม และฆ่าคนบริสุทธิ์ไปหลายคนแล้วที่มายังเขาลูกนี้"
"พวกมันแค่ทำตามหน้าที่ เพื่อปกป้องและขัดขวางการบุกรุกมายังวิหารแห่งนี้ และมันก็ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมเลยจริงไหมท่าน" ผู้เฒ่าอิจิสอธิบายให้เรย์ฟังซึ่งเรยก็ไม่ค่อยจะเข้าใจนัก
"ปกป้องเหรอ ปกป้องจากอะไร?" เรย์ถามคำถามสวนขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าที่คิ้วขมวดของเขา
"...จากความชั่วร้าย หรือพลังแห่งความมืดที่แฝงตัวมาในรูปแบบต่างๆที่ท่านอาจจะยังไม่รู้ เป็นเวลานานมาแล้วที่ข้าและพวกพ้องของข้าปกป้องวิหารแห่งนี้มานานหลายศตวรรค์จากสิ่งเหล่านั้น แต่บัดนี้พวกมันกลับทวีความรุ่นแรงขึ้น มันรุนแรงขึ้นมากจนพวกข้าคิดว่าสักวันหนึ่งพวกข้าอาจจะยับยั้งเอาไว้ไม่อยู่ พวกข้าจึงสร้างเหล่าผู้ปกป้องวิหารนี้ขึ้นมา เพื่อปกป้องในยามที่อาณาเขตของพวกเราถูกบุกรุก และบททดสอบเล็กๆพวกนั้นก็ทำให้พวกข้าได้เห็นแล้วว่า ท่านนั้นยังอ่อนหัดนัก พลังของท่านยังอ่อนเกินไป เกินกว่าที่จะต่อกรกับพลังแห่งความมืดพวกนั้นไหว"
"ยังน้อยไปอย่างงั้นเหรอ ที่ผมฝ่าด่านมาถึงที่นี่จนได้นี่มันยังไม่พออีกเหรอไง..." ความไม่เข้าใจของเรย์ยิ่งถาโถมขึ้นไปอีกเมื่อนึกถึงเรื่องที่เขาเกือบเอาชีวิตไม่รอดหลังการต่อสู้ครั้งสุดท้ายจบลง ผู้เฒ่าอิจิสส่ายหน้าไปมาอย่างช้าๆเป็นการตอบ
"ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่ท่านยังไม่รู้ อะไรหลายๆอย่างที่เป็นเหตุผลที่นำท่านมาสู่ที่นี่..."
"คุณมีพรสวรรค์เรื่องหยั่งรู้... คุณเองก็เป็นคนที่มีพลังสินะ" ผู้เฒ่าอิจิสไม่ตอบคำถามอะไรเรย์อีกหลังจากนั้น
ผู้เฒ่าอิจิสเดินนำเรย์ไปยังกลางห้องนั้นที่แสงสว่างกำลังสาดส่องลงมา เขายืนอยู่กลางกรอบสี่เหลี่ยมที่อยู่บนพื้นซึ่งปลายแหลมของมุมสี่เหลี่ยมทั้งสี่ด้านนั้นชี้ไปยังประตูทั้งสี่ทิศ เขาหันหลังไปมองยังรูปปั้นนักรบขนาดใหญ่ที่กำลังตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องนั้น สายตาของเขาค่อยๆเลื่อนลงมาจนมาหยุดอยู่กับคนใส่ผ้าคลุมสีเทาซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าของเขา เรย์ตกใจจนแอบผงะเล็กน้อยก่อนที่เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นมาจากทางเดินทั้งสี่ทิศจะดังขึ้นมา
นักบวชสีเทาทั้งสิบสองคนค่อยๆเดินออกมาจากทางเดินนั้นแล้วมารวมกันอยู่รอบๆสี่เหลี่ยมที่เรยกำลังยืนอยู่ เรย์เหลียวซ้ายแลขวามองไปรอบๆ เขารู้สึกถึงหัวใจของตัวเองที่กำลังเต้นถี่ขึ้นด้วยความตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาแอบหายใจเข้าออกสองรอบแล้วเงยหน้ามองเหล่านักบวชพวกนั้น เสียงซุบซิบของเหล่าบรรดานักบวชสีเทาที่อยู่รอบๆเกี่ยวกับเขา พวกเขาคาดไม่ถึงกันว่าคนที่ปลุกแหวนในตำนานนี้ขึ้นมาได้อีกครั้งจะเป็นเด็กหนุ่มที่อายุยังน้อย
"เหล่าสหายของข้า..." ผู้เฒ่าอิจิสกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงที่ก้องกังวาลไปทั่วห้องโถงใหญ่นั้น "นี่คือท่านเรย์ มิเลียร์ ผู้กล้าแห่งแหวนสีแดงที่พวกเราเฝ้ารอการมาของเขา บัดนี้เขาได้มายืนอยู่ที่นี่แล้ว!"
เรย์รู้สึกว่าตัวเองในตอนนี้เหมือนเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งของประเทศอย่างไงอย่างงั้น หัวใจของเขารู้สึกลำพองตนอย่างบอกไม่ถูก แต่อีกนัยน์หนึ่งเขาก็รู้สึกตื่นเต้น เมื่อเขาคิดเล่นๆว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นต่อไป เรย์ก้มหน้าคิดถึงเหตุการณ์ก่อนที่ตัวเองจะตัดสินใจผ่าอันตรายมายังที่แห่งนี้
"เอ่อ ผมมาที่นี่เพราะคำแนะนำจากอาจารย์เอวิน..." เรย์ตอบแล้วใช้มือล้วงกระเป๋าเพื่อหยิบสิ่งของสิ่งหนึ่งขึ้นมา มันคือกระดาษหนึ่งแผ่นเก่าๆ เมื่อเรย์หยิบมันขึ้นมาแล้วก็โชว์ให้นักบวชทั้งสิบสองคนนั้น ผู้เฒ่าอิจิสมองดูกระดาษแผ่นนั้นแล้วขมวดคิ้วเข้าหากันพร้อมกับมองสลับกับใบหน้าของเรย์
"....ท่านมาที่นี่เพื่อการฝึกสินะ"
กระดาษเก่าๆที่เรย์กำลังถืออยู่ในมือนั้นมีรูปวาดที่เขียนด้วยหมึกสีดำของภูเขาไฮฮ็อกก้ากับหมู่บ้านเล็กๆตรงใต้รูปภาพ ข้างหลังของกระดาษนั้นมีตัวอักษรภาษากรีกโบราณที่คนทั่วไปน้อยคนนักจะอ่านมันออก แต่เมื่อครั้งแรกที่เรย์ได้เห็นคำศัพท์ที่อยู่บนกระดาษแผ่นนี้ เขากลับมีความรู้สึกว่าตัวเองกำลังอ่านมันออกและมันบอกรหัสอะไรบางอย่าง
"การฝึกเหรอ?" เรย์ถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจพร้อมกับพลิกกระดาษนั้นไปมา เขาไม่เห็นอะไรในกระดาษที่จะบอกใบ้อะไรเกี่ยวกับการฝึกที่ผู้เฒ่าอิจิสกล่าวเลย
"ทาเรียสคงรู้แล้วว่าพลังของผู้กล้าของเขานั้นมีน้อยเกินไป เขาต้องทำให้พลังนั้นตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์" ผู้เหล่าอิจิสพูดขึ้นมาเบาๆพร้อมกับลูบเครายาวๆสีขาวหม่นๆของตัวเองช้าๆ
"ทาเรียส? คุณหมายถึงคนที่ให้กระดาษนี้กับผมน่ะเหรอ"
ผู้เฒ่าอิจิสไม่ได้ตอบอะไรนอกจากรอยยิ้มเล็กๆที่ออกมาจากใบหน้าของตัวเองเท่านั้น เรย์พลิกกระดาษกลับมาหาตัวเองและมองดูรูปภาพที่อยู่ในนั้น
... ทาเรียสเหรอ ชื่อของอาจารย์เอวินอีกชื่อคือทาเรียสเหรอเนีย ...
เรย์รู้สึกถึงภาระอันหนักอึ้งที่โถมเข้ามาหลังจากสิ้นประโยคของผู้เฒ่าอิจิส แต่เมื่อตัวเขาย้อนไปในวันวาน การต่อสู้ที่ผ่านๆมาที่มันเด่นชัดที่สุดก็คือ การเข้าห่ำหั่นกันระหว่างผู้กล้าแห่งแหวนด้วยกันเอง ซึ่งผลที่ตามมาก็คือเขาแพ้อย่างหมดรูป และในการต่อสู้ในวันนั้นก็ทำให้เขานึกขึ้นได้อีกว่าพลังของเขาต่ำที่สุดในบรรดาผู้กล้าทั้งหมด เรย์มองสายตาของผู้เฒ่าอิจิสที่เหมือนว่าจะรู้คำตอบอยู่แล้วว่าคนตรงหน้าต้องการอะไร
"...ผมจะต้องใช้เวลาฝึกนานแค่ไหน?" ผู้เฒ่าอิจิสเลิกคิ้วขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มเมื่อได้ยินคำถามจากคนตรงหน้า
"ขึ้นอยู่กับร่างกายและความตั้งใจของท่าน... แต่ว่า ในตอนนี้เรามีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่จะต้องทำให้แกท่านซะก่อน"
"หืม... ให้ผมเหรอ?" เรย์ถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจ ผู้เฒ่าอิจิสพยักหน้าเป็นเชิงคำตอบ
"ถูกต้องแล้ว ก่อนหน้าที่ท่านจะเข้าไปสู้การฝึกโดยบทเรียนแห่งคัมภีร์ที่กำลังซ่อนอยู่ในมือของท่าน..." คำพูดของผู้เฒ่าอิจิสทำให้เรย์พลิกกระดาษที่อยู่ในมือสลับหน้าหลังไปมา เขาไม่รู้สึกว่าเจ้าสิ่งนี้มันจะดูเหมือนคัมภีร์อะไรทั้งนั้นเลย
"พวกข้าจะทำให้พลังของท่านตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ โดยการดึงพลังแฝงของท่านขึ้นมาซะก่อน..." อีกครั้งที่คำพูดของผู้เฒ่าอิจิสทำให้เรย์ต้องหยุดชะงักกับสิ่งที่กำลังทำอยู่
"ดึงพลังของผมเหรอ ยังไงล่ะ..."
"อีกไม่นานเดี๋ยวท่านคงได้รู้... ท่านคงเห็นปริศนาที่อยู่บนแผ่นกระดาษนั่นแล้วใช่หรือไม่" ผู้เฒ่าอิจิสชี้ไปยังกระดาษที่เรย์กำลังถืออยู่ในมือ
"อ๋อ เจ้านี่เหรอ" เรย์ชูกระดาษขึ้นแล้วแกว่งมันไปมาให้อิจิสดู
"ท่านต้องแก้ปริศนาที่อยู่ในกระดาษนั้นให้ได้ซะก่อน ท่านจึงจะได้คัมภีร์นกฟินิกซ์ของท่านมาไว้ในครอบครอง..."
"จริงเหรอเนี่ย... ถ้าเรื่องแก้ปริศนาบนกระดาษนี้ผมแก้ได้ตั้งนานแล้วล่ะ... นี่ไง!"
เพราะคำพูดของเรย์ทำให้เหล่าผู้เฒ่าทั้งสิบสองคนต้องอุทานออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ ไม่ใช่แค่นั้น เรย์ในตอนนี้กลับกำลังแสดงให้พวกเขาเหล่านั้นเห็นว่าสิ่งที่เขาพูดไปเมื่อกี้นั้นเป็นความจริง เขากำลังพับกระดาษแผ่นนั้นอย่างประณีตบรรจงสลับหน้าหลังไปมา ตัวหนังสือที่อยู่ข้างหลังกระดาษนั้นกำลังแทนที่ด้วยรูปภาพบางรูป ซึ่งรูปภูเขาแห่งไฮฮ็อกก้านั้นกำลังหายไปภายเป็นรูปหัวนก และเมื่อเขากลับด้านไปพับอีกทบหนึ่งกลายเป็นปีกซ้ายของนก
"ตอนแรกก็ดูไม่ออกหรอกนะว่ามันเป็นปริศนา จนผมเห็นตัวหนังสือที่เว้นระยะห่างเกินไปจนผิดปกติของกระดาษแผ่นนี้ เลยลองทำอะไรเล่นๆดูระหว่างทางที่มา... มันคล้ายๆกับเกมส์ๆนึงที่ผมเคยเล่นในสมัยเด็กๆนั่นล่ะครับ"
ในขณะที่เรย์กำลังอธิบายให้เหล่านักบวชทั้งสิบสองฟังเขาก็ไม่ได้หยุดมือในการพับกระดาษที่อยู่บนมือนั่นเลย ผู้เฒ่าอิจิสมองกระดาษแผ่นนั้นอย่างไม่กระพริบตา ซึ่งในตอนนี้เขาเห็นแล้วว่ารูปตรงหน้ากำลังจะกลายเป็นนกชนิดหนึ่ง เมื่อเรย์พับส่วนท้ายเข้าหายกันรูปนั้นจึงสมบูรณ์ นัยน์ตาสีดำมองดูรูปภาพที่อยู่บนกระดาษที่พับอย่างไม่กระพริบตา รูปที่ต่อกับรอยพับบนกระดาษเผยให้เห็น รูปนกฟินิกซ์
ตัวของเรย์เองก็พึ่งจะเห็นรูปนี้อย่างสมบูรณ์ทำให้ดวงตาสีดำคู่นั้นของเขาจ้องมองรูปที่อยู่ตรงหน้าอย่างเปล่งประกาย ผู้เฒ่าอิจิสพยักหน้าอย่างช้าๆมองดูคนตรงหน้าของเขาอย่างรู้สึกชื่นชม
"ผมเองก็พึ่งจะเห็นรูปนี้เป็นครั้งแรก..." เรย์พูดด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้นกับผลงานของตัวเองตรงหน้า
"...ท่านเป็นคนมีพรสวรรค์ มีทักษะ มันจะเป็นประโยชน์สำหรับท่านในการฝึกหลังจากนี้ได้แน่ๆ" ผู้เฒ่าอิจิสยื่นมือเพื่อขอกระดาษที่อยู่ในมือของเรย์ ซึ่งเขาก็ยื่นให้เขาโดยไม่ลังเลอะไร
เหมือนเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งของพวกเขา เมื้อผู้เฒ่าอิจิสรับกระดาษนั้นมาแล้ว เหล่าผู้เหล่าทั้งสิบสองคนก็ยืนล้อมวงกันโดยเว้นระยะห่างอย่างเป็นระเบียบ โดยพวกเขายืนล้อมเรย์ที่ยืนอยู่บนพื้นที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมนั่นเอาไว้ เรย์มองตามผู้เฒ่าอิจิสที่กำลังเดินขึ้นไปทางบันไดยืนอยู่หน้าเตาไฟหินที่กำลังลุกโชติช่วงอยู่และวินาทีต่อมาพวกเขาก็เริ่มสวดมนต์อะไรบางอย่าง โดยเหล่านักบวชทั้งสิบสองคนเริ่มจับมือกันเป็นรูปวงกลม ทันใดนั้นสายลมที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนก็เริ่มพัดผ่านเข้ามาในห้องโถงนั้น
เมื่อเหล่านักบวชเริ่มท่องบทสวดมนต์ได้ไม่นานเสียงคล้ายแผ่นดินไหวก็ดังขึ้นมา แสงที่เคยสว่างจ้าที่ส่องลงมาจากบนเพดานก็เริ่มริบหรี่ลง เปลวเพลิงที่เคยสว่างอยู่บนกระถางคบเพลิงตามจุดต่างๆรอบห้องนั้นก็เริ่มมอดหายไป เหลือเอาไว้แต่เพียงแสงที่ออกมาจากการประสานมือของเหล่านักบวช และเปลวไฟที่หน้าอยู่ตรงหน้าของผู้เฒ่าอิจิสเท่านั้น
"บัดนี้... ถึงเวลาแล้วที่พลังแห่งผู้พิทักษ์จะตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์!!!..."