จอมยุทธหยางซิ่วบาดเจ็บซมซานกลับมาที่สำนักนักพรตหงต้าหลี่ หลังจากพลาดพลั้งเสียทีโดนพลังฝ่ามือมรกตจากอาหมิ่นลี่ จากการประลองยุทธ เพื่อแย่งชิงคัมภีร์กระบี่จันทร์แรม
"กลับไปซะหยางซิ่ว อย่าให้ข้าพบเจ้าอีก ไม่งั้นเจ้า...." อาหมิ่นลี่พุ่งกระบี่เงินเหล็กประจำตระกูล เข้าที่ซอกคอของหยางซิ่ว จอมยุทธสาวแสร้งตวัดคมกระบี่เฉียดฉิวที่ปลายเนื้อ ก็เพียงเพื่อสั่งสอนเท่านั้น หาได้หมายเอาชีวิตเจ้านักพรตคนนี้ไม่
ระหว่างทางกลับ อาหมิ่นลี่ได้พบกับท่านไต้ซือไท่โจ้ว อาหมิ่นลี่ได้พยายามใช้วิชาเพื่อแปลงร่างเป็นดุรงค์ปักษิณ แต่ก็ไม่รอดพ้นจากสายตาของท่านไต้ซือ ที่ได้ใช้พลังทิพย์เพ่งญาณสิญจน์ สะกดเธอไว้
"คิดว่าหนีข้าพ้นอย่างนั้นเหรอ" ท่านไต้ซือเปล่งวาจาท้าทาย
"แล้วยังไง?" จอมยุทธสาวฝีมือฉกาจแห่งสกุลฟง ดวงตาสีนิลคมวาวดุจนางพญาเหยี่ยว หาได้มีความหวั่นเกรงต่อบารมีของหลวงจีนท่านนี้ไม่
"เจ้าใช่ไหม? ที่บังอาจทำยาถอนพิษพญานาคี" ไต้ซือตวาดเสียงเข้ม
"ข้าช่วยพวกเขา ช่วยต่อดวงชีพให้ฟื้นขึ้นมา" อาหมิ่นลี่อธิบาย
"เจ้านี่ ช่างใจมีจิตใจเป็นทานเสียจริง ยอมสูญเสียลมปราณที่สะสมมานับร้อยปีเพื่อช่วยเหลือพวกมนุษย์ที่เจ้าไม่เคยรู้จักมาก่อน" น้ำเสียงนั้นประชดประชัน
"ในสายตาของท่าน ไม่เคยมองข้าในแง่ดีหรอกนะท่านไต้ซือ" จอมยุทธสาวเอ่ยด้วยถ้อยทีเจ็บปวด แต่ทว่าความเข้มแข็งยังฉายชัดที่แววตา
"แม้เจตนาดี แต่ผลร้ายมิอาจเลี่ยงได้"
"ผลร้ายต่อใคร"
"เจ้าก็น่าจะรู้แก่ใจดีอยู่แล้วอาหมิ่น"
"ชิวิตมนุษย์สั้นนัก ข้าช่วยพวกเขาเพื่อให้เขาได้กลับไปพบกับลูกเมียและคนที่เขารัก"
"มันก็ไม่ใช่กงการอะไรของเจ้านี่อาหมิ่น เจ้าใช้พลังวิเศษมาปะปนยุ่งเรื่องของมนุษย์มากเกินไปแล้ว ระวังจะเป็นผลเสียต่อตัวเจ้าเองนะ พลังภายในควรถูกใช้ในเขตที่เหมาะสมและจำเป็น" ท่านไต้ซือชี้แนะ
"นักบวชอย่างท่าน จะไปรู้เรื่องความรักความผูกพันของมนุษย์ได้อย่างไร"
ระหว่างนั้นอาหมิ่นลี่รู้สึกลมปราณในตัวอ่อนลงทุกที เนื่องด้วยญาณสิญจน์ของไต้ซือไท้ ได้บีบรัดดวงจิตของเธอไว้จนเจ็บทรมาน กระอักออกมาเป็นโลหิตที่มุมปาก ยิ่งหญิงสาวพยายามใช้กระแสจิตต่อต้าน โลหิตในกายของเธอก็ยิ่งกระสันพล่านปั่นป่วน และรวดร้าวในดวงวิญญาณทวีคูณมากขึ้น
"ซังเต๊ะขอร้องให้เจ้าทำแบบนั้นเหรอ อาหมิ่นลี่" ท่านไต้ซือถามจี้จุด
"ข้าเป็นภรรยาของเขา ข้ามิสิทธิทำตามที่สามีข้าชี้แนะ" อาหมิ่นลี่ค้าน
"เรื่องนี้ก็อีกเรื่อง ที่ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับเจ้านะอาหมิ่นลี่ เมื่อเจ้าก็รู้ดีว่าชะตาของสิงห์อย่างเขาและนางปักษีอย่างเจ้าขัดกัน มิอาจอยู่ร่วมกันได้ เจ้ายังฝืนชะตา จะเห็นผลร้ายที่ตามมาในอนาคต"
"พรหมลิขิตและรักนี้ สวรรค์ได้ได้กำหนดให้มา แม้เจ้าดิ้นรนไปก็คงเปล่าประโยชน์ ในกาลข้างหน้า ก็มิอาจสัมฤทธิ์ผลขึ้นมาได้ เจ้าคงไม่มีทางสมหวัง" ไต้ซือกล่าวถ้อยจริงจัง
"นักบวชอย่างท่านคงไม่เข้าใจคำว่ารักแท้ ข้าและเขาเรารักกันมานาน แม้กฎสวรรค์ก็บัญชารักไม่ได้ ท่านไม่เข้าใจหรอก กลับไปสวดมนต์ต่อเหอะท่านไต้ซือ!"
"เจ้ามันเด็กหัวแข็ง ดื้อดึงนัก สักวันเจ้าจะต้องได้รับบทเรียน ธรณีวินาศจะสั่งสอนเจ้าเอง" ไต้ซือซัดพลังฝ่ามือธรรมใส่อาหมิ่นลี่ แต่เธอก็ใช้วรยุทธดรุณีภูผาเพื่อหลบเลี่ยงการต่อกรกับไต้ซือ ทำให้องค์ไต้ซือมิอาจจัดการกับจอมยุทธหมิ่นได้ถนัดถนี่ แต่เธอก็ล้มลงกับพื้นอย่างคนหมดแรง กระอักออกมาเป็นโลหิตอีกคำรบสอง กำลังแรงของวรยุทธอาหมิ่นลี่ ทำให้ลูกประคำที่คอของไต้ซือไท้โจ้วนั้นขาดหล่นกระเด็นเป็นสายร่วงลงพื้นธรณีดิน
"เจ้านี่ มีฝีมือยุทธเป็นเลิศ แต่เจ้ามิอาจหลบเลี่ยงกรรมที่ทำได้" ไต้ซือถอยหลังกลับมาตั้งหลัก และหยุดการประลองยุทธลง
"นักบวชอย่างท่านไร้ซึ่งความเมตตาปราณี ท่านรู้ว่าข้าช่วยเหลือผู้คน แต่ท่านกลับขัดขวางข้า ท่านมันไร้หัวใจ" อาหมิ่นลี่กร้าวขึ้นอย่างเจ็บปวด
"มันเป็นการละเมิดกฎสวรรค์ คนพวกนั้นหมดอายุขัยไปแล้ว เจ้าเคยรู้ไหมหากยังดึงดันให้พวกเขาอยู่ต่อไป มันจะมีผลเสียอะไรเกิดขึ้นบ้าง" ไต้ซือไท้ ถอนหายใจอย่างหนักอก แต่นักบวชเถรตรงผู้ทรงศีลและแก่กล้าไปด้วยญาณบารมี ก็ยังมีจิตต์คิดอารี มอบห่อผ้ายาทิพย์ให้อาหมิ่นลี่รับไว้ เพื่อนำไปรักษาตัวที่วังน้ำค้างหยก
"เอ้า เอาไปกิน ! ราตรีนี้ เจ้าจะต้องเจ็บปวดทรมานจากพิษพลังไต๋ปุย ให้สามีเจ้าชงยานี้ให้ดื่มซะ แล้วท่องคาถาโชยชิ่ว 8 จบอาการจะได้ทุเลาลงบ้าง นี่เป็นยาเทพอัสดร ยาทิพย์แก้พิษลมปราณ ข้าเป็นคนปรุงเอง"
"ในเมื่อเจ้ายังมีจิตเมตตา ครั้งนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไป แต่หากครั้งหน้าเจ้ายังดื้อดึง ไม่ฟังข้า ไม่ฟังคำสวรรค์ ข้าคงไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!"
"อัคคีภัยแห่งโทสะ จะดับได้ด้วย ปัญญาคุณ อมิตพุทธ" ท่านไต้ซือไท้โจ้วบริกรรมคาถามหาโพธิสัตว์ พลาง ประกาศกร้าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเด็ดขาด ก่อนจะหันหลังจากไปพร้อมกับสายฝนที่กระหน่ำเทลงมาเป็นสายและเสียงฟ้าร้องสะเทือนลั่นดังครืนใหญ่ ลมวายุที่กรรโชกแรงสงบลง ทิ้งจอมยุทธสาวคนงามแห่งสกุลฟงไว้ ณ ที่ตรงนั้นอย่างสงบนิ่ง เพื่อให้ได้คิดทบทวนเหตุการณ์ในวันนี้ !
-----------------------------------------------
อาหมิ่นลี่ บาดเจ็บหนักกลับมาที่วังน้ำค้างหยกด้วยพิษญาณสิญจน์ หญิงสาวรู้สึกรวดร้าวไปทั่วสรรพางค์กาย เมื่อตงไห่เห็นของศิษย์ผู้พี่ของเธอกลับมาในสภาพนั้นจึงตกใจแทบสิ้นสติ รีบเข้าไปประคองร่างบางที่บอบช้ำและเต็มไปด้วยร่องรอยการต่อสู้
"หลวงจีนเฒ่าองค์นี้นี่ช่างร้ายกาจจริงๆ" ตงไห่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความขุ่นเคือง
ทำพิธีจุดธูปกราบไหว้เซียนศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 8 ทิศ เพื่อขอให้อาการเจ็บของคุณหนูใหญ่ได้ทุเลาลง
"พี่สาวข้ากำลังได้รับบาดเจ็บทุกข์ทรมานปางตาย ขอท่านเจ้าแม่ไซอ๊วงบ๊อและท่านเซียนหานเซียงจื่อ โปรดประทานความเมตตา ข้าขอคารวะ"
"บางครั้ง ข้าก็คิดว่าท่านเสียสละมากจนเกินไป คือ...ข้าคิดว่า พี่ใหญ่ไม่ควรทุ่มเทชีวิตขนาดนั้น ดูสิ หากท่านบาดเจ็บหรือสิ้นลมไป ท่านคงไม่ได้พบกับคนรักของท่านอีกน่ะ....พลังธาตุของพี่ใหญ่ตอนนี้น่ะอ่อนระโหยโรยแรงเหลิอเกิน" ศิษย์ผู้น้องกล่าว
"เจตนาฟ้าเป็นอย่างนี้ ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้"
"ข้าจะทำยาแก้กระสัยให้ท่านพี่เอง"
ตอนนี้ยังไม่จบค่ะ อ่านตอนย้อนหลังได้ที่นี่ค่ะ
http://pantip.com/profile/704599
ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ! ตอน ธิดาวังน้ำค้างหยกปะทะหลวงจีนเฒ่า
จอมยุทธหยางซิ่วบาดเจ็บซมซานกลับมาที่สำนักนักพรตหงต้าหลี่ หลังจากพลาดพลั้งเสียทีโดนพลังฝ่ามือมรกตจากอาหมิ่นลี่ จากการประลองยุทธ เพื่อแย่งชิงคัมภีร์กระบี่จันทร์แรม
"กลับไปซะหยางซิ่ว อย่าให้ข้าพบเจ้าอีก ไม่งั้นเจ้า...." อาหมิ่นลี่พุ่งกระบี่เงินเหล็กประจำตระกูล เข้าที่ซอกคอของหยางซิ่ว จอมยุทธสาวแสร้งตวัดคมกระบี่เฉียดฉิวที่ปลายเนื้อ ก็เพียงเพื่อสั่งสอนเท่านั้น หาได้หมายเอาชีวิตเจ้านักพรตคนนี้ไม่
ระหว่างทางกลับ อาหมิ่นลี่ได้พบกับท่านไต้ซือไท่โจ้ว อาหมิ่นลี่ได้พยายามใช้วิชาเพื่อแปลงร่างเป็นดุรงค์ปักษิณ แต่ก็ไม่รอดพ้นจากสายตาของท่านไต้ซือ ที่ได้ใช้พลังทิพย์เพ่งญาณสิญจน์ สะกดเธอไว้
"คิดว่าหนีข้าพ้นอย่างนั้นเหรอ" ท่านไต้ซือเปล่งวาจาท้าทาย
"แล้วยังไง?" จอมยุทธสาวฝีมือฉกาจแห่งสกุลฟง ดวงตาสีนิลคมวาวดุจนางพญาเหยี่ยว หาได้มีความหวั่นเกรงต่อบารมีของหลวงจีนท่านนี้ไม่
"เจ้าใช่ไหม? ที่บังอาจทำยาถอนพิษพญานาคี" ไต้ซือตวาดเสียงเข้ม
"ข้าช่วยพวกเขา ช่วยต่อดวงชีพให้ฟื้นขึ้นมา" อาหมิ่นลี่อธิบาย
"เจ้านี่ ช่างใจมีจิตใจเป็นทานเสียจริง ยอมสูญเสียลมปราณที่สะสมมานับร้อยปีเพื่อช่วยเหลือพวกมนุษย์ที่เจ้าไม่เคยรู้จักมาก่อน" น้ำเสียงนั้นประชดประชัน
"ในสายตาของท่าน ไม่เคยมองข้าในแง่ดีหรอกนะท่านไต้ซือ" จอมยุทธสาวเอ่ยด้วยถ้อยทีเจ็บปวด แต่ทว่าความเข้มแข็งยังฉายชัดที่แววตา
"แม้เจตนาดี แต่ผลร้ายมิอาจเลี่ยงได้"
"ผลร้ายต่อใคร"
"เจ้าก็น่าจะรู้แก่ใจดีอยู่แล้วอาหมิ่น"
"ชิวิตมนุษย์สั้นนัก ข้าช่วยพวกเขาเพื่อให้เขาได้กลับไปพบกับลูกเมียและคนที่เขารัก"
"มันก็ไม่ใช่กงการอะไรของเจ้านี่อาหมิ่น เจ้าใช้พลังวิเศษมาปะปนยุ่งเรื่องของมนุษย์มากเกินไปแล้ว ระวังจะเป็นผลเสียต่อตัวเจ้าเองนะ พลังภายในควรถูกใช้ในเขตที่เหมาะสมและจำเป็น" ท่านไต้ซือชี้แนะ
"นักบวชอย่างท่าน จะไปรู้เรื่องความรักความผูกพันของมนุษย์ได้อย่างไร"
ระหว่างนั้นอาหมิ่นลี่รู้สึกลมปราณในตัวอ่อนลงทุกที เนื่องด้วยญาณสิญจน์ของไต้ซือไท้ ได้บีบรัดดวงจิตของเธอไว้จนเจ็บทรมาน กระอักออกมาเป็นโลหิตที่มุมปาก ยิ่งหญิงสาวพยายามใช้กระแสจิตต่อต้าน โลหิตในกายของเธอก็ยิ่งกระสันพล่านปั่นป่วน และรวดร้าวในดวงวิญญาณทวีคูณมากขึ้น
"ซังเต๊ะขอร้องให้เจ้าทำแบบนั้นเหรอ อาหมิ่นลี่" ท่านไต้ซือถามจี้จุด
"ข้าเป็นภรรยาของเขา ข้ามิสิทธิทำตามที่สามีข้าชี้แนะ" อาหมิ่นลี่ค้าน
"เรื่องนี้ก็อีกเรื่อง ที่ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับเจ้านะอาหมิ่นลี่ เมื่อเจ้าก็รู้ดีว่าชะตาของสิงห์อย่างเขาและนางปักษีอย่างเจ้าขัดกัน มิอาจอยู่ร่วมกันได้ เจ้ายังฝืนชะตา จะเห็นผลร้ายที่ตามมาในอนาคต"
"พรหมลิขิตและรักนี้ สวรรค์ได้ได้กำหนดให้มา แม้เจ้าดิ้นรนไปก็คงเปล่าประโยชน์ ในกาลข้างหน้า ก็มิอาจสัมฤทธิ์ผลขึ้นมาได้ เจ้าคงไม่มีทางสมหวัง" ไต้ซือกล่าวถ้อยจริงจัง
"นักบวชอย่างท่านคงไม่เข้าใจคำว่ารักแท้ ข้าและเขาเรารักกันมานาน แม้กฎสวรรค์ก็บัญชารักไม่ได้ ท่านไม่เข้าใจหรอก กลับไปสวดมนต์ต่อเหอะท่านไต้ซือ!"
"เจ้ามันเด็กหัวแข็ง ดื้อดึงนัก สักวันเจ้าจะต้องได้รับบทเรียน ธรณีวินาศจะสั่งสอนเจ้าเอง" ไต้ซือซัดพลังฝ่ามือธรรมใส่อาหมิ่นลี่ แต่เธอก็ใช้วรยุทธดรุณีภูผาเพื่อหลบเลี่ยงการต่อกรกับไต้ซือ ทำให้องค์ไต้ซือมิอาจจัดการกับจอมยุทธหมิ่นได้ถนัดถนี่ แต่เธอก็ล้มลงกับพื้นอย่างคนหมดแรง กระอักออกมาเป็นโลหิตอีกคำรบสอง กำลังแรงของวรยุทธอาหมิ่นลี่ ทำให้ลูกประคำที่คอของไต้ซือไท้โจ้วนั้นขาดหล่นกระเด็นเป็นสายร่วงลงพื้นธรณีดิน
"เจ้านี่ มีฝีมือยุทธเป็นเลิศ แต่เจ้ามิอาจหลบเลี่ยงกรรมที่ทำได้" ไต้ซือถอยหลังกลับมาตั้งหลัก และหยุดการประลองยุทธลง
"นักบวชอย่างท่านไร้ซึ่งความเมตตาปราณี ท่านรู้ว่าข้าช่วยเหลือผู้คน แต่ท่านกลับขัดขวางข้า ท่านมันไร้หัวใจ" อาหมิ่นลี่กร้าวขึ้นอย่างเจ็บปวด
"มันเป็นการละเมิดกฎสวรรค์ คนพวกนั้นหมดอายุขัยไปแล้ว เจ้าเคยรู้ไหมหากยังดึงดันให้พวกเขาอยู่ต่อไป มันจะมีผลเสียอะไรเกิดขึ้นบ้าง" ไต้ซือไท้ ถอนหายใจอย่างหนักอก แต่นักบวชเถรตรงผู้ทรงศีลและแก่กล้าไปด้วยญาณบารมี ก็ยังมีจิตต์คิดอารี มอบห่อผ้ายาทิพย์ให้อาหมิ่นลี่รับไว้ เพื่อนำไปรักษาตัวที่วังน้ำค้างหยก
"เอ้า เอาไปกิน ! ราตรีนี้ เจ้าจะต้องเจ็บปวดทรมานจากพิษพลังไต๋ปุย ให้สามีเจ้าชงยานี้ให้ดื่มซะ แล้วท่องคาถาโชยชิ่ว 8 จบอาการจะได้ทุเลาลงบ้าง นี่เป็นยาเทพอัสดร ยาทิพย์แก้พิษลมปราณ ข้าเป็นคนปรุงเอง"
"ในเมื่อเจ้ายังมีจิตเมตตา ครั้งนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไป แต่หากครั้งหน้าเจ้ายังดื้อดึง ไม่ฟังข้า ไม่ฟังคำสวรรค์ ข้าคงไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!"
"อัคคีภัยแห่งโทสะ จะดับได้ด้วย ปัญญาคุณ อมิตพุทธ" ท่านไต้ซือไท้โจ้วบริกรรมคาถามหาโพธิสัตว์ พลาง ประกาศกร้าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเด็ดขาด ก่อนจะหันหลังจากไปพร้อมกับสายฝนที่กระหน่ำเทลงมาเป็นสายและเสียงฟ้าร้องสะเทือนลั่นดังครืนใหญ่ ลมวายุที่กรรโชกแรงสงบลง ทิ้งจอมยุทธสาวคนงามแห่งสกุลฟงไว้ ณ ที่ตรงนั้นอย่างสงบนิ่ง เพื่อให้ได้คิดทบทวนเหตุการณ์ในวันนี้ !
อาหมิ่นลี่ บาดเจ็บหนักกลับมาที่วังน้ำค้างหยกด้วยพิษญาณสิญจน์ หญิงสาวรู้สึกรวดร้าวไปทั่วสรรพางค์กาย เมื่อตงไห่เห็นของศิษย์ผู้พี่ของเธอกลับมาในสภาพนั้นจึงตกใจแทบสิ้นสติ รีบเข้าไปประคองร่างบางที่บอบช้ำและเต็มไปด้วยร่องรอยการต่อสู้
"หลวงจีนเฒ่าองค์นี้นี่ช่างร้ายกาจจริงๆ" ตงไห่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความขุ่นเคือง
ทำพิธีจุดธูปกราบไหว้เซียนศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 8 ทิศ เพื่อขอให้อาการเจ็บของคุณหนูใหญ่ได้ทุเลาลง
"พี่สาวข้ากำลังได้รับบาดเจ็บทุกข์ทรมานปางตาย ขอท่านเจ้าแม่ไซอ๊วงบ๊อและท่านเซียนหานเซียงจื่อ โปรดประทานความเมตตา ข้าขอคารวะ"
"บางครั้ง ข้าก็คิดว่าท่านเสียสละมากจนเกินไป คือ...ข้าคิดว่า พี่ใหญ่ไม่ควรทุ่มเทชีวิตขนาดนั้น ดูสิ หากท่านบาดเจ็บหรือสิ้นลมไป ท่านคงไม่ได้พบกับคนรักของท่านอีกน่ะ....พลังธาตุของพี่ใหญ่ตอนนี้น่ะอ่อนระโหยโรยแรงเหลิอเกิน" ศิษย์ผู้น้องกล่าว
"เจตนาฟ้าเป็นอย่างนี้ ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้"
"ข้าจะทำยาแก้กระสัยให้ท่านพี่เอง"
ตอนนี้ยังไม่จบค่ะ อ่านตอนย้อนหลังได้ที่นี่ค่ะ
http://pantip.com/profile/704599