หิมะขาวบริสุทธิ์ปกคลุมไปทั่วยอดเขาแห่งไฮฮ็อกก้า สายลมแห่งความหนาวเย็นพัดผ่านพื้นที่โล่งแจ้งสีขาวทำให้ใบไม้ปลิวไสวไปตามแรงลม เสาศิลาทรงสี่เหลี่ยมเตี้ยๆทั้งสี่ปักอยู่มุมข้างทางแยกสี่ทางอย่างเป็นระเบียบ แต่ว่าภาพเหล่านั้นก็คงจะไม่ได้มีผลอะไรกับคนบางกลุ่มในตอนนี้
เสียงของการต่อสู้ดังก้องไปทั่วพื้นที่นั้นยามค่ำคืนที่แสนเงียบสะงัดกับเสียงลมที่แผ่วเบาตามขุนเขาแห่งไฮฮ็อกก้า เหล่านักบวชสีเทาและเด็กหนุ่มชาวไนท์เบลดกำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดท่ามกลางหิมะที่ปกคลุมพื้นที่นั้น
เรย์เด็กหนุ่มชาวไนท์เบลดที่ตอนนี้กำลังตั้งท่าต่อสู้อย่างเข้มแข็งอยู่ท่ามกลางเหล่านักบวชทั้งสิบสองคนที่กำลังยืนล้อมเขาเอาไว้ หมัดทั้งสองถูกยกขึ้นมาเพื่อเตรียมพร้อม เขาสาดส่องด้วยหางตาไปมาเพื่อที่จะมองหาผู้ที่จะฉวยโอกาสเข้ามาโจมตี และก็เป็นไปอย่างที่เขาคาดคิดไว้ไม่ผิด ไม่นานนักนักบวชคนหนึ่งพุ่งเข้ามาโจมตีจากทางด้านหลังจนเขาต้องหันหลังไปแล้วใช้แขนรับหมัดของนักบวชเอาไว้ได้ทันท่วงที แล้วสวนกลับไปด้วยหมัดขวาที่ว่างอยู่เข้าไปที่ส่วนหัวของนักบวช จนนักบวชปลิวกระเด็นไป หิมะแตกกระกายตามแรงที่เขาไถลไป เรย์แอบเฉลียวใจว่าเขาออกแรงมากเกินไปหรือเปล่าจนเกือบลืมไปว่าคนที่เหลือกำลังรอซ้ำเขาอยู่ทุกๆด้าน
เหล่านักบวชไม่ปล่อยให้เรย์มีช่องว่าง พวกเขารีบรุกเขาไปยังคนตรงหน้าของพวกเขา แต่ด้วยความเร็วที่เหนือกว่าบวกกับพลังแฝงภายในที่ถูกดึงขึ้นมา ทำให้เรย์หลบได้อย่างไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร โดยเขากระโดดขึ้นไปบนฟ้าผ่านหัวเหล่านักบวชไปแล้วม้วนตัวหนึ่งรอบเพื่อการร่อนลง เมื่อถึงพื้นได้สำเร็จก็ไม่รอช้าสวนพวก
นักบวชนั้นกลับไปด้วยหมัดและเท้าของเขาคนละทีสองที จนพวกเขากระเด็นไปคนละทิศคนละทางอย่างไม่เป็นท่า ผู้เฒ่าอิจิสที่กำลังยืนกอดอกมองดูการฝึกฝนของเรย์ใต้ตนสนที่สูงใหญ่อยู่นั้น เมื่อเห็นผลงานของคนตรงหน้าแล้วก็พยักหน้าอย่างช้าๆแสดงความพอใจของตัวเอง
บทฝึกบทต่อไปของเรย์คือการเรียนรู้วิถีแห่งพลัง ในครั้งนี้เขาจะต้องเปิดคัมภีร์ที่พึ่งได้มาเพื่อศึกษาไปด้วยโดยมีผู้เฒ่าอิจิสเป็นคนให้อ่านและคำแนะนำอยู่ข้างๆ ซึ่งเรย์ในตอนนี้กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ท่ามกลางสายลมแรงที่พัดผ่านมาพร้อมกับเกร็ดหิมะจากยอดเขา ออร่าสีแดงฉานที่กำลังเปล่งประกายออกมาจากกำลังภายในร่างกาย
การเกร็งกล้ามเนื้อเพื่อเบ่งพลังทำให้แขนทั้งสองข้างของเขานั้นสั่นระริกไปหมด และด้วยพลังมหาสารของเขาทำให้สายลมที่พัดเอาเกร็ดหิมะที่ผ่านมานั้น ไม่สามารถจะพัดผ่านออร่าสีแดงนั้นไปได้ นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนของผู้เฒ่าอิจิสที่กำลังเดินไปรอบๆตัวของเรย์นั้นเห็นว่าลมมันสะท้อนออกไปตามแนวออร่าของเรย์ที่นั่งอยู่ด้วย
"บทเรียนต่อไปเจ้าอาจจะเข้าใจมันยากซักเล็กน้อย แต่เจ้าจะต้องตั้งใจฟังให้ดี..." ผู้เฒ่าอิจิสพูดขึ้นมา เรย์เงยหน้ามองพร้อมกับใบหน้าที่ตึงเครียด ฟันกรามของ
เขาขบกันแน่นเพราะกำลังเกร็งกล้ามเนื้อเพื่อเรียกพลังภายในออกมาอยู่ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผู้เฒ่าอิจิสสนใจเขามากกว่าตัวหนังสือในคัมภีร์แต่อย่างใด
"สิ่งที่ท่านกำลังศึกษาอยู่นี่เรียกว่า ปราณเทวะ... ปราณเทวะนั้นเป็นการรวบรวมพลังภายในทั้งหมด โดยการสำรวมจิตให้เป็นหนึ่ง จึงจะเกิดเป็นพลังปราณเทวะขึ้นมา ซึ่งปราณเทวะเป็นนั้นคือพลังที่อยู่ภายในร่างกายของมนุษย์ทั่วไป"
"อยู่ในร่างกายของมนุษย์ทั่วไป... งั้นก็แปลว่านอกจากผู้กล้าแห่งแหวนแล้ว คนอื่นๆก็ยังมีปราณเทวะได้ด้วยอย่างนั้นเหรอ?" เรย์เกิดคำถามขึ้นมาทำให้ผู้เฒ่าอิจิสละสายตาจากคัมภีร์มาสนใจเขาได้
"...ถูก และผิด" ผู้เฒ่าอิจิสส่ายหน้าตอบทำให้เรย์ต้องคิ้วขมวดด้วยความสงสัย
"พลังปราณเทวะนั้นเป็นพลังมหาสารมาก เมื่อมีพลังนี้จะทำให้ร่างกายมีพลังเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวนัก บางครั้งพลังของมันมหาสารมากเกินกว่าที่ร่างกายของมนุษย์จะเก็บมันไว้ได้... แต่ก็ใช่ว่าจะมีไม่ได้ทุกคนเสมอไปอันนี้ข้าเติมเอง... พลังมันมากมายมหาสารจนทำให้มีพลังส่วนเกินออกมาให้เห็น ยกตัวอย่างในที่นี้ก็คงจะเป็นออร่าสีแดงที่กำลังเปล่งประกายเพื่อเพิ่มพลังการต่อสู้ไปให้ถึงขีดสุด และดวงตาของท่าน ดวงตาที่เปลี่ยนสีทุกครั้งเมื่อท่านต้องการจะใช้พลังเมื่อเกิดการต่อสู้ เป็นต้น..."
เมื่อจบประโยคของผู้เฒ่าอิจิสเขาก็กำลังก้มไปอ่านคัมภีร์ต่อโดยไม่ได้สนใจคนที่กำลังนั่งเปล่งพลังอยู่ตรงหน้าของเขา เรย์เลยลองหลับตาสำรวมจิตให้เป็นหนึ่งเพื่อลองทำให้ดวงตาของตัวเองเปลี่ยนสีตามที่ผู้เฒ่าอิจิสบอก เมื่อคนที่ถือคัมภีร์รู้สึกแปลกๆจากคนที่นั่งอยู่จึงละสายตาจากคัมภีร์ที่อยู่ในมือของเขาอีกครั้ง
ผู้เฒ่าอิจิสหันมามองเรย์พร้อมกับทำหน้าคิ้วขมวดชวนสงสัยว่าคนตรงหน้าของเขากำลังทำอะไรอยู่ ไม่นานเมื่อคนตรงหน้าของเขาลืมตาขึ้นมาก็เห็นได้ว่าดวงตาของคนที่กำลังนั่งอยู่นั้นเปลี่ยนสีไปแล้ว มุมปากของผู้เฒ่าเบ้ขึ้นมาจนชนกับจมูกใหญ่ๆของเขาก่อนที่จะหันไปอ่านคัมภีร์ที่อยู่ในมือของเขาต่อประหนึ่งว่าเขาไม่ได้สนใจอะไรมากมายนัก
"อืม... ถึงแม้ว่าพลังส่วนเกินนั้นจะแสดงให้เห็นถึงความสามารถต่างๆของเขาที่เพิ่มขึ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ในบางครั้งเพิ่มถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ว่านั่นก็ยังไม่ใช่ปราณเทวะที่แท้จริง" ผู้เฒ่าอิจิสเน้นประโยคหลังพร้อมกับส่งสายตามาทางเรย์ ทำให้เรย์เลิกคิวขึ้นมาพร้อมกับยิ้มน้อยๆอย่างกวนๆ
"พลังปราณเทวะสามารถพัฒนาได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ในบางครั้งพวกเขาเชื่อกันว่าพลังปราณเทวะนั้นเพิ่มได้อย่างมากมายมหาสาร จนสามารถที่จะทำลายดวงดาวดวงหนึ่งได้อย่างสบายๆ"
สิ้นประโยคของผู้เฒ่าอิจิสนั้นเรย์ก็ทำตาถล่นขึ้นมาทันที เมื่อเขากำลังนึกถึงพลังของโงกุนหรือซุปเปอร์ไซย่า การ์ตูนที่เขาเคยได้อ่านซึ่งเป็นตัวอย่างง่ายๆในการเปรียบเทียบกับคำพูดจากบทในคัมภีร์นกฟินิกซ์นั้น
"แล้วที่ผ่านมาเคยมีใคร เอ่อ เข้าถึงพลังนั่นขนานนั้นไหม?" เรย์ถามด้วยความสงสัย
"แน่นอน..." ผู้เฒ่าอิจิสหันมาตอบพร้อมกับพลิกกระดาษไปแผ่นต่อไปในคัมภีร์อย่างใจเย็น "...ก็ต้องไม่มีอยู่แล้ว"
เมื่อเรย์ลองนึกถึงประโยคสุดท้ายที่ผู้เฒ่าอิจิสบอกเอาไว้ในคัมภีร์นกฟินิกซ์ เขาจึงตั้งสมาธิอย่างแน่วแน่เพื่อสำรวมจิตให้เป็นหนึ่งแล้วลองเบ่งพลังที่อยู่ในตัวออกมาอีกครั้งหนึ่ง ทำให้แสงจากออร่าสีแดงที่กำลังเปล่งประกายอยู่นั้นเจิดจ้าขึ้นไปอีกเท่าตัว สายลมแรงดั่งพายุกำลังพัดออกมาจากออร่าที่กำลังรายล้อมตัวของเขาและกำลังแผ่ขยายออกไปอีก
ผู้เฒ่าอิจิสที่กำลังมองคนตรงหน้าเริ่มรู้สึกว่าสายลมที่กำลังพัดโหมกระหน่ำอยู่นั้นเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นจนเขาต้องยกมือขึ้นมากันลมหรือหิมะที่กำลังปลิวออกมาจะเข้าตา เช่นเดียวกับนักบวชสีเทาทั้งหลายที่ยืนดูอยู่อย่างห่างๆก็กำลังใช้มือจับหมวกฮู้ดที่ปิดบังใบหน้าของพวกเขาเอาไว้ แสงสว่างเจิดจ้ามากขึ้น และมากขึ้นไปอีก จนกระทั่งคนที่กำลังเร่งพลังจนถึงขีดสุดเริ่มผ่อนกำลังลง แสงสว่างก็ค่อยๆริบหรี่ลงจนมันค่อยๆจางหายไปทีละน้อย
ผู้เฒ่าอิจิสเริ่มลดมือลงเมื่อเขารู้สึกว่าแสงนั้นเริ่มริบหรี่ลง และลมที่เคยโหมกระหน่ำก็เริ่มเบาบางลงจนมันกลับสู่สภาพปกติ เมื่อบรรยากาศกลับมาเป็นอย่างเดิมพวกเขาทั้งหลายต่างก็มองไปยังจุดๆเดียว คือเด็กหนุ่มที่กำลังค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆตรงหน้าของพวกเขา ผู้เฒ่าอิจิสพยักหน้าอย่างช้าๆพร้อมกับยิ้มเล็กๆด้วยความพอใจ
"อื้ม... แต่ว่า นี่ก็เป็นพลังที่มหาสารอยู่ไม่ใช่น้อยเหมือนกันนะ ฮ่าๆ" ผู้เฒ่าอิจิสหัวเราะร่าขึ้นมาจนทำให้เห็นฟันขาวๆที่ไม่มีอะไรมาเจือปนเลย เรย์เงยหน้าแล้วยิ้มออกมาตามเสียงหัวเราะที่ผู้เฒ่าอิจิส
"...ยังครับ แค่นี้ยังไม่พอ"
บทเรียนต่อไปคือการฝึกใช้พลังให้เป็นดั่งที่ใจคิด บทเรียนที่อาจจะทำให้คนที่กำลังรับการฝึกอยู่นั้นคิดว่านี่อาจจะเป็นบทเรียนที่แสนเหนื่อยที่สุด และอันตรายที่สุด ในตอนนี้เรย์กำลังรวบรวมพลังเอาไว้ที่แขนขวาที่กำลังกำหมัดแน่น กระแสไฟฟ้าสีแดงรายล้อมไปทั่วแขนกับเปลวเพลิงที่กำลังลุกโชนไปทั่วทำให้เกิดแสงสว่างขึ้นมาท่ามกลางความมืดในพื้นที่แห่งนั้น
เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังจะควบคุมพลังของตัวเองที่มีมากเกินไปของตัวเองไม่อยู่ เพราะพลังที่พลั่งพูนออกมาจนทำให้เสี่ยวหนึ่งของพลังกระเด็นออกไป เสี้ยวของพลังตกลงกับพื้นทำให้เกิดการระเบิดเล็กน้อย แต่ถึงแม้จะเป็นเพียงเล็กน้อยแต่เมื่อเทียบกับพลังที่เรย์กำลังรวบรวมอยู่ มันก็มหาสารพอที่จะทำให้พื้นที่ตรงนั้นแหลกเป็นจุลได้
เมื่อผู้เฒ่าอิจิสที่มองอยู่ห่างๆอย่างเป็นห่วงคนตรงหน้ากลัวว่าพลังที่เขาควบคุมไม่อยู่ อาจจะทำให้เกิดการระเบิดและจะทำให้เขาล้มเหลวในการฝึกครั้งนี้หรือตลอดไป เขารีบปิดหนังสือแล้วเดินเข้าไปหาเรย์อย่างรีบเร่งพร้อมๆกับคอยหลบระวังเสี้ยวพลังที่กระเด็นออกมาด้วย
"...สำรวมจิตของท่านให้เป็นสมาธิ อย่าฝืนพลังของมัน จงเชื่อมัน แล้วท่านจะทำได้อย่างใจท่านคิด!" ผู้เฒ่าอิจิสพูดอย่างหนักแน่น เรย์หันมารับฟังอย่างตั้งใจแล้วกลับไประเบิดพลังของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง
"ถ้างั้นก็... ไม่เกรงใจแล้วนะ!!! ฮึ้ยยยยยยยยย ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก"
พลังของหมัดพุ่งสุงถึงขีดสุดในทันใด เรย์เหวี่ยงหมัดที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงพร้อมกับเสียงคำรามออกไปในทันที สายพลังสีแดงพุ่งตรงเป็นทางยาวไปยังภูเขาที่อยู่ข้างล่าง พลังมันมหาสารมากเพราะเมื่อหมัดที่ปล่อยออกมาไปกระทบกับภูเขา ทำให้ภูเขาลูกนั้นระเบิดหายไปในพริบตาอย่างไม่เหลือซาก เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วฟ้า ควันสีเทาจากการระเบิดปรากฏขึ้นมาจากพื้นที่นั้นตามสายตาของเรย์ที่กำลังมองเห็น
เสียงอุทานของเหล่านักบวชดังออกมาเมื่อเห็นภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจตรงหน้าของพวกเขา เรย์ชายหนุ่มเจ้าของผลงานการปล่อยหมัดระเบิดภูเขาหอบแห่กๆอย่างเหนื่อยอ่อน เพราะหมดเรี่ยวของจากการรวบรวมพลังไปมากและรวมไปถึงอะไรหลายๆอย่างก่อนที่เขาจะได้ขึ้นมาบนยอดเขาได้สำเร็จ ผู้เฒ่าอิจิสหัวเราะร่าอย่างพออกพอใจอย่างมาก พร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขาจนปิดบังดวงตาสีฟ้าอ่อนของเขาเอง
"เยี่ยมจริงๆเลย พลังมหาสารกว่าที่ข้าคาดคิดไว้ซะอีกนะเนี่ย"
"แฮ่กๆ เหนื่อยจังเลย... ขอพักก่อนนะ" เรย์พูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งแล้วหันหลังไปนั่งที่หินใต้ต้นต้นข้างหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง
"ได้เลย... วันนี้พอแค่นี้"
เมื่อสิ้นเสียงของผู้เฒ่าอิจิสเหล่านักบวชทั้งสิบสองก็พยักหน้าตอบ แล้วต่างแยกย้ายกันเดินเข้าประตูเพื่อเข้าไปภายในวิหารไฮคิงโดยไม่ได้เหลียวหลังกลับมาอีก ทิ้งเอาไว้แต่ผู้เฒ่าอิจิสและเรย์ที่อยู่ใต้ต้นส้นที่ตั้งอยู่เดี่ยวๆใกล้กับพื้นที่ของการฝึกนั้น
"อ่ะนี่ดื่มนี่ก่อน มันช่วยเจ้าได้ ช่วยได้ดี" ผู้เฒ่าอิจิสยื่นขวดน้ำให้เรย์แล้วเดินมานั่งข้างๆเขา เสียงหายใจหืดหอบจากอาการเหนื่อยล้ายังคงแสดงออกมาอย่างไม่ขาดสาย เรย์สูดอาการที่เต็มไปด้วยความเย็นเขาไปก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมา
"ผมไม่เคยเหนื่อยขนาดนี้มาก่อนเลย ขนาดตอนที่สู้กับพวกอคิลลิสหรือพวกผู้พิทักษ์ทางขึ้นเขาพวกนั้นก็ยังไม่เห็นเหนื่อยขนาดนี้เลย" เรย์พูดด้วยเสียงที่แหบแห้งอีกครั้งแล้ว เขาก็ใช้มือเปิดฝาของขวดน้ำที่อยู่ในมือแต่ก็ยังไม่ได้ยกดื่มเลยแต่อย่างใด
"ท่านอาจจะยังไม่ชินกับพลังปราณเทวะก็ได้... พลังปราณเทวะนั้นเป็นพลังที่เพิ่มพลังในการต่อสู้และพลังอื่นๆอีกหลายๆอย่างในร่างกายก็จริง แต่ผลในทางตรงกันข้ามมันจะบั่นทอนร่างกายไปด้วย สำหรับเจ้าที่เป็นเด็กฝึกหัดที่ยังไม่ชินกับพลังอันมหาสารนั้นก็ต้องเหนื่อยหอบอย่างตอนนี้เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว"
"จริงด้วยสินะ..." เรย์พูดพลางจิบน้ำในขวดนั้นเข้าไป ลิ้นของเขาสัมผัสได้ว่าน้ำในขวดนั้นมีรสชาติที่หวานพอประมาณ เขารู้สึกว่าร่างกายของเขานั้นกระชุ่มกระชวยขึ้นมาในทันใด ทำให้เขาไม่ลังเลที่จะกระดกดื่มเข้าไปอีกสองสามอึกใหญ่ๆ
KP Warriors ตอนที่ 9 : คำทำนายแห่งองค์กษัตริย์
เสียงของการต่อสู้ดังก้องไปทั่วพื้นที่นั้นยามค่ำคืนที่แสนเงียบสะงัดกับเสียงลมที่แผ่วเบาตามขุนเขาแห่งไฮฮ็อกก้า เหล่านักบวชสีเทาและเด็กหนุ่มชาวไนท์เบลดกำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดท่ามกลางหิมะที่ปกคลุมพื้นที่นั้น
เรย์เด็กหนุ่มชาวไนท์เบลดที่ตอนนี้กำลังตั้งท่าต่อสู้อย่างเข้มแข็งอยู่ท่ามกลางเหล่านักบวชทั้งสิบสองคนที่กำลังยืนล้อมเขาเอาไว้ หมัดทั้งสองถูกยกขึ้นมาเพื่อเตรียมพร้อม เขาสาดส่องด้วยหางตาไปมาเพื่อที่จะมองหาผู้ที่จะฉวยโอกาสเข้ามาโจมตี และก็เป็นไปอย่างที่เขาคาดคิดไว้ไม่ผิด ไม่นานนักนักบวชคนหนึ่งพุ่งเข้ามาโจมตีจากทางด้านหลังจนเขาต้องหันหลังไปแล้วใช้แขนรับหมัดของนักบวชเอาไว้ได้ทันท่วงที แล้วสวนกลับไปด้วยหมัดขวาที่ว่างอยู่เข้าไปที่ส่วนหัวของนักบวช จนนักบวชปลิวกระเด็นไป หิมะแตกกระกายตามแรงที่เขาไถลไป เรย์แอบเฉลียวใจว่าเขาออกแรงมากเกินไปหรือเปล่าจนเกือบลืมไปว่าคนที่เหลือกำลังรอซ้ำเขาอยู่ทุกๆด้าน
เหล่านักบวชไม่ปล่อยให้เรย์มีช่องว่าง พวกเขารีบรุกเขาไปยังคนตรงหน้าของพวกเขา แต่ด้วยความเร็วที่เหนือกว่าบวกกับพลังแฝงภายในที่ถูกดึงขึ้นมา ทำให้เรย์หลบได้อย่างไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร โดยเขากระโดดขึ้นไปบนฟ้าผ่านหัวเหล่านักบวชไปแล้วม้วนตัวหนึ่งรอบเพื่อการร่อนลง เมื่อถึงพื้นได้สำเร็จก็ไม่รอช้าสวนพวก
นักบวชนั้นกลับไปด้วยหมัดและเท้าของเขาคนละทีสองที จนพวกเขากระเด็นไปคนละทิศคนละทางอย่างไม่เป็นท่า ผู้เฒ่าอิจิสที่กำลังยืนกอดอกมองดูการฝึกฝนของเรย์ใต้ตนสนที่สูงใหญ่อยู่นั้น เมื่อเห็นผลงานของคนตรงหน้าแล้วก็พยักหน้าอย่างช้าๆแสดงความพอใจของตัวเอง
บทฝึกบทต่อไปของเรย์คือการเรียนรู้วิถีแห่งพลัง ในครั้งนี้เขาจะต้องเปิดคัมภีร์ที่พึ่งได้มาเพื่อศึกษาไปด้วยโดยมีผู้เฒ่าอิจิสเป็นคนให้อ่านและคำแนะนำอยู่ข้างๆ ซึ่งเรย์ในตอนนี้กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ท่ามกลางสายลมแรงที่พัดผ่านมาพร้อมกับเกร็ดหิมะจากยอดเขา ออร่าสีแดงฉานที่กำลังเปล่งประกายออกมาจากกำลังภายในร่างกาย
การเกร็งกล้ามเนื้อเพื่อเบ่งพลังทำให้แขนทั้งสองข้างของเขานั้นสั่นระริกไปหมด และด้วยพลังมหาสารของเขาทำให้สายลมที่พัดเอาเกร็ดหิมะที่ผ่านมานั้น ไม่สามารถจะพัดผ่านออร่าสีแดงนั้นไปได้ นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนของผู้เฒ่าอิจิสที่กำลังเดินไปรอบๆตัวของเรย์นั้นเห็นว่าลมมันสะท้อนออกไปตามแนวออร่าของเรย์ที่นั่งอยู่ด้วย
"บทเรียนต่อไปเจ้าอาจจะเข้าใจมันยากซักเล็กน้อย แต่เจ้าจะต้องตั้งใจฟังให้ดี..." ผู้เฒ่าอิจิสพูดขึ้นมา เรย์เงยหน้ามองพร้อมกับใบหน้าที่ตึงเครียด ฟันกรามของ
เขาขบกันแน่นเพราะกำลังเกร็งกล้ามเนื้อเพื่อเรียกพลังภายในออกมาอยู่ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผู้เฒ่าอิจิสสนใจเขามากกว่าตัวหนังสือในคัมภีร์แต่อย่างใด
"สิ่งที่ท่านกำลังศึกษาอยู่นี่เรียกว่า ปราณเทวะ... ปราณเทวะนั้นเป็นการรวบรวมพลังภายในทั้งหมด โดยการสำรวมจิตให้เป็นหนึ่ง จึงจะเกิดเป็นพลังปราณเทวะขึ้นมา ซึ่งปราณเทวะเป็นนั้นคือพลังที่อยู่ภายในร่างกายของมนุษย์ทั่วไป"
"อยู่ในร่างกายของมนุษย์ทั่วไป... งั้นก็แปลว่านอกจากผู้กล้าแห่งแหวนแล้ว คนอื่นๆก็ยังมีปราณเทวะได้ด้วยอย่างนั้นเหรอ?" เรย์เกิดคำถามขึ้นมาทำให้ผู้เฒ่าอิจิสละสายตาจากคัมภีร์มาสนใจเขาได้
"...ถูก และผิด" ผู้เฒ่าอิจิสส่ายหน้าตอบทำให้เรย์ต้องคิ้วขมวดด้วยความสงสัย
"พลังปราณเทวะนั้นเป็นพลังมหาสารมาก เมื่อมีพลังนี้จะทำให้ร่างกายมีพลังเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวนัก บางครั้งพลังของมันมหาสารมากเกินกว่าที่ร่างกายของมนุษย์จะเก็บมันไว้ได้... แต่ก็ใช่ว่าจะมีไม่ได้ทุกคนเสมอไปอันนี้ข้าเติมเอง... พลังมันมากมายมหาสารจนทำให้มีพลังส่วนเกินออกมาให้เห็น ยกตัวอย่างในที่นี้ก็คงจะเป็นออร่าสีแดงที่กำลังเปล่งประกายเพื่อเพิ่มพลังการต่อสู้ไปให้ถึงขีดสุด และดวงตาของท่าน ดวงตาที่เปลี่ยนสีทุกครั้งเมื่อท่านต้องการจะใช้พลังเมื่อเกิดการต่อสู้ เป็นต้น..."
เมื่อจบประโยคของผู้เฒ่าอิจิสเขาก็กำลังก้มไปอ่านคัมภีร์ต่อโดยไม่ได้สนใจคนที่กำลังนั่งเปล่งพลังอยู่ตรงหน้าของเขา เรย์เลยลองหลับตาสำรวมจิตให้เป็นหนึ่งเพื่อลองทำให้ดวงตาของตัวเองเปลี่ยนสีตามที่ผู้เฒ่าอิจิสบอก เมื่อคนที่ถือคัมภีร์รู้สึกแปลกๆจากคนที่นั่งอยู่จึงละสายตาจากคัมภีร์ที่อยู่ในมือของเขาอีกครั้ง
ผู้เฒ่าอิจิสหันมามองเรย์พร้อมกับทำหน้าคิ้วขมวดชวนสงสัยว่าคนตรงหน้าของเขากำลังทำอะไรอยู่ ไม่นานเมื่อคนตรงหน้าของเขาลืมตาขึ้นมาก็เห็นได้ว่าดวงตาของคนที่กำลังนั่งอยู่นั้นเปลี่ยนสีไปแล้ว มุมปากของผู้เฒ่าเบ้ขึ้นมาจนชนกับจมูกใหญ่ๆของเขาก่อนที่จะหันไปอ่านคัมภีร์ที่อยู่ในมือของเขาต่อประหนึ่งว่าเขาไม่ได้สนใจอะไรมากมายนัก
"อืม... ถึงแม้ว่าพลังส่วนเกินนั้นจะแสดงให้เห็นถึงความสามารถต่างๆของเขาที่เพิ่มขึ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ในบางครั้งเพิ่มถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ว่านั่นก็ยังไม่ใช่ปราณเทวะที่แท้จริง" ผู้เฒ่าอิจิสเน้นประโยคหลังพร้อมกับส่งสายตามาทางเรย์ ทำให้เรย์เลิกคิวขึ้นมาพร้อมกับยิ้มน้อยๆอย่างกวนๆ
"พลังปราณเทวะสามารถพัฒนาได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ในบางครั้งพวกเขาเชื่อกันว่าพลังปราณเทวะนั้นเพิ่มได้อย่างมากมายมหาสาร จนสามารถที่จะทำลายดวงดาวดวงหนึ่งได้อย่างสบายๆ"
สิ้นประโยคของผู้เฒ่าอิจิสนั้นเรย์ก็ทำตาถล่นขึ้นมาทันที เมื่อเขากำลังนึกถึงพลังของโงกุนหรือซุปเปอร์ไซย่า การ์ตูนที่เขาเคยได้อ่านซึ่งเป็นตัวอย่างง่ายๆในการเปรียบเทียบกับคำพูดจากบทในคัมภีร์นกฟินิกซ์นั้น
"แล้วที่ผ่านมาเคยมีใคร เอ่อ เข้าถึงพลังนั่นขนานนั้นไหม?" เรย์ถามด้วยความสงสัย
"แน่นอน..." ผู้เฒ่าอิจิสหันมาตอบพร้อมกับพลิกกระดาษไปแผ่นต่อไปในคัมภีร์อย่างใจเย็น "...ก็ต้องไม่มีอยู่แล้ว"
เมื่อเรย์ลองนึกถึงประโยคสุดท้ายที่ผู้เฒ่าอิจิสบอกเอาไว้ในคัมภีร์นกฟินิกซ์ เขาจึงตั้งสมาธิอย่างแน่วแน่เพื่อสำรวมจิตให้เป็นหนึ่งแล้วลองเบ่งพลังที่อยู่ในตัวออกมาอีกครั้งหนึ่ง ทำให้แสงจากออร่าสีแดงที่กำลังเปล่งประกายอยู่นั้นเจิดจ้าขึ้นไปอีกเท่าตัว สายลมแรงดั่งพายุกำลังพัดออกมาจากออร่าที่กำลังรายล้อมตัวของเขาและกำลังแผ่ขยายออกไปอีก
ผู้เฒ่าอิจิสที่กำลังมองคนตรงหน้าเริ่มรู้สึกว่าสายลมที่กำลังพัดโหมกระหน่ำอยู่นั้นเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นจนเขาต้องยกมือขึ้นมากันลมหรือหิมะที่กำลังปลิวออกมาจะเข้าตา เช่นเดียวกับนักบวชสีเทาทั้งหลายที่ยืนดูอยู่อย่างห่างๆก็กำลังใช้มือจับหมวกฮู้ดที่ปิดบังใบหน้าของพวกเขาเอาไว้ แสงสว่างเจิดจ้ามากขึ้น และมากขึ้นไปอีก จนกระทั่งคนที่กำลังเร่งพลังจนถึงขีดสุดเริ่มผ่อนกำลังลง แสงสว่างก็ค่อยๆริบหรี่ลงจนมันค่อยๆจางหายไปทีละน้อย
ผู้เฒ่าอิจิสเริ่มลดมือลงเมื่อเขารู้สึกว่าแสงนั้นเริ่มริบหรี่ลง และลมที่เคยโหมกระหน่ำก็เริ่มเบาบางลงจนมันกลับสู่สภาพปกติ เมื่อบรรยากาศกลับมาเป็นอย่างเดิมพวกเขาทั้งหลายต่างก็มองไปยังจุดๆเดียว คือเด็กหนุ่มที่กำลังค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆตรงหน้าของพวกเขา ผู้เฒ่าอิจิสพยักหน้าอย่างช้าๆพร้อมกับยิ้มเล็กๆด้วยความพอใจ
"อื้ม... แต่ว่า นี่ก็เป็นพลังที่มหาสารอยู่ไม่ใช่น้อยเหมือนกันนะ ฮ่าๆ" ผู้เฒ่าอิจิสหัวเราะร่าขึ้นมาจนทำให้เห็นฟันขาวๆที่ไม่มีอะไรมาเจือปนเลย เรย์เงยหน้าแล้วยิ้มออกมาตามเสียงหัวเราะที่ผู้เฒ่าอิจิส
"...ยังครับ แค่นี้ยังไม่พอ"
บทเรียนต่อไปคือการฝึกใช้พลังให้เป็นดั่งที่ใจคิด บทเรียนที่อาจจะทำให้คนที่กำลังรับการฝึกอยู่นั้นคิดว่านี่อาจจะเป็นบทเรียนที่แสนเหนื่อยที่สุด และอันตรายที่สุด ในตอนนี้เรย์กำลังรวบรวมพลังเอาไว้ที่แขนขวาที่กำลังกำหมัดแน่น กระแสไฟฟ้าสีแดงรายล้อมไปทั่วแขนกับเปลวเพลิงที่กำลังลุกโชนไปทั่วทำให้เกิดแสงสว่างขึ้นมาท่ามกลางความมืดในพื้นที่แห่งนั้น
เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังจะควบคุมพลังของตัวเองที่มีมากเกินไปของตัวเองไม่อยู่ เพราะพลังที่พลั่งพูนออกมาจนทำให้เสี่ยวหนึ่งของพลังกระเด็นออกไป เสี้ยวของพลังตกลงกับพื้นทำให้เกิดการระเบิดเล็กน้อย แต่ถึงแม้จะเป็นเพียงเล็กน้อยแต่เมื่อเทียบกับพลังที่เรย์กำลังรวบรวมอยู่ มันก็มหาสารพอที่จะทำให้พื้นที่ตรงนั้นแหลกเป็นจุลได้
เมื่อผู้เฒ่าอิจิสที่มองอยู่ห่างๆอย่างเป็นห่วงคนตรงหน้ากลัวว่าพลังที่เขาควบคุมไม่อยู่ อาจจะทำให้เกิดการระเบิดและจะทำให้เขาล้มเหลวในการฝึกครั้งนี้หรือตลอดไป เขารีบปิดหนังสือแล้วเดินเข้าไปหาเรย์อย่างรีบเร่งพร้อมๆกับคอยหลบระวังเสี้ยวพลังที่กระเด็นออกมาด้วย
"...สำรวมจิตของท่านให้เป็นสมาธิ อย่าฝืนพลังของมัน จงเชื่อมัน แล้วท่านจะทำได้อย่างใจท่านคิด!" ผู้เฒ่าอิจิสพูดอย่างหนักแน่น เรย์หันมารับฟังอย่างตั้งใจแล้วกลับไประเบิดพลังของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง
"ถ้างั้นก็... ไม่เกรงใจแล้วนะ!!! ฮึ้ยยยยยยยยย ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก"
พลังของหมัดพุ่งสุงถึงขีดสุดในทันใด เรย์เหวี่ยงหมัดที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงพร้อมกับเสียงคำรามออกไปในทันที สายพลังสีแดงพุ่งตรงเป็นทางยาวไปยังภูเขาที่อยู่ข้างล่าง พลังมันมหาสารมากเพราะเมื่อหมัดที่ปล่อยออกมาไปกระทบกับภูเขา ทำให้ภูเขาลูกนั้นระเบิดหายไปในพริบตาอย่างไม่เหลือซาก เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วฟ้า ควันสีเทาจากการระเบิดปรากฏขึ้นมาจากพื้นที่นั้นตามสายตาของเรย์ที่กำลังมองเห็น
เสียงอุทานของเหล่านักบวชดังออกมาเมื่อเห็นภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจตรงหน้าของพวกเขา เรย์ชายหนุ่มเจ้าของผลงานการปล่อยหมัดระเบิดภูเขาหอบแห่กๆอย่างเหนื่อยอ่อน เพราะหมดเรี่ยวของจากการรวบรวมพลังไปมากและรวมไปถึงอะไรหลายๆอย่างก่อนที่เขาจะได้ขึ้นมาบนยอดเขาได้สำเร็จ ผู้เฒ่าอิจิสหัวเราะร่าอย่างพออกพอใจอย่างมาก พร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขาจนปิดบังดวงตาสีฟ้าอ่อนของเขาเอง
"เยี่ยมจริงๆเลย พลังมหาสารกว่าที่ข้าคาดคิดไว้ซะอีกนะเนี่ย"
"แฮ่กๆ เหนื่อยจังเลย... ขอพักก่อนนะ" เรย์พูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งแล้วหันหลังไปนั่งที่หินใต้ต้นต้นข้างหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง
"ได้เลย... วันนี้พอแค่นี้"
เมื่อสิ้นเสียงของผู้เฒ่าอิจิสเหล่านักบวชทั้งสิบสองก็พยักหน้าตอบ แล้วต่างแยกย้ายกันเดินเข้าประตูเพื่อเข้าไปภายในวิหารไฮคิงโดยไม่ได้เหลียวหลังกลับมาอีก ทิ้งเอาไว้แต่ผู้เฒ่าอิจิสและเรย์ที่อยู่ใต้ต้นส้นที่ตั้งอยู่เดี่ยวๆใกล้กับพื้นที่ของการฝึกนั้น
"อ่ะนี่ดื่มนี่ก่อน มันช่วยเจ้าได้ ช่วยได้ดี" ผู้เฒ่าอิจิสยื่นขวดน้ำให้เรย์แล้วเดินมานั่งข้างๆเขา เสียงหายใจหืดหอบจากอาการเหนื่อยล้ายังคงแสดงออกมาอย่างไม่ขาดสาย เรย์สูดอาการที่เต็มไปด้วยความเย็นเขาไปก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมา
"ผมไม่เคยเหนื่อยขนาดนี้มาก่อนเลย ขนาดตอนที่สู้กับพวกอคิลลิสหรือพวกผู้พิทักษ์ทางขึ้นเขาพวกนั้นก็ยังไม่เห็นเหนื่อยขนาดนี้เลย" เรย์พูดด้วยเสียงที่แหบแห้งอีกครั้งแล้ว เขาก็ใช้มือเปิดฝาของขวดน้ำที่อยู่ในมือแต่ก็ยังไม่ได้ยกดื่มเลยแต่อย่างใด
"ท่านอาจจะยังไม่ชินกับพลังปราณเทวะก็ได้... พลังปราณเทวะนั้นเป็นพลังที่เพิ่มพลังในการต่อสู้และพลังอื่นๆอีกหลายๆอย่างในร่างกายก็จริง แต่ผลในทางตรงกันข้ามมันจะบั่นทอนร่างกายไปด้วย สำหรับเจ้าที่เป็นเด็กฝึกหัดที่ยังไม่ชินกับพลังอันมหาสารนั้นก็ต้องเหนื่อยหอบอย่างตอนนี้เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว"
"จริงด้วยสินะ..." เรย์พูดพลางจิบน้ำในขวดนั้นเข้าไป ลิ้นของเขาสัมผัสได้ว่าน้ำในขวดนั้นมีรสชาติที่หวานพอประมาณ เขารู้สึกว่าร่างกายของเขานั้นกระชุ่มกระชวยขึ้นมาในทันใด ทำให้เขาไม่ลังเลที่จะกระดกดื่มเข้าไปอีกสองสามอึกใหญ่ๆ