ตั้งแต่ฉันมีแฟนมาฉันก็ไม่สามารถคบได้ยาวเลยเพราะว่าเราคบกับแฟนเก่าเเล้วแม่แฟนเก่าไม่ชอบที่บ้านเราจน
เราอุส่าต์แสดงความจริงใจแต่สุดท้ายเราไม่ไปกันไม่รอด มันเป็นอย่างนี้หลายครั้งกับแฟนที่แล้วๆมาของเรา
จนเราขึ้นมหาลัย เราอยากเจอใครที่คบกันไปนานๆ
วันนึงเค้าก็เข้ามาจีบฉันๆไม่ชอบเค้าไม่ใช่สเปคเเต่เค้าจีบฉันไปเรื่อยๆ เริ่มเห็นความดีบางอย่าง
เค้าเคยถามเรื่องที่บ้านฉันบ่อยครั้ง
จนครั้งนึงเราตัดสินใจถามเค้าว่า ถ้าจะคบใครต้องดูฐานะทางบ้านด้วยหรอ
เค้าตอบว่าไม่นะ แต่เราเองที่เป็นฝ่ายขี้ขลาด หวาดกลัว
วันหนึ่งเราไปเที่ยวทะเลกันไม่ได้ไปกันสองคนตอนนั้นก็รู้จักกันได้ 6 เดือนกว่าๆ
จนก่อนกลับเค้าถามเราว่าเป็นเเฟนกันไหมเราก็ไม่ตอบ จนเราตัดสินใจถามเค้ากลับว่า เป็นเเฟนกันไหม
เค้าก็ยิ้มน้ำตาคลอ จับมือเราและเขียนหัวใจลงบนมือ และบอกเราว่าจะดูแลเราให้ดีที่สุด
กลับมาจากทะเลเราได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดมากเราเมากันทั้งคู่
แต่เราคิดว่าเค้าจะดูแลเราให้ดีที่สุด เราจึงไว้ใจเค้าในสิ่งที่เค้าพูดออกมา
ตอนแรกเราจะพูดกับเค้าในวันนั้นเรื่องปกปิดฐานะที่บ้าน
แต่เราก็กลัวไม่อยากจะเสียเค้าไปเพราะเราเครียดนะคะเรื่องที่มีความสัมพันธ์กันลึก
เราตั้งใจว่า ให้รักกันมากกว่านี้ก่อนให้เค้าเข้าใจเรามากกว่านี้
ประมาณเทอม2 เรากับเค้าย้ายไปอยู่หลังมอด้วยกัน (ตอนแรกอยู่หอในมอคะ ซึ่งปีเเรกๆต้องเรียนที่ต่างจังหวัด)
เราเป็นคนที่ชอบเที่ยวกับเพื่อนๆเคยทะเลาะกันครั้งนึง
ขนาดเค้าพยายามจะฆ่าตัวตายเค้าขอให้เราเลิกเที่ยวเราก็บอกครั้งนี้ครั้งสุดท้ายถ้ามันไม่จำเป็นจะไม่ไป
เค้าก็ยอมเราตกลงพออยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ มีความสุขแต่ว่ามีทะเลาะกันบ้าง
เราต้องกลับเข้ามาเรียนในกรุงเทพเพราะอยู่ปีโตๆแล้ว เราก็กลับไปด้วยดีไม่มีปัญหาแต่พอมาอยู่สักพัก
เราทะเลาะกันหนักมากในเเต่ละวัน อาจจะเป็นเพราะคนเคยอยู่ใกล้ๆกัน จนเค้าเองก็บอกเลิก เราตามไปง้อ
เราก็คิดหาทางบอกเรื่องที่บ้านเสมอ แต่เราก็กลัว
เราคิดแค่ว่า ถ้าเค้าบอกว่าเค้าไม่เคยคบใครที่ฐานะ เค้าก็ต้องรับเราได้สิ
เราจึงพยายามจะปรับปรุงตัวเพื่อคิดว่ามันจะลบล้างได้
เค้าพาเราไปหาแม่พ่อ หาญาติ เวลามีงานที่บ้านเค้า เราก็ช่วย
จนวันที่เค้าเรียนจบ เค้าตั้งใจอยากจะอยู่ใกล้กันอีกครั้ง
เค้าจึงหาหอพักและที่ทำงานอยู่ใกล้กัน ในใจเรารู้สึกกังวลมากไม่อยากปิดบังเรื่องที่บ้านอีกแล้ว กลัวเสียเค้าไปก็กลัว
เค้ามาอยู่ใกล้บ้าน ห่างคนละซอย ก่อนหน้าที่เค้าจะมาอยู่
เค้ารู้ว่าพ่อแม่เราอยากให้เราทำงานเลี้ยงตัวเอง เพราะน้องสาวก็จะเข้ามหาลัยด้วยเหมือนกัน
เเต่เราเรียนอยู่บางทีงานมันเยอะมาก ต้องซ้อม ต้องทำวิจัย ต้องเรียน จนเราก็ทะเลาะกันที่บ้าน
เค้าก็เลยบอกว่าย้ายมาอยู่ด้วยกันไหมพี่เลี้ยงเอง ตอนแรกเราก็เครียดเป็นภาระเค้า
แล้วเราอยู่แถวนี้มาตั้งแต่เกิดถ้าเรามาอยู่มันก็ไม่ดี แต่ถ้าเราไม่อยู่
เค้าบอกว่า ก็เจอกินข้าวกันทุกวันวันไหนอยากอยู่กันก็นอนนี้เราจะลำบากมั้ย จะเครียดไหมกับเรื่องที่บ้าน
เราก็เลยตัดสินใจ และเรามาอยู่นี้ก็ได้ เพราะว่า ถ้ามาวันเว้นวันหรือกินข้าวทุกวัน
เค้าจะมีปัญหากับที่บ้านเรา แล้วแม่เราจะปรี๊ดแตกถ้ารู้ว่าไปมา
คนแถวนี้เค้าเห็น เค้าก็ต้องบอก เรากลัวมีปัญหา ไม่อยากให้แม่เราว่าเค้า
สู้เราเองที่เป็นฝ่ายผิดดีกว่าเราอยากจะดูเเลเค้าอย่างที่หวัง เพื่อว่าเค้าอาจจะยกโทษให้เรา
ถึงจะเสียใจแต่เราคิดว่าเราดูแลเค้าอยู่ เราจิงจังกับเค้า เราพยายามทำทุกอย่าง
เค้าอยู่ใกล้บ้านเรา เค้าเริ่มรับรู้ปัญหาที่บ้านเรา รับรู้สิ่งต่างๆ
วันนึงเค้าหลอกถามเรานะเรื่องที่บ้านตอนแรกเราเครียดมากแต่ยังไงสักวันก็ต้องรู้
เราจึงรวบรวมความกล้าและพยายามภวานา ในสิ่งดีๆที่เราทำกับเค้า ให้เค้าเห็นใจเราสุดท้ายเราก็เล่าเรื่องให้เค้าฟัง
เค้าก็นิ่งเค้าเสียใจ เราเสียใจมากได้แต่ขอโทษและจะทำดีกับเค้าให้มากขึ้น
ถ้าเรากับเค้าไม่เลยเถิดตอนที่เราไปเที่ยวกับเค้าไปกินเหล้ากัน
เราก็คงจะถามเค้าก่อนแล้วละว่ารับได้ไหม ถ้าได้คบต่อถ้าไม่ได้ก็เลิกแต่มันเลยมาถึงขนาดนี้แล้ว
เราพยายามให้เค้าเห็นว่าเรารักเค้าจริงๆ เรามาอยู่ที่นี้อยู่กับเค้า แม่พ่อเรารู้เรื่องจนพ่อแม่เราก็ไม่สบายใจ
วันนึง เค้ากลับบ้านที่ต่างจังหวัด เราก็กลับมาหาแม่หาพ่อ เราเล่าเรื่องให้พ่อแม่เราฟัง
เค้าบอกให้เราทำตัวกับเค้าดีๆ เราก็รู้สึกเสียใจนะที่ต้องมาให้เค้าทุกข์
วันรุ่งขึ้น แม่เข้าโรงพยาบาล เราทั้งเสียใจทั้งทำอะไรไม่ถูก
พ่อก็บอกว่า เค้าจริงจังกับเราไหม เราจริงจังนะ พ่อจะไม่บอกญาติพ่อนะว่าเรื่องมันเป็นอย่างนี้ พ่อรู้ว่าเราไม่อยากให้เค้ามีปัญหา
(พ่อเราหัวรั้นตั้งแต่เด็กญาติฝ่ายพ่อได้ดีกันหมด พ่อเราก็ต้องลำบากกว่าคนอื่น)
ถ้าเราจริงจังกับเค้าขนาดนี้อย่าให้มีปัญหามากนะประคองกันไปสัญญากับพ่อนะ
เราเองก็ได้เเต่นิ่งเสียใจ เรื่องเเม่เราที่ทำให้เค้าต้องเป็นอย่างนี้
บางทีพอพ่อเมากลับมาเค้าร้องไห้ฟูมฟาย แม่เราบอกว่าพ่อกินเหล้าหนักขึ้น
วันนั้นพ่อเราบอกว่าจบเเล้วเเต่งเลย พ่อไม่อยากให้ใครมาว่าบ้านเราคนแถวนี้เค้าก็รู้กันหมด
เราก็พยายามขอโทษท่านเรากราบเท้าท่าน เราบอกเราจะทำให้มันดีที่สุด จะทำทุกอย่างไม่ให้พ่อแม่ต้องเสียใจ
มีอยู่ประมาณ2-3ครั้งที่เวลาเราทะเลาะกันและพ่อแม่เรามาเคลียร์ให้
เห็นสีหน้าแม่แล้วเราเสียใจเราก็คิดว่าเราต้องรับกรรมของเราให้ได้
เราไม่พูดกับท่านว่าพ่อแม่เค้าก็ไม่ได้รับรู้ถึงปัญหาของเรามากมายเหมือนพ่อแม่เรา
เพียงเพราะเราอยากจะทำให้เค้าสบายใจที่สุดไม่อยากให้เป็นปัญหามากกว่านี้
เรากลับมาห้องเค้าเราก็ทำตัวร่าเริงปรกติ แต่บางทีเรานึกสิ่งที่พ่อเราพูดก็เข้าห้องน้ำและร้องไห้
บางทีเราก็ทะเลาะกันบ้างเราคำพูดที่เค้าคิดว่าเราเถียงเค้าทั้งเราไม่มีเหตุผลบ้าง จนมันก็ทะเลาะกันหนักขึ้น
เราก็คิดเสมอกับคำพูดของพ่อเเละสิ่งที่เเม่เป็นในวันนั้น เราจึงพยายาม ขอโทษเวลาทะเลาะกันทั้งที่เรายังคิดว่าเราไม่ผิด
เราหางานทำ ไปเรื่อยๆมีบ้างไม่มีบ้าง บางทีน้องก็ขอไปเป็นค่าเรียนพิเศษ
เราก็หามาให้บางทีเค้าไม่มีตังเราก็หามาให้ถึงแม้ว่ามันจะน้อย แต่เราก็พยายามแล้ว
วันหนึ่งเค้ากำลังจะออกจากงานเพราะว่ามีปัญหากับคนในบริษัทแม่เค้าไม่เข้าใจ
เวลาที่เค้ากับแม่เค้าไม่เข้าใจกันเค้าร้องไห้บางทีเรารู้ว่าเค้าจะร้องแต่เค้าไม่ร้อง
เราก็เค้าไปกอดเค้าไปให้กำลังใจเค้าเราไม่เคยซ้ำเติมเค้าจะผิดจะถูกเราก็จะปลอบเค้า
ก่อนเค้ากลับบ้านตอนนั้นเป็นงานรับปริญญาพี่ชายเค้า พ่อแม่ให้ของขวัญพี่ชาย
เค้ากลับมาเค้าก็เล่าให้ฟังเค้าพูดตลอดว่าแม่เค้าคิดว่าเค้าเป็นคนทนอะไรไม่ค่อยได้เค้าเสียใจกับเรา
จะร้องไห้เราก็สงสารมาก จนเราพูดกับพี่เค้านะเราพูดแค่เผินๆ ไม่ได้พูดเจาะจงว่าเป็นเรื่องนี้
พี่เค้าก็ไม่พอใจที่เรายุ่งเรื่องที่บ้านเค้า
มีน้าเค้าอยุ่คนนึงที่รู้เรื่องของเรา เค้าก็แอนตี้เราน้าของเค้าคิดว่าเราจะหลอกเค้า
แล้วเหมือนกับหลังจากที่เค้ารู้เรื่องเหมือนแม่เค้าก็เปลี่ยนไป เราเองก็ไม่รู้เหตุผล
บางทีก็อยากจะคุยกับฝ่ายเค้าทั้งหมดเลยว่าเรื่องมันเป็นยังไง
เราไม่อยากให้เค้าเข้าใจเราผิด ไม่อยากให้เค้ามองเราเป็นคนที่เห็นแก่เงินหรือ จะหลอกใช้ลูกเค้า
เค้าเองก็บอกเราว่าตอนนี้เราทำไรไม่ได้หรอก นอกจากอยู่เฉยๆแล้วรอเราเรียนจบ
ต้องพยายามทำให้เค้าเห็นว่าเราไม่ได้เป็นอย่างที่เค้าคิดกัน
จนวันนึงเราไม่สบายหนัก เราก็ไปหาหมอคนเดียวนะไม่บอกใคร
เราไม่รับรู้ด้วยซ้ำว่าเราเป็นอะไรจนเราไปหาหมอๆถึงบอกว่าเราแท้ง
ว่าเราเป็นนิ่วด้วย ทางเดินอาหารส่วนเนี้ยมันรวนนะ จนป่านนี้เราก็ยังไม่ไปเอาออก
หมอเองบอกว่า ถ้าปล่อยไว้มันก็จะโตขึ้นมันไม่สามารถขับออกมาได้ มันจะเป็นเรื่องใหญ่ไปกว่านี้
เราไม่กล้าบอกใครเราเก็บทุกๆอย่างไว้
จนวันที่เค้ารับปริญญา เราพยายามหาของขวัญให้เค้า
เค้าบอกเค้าอยากได้เสีอถักไหมพรมนานแล้ว เราจะทำให้เเต่ว่าตัวเราเองก็ไม่มีเวลา
เราก็เลยตัดสินใจจ้างตากล้องเป็นของขวัญพอถึงวันซ้อมเรามากับพี่ตากล้อง
เราก็นั่งรอเค้าจน7โมง15เราจ้างเค้ามาเเค่ครึ่งวันตามทรัพย์ที่เรามี เค้ามาถึงกินข้าวกันเสร็จก็เริ่มถ่าย
เค้าหาเพื่อนระหว่างทางก็ถ่าย (เพื่อนผู้ชายเค้าเราพูดคุยกันได้มากกว่าเพื่อนเราอีก)
พอซักพักเพื่อนผู้หญิงเค้าก็โทรเค้ามา เราก็รับนะเค้าบอกอยู่ตรงนั้น ซึ่งมันก็ไกล
เราก็บอกเค้านะว่าเดินมาตรงนี้ได้ไหมเค้าก็แปปนึงเค้าจอดรถก่อนวางสายเสร็จ
พี่ตากล้องบอกนี้มันจะหมดเวลาของพี่นะเเต่รูปที่ได้มันน้อยมาก เร่งแฟนเราให้ถ่ายหน่อย เราชวนถ่ายทั้งกับเพื่อนเเละก็เรา
จนโทรศัพดังขึ้นอีกเราก็บอกว่าเราอยู่ที่เดิมเเล้วเค้าก็วางสายไป
พี่เค้าก็ถามใครโทรมาเราก็อธิบายให้ฟัง เค้าก็เหมือนกำลังจะเดินไป
เพื่อนผู้ชายเค้าก็อยู่ตรงนั้นเราก็บอกเออเดี๋ยวเราไปรับให้
เค้าก็เดินไปหาเพื่อนเค้าเรากับพี่ผู้ชายก็งงแล้วเราก็เดินไปเค้าก็ถ่ายรูปกันไป
เพื่อนผู้ชายเค้าโทรมาเร่งเราให้เค้าไปถ่ายรูปหมู่
เราก็เร่งเค้าจนรู้ละว่าเค้าไม่พอใจเราพอตอนเดินไปเค้าบอกว่าเราเห็นแก่ตัวไม่ชอบ
แต่ก็บอกนะว่าเพื่อนเค้าโทรมาเร่งเองเค้าก็ไม่ฟัง เข้าหอประชุมนานมากเราหิวข้าวนะ
เราก็ไปกินแต่เราอะเอาตังเค้าจ่าย
พอออกจากหอประชุมเราแกล้งบอกเค้าว่าเรายังไม่ได้กินข้าว เพราะตอนนั้นมันก็เย็นแล้วเราก็อยากอยู่กับเค้า
เค้าก็ขอกระเป๋าตังที่เข้าฝากไว้เค้าก็ถามอะว่าตังเค้าหายไปไหนเราก็เลยบอกเรายังไม่ได้กดตังเราเลยเอาตังเค้าจ่าย
เค้าถามนะว่าวันรับจริงเรามีตังเท่าไหร่
เรามีอยู่พันแต่เราจะซื้อดอกไม้ให้เค้า เราเลยบอก300
แล้วเค้าก็เลยบอกทำไมไม่บอกเรื่องเอาตังไปอย่างนี้มันเรียกว่า ขโมยนะ
เราก็ต้องบอกด้วยหรอเพราะอยู่ด้วยกันทุกวันนี้เราก็หยิบตังเค้าปรกตินะเหมือนใช้กระเป๋าตังเดียวกันแล้ว
จนเค้าแบบไม่อยากพูดกับเราทั้งๆที่เค้าควรจะฟังเราจนเค้าขอเลิกเรา
เราก็ไม่สบายใจจึงโทรไปขอโทษเพื่อนเค้าด้วยเพื่อให้เค้าสบายใจว่าเรารับผิดจริงๆที่ทำกิริยาไม่ดี
วันนั้นโดนว่า ทั้งหาว่าขโมย ทั้งไม่เห็นแก่หน้าเค้า เห็นแก่ตัว
เราก็พยายามจะแก้ไขในสิ่งที่เราคิดว่ามันต้องมีอะไรเข้าใจผิดแน่ๆ
พอโทรศัพหาเค้าเลยจะเลิกอย่างเดียวเราก็เสียใจเพื่อนเค้าเองก็บอกนะว่าจะช่วยคุยให้
จนเราฟูมฟายมากอะเหมือนเราพยายามตั้งใจทำให้เค้าก็ไม่ชอบ
พอวันรุ่งขึ้นเค้ารับโทรศัพและบอกจะให้โอกาส เราก็ขอโทษเค้าอะ
วันรับจริง พ่อแม่พี่เค้ามาเราก็ปรกติของเรา แต่เราดูจากหลายๆอย่างที่ทำให้เราคิดว่า เค้าคงไม่ชอบเราแล้วละ
ตัวเค้าเองเดินไปถ่ายรูปกับคนที่เค้าเคยชอบ(คนนี้เป็นคนที่เค้าเคยชอบแล้วเราเคยเห็นทะเลาะกันเรื่องคนนี้ด้วย)
ตอนแรกเราก็ตกใจนะแต่เราก็เฉยๆอะไม่คิดไร
เพื่อนเค้าคนอื่นๆออกมา เค้าก็ถ่ายรูปพร้อมใบปริญญากับแฟน เดินกอดกัน ห้อมแก้มกัน
เราคิดว่าเค้าจะทำอย่างนี้บ้างไหม อย่างน้อยถ่ายรูปกับเราบ้าง
เรารอเค้าพูดนะจนสุดท้ายเค้าก็เดินไปถ่ายกับเพื่อน ไม่ได้ถ่ายกับเราเลย
แล้วก็ไปกินข้าว แยกย้ายกันกลับ
ตอนกลับเราก็กลับเค้ากลับ เค้าก็ไปกับพ่อแม่เค้า ส่วนเราต้องขอติดรถเพื่อนเค้ากลับ
เพื่อนเค้าก็ถามเหตุการณ์ต่างๆ เราก็เล่าให้ฟัง เค้าก็ปลอบเราทั้งๆที่เราพยายามจะไม่ร้องไห้ละ
จนถึงบ้านเราเอาโน็ตบุ๊คเปิดดูเราไม่มีรหัสเค้า แต่เค้าเคยเข้าเฟสเค้าในโน๊ตบุ๊คเราแล้วเราไม่ล็อคเอ้าท์ออกให้เค้า
เราเห็นเค้าเอาเรื่องทุกอย่างภายในบานเราไปพูดกับคนที่เค้าเคยชอบ เราเสียใจ
เค้ารู้ว่าเราเห็นเค้าก็ขอโทษ เราก็ได้แต่บอกว่าไม่เป็นไร เราเป็นคนผิดเองตั้งแต่ต้น มันเป็นเวรของเราเอง
อยากให้เค้าเปิดโอกาสให้เราใหม่โดยที่ไม่ต้องมาพูดเรื่องพวกนี้อีก
เราเสียใจหนักมาก จนถึงตอนนี้เราก็ไม่กินข้าว กลางคืนร้องไห้
อยู่บ้านเราไม่พูดกับใครเลยเค้าก็คุยกับเราดีในใจเราก็ยังคงตั้งคำถามว่าเค้าให้โอกาสเราจริงหรอ
เพราะก็เหมือนเค้าเองก็ไม่สนใจอะไรเราเลย คุยกันน้อยมาก เราก็ทรมาณร้องไห้ไปคุยไป
ได้แต่คิดว่า ขอให้มันหมดเวรกรรมนี้ไปเถอะ ขอให้เค้าเห็นใจเราและพ่อแม่เราบ้าง
ก็ได้แต่หวัง..........
TT ถ้าเป็นอย่างนี้ คุณจะให้อภัยไหม
เราอุส่าต์แสดงความจริงใจแต่สุดท้ายเราไม่ไปกันไม่รอด มันเป็นอย่างนี้หลายครั้งกับแฟนที่แล้วๆมาของเรา
จนเราขึ้นมหาลัย เราอยากเจอใครที่คบกันไปนานๆ
วันนึงเค้าก็เข้ามาจีบฉันๆไม่ชอบเค้าไม่ใช่สเปคเเต่เค้าจีบฉันไปเรื่อยๆ เริ่มเห็นความดีบางอย่าง
เค้าเคยถามเรื่องที่บ้านฉันบ่อยครั้ง
จนครั้งนึงเราตัดสินใจถามเค้าว่า ถ้าจะคบใครต้องดูฐานะทางบ้านด้วยหรอ
เค้าตอบว่าไม่นะ แต่เราเองที่เป็นฝ่ายขี้ขลาด หวาดกลัว
วันหนึ่งเราไปเที่ยวทะเลกันไม่ได้ไปกันสองคนตอนนั้นก็รู้จักกันได้ 6 เดือนกว่าๆ
จนก่อนกลับเค้าถามเราว่าเป็นเเฟนกันไหมเราก็ไม่ตอบ จนเราตัดสินใจถามเค้ากลับว่า เป็นเเฟนกันไหม
เค้าก็ยิ้มน้ำตาคลอ จับมือเราและเขียนหัวใจลงบนมือ และบอกเราว่าจะดูแลเราให้ดีที่สุด
กลับมาจากทะเลเราได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดมากเราเมากันทั้งคู่
แต่เราคิดว่าเค้าจะดูแลเราให้ดีที่สุด เราจึงไว้ใจเค้าในสิ่งที่เค้าพูดออกมา
ตอนแรกเราจะพูดกับเค้าในวันนั้นเรื่องปกปิดฐานะที่บ้าน
แต่เราก็กลัวไม่อยากจะเสียเค้าไปเพราะเราเครียดนะคะเรื่องที่มีความสัมพันธ์กันลึก
เราตั้งใจว่า ให้รักกันมากกว่านี้ก่อนให้เค้าเข้าใจเรามากกว่านี้
ประมาณเทอม2 เรากับเค้าย้ายไปอยู่หลังมอด้วยกัน (ตอนแรกอยู่หอในมอคะ ซึ่งปีเเรกๆต้องเรียนที่ต่างจังหวัด)
เราเป็นคนที่ชอบเที่ยวกับเพื่อนๆเคยทะเลาะกันครั้งนึง
ขนาดเค้าพยายามจะฆ่าตัวตายเค้าขอให้เราเลิกเที่ยวเราก็บอกครั้งนี้ครั้งสุดท้ายถ้ามันไม่จำเป็นจะไม่ไป
เค้าก็ยอมเราตกลงพออยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ มีความสุขแต่ว่ามีทะเลาะกันบ้าง
เราต้องกลับเข้ามาเรียนในกรุงเทพเพราะอยู่ปีโตๆแล้ว เราก็กลับไปด้วยดีไม่มีปัญหาแต่พอมาอยู่สักพัก
เราทะเลาะกันหนักมากในเเต่ละวัน อาจจะเป็นเพราะคนเคยอยู่ใกล้ๆกัน จนเค้าเองก็บอกเลิก เราตามไปง้อ
เราก็คิดหาทางบอกเรื่องที่บ้านเสมอ แต่เราก็กลัว
เราคิดแค่ว่า ถ้าเค้าบอกว่าเค้าไม่เคยคบใครที่ฐานะ เค้าก็ต้องรับเราได้สิ
เราจึงพยายามจะปรับปรุงตัวเพื่อคิดว่ามันจะลบล้างได้
เค้าพาเราไปหาแม่พ่อ หาญาติ เวลามีงานที่บ้านเค้า เราก็ช่วย
จนวันที่เค้าเรียนจบ เค้าตั้งใจอยากจะอยู่ใกล้กันอีกครั้ง
เค้าจึงหาหอพักและที่ทำงานอยู่ใกล้กัน ในใจเรารู้สึกกังวลมากไม่อยากปิดบังเรื่องที่บ้านอีกแล้ว กลัวเสียเค้าไปก็กลัว
เค้ามาอยู่ใกล้บ้าน ห่างคนละซอย ก่อนหน้าที่เค้าจะมาอยู่
เค้ารู้ว่าพ่อแม่เราอยากให้เราทำงานเลี้ยงตัวเอง เพราะน้องสาวก็จะเข้ามหาลัยด้วยเหมือนกัน
เเต่เราเรียนอยู่บางทีงานมันเยอะมาก ต้องซ้อม ต้องทำวิจัย ต้องเรียน จนเราก็ทะเลาะกันที่บ้าน
เค้าก็เลยบอกว่าย้ายมาอยู่ด้วยกันไหมพี่เลี้ยงเอง ตอนแรกเราก็เครียดเป็นภาระเค้า
แล้วเราอยู่แถวนี้มาตั้งแต่เกิดถ้าเรามาอยู่มันก็ไม่ดี แต่ถ้าเราไม่อยู่
เค้าบอกว่า ก็เจอกินข้าวกันทุกวันวันไหนอยากอยู่กันก็นอนนี้เราจะลำบากมั้ย จะเครียดไหมกับเรื่องที่บ้าน
เราก็เลยตัดสินใจ และเรามาอยู่นี้ก็ได้ เพราะว่า ถ้ามาวันเว้นวันหรือกินข้าวทุกวัน
เค้าจะมีปัญหากับที่บ้านเรา แล้วแม่เราจะปรี๊ดแตกถ้ารู้ว่าไปมา
คนแถวนี้เค้าเห็น เค้าก็ต้องบอก เรากลัวมีปัญหา ไม่อยากให้แม่เราว่าเค้า
สู้เราเองที่เป็นฝ่ายผิดดีกว่าเราอยากจะดูเเลเค้าอย่างที่หวัง เพื่อว่าเค้าอาจจะยกโทษให้เรา
ถึงจะเสียใจแต่เราคิดว่าเราดูแลเค้าอยู่ เราจิงจังกับเค้า เราพยายามทำทุกอย่าง
เค้าอยู่ใกล้บ้านเรา เค้าเริ่มรับรู้ปัญหาที่บ้านเรา รับรู้สิ่งต่างๆ
วันนึงเค้าหลอกถามเรานะเรื่องที่บ้านตอนแรกเราเครียดมากแต่ยังไงสักวันก็ต้องรู้
เราจึงรวบรวมความกล้าและพยายามภวานา ในสิ่งดีๆที่เราทำกับเค้า ให้เค้าเห็นใจเราสุดท้ายเราก็เล่าเรื่องให้เค้าฟัง
เค้าก็นิ่งเค้าเสียใจ เราเสียใจมากได้แต่ขอโทษและจะทำดีกับเค้าให้มากขึ้น
ถ้าเรากับเค้าไม่เลยเถิดตอนที่เราไปเที่ยวกับเค้าไปกินเหล้ากัน
เราก็คงจะถามเค้าก่อนแล้วละว่ารับได้ไหม ถ้าได้คบต่อถ้าไม่ได้ก็เลิกแต่มันเลยมาถึงขนาดนี้แล้ว
เราพยายามให้เค้าเห็นว่าเรารักเค้าจริงๆ เรามาอยู่ที่นี้อยู่กับเค้า แม่พ่อเรารู้เรื่องจนพ่อแม่เราก็ไม่สบายใจ
วันนึง เค้ากลับบ้านที่ต่างจังหวัด เราก็กลับมาหาแม่หาพ่อ เราเล่าเรื่องให้พ่อแม่เราฟัง
เค้าบอกให้เราทำตัวกับเค้าดีๆ เราก็รู้สึกเสียใจนะที่ต้องมาให้เค้าทุกข์
วันรุ่งขึ้น แม่เข้าโรงพยาบาล เราทั้งเสียใจทั้งทำอะไรไม่ถูก
พ่อก็บอกว่า เค้าจริงจังกับเราไหม เราจริงจังนะ พ่อจะไม่บอกญาติพ่อนะว่าเรื่องมันเป็นอย่างนี้ พ่อรู้ว่าเราไม่อยากให้เค้ามีปัญหา
(พ่อเราหัวรั้นตั้งแต่เด็กญาติฝ่ายพ่อได้ดีกันหมด พ่อเราก็ต้องลำบากกว่าคนอื่น)
ถ้าเราจริงจังกับเค้าขนาดนี้อย่าให้มีปัญหามากนะประคองกันไปสัญญากับพ่อนะ
เราเองก็ได้เเต่นิ่งเสียใจ เรื่องเเม่เราที่ทำให้เค้าต้องเป็นอย่างนี้
บางทีพอพ่อเมากลับมาเค้าร้องไห้ฟูมฟาย แม่เราบอกว่าพ่อกินเหล้าหนักขึ้น
วันนั้นพ่อเราบอกว่าจบเเล้วเเต่งเลย พ่อไม่อยากให้ใครมาว่าบ้านเราคนแถวนี้เค้าก็รู้กันหมด
เราก็พยายามขอโทษท่านเรากราบเท้าท่าน เราบอกเราจะทำให้มันดีที่สุด จะทำทุกอย่างไม่ให้พ่อแม่ต้องเสียใจ
มีอยู่ประมาณ2-3ครั้งที่เวลาเราทะเลาะกันและพ่อแม่เรามาเคลียร์ให้
เห็นสีหน้าแม่แล้วเราเสียใจเราก็คิดว่าเราต้องรับกรรมของเราให้ได้
เราไม่พูดกับท่านว่าพ่อแม่เค้าก็ไม่ได้รับรู้ถึงปัญหาของเรามากมายเหมือนพ่อแม่เรา
เพียงเพราะเราอยากจะทำให้เค้าสบายใจที่สุดไม่อยากให้เป็นปัญหามากกว่านี้
เรากลับมาห้องเค้าเราก็ทำตัวร่าเริงปรกติ แต่บางทีเรานึกสิ่งที่พ่อเราพูดก็เข้าห้องน้ำและร้องไห้
บางทีเราก็ทะเลาะกันบ้างเราคำพูดที่เค้าคิดว่าเราเถียงเค้าทั้งเราไม่มีเหตุผลบ้าง จนมันก็ทะเลาะกันหนักขึ้น
เราก็คิดเสมอกับคำพูดของพ่อเเละสิ่งที่เเม่เป็นในวันนั้น เราจึงพยายาม ขอโทษเวลาทะเลาะกันทั้งที่เรายังคิดว่าเราไม่ผิด
เราหางานทำ ไปเรื่อยๆมีบ้างไม่มีบ้าง บางทีน้องก็ขอไปเป็นค่าเรียนพิเศษ
เราก็หามาให้บางทีเค้าไม่มีตังเราก็หามาให้ถึงแม้ว่ามันจะน้อย แต่เราก็พยายามแล้ว
วันหนึ่งเค้ากำลังจะออกจากงานเพราะว่ามีปัญหากับคนในบริษัทแม่เค้าไม่เข้าใจ
เวลาที่เค้ากับแม่เค้าไม่เข้าใจกันเค้าร้องไห้บางทีเรารู้ว่าเค้าจะร้องแต่เค้าไม่ร้อง
เราก็เค้าไปกอดเค้าไปให้กำลังใจเค้าเราไม่เคยซ้ำเติมเค้าจะผิดจะถูกเราก็จะปลอบเค้า
ก่อนเค้ากลับบ้านตอนนั้นเป็นงานรับปริญญาพี่ชายเค้า พ่อแม่ให้ของขวัญพี่ชาย
เค้ากลับมาเค้าก็เล่าให้ฟังเค้าพูดตลอดว่าแม่เค้าคิดว่าเค้าเป็นคนทนอะไรไม่ค่อยได้เค้าเสียใจกับเรา
จะร้องไห้เราก็สงสารมาก จนเราพูดกับพี่เค้านะเราพูดแค่เผินๆ ไม่ได้พูดเจาะจงว่าเป็นเรื่องนี้
พี่เค้าก็ไม่พอใจที่เรายุ่งเรื่องที่บ้านเค้า
มีน้าเค้าอยุ่คนนึงที่รู้เรื่องของเรา เค้าก็แอนตี้เราน้าของเค้าคิดว่าเราจะหลอกเค้า
แล้วเหมือนกับหลังจากที่เค้ารู้เรื่องเหมือนแม่เค้าก็เปลี่ยนไป เราเองก็ไม่รู้เหตุผล
บางทีก็อยากจะคุยกับฝ่ายเค้าทั้งหมดเลยว่าเรื่องมันเป็นยังไง
เราไม่อยากให้เค้าเข้าใจเราผิด ไม่อยากให้เค้ามองเราเป็นคนที่เห็นแก่เงินหรือ จะหลอกใช้ลูกเค้า
เค้าเองก็บอกเราว่าตอนนี้เราทำไรไม่ได้หรอก นอกจากอยู่เฉยๆแล้วรอเราเรียนจบ
ต้องพยายามทำให้เค้าเห็นว่าเราไม่ได้เป็นอย่างที่เค้าคิดกัน
จนวันนึงเราไม่สบายหนัก เราก็ไปหาหมอคนเดียวนะไม่บอกใคร
เราไม่รับรู้ด้วยซ้ำว่าเราเป็นอะไรจนเราไปหาหมอๆถึงบอกว่าเราแท้ง
ว่าเราเป็นนิ่วด้วย ทางเดินอาหารส่วนเนี้ยมันรวนนะ จนป่านนี้เราก็ยังไม่ไปเอาออก
หมอเองบอกว่า ถ้าปล่อยไว้มันก็จะโตขึ้นมันไม่สามารถขับออกมาได้ มันจะเป็นเรื่องใหญ่ไปกว่านี้
เราไม่กล้าบอกใครเราเก็บทุกๆอย่างไว้
จนวันที่เค้ารับปริญญา เราพยายามหาของขวัญให้เค้า
เค้าบอกเค้าอยากได้เสีอถักไหมพรมนานแล้ว เราจะทำให้เเต่ว่าตัวเราเองก็ไม่มีเวลา
เราก็เลยตัดสินใจจ้างตากล้องเป็นของขวัญพอถึงวันซ้อมเรามากับพี่ตากล้อง
เราก็นั่งรอเค้าจน7โมง15เราจ้างเค้ามาเเค่ครึ่งวันตามทรัพย์ที่เรามี เค้ามาถึงกินข้าวกันเสร็จก็เริ่มถ่าย
เค้าหาเพื่อนระหว่างทางก็ถ่าย (เพื่อนผู้ชายเค้าเราพูดคุยกันได้มากกว่าเพื่อนเราอีก)
พอซักพักเพื่อนผู้หญิงเค้าก็โทรเค้ามา เราก็รับนะเค้าบอกอยู่ตรงนั้น ซึ่งมันก็ไกล
เราก็บอกเค้านะว่าเดินมาตรงนี้ได้ไหมเค้าก็แปปนึงเค้าจอดรถก่อนวางสายเสร็จ
พี่ตากล้องบอกนี้มันจะหมดเวลาของพี่นะเเต่รูปที่ได้มันน้อยมาก เร่งแฟนเราให้ถ่ายหน่อย เราชวนถ่ายทั้งกับเพื่อนเเละก็เรา
จนโทรศัพดังขึ้นอีกเราก็บอกว่าเราอยู่ที่เดิมเเล้วเค้าก็วางสายไป
พี่เค้าก็ถามใครโทรมาเราก็อธิบายให้ฟัง เค้าก็เหมือนกำลังจะเดินไป
เพื่อนผู้ชายเค้าก็อยู่ตรงนั้นเราก็บอกเออเดี๋ยวเราไปรับให้
เค้าก็เดินไปหาเพื่อนเค้าเรากับพี่ผู้ชายก็งงแล้วเราก็เดินไปเค้าก็ถ่ายรูปกันไป
เพื่อนผู้ชายเค้าโทรมาเร่งเราให้เค้าไปถ่ายรูปหมู่
เราก็เร่งเค้าจนรู้ละว่าเค้าไม่พอใจเราพอตอนเดินไปเค้าบอกว่าเราเห็นแก่ตัวไม่ชอบ
แต่ก็บอกนะว่าเพื่อนเค้าโทรมาเร่งเองเค้าก็ไม่ฟัง เข้าหอประชุมนานมากเราหิวข้าวนะ
เราก็ไปกินแต่เราอะเอาตังเค้าจ่าย
พอออกจากหอประชุมเราแกล้งบอกเค้าว่าเรายังไม่ได้กินข้าว เพราะตอนนั้นมันก็เย็นแล้วเราก็อยากอยู่กับเค้า
เค้าก็ขอกระเป๋าตังที่เข้าฝากไว้เค้าก็ถามอะว่าตังเค้าหายไปไหนเราก็เลยบอกเรายังไม่ได้กดตังเราเลยเอาตังเค้าจ่าย
เค้าถามนะว่าวันรับจริงเรามีตังเท่าไหร่
เรามีอยู่พันแต่เราจะซื้อดอกไม้ให้เค้า เราเลยบอก300
แล้วเค้าก็เลยบอกทำไมไม่บอกเรื่องเอาตังไปอย่างนี้มันเรียกว่า ขโมยนะ
เราก็ต้องบอกด้วยหรอเพราะอยู่ด้วยกันทุกวันนี้เราก็หยิบตังเค้าปรกตินะเหมือนใช้กระเป๋าตังเดียวกันแล้ว
จนเค้าแบบไม่อยากพูดกับเราทั้งๆที่เค้าควรจะฟังเราจนเค้าขอเลิกเรา
เราก็ไม่สบายใจจึงโทรไปขอโทษเพื่อนเค้าด้วยเพื่อให้เค้าสบายใจว่าเรารับผิดจริงๆที่ทำกิริยาไม่ดี
วันนั้นโดนว่า ทั้งหาว่าขโมย ทั้งไม่เห็นแก่หน้าเค้า เห็นแก่ตัว
เราก็พยายามจะแก้ไขในสิ่งที่เราคิดว่ามันต้องมีอะไรเข้าใจผิดแน่ๆ
พอโทรศัพหาเค้าเลยจะเลิกอย่างเดียวเราก็เสียใจเพื่อนเค้าเองก็บอกนะว่าจะช่วยคุยให้
จนเราฟูมฟายมากอะเหมือนเราพยายามตั้งใจทำให้เค้าก็ไม่ชอบ
พอวันรุ่งขึ้นเค้ารับโทรศัพและบอกจะให้โอกาส เราก็ขอโทษเค้าอะ
วันรับจริง พ่อแม่พี่เค้ามาเราก็ปรกติของเรา แต่เราดูจากหลายๆอย่างที่ทำให้เราคิดว่า เค้าคงไม่ชอบเราแล้วละ
ตัวเค้าเองเดินไปถ่ายรูปกับคนที่เค้าเคยชอบ(คนนี้เป็นคนที่เค้าเคยชอบแล้วเราเคยเห็นทะเลาะกันเรื่องคนนี้ด้วย)
ตอนแรกเราก็ตกใจนะแต่เราก็เฉยๆอะไม่คิดไร
เพื่อนเค้าคนอื่นๆออกมา เค้าก็ถ่ายรูปพร้อมใบปริญญากับแฟน เดินกอดกัน ห้อมแก้มกัน
เราคิดว่าเค้าจะทำอย่างนี้บ้างไหม อย่างน้อยถ่ายรูปกับเราบ้าง
เรารอเค้าพูดนะจนสุดท้ายเค้าก็เดินไปถ่ายกับเพื่อน ไม่ได้ถ่ายกับเราเลย
แล้วก็ไปกินข้าว แยกย้ายกันกลับ
ตอนกลับเราก็กลับเค้ากลับ เค้าก็ไปกับพ่อแม่เค้า ส่วนเราต้องขอติดรถเพื่อนเค้ากลับ
เพื่อนเค้าก็ถามเหตุการณ์ต่างๆ เราก็เล่าให้ฟัง เค้าก็ปลอบเราทั้งๆที่เราพยายามจะไม่ร้องไห้ละ
จนถึงบ้านเราเอาโน็ตบุ๊คเปิดดูเราไม่มีรหัสเค้า แต่เค้าเคยเข้าเฟสเค้าในโน๊ตบุ๊คเราแล้วเราไม่ล็อคเอ้าท์ออกให้เค้า
เราเห็นเค้าเอาเรื่องทุกอย่างภายในบานเราไปพูดกับคนที่เค้าเคยชอบ เราเสียใจ
เค้ารู้ว่าเราเห็นเค้าก็ขอโทษ เราก็ได้แต่บอกว่าไม่เป็นไร เราเป็นคนผิดเองตั้งแต่ต้น มันเป็นเวรของเราเอง
อยากให้เค้าเปิดโอกาสให้เราใหม่โดยที่ไม่ต้องมาพูดเรื่องพวกนี้อีก
เราเสียใจหนักมาก จนถึงตอนนี้เราก็ไม่กินข้าว กลางคืนร้องไห้
อยู่บ้านเราไม่พูดกับใครเลยเค้าก็คุยกับเราดีในใจเราก็ยังคงตั้งคำถามว่าเค้าให้โอกาสเราจริงหรอ
เพราะก็เหมือนเค้าเองก็ไม่สนใจอะไรเราเลย คุยกันน้อยมาก เราก็ทรมาณร้องไห้ไปคุยไป
ได้แต่คิดว่า ขอให้มันหมดเวรกรรมนี้ไปเถอะ ขอให้เค้าเห็นใจเราและพ่อแม่เราบ้าง
ก็ได้แต่หวัง..........