สวัสดีครับ ผมไม่มีอะไรมากแค่อยากมาเล่าสิ่งที่อยู่ในใจผม สิ่งที่ทำให้ผมเกือบเป็นคนวิกลจริต เกือบทำให้ผมต้องจบชีวิตตัวเอง ผมเป็นเด็กอายุพึ่ง 19ปี รูปร่างหน้าตาโอเค ฐานะพอมีพอกิน ชีวิตไม่หวือหวาอะไรเลย ส่วนครอบครัวผมก็...เอาเป็นว่าติดลบแล้วกันนะครับน่าจะรู้ๆกัน เรื่องนี้จะมองว่าผมบ้าหรือปัญญาอ่อนยังไงก็ได้ครับ☺️😌
ประเด็นหลักคือเรื่องความรักครับ ส่วนตัวเองมีแฟนมาแล้ว2คน คนที่3คือคนที่ในเรื่องนี้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี2024 ผมได้รักกับผู้หญิงคนหนึ่ง (ซึ่งเราคบกันมาเกือบ 2ปี) เธออายุน้อยกว่าผมประมาณ4ปี เราสองคนอยู่โรงเรียนเดียวกัน แน่พวกเราทั้งคู่ยังถือว่าเด็กโดยเฉพาะเธอคนนั้น เธอเป็นคนน่ารักมากอีกทั้งสดใส และอัธยาศัยดี ส่วนผมเป็นเหมือนพี่ชายต้องดูแลน้องสาวตัวเล็กๆ หรือบางทีก็เหมือน พ่อกับลูกสาว คือผมเป็นคนเงียบๆขรึมๆอ่ะนะ😅 แต่เป็นคนที่รักและห่วงใยคนของตัวเองเสมอ แต่แค่ไม่ค่อยพูด เราสองคนต่างมีเรื่องไม่เข้าใจกัน ผิดใจกัน ต่างคนต่างมีอีโก้ของตัวเอง(และดูเหมือนผมจะเยอะกว่า) แต่ก็ผลัดกันยอมผลัดกันด่า แต่บางครั้งผมก็ยอมเค้าบ้างด้วยความเป็นผู้ชายเราไม่อยากเอาชนะอีกฝ่ายหรอก(แบบนั้นมันแย่) แน่นอนความรักไม่มีที่ไหนหรอกที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ ระหว่างทางยังไงก็ต้องมีปัญหากัน ผมกับเธอทะเลาะกันหนักขึ้นมากหลัง 1ปี คือบางครั้งผมมักจะพูดด้วยคำที่รุนแรงจนเธอร้องไห้ ซึ่งเอาตามตรงผมรู้สึกผิดมากๆ ที่เป็นแบบนี้เพราะความรุนแรงจากคนรักคนก่อนๆ และครอบครัวในอดีตที่มักจะเลี้ยงผมด้วยคำที่แสนจะ...นั่นแหละครับ และอีกสารพัดความรุนแรง แต่โทษคนอื่นไม่ได้ต้องโทษตัวเองที่ EQต่ำ และวุฒิภาวะทางอารมณ์น้อย ทั้งที่ตัวเองเป็นผู้ชายควรจะอดทนและเข้มแข็ง แต่กลับวีนใส่ผู้หญิงแบบนี้
และด้วยความที่ผมอยู่ ม.ปลาย กิจกรรมก็เยอะเป็นธรรมดา เวลาให้เค้าไม่ค่อยมีหรอก แต่อย่างน้อยก็โทรหากันทุกคืน
เลิกเรียนผมก็ไปส่งที่บ้านเค้าเกือบทุกวันคือบ้านเค้าเป็นร้านอาหารตามสั่งด้วย แม่เค้าก็รู้ว่าเราคบกัน และผมบอกเลยว่าแม่เธอใจดีมาก ท่านทำเหมือนกับผมเป็นลูกคนนึงเลย เลี้ยงข้าวน้ำขนม ผมก็มีช่วยงานท่านบ้างนะเล็กๆน้อยๆ แบบว่าช่วยขายของ หรือช่วยแพ็คพวกผัก เพราะเช้ามืดแกไปขายของที่ตลาด
ส่วนผมเลิกกับเธอยังไงหรอ คือเธอเบื่อและเอือมกับนิสัยผมครับ อย่างที่บอกไปผมชอบเผลอพูดแรงใส่เธอ และไม่ค่อยรับสายเธอครับ และเวลาเธอมีปัญหาก็ช่วยไม่ค่อยจะได้ บางทีมันเกินกว่าที่ผมเข้าใจ ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ แต่อันไหนผมช่วยได้ผมช่วยนะด้วยความเต็มใจ แต่บางทีไม่รู้เธอร้องไห้มาแต่ไหน ทักโทรหาผมก็ไม่ค่อยจะตอบจะรับ บางทีผมก็เมินเธอ (ผู้ชายที่แย่ที่สุดในหลายพันล้านคนคือผมเอง)
คือผมปลอบคนไม่เป็นครับ และทั้งชีวิตไม่มีใครปลอบผมตอนผมร้องไห้ นั่นเลยทำให้ผมกลายเป็นคนแข็งกระด้าง เย็นชา
หรือแทบไร้ความรู้สึก แต่ไม่ใช่ผมไม่มีหัวใจนะ แต่ผมแค่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง เพราะผมไม่เคยได้สิ่งนี้จากใคร แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้สะทีเดียว ก็มีเธอคนนี้แหละครับที่คอยอยู่ข้างๆผมตลอดในตอนที่ผม เป็นทุกข์ หรือร้องไห้เสียใจอะไรมา และผมชอบเป็นแบบนี้ตอนดึกๆด้วย ไม่รู้ทำไม
และเธอจะเรียกให้ผมไปหาตอนผมเป็นแบบนี้ และผมก็ยิ่งรักเธอมากขึ้นไปทุกวันๆ
มันรักมาก จนบอกเป็นคำพูดไม่ได้
และนิสัยปากร้าย ขี้วีน ของผมมันก็ค่อยๆลดน้อยไปเรื่อยๆ (ถึงมันจะมีอยู่ก็เถอะครับ)เธอมักจะสอนผมตลอด ว่าทำอะไรให้มันดีๆ วุฒิภาวะทางอารมณ์ให้มันมีบ้าง ควบคุมตัวเองให้มันได้
ผมคิดในใจว่าแม่เธอต้อง สอนมาดีขนาดไหนลูกสาวถึงทัศนคติดีขนาดนี้ เธออายุเท่านี้เอง
คือตอนเล่นจะเหมือนเด็กมากแต่ถ้าจริงจังเมื่อไหร่เหมือนผู้ใหญ่อายุ30
2-3 เดือนผ่านไป
ผมได้มาทำงานอยู่ที่บ้านเธอประมาณ 2-3 เดือน และผมก็ได้งานใหม่ที่ร้านสะดวกซื้อ 24ชม.ในสาขาที่มันใกล้กับแม่ผมทำงาน คือแม่กับผมอยู่คนละที่(ห่างจากที่ผมอยู่ตอนเรียนกับทำงานบ้านแฟน 70กิโลได้
(ผมเรียนต่อมหาลัยได้แต่ผมไม่อยากให้ที่บ้านผมต้องมาลำบาก เพราะแม่ผมท่านก็หาเงินคนเดียว แถมต้องดูแลน้องสาวผมกับพ่อแก(คุณตาผม) แค่นี้ท่านก็แทบลากเลือดแล้ว)
หลังจากนั้นเราก็ไกลกัน แต่ผมไปหาแทบทุกวันหยุดที่ร้านจัดให้ คืออย่างน้อยก็ได้เจอได้คุยกัน
แต่เรื่องที่ทำให้เราต้องจากกัน มันก็เพราะ
สิ่งที่สั่งสมมาครับ
เธอบอกว่าผม ไม่ค่อยสนใจเธออยู่บ่อยๆ
ไม่ค่อยปลอบตอนเธอเสียใจ ไม่ค่อยอยู่ด้วยตอนที่เธอต้องการ เธอเลยขอออกไปจากชีวิตผม และจบแค่นี้ เธอบอกว่า อยากอยู่คนเดียวไปอีกนานจนกว่าจะเรียนมหาลัย และคบแบบจริงจัง
เอาตามตรงนะตอนนั้น ผมแทบบ้า ทำอะไรไม่ถูก ผมเก็บข้าวของจำเป็นยัดกระเป๋าและก็รีบบิดรถ 75กิโล ไปหาเธอ ผมขอร้องเธอทั้งน้ำตา อ้อนวอนขอให้เธอไม่ไปไหน ขอร้องให้เธออยู่กับผม แต่เธอนิ่งใส่ผมได้เย็นชามาก เธอเหมือนไม่มีความรู้สึกอะไรกับผมอีกต่อไปแล้ว
เราอยู่ใกล้แค่ตรงหน้า แต่ใจอยู่คนละภพชาติ
เธอบอกพอแล้ว ไม่เอาแล้ว เหนื่อยมากกับคนแบบผม แต่ตอนนั้นผมไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น สติไม่มีเลย ร้องไห้อยู่หน้าบ้านเธอทั้งคืน จนแม่เธอมาเปิดร้านแล้วเห็นผมนอนอยู่ แกว่าผมเป็นอะไร ผมบอกไปว่าแค่อยากมาหาน้องเค้าเฉยๆ ไม่มีอะไร(แกไม่รู้ว่าเราเลิกกันแล้ว ผมก็ไม่ได้บอก เธอก็ไม่ได้บอก เพราะไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง ไม่อยากให้ท่านต้องมาปวดหัวกับความรักเด็กๆ)
ผมได้ขอนอนที่ร้านนี้เกือบอาทิตย์ อยู่ง้อเธอ จนเหมือนเธอรำคาญและอึดอัดมาก ผมกลับไปดีกว่าไม่อยากอยู่ให้เค้าปวดหัวกับเรา แน่นอนแหละ ผมไม่เต็มใจจะไป แต่ก็ต้องไปเพราะผมไม่อยากให้เธอรำคาญผมมากไปกว่านี้
ผมขับรถกลับไปร้องไห้ไปตลอดทางกว่า70กม. ผมเหนื่อยกายใจไปหมดไม่รู้จะใช้ชีวิตยังไงต่อ
แน่นอนหายไป1อาทิตย์ ผมโดนเชิญออกจากงานแล้วก็ กลายเป็นไอ้โง่ที่ทั้ง โดนคนรักทิ้ง ทั้งตกงาน ผมไม่ทำอะไรเลยตอนนั้น นอนทั้งวัน นอนอย่างเดียว ข้าวน้ำไท่กิน ตกดึกก็สะดุ้งตื่นมาร้องไห้ เป็นแบบนี้มาเกือบเดือน ผมเชื่อว่ามีใครหลายคนคงเข้าใจที่เจอเรื่องราวคล้ายๆผม คงจะเข้าใจดีว่ามันทรมานขนาดไหน เพราะเธอเป็นเหมือนโลกทั้งใบของผม เป็นยอดดวงใจของผม จนมีวันหนึ่งผมเหมือนคนไม่มีสติอะไรแล้ว ผมได้ไปนั่งที่ขอบสะพานข้ามแม่น้ำแห่งหนึ่ง ตอนดึกคนเดียว คิดว่าตกลงไปไม่มีใครรู้แน่นอน น้ำทั้งลึกทั้งไหลเชี่ยว คิดว่าไม่อยากอยู่แล้วถ้าเป็นแบบนี้ แน่นอนความอดทนของคนเรามีจำกัด เธอคนนั้นก็ด้วย ไม่มีใครทนกับสิ่งแย่ๆเดิมๆได้
อนาคตก็ไม่มีเหมือนคนอื่น เงินก็ไม่มี นิสัยก็แย่
จนก็จน คนรักก็ทิ้ง ครอบครัวตัวเองก็....🐃
มีชีวิตแบบนี้ขอไม่อยู่ยังจะดีกว่า
แต่ก่อนผมจะทำอะไรผมร้องไห้อยู่ แล้วก็นั่งไถติ๊กต๊อกไปเรื่อย
(ยังมีอารมณมา์เล่น😅) จนผมไปเจอคลิปของศิลปินท่านหนึ่ง (พี่ ภูมินทร์) ที่พูดถึงเรื่องราวชีวิต ที่ได้ไปเจอผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายแล้วกำลังจะตาย เค้าพูดว่า สิ่งที่กลัวที่สุดไม่ใช่โลกหลังความตาย ยังไงทุกคนก็ต้องตาย แต่สิ่งที่กลัวคือโลกในตอนนี้ ที่มันคอยหลอกหลอนและกัดกิน ทำไมเองที่ยังมีเวลามีแรงถึง ไม่ไปที่ที่ชอบดูก่อน ไม่บอกรักคนที่ยังมีอยู่ ต่างจากข้าที่ไม่มีแรงและรอความตายอย่างเดียว ทำไมถึงไม่ไปหาความสุขทั้งที่ยังมีโอกาส
"จงมีชีวิตเพื่อที่จะได้ใช้ชีวิต"
นี่ก็เริ่มทำให้ผมคิดอะไรได้ขึ้นมาบ้าง
ผมคิดได้แบบนั้นก็ค่อยๆตั้งสติ คิดพิจารณาว่าเราเป็นอะไร กำลังจะทำอะไร
หลังจากนั้นผมก็นอนร้องไห้อยู่ขอบสะพานคนเดียว รู้ตัวอีกทีก็มีแสงอาทิตย์วันใหม่ส่องมาแล้ว จากวันนั้นผมเลย คิดว่าผมน่าจะยังเริ่มใหม่ได้เสมอ ผมยังมีเวลามีแรง ยังมีโอกาสได้ใช้ชีวิตต่อ
ถึงจะลืมความเจ็บปวดในอดีตไม่ได้
แต่เราเลือกที่จะ ไม่คิดถึง ยึดติด ได้
ไม่มีใครทำอะไรใจเราได้ ถ้าเราไม่ทำตัวเอง มีแค่ตัวเราเองที่อยู่กับเราตลอดถึงแม้ชีวิตนี้จะไม่มีใครก็ตาม
อยากเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ ใครที่มีเรื่องทุกข์ใจ ผมอยากให้รู้ว่าคุณมีคนเดียวบนโลกนะ มีความสุขกับชีวิต
ให้มากๆครับ และให้โอกาสกับตัวเองบ้าง
ใช้ชีวิตครับ อย่าให้ชีวิตมันใช้เรา
ไม่รู้ว่าผมพิมพ์มานี้ท่านที่อ่านจะรู้เรื่องหรือได้สาระจากเรื่องนี้รึเปล่า
แต่ขอบคุณมากครับ ที่อ่านมาจนถึงตอนนี้ ขอให้ทุกคนมีความสุขเยอะๆนะครับ
เหนื่อยก็พัก หาของกินที่ชอบ
อย่าไปคง อย่าไปเครียดครับ🙏
ความรัก กับ ชีวิต
ประเด็นหลักคือเรื่องความรักครับ ส่วนตัวเองมีแฟนมาแล้ว2คน คนที่3คือคนที่ในเรื่องนี้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี2024 ผมได้รักกับผู้หญิงคนหนึ่ง (ซึ่งเราคบกันมาเกือบ 2ปี) เธออายุน้อยกว่าผมประมาณ4ปี เราสองคนอยู่โรงเรียนเดียวกัน แน่พวกเราทั้งคู่ยังถือว่าเด็กโดยเฉพาะเธอคนนั้น เธอเป็นคนน่ารักมากอีกทั้งสดใส และอัธยาศัยดี ส่วนผมเป็นเหมือนพี่ชายต้องดูแลน้องสาวตัวเล็กๆ หรือบางทีก็เหมือน พ่อกับลูกสาว คือผมเป็นคนเงียบๆขรึมๆอ่ะนะ😅 แต่เป็นคนที่รักและห่วงใยคนของตัวเองเสมอ แต่แค่ไม่ค่อยพูด เราสองคนต่างมีเรื่องไม่เข้าใจกัน ผิดใจกัน ต่างคนต่างมีอีโก้ของตัวเอง(และดูเหมือนผมจะเยอะกว่า) แต่ก็ผลัดกันยอมผลัดกันด่า แต่บางครั้งผมก็ยอมเค้าบ้างด้วยความเป็นผู้ชายเราไม่อยากเอาชนะอีกฝ่ายหรอก(แบบนั้นมันแย่) แน่นอนความรักไม่มีที่ไหนหรอกที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ ระหว่างทางยังไงก็ต้องมีปัญหากัน ผมกับเธอทะเลาะกันหนักขึ้นมากหลัง 1ปี คือบางครั้งผมมักจะพูดด้วยคำที่รุนแรงจนเธอร้องไห้ ซึ่งเอาตามตรงผมรู้สึกผิดมากๆ ที่เป็นแบบนี้เพราะความรุนแรงจากคนรักคนก่อนๆ และครอบครัวในอดีตที่มักจะเลี้ยงผมด้วยคำที่แสนจะ...นั่นแหละครับ และอีกสารพัดความรุนแรง แต่โทษคนอื่นไม่ได้ต้องโทษตัวเองที่ EQต่ำ และวุฒิภาวะทางอารมณ์น้อย ทั้งที่ตัวเองเป็นผู้ชายควรจะอดทนและเข้มแข็ง แต่กลับวีนใส่ผู้หญิงแบบนี้
และด้วยความที่ผมอยู่ ม.ปลาย กิจกรรมก็เยอะเป็นธรรมดา เวลาให้เค้าไม่ค่อยมีหรอก แต่อย่างน้อยก็โทรหากันทุกคืน
เลิกเรียนผมก็ไปส่งที่บ้านเค้าเกือบทุกวันคือบ้านเค้าเป็นร้านอาหารตามสั่งด้วย แม่เค้าก็รู้ว่าเราคบกัน และผมบอกเลยว่าแม่เธอใจดีมาก ท่านทำเหมือนกับผมเป็นลูกคนนึงเลย เลี้ยงข้าวน้ำขนม ผมก็มีช่วยงานท่านบ้างนะเล็กๆน้อยๆ แบบว่าช่วยขายของ หรือช่วยแพ็คพวกผัก เพราะเช้ามืดแกไปขายของที่ตลาด
ส่วนผมเลิกกับเธอยังไงหรอ คือเธอเบื่อและเอือมกับนิสัยผมครับ อย่างที่บอกไปผมชอบเผลอพูดแรงใส่เธอ และไม่ค่อยรับสายเธอครับ และเวลาเธอมีปัญหาก็ช่วยไม่ค่อยจะได้ บางทีมันเกินกว่าที่ผมเข้าใจ ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ แต่อันไหนผมช่วยได้ผมช่วยนะด้วยความเต็มใจ แต่บางทีไม่รู้เธอร้องไห้มาแต่ไหน ทักโทรหาผมก็ไม่ค่อยจะตอบจะรับ บางทีผมก็เมินเธอ (ผู้ชายที่แย่ที่สุดในหลายพันล้านคนคือผมเอง)
คือผมปลอบคนไม่เป็นครับ และทั้งชีวิตไม่มีใครปลอบผมตอนผมร้องไห้ นั่นเลยทำให้ผมกลายเป็นคนแข็งกระด้าง เย็นชา
หรือแทบไร้ความรู้สึก แต่ไม่ใช่ผมไม่มีหัวใจนะ แต่ผมแค่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง เพราะผมไม่เคยได้สิ่งนี้จากใคร แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้สะทีเดียว ก็มีเธอคนนี้แหละครับที่คอยอยู่ข้างๆผมตลอดในตอนที่ผม เป็นทุกข์ หรือร้องไห้เสียใจอะไรมา และผมชอบเป็นแบบนี้ตอนดึกๆด้วย ไม่รู้ทำไม
และเธอจะเรียกให้ผมไปหาตอนผมเป็นแบบนี้ และผมก็ยิ่งรักเธอมากขึ้นไปทุกวันๆ
มันรักมาก จนบอกเป็นคำพูดไม่ได้
และนิสัยปากร้าย ขี้วีน ของผมมันก็ค่อยๆลดน้อยไปเรื่อยๆ (ถึงมันจะมีอยู่ก็เถอะครับ)เธอมักจะสอนผมตลอด ว่าทำอะไรให้มันดีๆ วุฒิภาวะทางอารมณ์ให้มันมีบ้าง ควบคุมตัวเองให้มันได้
ผมคิดในใจว่าแม่เธอต้อง สอนมาดีขนาดไหนลูกสาวถึงทัศนคติดีขนาดนี้ เธออายุเท่านี้เอง
คือตอนเล่นจะเหมือนเด็กมากแต่ถ้าจริงจังเมื่อไหร่เหมือนผู้ใหญ่อายุ30
2-3 เดือนผ่านไป
ผมได้มาทำงานอยู่ที่บ้านเธอประมาณ 2-3 เดือน และผมก็ได้งานใหม่ที่ร้านสะดวกซื้อ 24ชม.ในสาขาที่มันใกล้กับแม่ผมทำงาน คือแม่กับผมอยู่คนละที่(ห่างจากที่ผมอยู่ตอนเรียนกับทำงานบ้านแฟน 70กิโลได้
(ผมเรียนต่อมหาลัยได้แต่ผมไม่อยากให้ที่บ้านผมต้องมาลำบาก เพราะแม่ผมท่านก็หาเงินคนเดียว แถมต้องดูแลน้องสาวผมกับพ่อแก(คุณตาผม) แค่นี้ท่านก็แทบลากเลือดแล้ว)
หลังจากนั้นเราก็ไกลกัน แต่ผมไปหาแทบทุกวันหยุดที่ร้านจัดให้ คืออย่างน้อยก็ได้เจอได้คุยกัน
แต่เรื่องที่ทำให้เราต้องจากกัน มันก็เพราะ
สิ่งที่สั่งสมมาครับ
เธอบอกว่าผม ไม่ค่อยสนใจเธออยู่บ่อยๆ
ไม่ค่อยปลอบตอนเธอเสียใจ ไม่ค่อยอยู่ด้วยตอนที่เธอต้องการ เธอเลยขอออกไปจากชีวิตผม และจบแค่นี้ เธอบอกว่า อยากอยู่คนเดียวไปอีกนานจนกว่าจะเรียนมหาลัย และคบแบบจริงจัง
เอาตามตรงนะตอนนั้น ผมแทบบ้า ทำอะไรไม่ถูก ผมเก็บข้าวของจำเป็นยัดกระเป๋าและก็รีบบิดรถ 75กิโล ไปหาเธอ ผมขอร้องเธอทั้งน้ำตา อ้อนวอนขอให้เธอไม่ไปไหน ขอร้องให้เธออยู่กับผม แต่เธอนิ่งใส่ผมได้เย็นชามาก เธอเหมือนไม่มีความรู้สึกอะไรกับผมอีกต่อไปแล้ว
เราอยู่ใกล้แค่ตรงหน้า แต่ใจอยู่คนละภพชาติ
เธอบอกพอแล้ว ไม่เอาแล้ว เหนื่อยมากกับคนแบบผม แต่ตอนนั้นผมไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น สติไม่มีเลย ร้องไห้อยู่หน้าบ้านเธอทั้งคืน จนแม่เธอมาเปิดร้านแล้วเห็นผมนอนอยู่ แกว่าผมเป็นอะไร ผมบอกไปว่าแค่อยากมาหาน้องเค้าเฉยๆ ไม่มีอะไร(แกไม่รู้ว่าเราเลิกกันแล้ว ผมก็ไม่ได้บอก เธอก็ไม่ได้บอก เพราะไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง ไม่อยากให้ท่านต้องมาปวดหัวกับความรักเด็กๆ)
ผมได้ขอนอนที่ร้านนี้เกือบอาทิตย์ อยู่ง้อเธอ จนเหมือนเธอรำคาญและอึดอัดมาก ผมกลับไปดีกว่าไม่อยากอยู่ให้เค้าปวดหัวกับเรา แน่นอนแหละ ผมไม่เต็มใจจะไป แต่ก็ต้องไปเพราะผมไม่อยากให้เธอรำคาญผมมากไปกว่านี้
ผมขับรถกลับไปร้องไห้ไปตลอดทางกว่า70กม. ผมเหนื่อยกายใจไปหมดไม่รู้จะใช้ชีวิตยังไงต่อ
แน่นอนหายไป1อาทิตย์ ผมโดนเชิญออกจากงานแล้วก็ กลายเป็นไอ้โง่ที่ทั้ง โดนคนรักทิ้ง ทั้งตกงาน ผมไม่ทำอะไรเลยตอนนั้น นอนทั้งวัน นอนอย่างเดียว ข้าวน้ำไท่กิน ตกดึกก็สะดุ้งตื่นมาร้องไห้ เป็นแบบนี้มาเกือบเดือน ผมเชื่อว่ามีใครหลายคนคงเข้าใจที่เจอเรื่องราวคล้ายๆผม คงจะเข้าใจดีว่ามันทรมานขนาดไหน เพราะเธอเป็นเหมือนโลกทั้งใบของผม เป็นยอดดวงใจของผม จนมีวันหนึ่งผมเหมือนคนไม่มีสติอะไรแล้ว ผมได้ไปนั่งที่ขอบสะพานข้ามแม่น้ำแห่งหนึ่ง ตอนดึกคนเดียว คิดว่าตกลงไปไม่มีใครรู้แน่นอน น้ำทั้งลึกทั้งไหลเชี่ยว คิดว่าไม่อยากอยู่แล้วถ้าเป็นแบบนี้ แน่นอนความอดทนของคนเรามีจำกัด เธอคนนั้นก็ด้วย ไม่มีใครทนกับสิ่งแย่ๆเดิมๆได้
อนาคตก็ไม่มีเหมือนคนอื่น เงินก็ไม่มี นิสัยก็แย่
จนก็จน คนรักก็ทิ้ง ครอบครัวตัวเองก็....🐃
มีชีวิตแบบนี้ขอไม่อยู่ยังจะดีกว่า
แต่ก่อนผมจะทำอะไรผมร้องไห้อยู่ แล้วก็นั่งไถติ๊กต๊อกไปเรื่อย
(ยังมีอารมณมา์เล่น😅) จนผมไปเจอคลิปของศิลปินท่านหนึ่ง (พี่ ภูมินทร์) ที่พูดถึงเรื่องราวชีวิต ที่ได้ไปเจอผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายแล้วกำลังจะตาย เค้าพูดว่า สิ่งที่กลัวที่สุดไม่ใช่โลกหลังความตาย ยังไงทุกคนก็ต้องตาย แต่สิ่งที่กลัวคือโลกในตอนนี้ ที่มันคอยหลอกหลอนและกัดกิน ทำไมเองที่ยังมีเวลามีแรงถึง ไม่ไปที่ที่ชอบดูก่อน ไม่บอกรักคนที่ยังมีอยู่ ต่างจากข้าที่ไม่มีแรงและรอความตายอย่างเดียว ทำไมถึงไม่ไปหาความสุขทั้งที่ยังมีโอกาส
"จงมีชีวิตเพื่อที่จะได้ใช้ชีวิต"
นี่ก็เริ่มทำให้ผมคิดอะไรได้ขึ้นมาบ้าง
ผมคิดได้แบบนั้นก็ค่อยๆตั้งสติ คิดพิจารณาว่าเราเป็นอะไร กำลังจะทำอะไร
หลังจากนั้นผมก็นอนร้องไห้อยู่ขอบสะพานคนเดียว รู้ตัวอีกทีก็มีแสงอาทิตย์วันใหม่ส่องมาแล้ว จากวันนั้นผมเลย คิดว่าผมน่าจะยังเริ่มใหม่ได้เสมอ ผมยังมีเวลามีแรง ยังมีโอกาสได้ใช้ชีวิตต่อ
ถึงจะลืมความเจ็บปวดในอดีตไม่ได้
แต่เราเลือกที่จะ ไม่คิดถึง ยึดติด ได้
ไม่มีใครทำอะไรใจเราได้ ถ้าเราไม่ทำตัวเอง มีแค่ตัวเราเองที่อยู่กับเราตลอดถึงแม้ชีวิตนี้จะไม่มีใครก็ตาม
อยากเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ ใครที่มีเรื่องทุกข์ใจ ผมอยากให้รู้ว่าคุณมีคนเดียวบนโลกนะ มีความสุขกับชีวิต
ให้มากๆครับ และให้โอกาสกับตัวเองบ้าง
ใช้ชีวิตครับ อย่าให้ชีวิตมันใช้เรา
ไม่รู้ว่าผมพิมพ์มานี้ท่านที่อ่านจะรู้เรื่องหรือได้สาระจากเรื่องนี้รึเปล่า
แต่ขอบคุณมากครับ ที่อ่านมาจนถึงตอนนี้ ขอให้ทุกคนมีความสุขเยอะๆนะครับ
เหนื่อยก็พัก หาของกินที่ชอบ
อย่าไปคง อย่าไปเครียดครับ🙏