เศรษฐกิจติดหล่มการเมือง ลากยาวถึงปี′57 S&P จ่อหั่นเครดิต

ธุรกิจนักลงทุนไม่วางใจ จับตาศึกการเมืองสงบชั่วคราวรอปะทุรอบใหม่ นานาชาติเกาะติด คลังยอมรับ "เอสแอนด์พี" ส่งสัญญาณจ่อปรับลดอันดับเครดิตเรตติ้งไทย เผยปมขัดแย้งทำกำลังซื้อทั้งระบบเดี้ยง ยอดขายวูบ "อสังหาฯ-ศูนย์การค้า-แฟชั่น-อาหาร" แจ็กพอตยกแผง ส่งออก-ท่องเที่ยวไฮซีซั่นเจ็บหนัก ฉุดจีดีพีหด 1.5% ผวาเศรษฐกิจไทยทรุดยาวถึงปี"57


สถานการณ์ทางการเมืองที่ตึงเครียดทำให้นักธุรกิจนักลงทุน และประชาชนทั่วไปมั่นใจมากนัก เกรงความขัดแย้งจะปะทุรอบใหม่ ที่น่าห่วงคือปัจจัยการเมืองส่งผลกระทบธุรกิจหลากหลายสาขาในวงกว้างมากขึ้น หลายประเทศส่งสัญญาณแสดงความวิตกกังวล ขณะที่บริษัทจัดอันดับเรตติ้งก็เฝ้าจับตามองและมีแนวโน้มจะปรับลดอันดับความ น่าเชื่อถือของประเทศลง

S&P เตือนปรับลดเรตติ้ง

นาย รังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ปัญหาการชุมนุมทางการเมืองส่งผลกระทบเศรษฐกิจ 3 ระยะ 1) ระยะสั้น กระทบชัดเจนด้านรายได้จากการท่องเที่ยว 2) ระยะกลาง ภาคเอกชนจะชะลอการลงทุน โดยเฉพาะการนำเข้า-ส่งออก เพราะไม่แน่ใจว่าเหตุการณ์จะยืดเยื้อหรือไม่ และ 3) ระยะยาว ประเทศไทยเสี่ยงจะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ (เครดิตเรตติ้ง) จากปัจจุบันอยู่ที่ BBB+

"ตอนนี้บริษัทจัดอันดับ "เอสแอนด์พี"ได้ส่งสัญญาณเตือนมาแล้วว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่สงบเป็นเวลานานอาจปรับลดเรตติ้ง ทำให้นักลงทุนไม่กล้ามาลงทุน และต้นทุนการกู้เงินของประเทศสูงขึ้น"

นอก จากนี้การที่กระทรวงการคลังถูกยึด แม้เจ้าหน้าที่จะหาวิธีปฏิบัติงานได้ แต่ไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งภารกิจการคลังต้องตอบสนองต่อทุกส่วนราชการ ทั้งการเบิกจ่าย และการจัดเก็บรายได้ จึงขอวิงวอนกลุ่มผู้ชุมนุมยอมให้ข้าราชการเข้าทำงาน อย่างน้อยก่อนวันที่ 5 ธ.ค.นี้


ศก.โตต่ำกว่า 3% ลงทุนชะลอ

นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่าสถานการณ์การเมืองขณะนี้กระทบเศรษฐกิจมากขึ้นเรื่อย ๆ ปี 2556 นี้อาจเติบโตไม่ถึง 3% จากที่เคยคาดไว้ที่ 3.7% เนื่องจากการใช้จ่ายภาครัฐและการท่องเที่ยวที่เคยมองว่าจะช่วยกระตุ้นทดแทน ภาคส่งออกกระทบด้วย โดยคลังจะปรับประมาณการเศรษฐกิจใหม่ปลายเดือน ธ.ค.นี้ ขณะเดียวกันปัจจุบัน 34 ประเทศได้ประกาศเตือนปัจจัยเสี่ยงการเมืองในประเทศไทย ซึ่งมีสัดส่วนถึง 65% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวเมืองไทยทั้งหมด

นอกจากนี้ สศค.กังวลว่าจะกระทบถึงเศรษฐกิจปีหน้าด้วย เพราะทำให้แรงผลักดันให้เกิดการลงทุนน้อยลง จากที่คาดหวังว่าการลงทุนภาครัฐจะเป็นพระเอก โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท ที่จะเบิกจ่ายมากกว่า 1 แสนล้านบาทในปี 2557 ซึ่งจะเป็นตัวนำเอกชนให้ลงทุนตาม แต่หากภาครัฐยังมีปัญหา เอกชนก็จะชะลอการลงทุน ส่วนการส่งออกปีหน้าคาดว่าจะดีขึ้น แต่ขึ้นกับปัจจัยเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก

"สศค.คาด ว่าปีหน้าจะเติบโตถึง 5% ที่สำคัญหากไทยถูกลดเรตติ้ง การระดมทุนจากต่างประเทศก็จะมีต้นทุนสูงขึ้น ทั้งการกู้ของเอกชน และหากรัฐจำเป็นต้องกู้เงินมาใช้ในโครงการ 2 ล้านล้านบาท"

ยันเบิกจ่าย-ด่านศุลกากรปกติแล้ว

ขณะ ที่นายมนัส แจ่มเวลา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยถึงผลกระทบการเมืองต่อการเบิกจ่ายของส่วนราชการว่า ยังไม่มีความผิดปกติ การประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้างโครงการใหญ่ก็ยังเดินหน้าต่อไปได้ ส่วนรายการเล็ก ๆ สามารถเบิกเป็นรายจ่ายงบฯดำเนินงานได้ โดยยังเบิกจ่ายได้เฉลี่ย 7 พันล้านบาท/วัน เช่นเดียวกับที่นายราฆพ ศรีศุภอรรถ อธิบดีกรมศุลกากร ระบุว่าขณะนี้ระบบไอทีของกรมศุลกากรกลับมาปกติทั้งหมดแล้ว

แนะสภาประชาชนลงเลือกตั้ง

นาย ศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม้ความตึงเครียดลดลงในระยะสั้น เพราะหลายฝ่ายพยายามหลีกเลี่ยงความรุนแรง และตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นเล็กน้อยแล้ว แต่ตนยังมองว่าความขัดแย้งยังไม่คลี่คลาย เพราะยังไม่มีทางออกที่ชัดเจน ส่วนข้อเสนอให้จัดตั้ง "สภาประชาชน" อาจทำไม่ได้และผิดรัฐธรรมนูญ

"สำหรับ ผมแล้วทางออกในสถานการณ์นี้คือ นายกฯประกาศยุบสภา จัดเลือกตั้งใหม่ แล้วกลุ่มคุณสุเทพไปตั้งพรรคสภาประชาชนชิงเสียงข้างมากในสภาให้ได้ เพื่อใช้อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติจัดทำกฎหมายจัดตั้งสภาประชาชนตามกระบวนการที่ รัฐธรรมนูญกำหนด"

ขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯช่วงนี้ขยับขึ้น แม้จะไม่มากถึง 1,600 จุดเหมือนต้นปี เนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองตลอดหลายสัปดาห์ ทำให้ความเชื่อมั่นประเทศไทยในสายตานักลงทุนต่างชาติลดลง ส่วนจะถูกลดเครดิตเรตติ้งหรือไม่อาจไม่ใช่เหตุผลหลัก เพราะจะลดเครดิตเรตติ้งได้ต่อเมื่อเศรษฐกิจประเทศเดินไม่ได้จริง ๆ หน่วยงานภาครัฐทำงานไม่ได้เลย ซึ่งในทางปฏิบัติตอนนี้ระบบราชการยังเดินอยู่ แม้จะไม่เต็ม 100% และหากสถานการณ์ยังยืดเยื้อก็อาจทำให้เศรษฐกิจปีหน้าขยายตัวได้เพียง 3%

นานาชาติห่วงเผชิญหน้า

สำนัก ข่าวต่างประเทศหลายสำนักรายงานตรงกันว่า ความตึงเครียดทางการเมืองผ่อนคลายลง หลังตำรวจเปิดทางให้ผู้ชุมนุมเข้าทำเนียบรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า ส่วนสถานการณ์ทั่วไปในกรุงเทพฯเป็นไปตามปกติ

ด้าน สถานทูตสหรัฐประจำประเทศไทยออกแถลงการณ์ล่าสุด แสดงความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดในไทย พร้อมกับประณามการใช้ความรุนแรง นอกจากนี้ยังระบุว่าการประท้วงโดยสงบรวมถึงเสรีภาพในการแสดงออกเป็นองค์ ประกอบสำคัญของประชาธิปไตยเช่นเดียวกับการประสานความต่างผ่านการเจรจา

การเมืองฉุดจีดีพี 1-1.5%

นาย ชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ประธานสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า ประเด็นทางการเมืองไม่ควรเกิดปัญหาความรุนแรง ซึ่งในส่วนของธนาคารมีแผนฉุกเฉินรองรับไว้แล้ว แต่หัวใจพื้นฐานในการดำเนินธุรกิจของธนาคารพาณิชย์มาจากภาวะเศรษฐกิจ ที่ผ่านมาจึงเห็นธนาคารพาณิชย์หลายแห่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยในตลาดลง ตามคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เพื่อลดผลกระทบของลูกค้าและกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ ที่ชี้ว่า ปัญหาการเมืองอาจกระทบเศรษฐกิจประเทศ 1-1.5% แต่เชื่อว่าเป็นผลกระทบระยะสั้น หากสถานการณ์สงบเชื่อว่าการบริโภคภายในจะกลับมาได้ในทันที ส่วนท่องเที่ยวซึ่งถูกกระทบจะกลับมาภายใน 4-5 เดือน ดังนั้นไตรมาส 4 ปีนี้ต้องยอมรับสภาพว่าเศรษฐกิจไทยจะไม่เติบโต

ส.อ.ท.กังวลส่งออก

นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ชี้ว่า การปิดสถานที่ราชการเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อประเทศอย่างมาก และเอกชนเริ่มมีปัญหาในการติดต่อประสานงาน การขอเอกสาร ขอหนังสือรับรอง ขอข้อมูลต่าง ๆ แต่ตอนนี้การทำงานด้านต่าง ๆ เริ่มมีระบบไอทีเข้าช่วยแม้จะติดขัดบ้าง ด้านการส่งออกต้องประเมินต่อไปว่าเหตุการณ์จะยืดเยื้อหรือไม่ หากยืดเยื้อมีผลต่อการส่งออกไตรมาส 1 ปี 2557 แน่

ส.ค้าปลีกฯมองข้ามชอตไปปีหน้า

นาง สาวบุษบา จิราธิวัฒน์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ฉายภาพว่าสถานการณ์ตอนนี้ก็ถือว่าเบาใจได้ในระดับหนึ่ง ที่เริ่มเห็นภาพการคลี่คลายความตึงเครียดทางการเมืองลง เพราะหลาย ๆ ฝ่ายก็ล้วนต่างอยากให้จบลงด้วยดี ส่วนตัวก็หวังว่าจะเป็นความเคลื่อนไหวและภาพที่ดีขึ้น ทำให้บรรยากาศดีขึ้น เพราะปลายปีที่เป็นหน้าขายบวกกับผู้ประกอบการค้าปลีกต่างเพิ่มงบฯการตลาด สำหรับส่งอีเวนต์และกิจกรรมเข้ามากระตุ้นการจับจ่ายในช่วงเทศกาล ซึ่งเชื่อว่าทุกคนยังคงต้องซื้อของขวัญให้กัน

แต่อย่างไรก็ตาม คงไม่มีผลในแง่ของธุรกิจค้าปลีก และคาดว่าการเติบโตคงทำได้ทรงตัวเท่านั้น เนื่องจากสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองเกิดขึ้นในช่วงปลายปีที่เป็นหน้า ขายสำคัญของธุรกิจค้าปลีก และเชื่อว่าทุกคนทุกธุรกิจคงมองข้ามชอตไปสำหรับทำธุรกิจและแผนงานต่าง ๆ ในปีหน้า ซึ่งถึงตอนนั้นก็คงต้องมาประเมินและจับตาสถานการณ์ทิศทางธุรกิจอีกทีว่าจะ เป็นอย่างไร

แฟชั่น-อาหารยอดขายหด

นายดนัย สรไกรกิติกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ-ลิส คอร์ปอเรท จำกัด ผู้นำเข้าแบรนด์ดัง จิมมี่ชูส์, ดันฮิลล์, วาเลนติโน่ และผลิตแบรนด์บูดัวร์, ซัมติงบูดัวร์ระบุว่าช่วง 2 สัปดาห์นี้ ลูกค้าที่เป็นคนไทยหายไปบางส่วน จากปกติยอดขายช่วง 3 เดือนสุดท้ายจะเท่ากับยอดขายของทั้งปี ทำให้ได้รับผลกระทบทั้งรายได้ที่ไม่ถึงเป้า และสินค้าคงเหลือในสต๊อก

นาย ไพศาล อ่าวสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจอาหาร บมจ.โออิชิ กล่าวในทำนองเดียวกันว่า สถานการณ์การเมืองและการปิดห้างใจกลางเมืองในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา แม้ยังไม่กระทบชัดเจน สิ่งที่เห็นคือคนกลับบ้านเร็วขึ้น แต่จากประสบการณ์หากร้านอยู่ในทำเลที่ได้รับผลกระทบ ลูกค้าจะโยกไปใช้บริการในศูนย์อื่น ๆ รอบนอก ซึ่งบริษัทมีร้านอยู่ใจกลางเมือง 10 สาขา จากทั้งหมด 180 สาขา 40-50% เป็นสาขาในต่างจังหวัด ผลกระทบจึงไม่มากนัก

เช่นเดียวกับผลกระทบที่ เกิดกับร้านเอ็มเค นายประวิทย์ ตันติวศินชัย รองกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชีและการเงิน บมจ.เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป กล่าวว่า ร้านอาหารเอ็มเคมีฐานลูกค้ากว้าง ทำให้ได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปีนี้ ทำให้เอ็มเคเติบโต 10% เทียบกับปีที่ผ่านมาโต 17%

ม็อบทุบอสังหาฯ

นายธำรง ปัญญาสกุลวงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า ปัญหาการเมืองขณะนี้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในวงกว้าง การตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยหยุดชะงักเพราะผู้บริโภคไม่มีความเชื่อมั่น แม้ว่าสถาบันการเงินทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ คงต้องดูว่าจะทบทวนถึงแผนการลงทุนในปีหน้าหรือไม่

นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต รองประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาธุรกิจ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัญหาการเมืองส่งผลกระทบต่อยอดขายไตรมาส 4 ซึ่งเป็นไฮซีซั่นของการขาย จากเดิมตั้งเป้ายอดขายไตรมาส 4 ไว้ 5-6 พันล้านบาท คาดว่าจะทำได้ 3 พันล้านบาท

ทั้งนี้ การจัดงาน เพอร์เฟค คอนโด โชว์เคส 2013 ซึ่งตรงกับช่วงมีม็อบ ทำยอดขายได้ 400 ล้านบาท จากเป้า 1,000 ล้านบาทเท่านั้น

ต่างชาติยกเลิกเข้าไทยแล้ว 10%

นาง ปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์ธุรกิจท่องเที่ยวเปราะบางอย่างยิ่ง มีกว่า 40 ประเทศประกาศแจ้งเตือนผู้ที่เดินทางมาประเทศไทย มีนักท่องเที่ยวยกเลิกเดินทางแล้ว 10% และบางส่วนเปลี่ยนรายการนำเที่ยว โดยหลีกเลี่ยงเส้นทางการชุมนุม

ขณะเดียวกันในภาพรวมการท่องเที่ยวก็ เริ่มชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด ที่กระทบมากที่สุดคือ นักท่องเที่ยวเอเชีย โดยเฉพาะกลุ่ม Incentive Travel ส่วนการประชุมสัมมนาและการท่องเที่ยวภายในประเทศ มีการยกเลิกแล้วไม่น้อยกว่า 30% โดยเฉพาะส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ สิ่งที่ภาคเอกชนอยากเรียกร้องคือ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการท่าอากาศยาน (ทอท.) ต้องมีมาตรการสร้างความเชื่อมั่น มีคำชี้แจงที่ชัดเจนถึงการรักษาความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว

ด้าน นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (ทีเส็บ) หรือ สสปน. กล่าวว่า ช่วงเดือนธันวาคมนี้ นักเดินทางส่วนใหญ่นิยมท่องเที่ยวมากกว่ามาเพื่อจุดประสงค์การเข้าร่วมงาน ประชุม สัมมนา ท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล และแสดงสินค้า (ไมซ์) ทำให้ตลาดไมซ์ช่วงนี้ได้รับผลกระทบ

สอดรับกับนายพอลล์ กาญจนพาสน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่นแมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า งานจัดประชุมสัมมนา (ไมซ์) ขนาดเล็กที่จัดในกลางเมืองกรุงเทพฯยกเลิกไปบ้างแล้ว โดยเฉพาะลูกค้าจากต่างประเทศเลื่อนไปจัดงานในปีหน้า

ท่องเที่ยว ตจว.หวั่นกระทบยาว

นาย สราวุฒิ แซ่เตี๋ยว นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ช่วงไฮซีซั่นปีนี้ นักท่องเที่ยวทั้งต่างชาติและคนไทยยังคงเดินทางเข้ามายังเชียงใหม่ตามปกติ ไม่พบการยกเลิกการเดินทางจากเอเยนซี่ทัวร์ หรือยกเลิกการจองห้องพักโรงแรมที่จองไว้ล่วงหน้า

แหล่งที่มา : http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1386312273
ประชาชาติธุรกิจ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่