สอท.เผยส่งออกรถยนต์ ต.ค. 2556 ลดลง 18.09% จากเดือน ก.ย. 2556 ขณะที่ยอดขายในประเทศร่วง 37.7% ชี้เหตุตลาดอิ่มตัวกับ “รถคันแรก” ไปแล้ว พร้อมสรุปยอดทิ้งใบจอง 11% ของทั้งโครงการ “ดีลเลอร์” แบกภาระอ่วม ยอมรับปีนี้พลาดเป้า ลุ้น “มอเตอร์ เอ็กซ์โป” ช่วยกระตุ้นยอดปลายปี
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2556 นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธาน และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) แถลงว่า ยอดผลิตรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนตุลาคม 2556 พบว่ามีทั้งสิ้น 185,117 คัน เป็นระดับที่ต่ำกว่า 2 แสนคันเป็นเดือนที่สาม หรือ ลดลงจากเดือนตุลาคม 2555 ประมาณ 26.59% และลดลงจากเดือนกันยายน 2556 ประมาณ 4.94% ขณะที่จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม-ตุลาคม 2556 มีจำนวนทั้งสิ้น 2,115,375 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.07%
ทั้งนี้จากปริมาณรถยนต์ที่ผลิตได้ในรอบ 10 เดือน ทำให้คาดว่าปริมาณการผลิตรถยนต์ในปีนี้น่าจะต่ำกว่าเป้าหมายที่วางได้ที่ 2.55 ล้านคัน หรือในปี 2556 จะมียอดผลิตรถยนต์ประมาณ 2.51 ล้านคัน พลาดจากเป้าหมายประมาณ 3-4 หมื่นคัน เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่ในปีนี้ ทำให้ยอดการซื้อรถยนต์ลดต่ำกว่าที่คาดไว้
“จากการประเมินยอดการผลิตเบื้องต้นในปี 2557 คาดว่ายอดการผลิตรถยนต์ประมาณ 2.6-2.7 ล้านคัน ส่วนเป้าหมายที่แน่ชัดว่าจะมีจำนวนเท่าไรนั้น จะต้องรอหารือระหว่างผู้ผลิตรถยนต์ทั้งหมดก่อน ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในเดือนมกราคม 2557”
ส่วนเป้าหมายกระทรวงอุตสาหกรรมที่คาดว่า ยอดผลิตรถยนต์ในปี 2560 จะทะลุไปถึง 3.4 ล้านคัน สูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ 3 ล้านคันนั้น จะขึ้นอยู่กับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท งบบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท และโครงการอีโคคาร์ 2 ว่าเดินหน้าไปตามเป้าหมายหรือไม่ ถ้าเป็นไปตามแผนก็คาดว่ายอดการผลิตจะถึง 2.4 ล้านคัน
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเดือนตุลาคม 2556 พบว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 88,989 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 37.7% และลดลงจากเดือนกันยายน 2556 ประมาณ 6.26% เนื่องจากการส่งมอบรถยนต์ให้ลูกค้าในโครงการรถยนต์คันแรกเกือบหมดแล้ว
นอกจากนี้ยอดขายที่ลดลงยังมาจากลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อเพื่อรอซื้อรถยนต์ในงานมหกรรมยานยนต์ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 30 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2556 งานนี้ คาดว่าจะมีเงินสะพัด 5 หมื่นล้านบาท หรือมีจำนวนประมาณ 3 หมื่นคัน แต่ต่ำกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 8.5 หมื่นคัน เนื่องจากในปีที่ผ่านมามีการกระตุ้นยอดขายจากมาตรการลดภาษีรถยนต์คันแรกไปแล้ว ทำให้ยอดขายในปีนี้เข้าสู่ภาวะปกติ
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า สำหรับยอดทิ้งใบจองจากโครงการรถยนต์คันแรกล่าสุด พบว่า มีประมาณ 1.3 แสนคัน หรือประมาณ 11% ของทั้งโครงการ ซึ่งดีลเลอร์ต่างก็พยายามติดต่อให้มาคืนใบจอง คาดว่ายอดทิ้งใบจองที่ไม่มารับรถจริงๆ จะมีประมาณ 1 แสนคัน ถ้าหากลูกค้ากลุ่มนี้ไม่มาคืนใบจอง ดีลเลอร์ก็จะไม่สามารถขายรถในส่วนนี้ออกไปได้ ทำให้เป็นภาระกับผู้ค้ามากพอสมควร
ในวันเดียวกัน นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสอท. แถลงผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทยในภาพรวม ประจำเดือนตุลาคม 2556 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นฯอยู่ที่ระดับ 92.8 ปรับเพิ่มขึ้นจาก 90.4 ในเดือนกันยายน โดยค่าดัชนีที่เพิ่มขึ้นเกิดจากองค์ประกอบ ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการและผลประกอบการ ทั้งนี้ค่าดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งเป็นการปรับขึ้นเป็นเดือนแรก หลังจากที่ปรับตัวลดลงติดต่อกันมา 4 เดือน
อย่างไรก็ตามค่าดัชนีฯยังมีค่าต่ำกว่า 100 แสดงว่าความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอยู่ในระดับที่ไม่ดี จากความกังวลต่อปัญหาต้นทุนการผลิต ราคาวัตถุดิบและราคาพลังงานที่เป็นปัจจัยที่ผู้ประกอบการให้น้ำหนักมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ความไม่แน่นอนทางการเมืองเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ผู้ประกอบการมองว่าจะกระทบต่อการดำเนินกิจการในเดือนตุลาคม ทั้งนี้ ยังต้องติดตามผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองในเดือนพฤศจิกายน ว่าจะส่งผลกระทบต่อระดับความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอย่างไร
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการประกอบการอุตสาหกรรมในเดือนตุลาคม 2556 พบว่าปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้นและมีความกังวลมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์การเมืองภายในประเทศ ส่วนปัจจัยที่มีความกังวลลดลง ได้แก่ สภาวะเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมันและอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามลำดับ
ที่มา
http://www.naewna.com/business/78686
ประชานิยม‘รถคันแรก’พ่นพิษ-ทิ้งใบจอง11% ฉุดยอดขายตค.ร่วง37.7%
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2556 นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธาน และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) แถลงว่า ยอดผลิตรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนตุลาคม 2556 พบว่ามีทั้งสิ้น 185,117 คัน เป็นระดับที่ต่ำกว่า 2 แสนคันเป็นเดือนที่สาม หรือ ลดลงจากเดือนตุลาคม 2555 ประมาณ 26.59% และลดลงจากเดือนกันยายน 2556 ประมาณ 4.94% ขณะที่จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม-ตุลาคม 2556 มีจำนวนทั้งสิ้น 2,115,375 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.07%
ทั้งนี้จากปริมาณรถยนต์ที่ผลิตได้ในรอบ 10 เดือน ทำให้คาดว่าปริมาณการผลิตรถยนต์ในปีนี้น่าจะต่ำกว่าเป้าหมายที่วางได้ที่ 2.55 ล้านคัน หรือในปี 2556 จะมียอดผลิตรถยนต์ประมาณ 2.51 ล้านคัน พลาดจากเป้าหมายประมาณ 3-4 หมื่นคัน เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่ในปีนี้ ทำให้ยอดการซื้อรถยนต์ลดต่ำกว่าที่คาดไว้
“จากการประเมินยอดการผลิตเบื้องต้นในปี 2557 คาดว่ายอดการผลิตรถยนต์ประมาณ 2.6-2.7 ล้านคัน ส่วนเป้าหมายที่แน่ชัดว่าจะมีจำนวนเท่าไรนั้น จะต้องรอหารือระหว่างผู้ผลิตรถยนต์ทั้งหมดก่อน ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในเดือนมกราคม 2557”
ส่วนเป้าหมายกระทรวงอุตสาหกรรมที่คาดว่า ยอดผลิตรถยนต์ในปี 2560 จะทะลุไปถึง 3.4 ล้านคัน สูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ 3 ล้านคันนั้น จะขึ้นอยู่กับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท งบบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท และโครงการอีโคคาร์ 2 ว่าเดินหน้าไปตามเป้าหมายหรือไม่ ถ้าเป็นไปตามแผนก็คาดว่ายอดการผลิตจะถึง 2.4 ล้านคัน
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเดือนตุลาคม 2556 พบว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 88,989 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 37.7% และลดลงจากเดือนกันยายน 2556 ประมาณ 6.26% เนื่องจากการส่งมอบรถยนต์ให้ลูกค้าในโครงการรถยนต์คันแรกเกือบหมดแล้ว
นอกจากนี้ยอดขายที่ลดลงยังมาจากลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อเพื่อรอซื้อรถยนต์ในงานมหกรรมยานยนต์ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 30 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2556 งานนี้ คาดว่าจะมีเงินสะพัด 5 หมื่นล้านบาท หรือมีจำนวนประมาณ 3 หมื่นคัน แต่ต่ำกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 8.5 หมื่นคัน เนื่องจากในปีที่ผ่านมามีการกระตุ้นยอดขายจากมาตรการลดภาษีรถยนต์คันแรกไปแล้ว ทำให้ยอดขายในปีนี้เข้าสู่ภาวะปกติ
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า สำหรับยอดทิ้งใบจองจากโครงการรถยนต์คันแรกล่าสุด พบว่า มีประมาณ 1.3 แสนคัน หรือประมาณ 11% ของทั้งโครงการ ซึ่งดีลเลอร์ต่างก็พยายามติดต่อให้มาคืนใบจอง คาดว่ายอดทิ้งใบจองที่ไม่มารับรถจริงๆ จะมีประมาณ 1 แสนคัน ถ้าหากลูกค้ากลุ่มนี้ไม่มาคืนใบจอง ดีลเลอร์ก็จะไม่สามารถขายรถในส่วนนี้ออกไปได้ ทำให้เป็นภาระกับผู้ค้ามากพอสมควร
ในวันเดียวกัน นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสอท. แถลงผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทยในภาพรวม ประจำเดือนตุลาคม 2556 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นฯอยู่ที่ระดับ 92.8 ปรับเพิ่มขึ้นจาก 90.4 ในเดือนกันยายน โดยค่าดัชนีที่เพิ่มขึ้นเกิดจากองค์ประกอบ ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการและผลประกอบการ ทั้งนี้ค่าดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งเป็นการปรับขึ้นเป็นเดือนแรก หลังจากที่ปรับตัวลดลงติดต่อกันมา 4 เดือน
อย่างไรก็ตามค่าดัชนีฯยังมีค่าต่ำกว่า 100 แสดงว่าความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอยู่ในระดับที่ไม่ดี จากความกังวลต่อปัญหาต้นทุนการผลิต ราคาวัตถุดิบและราคาพลังงานที่เป็นปัจจัยที่ผู้ประกอบการให้น้ำหนักมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ความไม่แน่นอนทางการเมืองเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ผู้ประกอบการมองว่าจะกระทบต่อการดำเนินกิจการในเดือนตุลาคม ทั้งนี้ ยังต้องติดตามผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองในเดือนพฤศจิกายน ว่าจะส่งผลกระทบต่อระดับความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอย่างไร
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการประกอบการอุตสาหกรรมในเดือนตุลาคม 2556 พบว่าปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้นและมีความกังวลมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์การเมืองภายในประเทศ ส่วนปัจจัยที่มีความกังวลลดลง ได้แก่ สภาวะเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมันและอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามลำดับ
ที่มา http://www.naewna.com/business/78686