เรื่องยาว : ป่าอุ่นใจไออุ่นรัก (ตอนที่ ๑๖)

กระทู้สนทนา
ป่าอุ่นใจไออุ่นรัก
หญ้าเจ้าชู้

ตอนที่ ๑๖

พลรบยังสงสัยอยู่ว่าคนที่โทรศัพท์มาหาเขาคือใคร มันเป็นจังหวะที่ดี เพราะเป็นเวลาที่เขาไม่ได้ออกลาดตระเวน เพราะไม่เช่นนั้นการโทรศัพท์มือถือจะไม่สามารถใช้ได้เลย และเขาก็อดไม่ได้ที่จะถาม...

“จ่าครับ คนที่โทรฯ มาเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง”

“ผู้หญิงครับ”
นั่นยิ่งทำให้พลรบมึนหนัก นอกจากอัลยาแล้วก็แทบไม่มีผู้หญิงคนไหนโทรฯ มาหาเขา จะมีก็นานๆ ที นอกจากคนที่บ้านและเพื่อนๆ อีกไม่กี่คน แต่เขาก็เมมเบอร์ทุกคนไว้นี่นะ ถ้าคนรู้จักก็ต้องมีชื่อปรากฎแล้ว บางที อาจจะโทฯ ผิดจริงๆ ก็ได้

ส่วนมากิเองก็ยังจมความคิดอยู่กับความรู้สึกผิดและเศร้าใจ เธอควรต้องทำใจให้ยอมรับให้ได้แล้วว่าทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วและจบลงแล้ว อย่าคิดเลย...

เช้าของวันธรรมดาของคนทั่วไปในโลก แต่เป็นเช้าที่พิเศษสำหรับคนอีกหลายคน พลรบเตรียมออกเดินลาดตระเวนเช่นเคย เขาสวมเครื่องแบบชุดสนาม สวมเสื้อเกราะและหมวกเหล็ก หยิบปืน การเป็นหัวหน้าชุด สิ่งที่ต้องระมัดระวังมากที่สุดไม่ใช่ชีวิตตัวเอง แต่เป็นชีวิตคนอื่น ทั้งลูกน้อง ทั้งประชาชน หากต้องเอาชีวิตตัวเองเข้าแลกก็จำเป็นต้องทำ ระหว่างเดินลาดตระเวนรักษาความปลอดภัย ทั้งในหมู่บ้าน วัด และโรงเรียน จะไม่สามารถใช้เครื่องมือสื่อสารอื่นได้นอกจากวิทยุสื่อสารทหาร พลรบวางมือถือไว้ที่ทำงาน แต่ไม่ได้ปิดเครื่อง... ลับตาเขาไม่นาน ก็มีข้อความส่งเข้ามา “ขอภาวนาให้ปลอดภัย เป็นห่วงเสมอ มากิ”

สงครามกองโจรในปัจจุบันทำให้ต้องพยายามปรับตัวเองเพื่อรับมือให้ได้ ไม่มีใครรู้ว่าจะถูกดักยิงเมื่อไหร่ ไม่มีใครรู้ว่าใครจะตกเป็นเป้าหมายในแต่ละวัน ข่าวกรองช่วยได้ในระดับหนึ่งแต่ก็ใช่ว่าจะไม่พลาด ภารกิจวันนี้คือต้องคุ้มครองผู้นำศาสนาของหมู่บ้านในการประกอบศาสนพิธีไม่ให้มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น นี่ไม่ใช่ภารกิจแรกของชุดลาดตระเวน แต่นี่...เป็นภารกิจแรกที่ทำให้ชีวิตของพลรบเปลี่ยนไป

และเช้าเดียวกันในเมืองหลวงที่แสนจะวุ่นวาย ทศพรรษแต่งตัวออกจากบ้านตั้งแต่ตีห้า คนเคยอยู่ป่าและตื่นเช้าเป็นนิจ จึงไม่แปลกที่เขาจะใช้ชีวิตตามแบบที่เคยชิน แต่นั่น น่าจะไม่สำคัญเท่ากับว่าวันนี้เขามีนัดกับอัลยาและพ่อของเธอเพื่อไปสวมรอยเป็นคนรักปลอมๆ ของอัลยาเพียงชั่วเวลาไม่กี่ชั่วโมงเพื่อให้เธอไม่ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่รัก

บางทีหลังจากที่เธอไม่ต้องงานกับคนที่เธอไม่รักแล้ว เขาอาจจะลองถามเธอดูอีกครั้งว่าเธอมีใครอยู่ในใจหรือเปล่า ถ้ามีเขาก็จะได้รีบไหวตัวไม่ให้คิดอะไรกับเธอมากไปกว่านี้ และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของหัวใจในบริเวณที่ชำรุดให้หายดี

อัลยาเปิดตู้เสื้อผ้าเลือกชุดที่จะใส่ไปบ้านฝ่ายชาย เธอหยิบชุดเก่งที่ใช้ทุกครั้งที่ออกเดทกับพิชญะมาสวม นั่นก็คือ เสื้อเชิ้ต กางเกงยีนส์ แต่พอพ่อเห็นก็ไล่กลับไปเปลี่ยน...

“จะไปเลี้ยงควายเหรอลูก”
ประโยคกู้ดมอร์นิ่งของบิดาทำให้อัลยาชะงักอยู่แค่บันไดขั้นที่สอง และไม่ก้าวต่อลงมา

“โอ้โหป๋า ดูถูกลูกสาวมาก เสื้อนี่คลาวิน ไคลน์ ตัวละสองพันห้านะคะ จะบอกให้”

“ไหนบอกเงินเดือนไม่พอกิน ซื้อเสื้อตัวละสองพันห้าใส่ได้ไง”

“ก็แหม... มันลดราคา เหลือตัวละร้อยเก้าสิบเก้าบาทเองไงคะ”

“ลื่นจริงๆ ไอ้ลูกคนนี้”

“เนอะ ไม่รู้ว่าเหมือนใคร”

“ไปเปลี่ยนชุด”
แล้วบิดาก็นั่งอ่านหนังสือพิมพ์จิบกาแฟรออย่างสบายอารมณ์ พร้อมกับว่าที่ลูกเขยปลอมจอดรถหน้าบ้านของหญิงสาว เข้าบ้านมาทำความเคารพบิดาของหญิงสาวแล้วนั่งลงบนโซฟารับแขกไม่ห่างจากว่าที่พ่อตานัก

“อ้าว มาแล้วเหรอลูกเขย กาแฟหน่อยมั้ย”

“ขอบคุณครับ คุณอัลล่ะครับ”

“ยังไม่ตื่น ขึ้นไปปลุกหน่อยสิ”
ยิงประตูแรกอย่างชิลๆ สำหรับบิดา

“โห ป่านนี้แล้วยังไม่ตื่น ขี้เซาไม่สร่างจริงๆ อัลยาเอ๊ย”

“อยู่ที่โน่นก็เป็นแบบนี้เหรอ”

“กว่านี้อีกครับ เอาไปวางไว้ตรงไหนก็หลับตรงนั้น อยู่บนต้นไม้ยังหลับเลยครับ”

“หือ แล้วขึ้นไปทำอะไรบนต้นไม้”

“ไปโทรศัพท์ครับ”

“อ๋อ.... ไอ้เสียงนาฬิกาปลุก นกกะรางหัวขวานนี่ก็คือขึ้นไปโทรศัพท์บนต้นไม้งั้นสิ”

“ครับ”

“ไอ้ลูกคนนี้ ใครสอนให้มันโกหกนะ”
บิดาผู้ไม่ดูตัวเองว่าเพิ่งโกหกไปหยกๆ เหมือนกัน นั่นแหละที่มาของนิสัยอัลยา ขณะที่การนินทากำลังเมามันของลูกเขยกับพ่อตา อัลยาก็เดิน “กรีดกราย” ลงมาจากชั้นบนของบ้านด้วยชุดเดรสสีฟ้าน้ำทะเล เข็มขัดมุกเม็ดเล็ก คลุมทับด้วยเสื้อลูกไม้แขนกุดสีขาว

“โอ้ สวย”  บิดาวางถ้วยกาแฟลง และเตรียมลุกจากโซฟา

“ครับ ผมก็ว่างั้น”

“งั้นไปกันเลย”

ทศพรรษไม่อยากจะเชื่อว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ คือคนเดียวกับที่อยู่ในป่าอินทนิลกับเขาในช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ไม่อยากเชื่อว่าหญิงสาวที่มอมแมมไปด้วยโคลนดิน กลิ่นสาบควายป่าและแผลที่เกิดจากการถูกหนามไหน่ของต้นไม้ป่าเกี่ยวจนแขนขาลายเป็นตุ๊กแก คือคนเดียวกับสาวสวย “สมบูรณ์แบบ” ตรงหน้า

“ผมว่า... ถ้าขอยกเลิกหมั้นกับฝ่ายโน้นได้แล้ว เราน่าจะหมั้นกันจริงๆ เลยก็น่าจะดีนะ” ทศพรรษเริ่มเหวี่ยงแห เผื่อฟลุก

“ยิงเข้าประตูตัวเองสุดๆ อ่ะ” หญิงสาวมองค้อนจากกระจกหลัง

“เออ พ่อเห็นด้วย”

“เห็นด้วยเรื่องไหน เรื่องหมั้นหรือเรื่องยิงประตูคะ”

“เรื่องหมั้น”

“แล้วถามลูกบ้างมั้ยเนี่ย”

“ก็ที่พ่อต้องไปยกเลิกหมั้นแกนั้ก็ไม่ใช่เพราะแกรักกับคุณหมอนี่หรอกหรือ เอ๊ะ ไอ้ลูกคนนี้แปลกคน”

“จริงด้วยค่ะ ลืมไป”

“เอ่อ ยังไงก็อย่าลืมบอกทางผมด้วยนะครับ”

“วิ่งตามทางหลัก ถึงสุขุมวิทซอยหน้านี่แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปเลยค่ะ”

“ทางเดียวกับบ้านผมเลย”
ทศพรรษเริ่มรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร

“ไม่เคยรู้ว่าบ้านคุณอยู่แถวนี้”

“ก็คุณไม่เคยถามนี่ครับ”

“อ๊ะ ถึงแล้วค่ะ หลังหน้านี่แหละจอดเลย”
ทศพรรษแทบจะเบรคไม่อยู่ เพราะนอกจากจะทางเดียวกับบ้านเขาแล้วยังไม่พอ ยังเป็น หลังเดียวกับบ้านเขาด้วย

“แล้วบ้านคุณหมอน่ะอยู่หลังไหนล่ะพ่อคุณ”
คุณพ่อของหญิงสาวถามขึ้น

“เอ่อ...”
คำตอบยังไม่หลุดออกจากปาก คนที่เดินออกมาต้อนรับหน้าบ้านเป็นบิดาของเขาเอง

“โย่ววว วอสซัพแม๋น”
ประโยคทักทายของชายวัยเกษียณสองคนทำให้ลูกมองตาปริบ

“บ่ายนี้ออกรอบกันหน่อยมั้ยสหาย นานแล้วไม่ได้เจอกัน ไปทุกคนเข้าบ้าน เอ้า ไอ้หนุ่ม เดี๋ยวนี้เป็นเด็กเปิดประตูบ้านแล้วเหรอเรา”
สาบานได้ว่าบิดาเข้าใจว่าทศพรรษเป็นคนเดินออกมาเปิดประตูรั้วหน้าบ้าน

“ว่าที่ลูกสะใภ้มาแล้ว”
เจ้าของบ้านตะโกนเข้าไปข้างใน คุณนายซึ่งกำลังเตรียมโต๊ะอาหารอยู่ รีบละมือจากงานและออกมาต้อนรับ แต่ก็แปลกใจที่เห็นลูกชายคนเล็กเดินเข้ามาบ้านพร้อมแขก

“ตาทศ ไปไหนมาลูก แม่นึกว่ายังหลับอยู่เสียอีก”

“นี่มันสายแล้วนะแม่”

“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน...นี่มันยังไงกัน ตาทศ หมอทศ เป็นลูกชายบ้านนี้หรือเนี่ย จุดใต้ตำตอจริงๆ”

“รู้จักกันด้วยหรือ”

“ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกัน คุณอัลคบกับพี่อยู่เหรอ”
ทศพรรษถามอัลยาตรงๆ เมื่อเริ่มปะติดปะต่อเหตุการณ์ได้

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ”
ข้างฝ่ายอัลยาก็ต้องการที่จะอธิบาย แต่เขาไม่ยอมฟัง

“แล้วจะหลอกผมทำไม เห็นผมเป็นตัวอะไร ถึงได้สร้างเรื่องขึ้นมาแบบนี้ ถ้าจะหมั้นกับพี่ก็ไม่จำเป็นต้องเอาผมมาเกี่ยวเลย”

ทศพรรษในนาทีนั้น ไม่ฟังใครแล้ว เขาเข้าใจว่าเรื่องทั้งหมดเป็นการจัดฉาก เพื่อจะบอกให้เขารู้ว่าคนที่เธอจะหมั้นและแต่งงานด้วยคือพี่ชายของเขา... แต่สำหรับทศพรรษ มันไม่สนุกเลยสักนิด

“นี่เรื่องราวมันเป็นยังไงกันหรือ กันเริ่มงงแล้วกับเด็กพวกนี้”
บิดาของชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นเมื่อเริ่มจะสับสนกับเหตุการณ์

“ก็ตาทศเป็นแฟนกับลูกสาวกันไงล่ะ วันนี้กันก็เลยจะมาขอยกเลิกการหมั้นระหว่างตาพีทกับลูกหยา เพราะว่าลูกหยามีตาทศเป็นแฟนอยู่แล้ว แต่พอกันรู้ว่าตาทศเป็นลูกชายเพื่อนอีกคน กันก็เบาใจ สบายใจว่าไม่ใช่ใครอื่น แต่งกับคนไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ ฮ่าๆ”

“ถ้าอย่างนั้น ก็แค่เปลี่ยนตัวคู่หมั้นจากตาพีท มาเป็นตาทศเท่านั้นเองสิ” สองพ่อปรึกษากัน

“แต่ผมยังต้องการหมั้นกับอัลยาอยู่ครับ”
คนที่เดินลงมาจากบ้านคือ พิชญะ ชายหนุ่มร่างสูงสง่า แต่งตัวเนี้ยบเหมือนดาราเกาหลีซีซั่นนี้ เขาตรงมาที่โต๊ะรับแขก ทำความเคารพบิดาของอัลยา และเลือกนั่งเก้าอี้ข้างเธอ เหตุการณ์ที่ดำเนินอยู่นั้น มันกำลังซ้ำรอยเดิมกับที่เคยเกิดขึ้นกับปรายปรางค์

“จะไปไหน ตาทศ” มารดาถามเมื่อเห็นลูกชายขยับตัว

“กลับป่า”

“อ้าว แล้วเรื่องหมั้นล่ะลูก”

“เรื่องหมั้นน่ะเหรอครับ ผมไม่มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นอะไรอยู่แล้ว ไม่ว่าอะไรก็ขึ้นอยู่กับพี่ทุกอย่าง แม้แต่คนที่ผมรักก็ยังต้องเป็นของพี่”
จบประโยค เขาก็เดินลิ่วออกจากบ้าน ไม่สนใจใครอีก ไม่แม้กระทั่งหันหลังกลับมา อัลยาต้องวิ่งตาม

“ฉันกลับด้วยนะคะ”

“ถ้าเป็นคนอื่น ทุกอย่างคงง่ายกว่านี้”
ไม่มีการอธิบายอะไรอีก สำหรับอัลยา เธอยังงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด

“หมายความว่ายังไงคะ”

“คุณกลับเข้าไปเถอะ โชคดี ลาก่อน”
นั่นเป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่เขาจะขับรถออกไปจากบ้าน ไม่สนใจอะไรอีก อัลยาอยากจะบอกเหลือเกินว่าคนที่เธอรักน่ะ ไม่ใช่พิชญะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่