หลังจากเลื่อนเวลาจากช่วงเช้าในการแถลงคำวินิจฉัยคำร้องเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ประเด็นที่มาของวุฒิสมาชิก โดยมิได้แจ้งเหตุผล
13.30 น. 20 พ.ย. ศาลรัฐธรรมนูญเริ่มอ่านคำวินิจฉัยในคดีดังกล่าว ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
เริ่มต้นจากการยืนยันอำนาจและความชอบธรรมของตนเอง
รับรองความถูกต้องดีงามของวุฒิสมาชิกจากการสรรหาว่าเป็นตัวแทนประชาชนที่แท้จริง
ขณะที่ลงความเห็นว่าวุฒิสมาชิกจากการเลือกตั้งนั้นไม่เป็นประชาธิปไตย เป็นสภาผัวเมีย
เป็นหุ่นเชิดของพรรคการเมือง เป็นการทำลายหลักการของระบบ 2 สภา
เรื่อยไปจนถึงกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ "ผิดขั้นตอน" โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการ
"เสียบบัตรแทน"
ขณะเดียวกันก็ระบุอย่างตรงไปตรงมาถึงความไม่ชอบธรรมของ "เสียงข้างมาก" ที่สร้าง
ความแตกแยกให้เกิดขึ้นในสังคม
แล้วก็สรุปด้วยเสียงส่วนใหญ่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นนี้
ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68
แต่ความผิดไม่ถึงขั้นตัดสิทธิ ส.ส. และยุบพรรคการเมือง
โดยทันควัน เวทีเสื้อแดงที่ปักหลักอยู่ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ประกาศรวมพลใหญ่อีกรอบ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประกาศล่วงหน้าในทันทีว่า เมื่อไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราได้
ต่อไป นปช.และคนเสื้อแดงจะผลักดันให้ลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับตามมาตรา 291
ที่ค้างอยู่ในวาระที่ 3
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ถอดสูทรัฐมนตรี ขึ้นเวทีในฐานะแกนนำ ระบุว่า คำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ
คือระฆังหมดยกของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
แต่เป็นระฆังต้นยกของการต่อสู้เพื่อปกป้องประชาธิปไตย และรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
และเป็นเสมือนการส่งสัญญาณไปยังฝักฝ่ายการเมืองที่ประจันหน้ากันอยู่ว่า
ให้ชกกันต่อไป
ก่อนหน้านี้ 19 พ.ย. สมาชิกรัฐสภา ทั้ง ส.ส. และ ส.ว. ที่ร่วมลงชื่อร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา
ส.ว. 312 คน นำโดยนายอำนวย คลังผา ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล และ
นายกฤช อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพงเพชร แถลงข่าวคัดค้านและไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญที่เตรียม
วินิจฉัยร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มา ส.ว.ขัดมาตรา 68 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองหรือไม่
เนื่องจากเชื่อมั่นว่าสมาชิกรัฐสภาทำหน้าที่อย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เป็นอำนาจของสมาชิกรัฐสภาที่สามารถทำได้ตามมาตรา 291 โดยไม่มีข้อบัญญัติของกฎหมายให้
อำนาจศาลวินิจฉัย
การรับคำร้องไว้วินิจฉัย เป็นการก้าวล่วงการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ และอาจกลายเป็นปัญหา
ให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย
ทั้งนี้ หากศาลวินิจฉัยทางหนึ่งทางใด จะไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัย แต่จะยังไม่แสดงท่าทีอื่นใด
รวมถึงการยื่นถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญด้วย
ย้อนกลับไปเวทีราชดำเนินทั้ง 3 แห่งที่ติดตามการถ่ายทอดสด
เสียงเฮดังขึ้นเป็นระยะ ไม่ว่าจะประเด็นวุฒิสมาชิกจากการแต่งตั้งดีกว่าเลือกตั้ง ไปจนถึงความผิดพลาด
ของขั้นตอนแก้ไขรัฐธรรมนูญ และที่สุดคือการห้ามมิให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ
จะมีเงียบเสียงระยะก็คือช่วงที่ศาลระบุว่ายังไม่เห็นเหตุผลพอในการตัดสิทธิ ส.ส. และการยุบพรรคการเมือง
ตามที่มีผู้ร้อง
แต่บรรยากาศโดยรวมก็สดชื่นรื่นเริงกว่าทุกบ่ายที่ผ่านมา
และทำให้ขบวนการเรียกร้องให้ผู้ร่วมอุดมการณ์ออกมาชุมนุมร่วมกันในวันที่ 24 พ.ย. คึกคักขึ้นมาโดยทันตา
ส่งผลให้แนวโน้มของการ "ประจันหน้า" แม้ว่าคนละเวที คนละพื้นที่ของมวลชนจากสองฝ่ายในวันดังกล่าว
เพิ่มอุณหภูมิร้อนแรงขึ้นอีกหลายองศา
รถเมล์สายการเมืองที่วิ่งผ่านป้าย 20 พ.ย. ไปอย่างทุลักทุเล
ยังต้องไปรอลุ้นเอาป้ายหน้า 24 พ.ย. ว่าคนขับ กระเป๋ารถ ผู้โดยสารจะนั่งประจำที่ตามตำแหน่ง
หรือลุกขึ้นมาตะลุมบอน เพราะบรรยากาศพาไป
(ที่มา:มติชนรายวัน 21พ.ย.2556)
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟซบุ๊กกับมติชนออนไลน์
www.facebook.com/MatichonOnline
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1385018454&grpid=01&catid=&subcatid=
หากป้ายหน้าคือ 24 พฤศจิกายน ก็แค่จอดป้ายเท่านั้น เพราะเกมนี้บอกว่าจบ 30 พฤศจิกายน หมายถึง
รถเมล์สายนี้ จะสุดสาย 30 พ.ย. ที่ไหน ? จะเหลือใครบ้างเป็นผู้โดยสาร เขาจะเดินเข้าทำเนียบรัฐบาล
หรือเดินออกจากถนนสายการเมือง ไปเลย ยากจะเดา
ดูคลิป เทพเทือก ปราศรัย เวทีราชดำเนิน เมื่อคืน บอกว่า โปรดจดจำกันไว้ คำวินิจฉัยของ ตลก.
วันนี้ จะเป็นบันทัดฐานว่า จะต้องมีสว.มาจากสรรหา ตามรธน.50 นี้ไปชั่วลูกชั่วหลาน ใครอย่า
มาบังอาจเปลี่ยนแปลง มีคน เฮ ตามเหมือน ถูกสะกดจิต ..... ช่วยบอกหน่อย คิดยังไง ?[/i] 



ผ่านป้าย 20 พ.ย. เตรียมตัวป้ายหน้า 24 พ.ย.-ประจันหน้า วิเคราะห์ มติชนออนไลน์
ประเด็นที่มาของวุฒิสมาชิก โดยมิได้แจ้งเหตุผล
13.30 น. 20 พ.ย. ศาลรัฐธรรมนูญเริ่มอ่านคำวินิจฉัยในคดีดังกล่าว ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
เริ่มต้นจากการยืนยันอำนาจและความชอบธรรมของตนเอง
รับรองความถูกต้องดีงามของวุฒิสมาชิกจากการสรรหาว่าเป็นตัวแทนประชาชนที่แท้จริง
ขณะที่ลงความเห็นว่าวุฒิสมาชิกจากการเลือกตั้งนั้นไม่เป็นประชาธิปไตย เป็นสภาผัวเมีย
เป็นหุ่นเชิดของพรรคการเมือง เป็นการทำลายหลักการของระบบ 2 สภา
เรื่อยไปจนถึงกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ "ผิดขั้นตอน" โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการ
"เสียบบัตรแทน"
ขณะเดียวกันก็ระบุอย่างตรงไปตรงมาถึงความไม่ชอบธรรมของ "เสียงข้างมาก" ที่สร้าง
ความแตกแยกให้เกิดขึ้นในสังคม
แล้วก็สรุปด้วยเสียงส่วนใหญ่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นนี้
ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68
แต่ความผิดไม่ถึงขั้นตัดสิทธิ ส.ส. และยุบพรรคการเมือง
โดยทันควัน เวทีเสื้อแดงที่ปักหลักอยู่ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ประกาศรวมพลใหญ่อีกรอบ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประกาศล่วงหน้าในทันทีว่า เมื่อไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราได้
ต่อไป นปช.และคนเสื้อแดงจะผลักดันให้ลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับตามมาตรา 291
ที่ค้างอยู่ในวาระที่ 3
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ถอดสูทรัฐมนตรี ขึ้นเวทีในฐานะแกนนำ ระบุว่า คำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ
คือระฆังหมดยกของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
แต่เป็นระฆังต้นยกของการต่อสู้เพื่อปกป้องประชาธิปไตย และรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
และเป็นเสมือนการส่งสัญญาณไปยังฝักฝ่ายการเมืองที่ประจันหน้ากันอยู่ว่า
ให้ชกกันต่อไป
ก่อนหน้านี้ 19 พ.ย. สมาชิกรัฐสภา ทั้ง ส.ส. และ ส.ว. ที่ร่วมลงชื่อร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา
ส.ว. 312 คน นำโดยนายอำนวย คลังผา ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล และ
นายกฤช อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพงเพชร แถลงข่าวคัดค้านและไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญที่เตรียม
วินิจฉัยร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มา ส.ว.ขัดมาตรา 68 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองหรือไม่
เนื่องจากเชื่อมั่นว่าสมาชิกรัฐสภาทำหน้าที่อย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เป็นอำนาจของสมาชิกรัฐสภาที่สามารถทำได้ตามมาตรา 291 โดยไม่มีข้อบัญญัติของกฎหมายให้
อำนาจศาลวินิจฉัย
การรับคำร้องไว้วินิจฉัย เป็นการก้าวล่วงการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ และอาจกลายเป็นปัญหา
ให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย
ทั้งนี้ หากศาลวินิจฉัยทางหนึ่งทางใด จะไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัย แต่จะยังไม่แสดงท่าทีอื่นใด
รวมถึงการยื่นถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญด้วย
ย้อนกลับไปเวทีราชดำเนินทั้ง 3 แห่งที่ติดตามการถ่ายทอดสด
เสียงเฮดังขึ้นเป็นระยะ ไม่ว่าจะประเด็นวุฒิสมาชิกจากการแต่งตั้งดีกว่าเลือกตั้ง ไปจนถึงความผิดพลาด
ของขั้นตอนแก้ไขรัฐธรรมนูญ และที่สุดคือการห้ามมิให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ
จะมีเงียบเสียงระยะก็คือช่วงที่ศาลระบุว่ายังไม่เห็นเหตุผลพอในการตัดสิทธิ ส.ส. และการยุบพรรคการเมือง
ตามที่มีผู้ร้อง
แต่บรรยากาศโดยรวมก็สดชื่นรื่นเริงกว่าทุกบ่ายที่ผ่านมา
และทำให้ขบวนการเรียกร้องให้ผู้ร่วมอุดมการณ์ออกมาชุมนุมร่วมกันในวันที่ 24 พ.ย. คึกคักขึ้นมาโดยทันตา
ส่งผลให้แนวโน้มของการ "ประจันหน้า" แม้ว่าคนละเวที คนละพื้นที่ของมวลชนจากสองฝ่ายในวันดังกล่าว
เพิ่มอุณหภูมิร้อนแรงขึ้นอีกหลายองศา
รถเมล์สายการเมืองที่วิ่งผ่านป้าย 20 พ.ย. ไปอย่างทุลักทุเล
ยังต้องไปรอลุ้นเอาป้ายหน้า 24 พ.ย. ว่าคนขับ กระเป๋ารถ ผู้โดยสารจะนั่งประจำที่ตามตำแหน่ง
หรือลุกขึ้นมาตะลุมบอน เพราะบรรยากาศพาไป
(ที่มา:มติชนรายวัน 21พ.ย.2556)
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟซบุ๊กกับมติชนออนไลน์
www.facebook.com/MatichonOnline
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1385018454&grpid=01&catid=&subcatid=
หากป้ายหน้าคือ 24 พฤศจิกายน ก็แค่จอดป้ายเท่านั้น เพราะเกมนี้บอกว่าจบ 30 พฤศจิกายน หมายถึง
รถเมล์สายนี้ จะสุดสาย 30 พ.ย. ที่ไหน ? จะเหลือใครบ้างเป็นผู้โดยสาร เขาจะเดินเข้าทำเนียบรัฐบาล
หรือเดินออกจากถนนสายการเมือง ไปเลย ยากจะเดา
ดูคลิป เทพเทือก ปราศรัย เวทีราชดำเนิน เมื่อคืน บอกว่า โปรดจดจำกันไว้ คำวินิจฉัยของ ตลก.
วันนี้ จะเป็นบันทัดฐานว่า จะต้องมีสว.มาจากสรรหา ตามรธน.50 นี้ไปชั่วลูกชั่วหลาน ใครอย่า
มาบังอาจเปลี่ยนแปลง มีคน เฮ ตามเหมือน ถูกสะกดจิต ..... ช่วยบอกหน่อย คิดยังไง ?[/i]