พันธนาการแม่มด ตอนที่ 2-3

กระทู้สนทนา
ลิงก์ ตอนที่ 1 http://pantip.com/topic/31247690

Chapter 2

    กัวซู่ผิงค่อยๆ ลืมตา แสงที่เข้ามาทางกระจกหน้าต่าง ทำให้ต้องลุกไปดึงม่านเพื่อปิดกั้นแสงแดด จากนั้นก็เดินกลับมานอนที่เตียงอีกครั้ง
“ตื่นได้แล้วอาซู่ วันนี้ต้องถ่ายทำเอ็มวี ทางทีมงานโทรมาตามแล้ว เหลือแค่นายกับจิ่นซีที่ยังไม่พร้อม เร็วเข้า”ปีเตอร์พยายามลากซู่ผิงลงจากเตียง
“เหนื่อยจะตาย ทำงานทุกวัน ไม่มีวันหยุดเลย ช่วยหาคิวพักให้หน่อย”เขาบ่น
“เป็นซุปเปอร์สตาร์ต้องทำใจ เวลาเป็นเงินเป็นทอง ช่วงนี้โกยได้ก็รีบๆ โกยเข้าซิ”ผู้จัดการเหยียนบอก และไม่ละความพยายามดึงซู่ผิงให้ลงจากเตียง
“เงินไม่สำคัญหรอก ตายไปก็ไม่ได้ใช้แล้ว”ซู่ผิงเถียง แต่ก็ยอมเดินเข้าห้องน้ำแต่โดยดี
“ใช่ซิคุณชาย ใครจะมีพ่อแม่รวยไว้ให้เกาะเหมือนนายละ”ปีเตอร์ตะโกนตามหลังไป

“ปัง!”เสียงขวดยาสระผมที่กัวซู่ผิงปามา กระทบกระเป๋าเอกสารของปีเตอร์เหยียน
“โอเค โอเค ต่อไปจะไม่พูดถึงแล้ว พอใจหรือยัง”ปีเตอร์พูด เมื่อรู้ว่าทำให้อีกฝ่ายหงุดหงิด
“แต่งตัวไปแล้วกัน ฉันจะไปปลุกจิ่นซีก่อน”ว่าแล้วก็เดินไปยังประตู เพื่อตรงไปยังอีกห้อง ทว่า ทันใดนั้นได้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ใครมาแต่เช้าเนี่ย”ปีเตอร์บ่น แต่เมื่อเปิดประตูออกก็ต้องอุทาน
“ว๊าย ต๊าย ตาย ..เป็นไปได้ไง”ปีเตอร์มองหยินจิ่นซีที่ยืนอยู่หน้าประตูอย่างตะลึง

“จะมาบอกว่า วันนี้ขอพักงานหนึ่งวัน”จิ่นซีบอก
“อะ ..หา ..พูดว่าอะไรนะ”ปีเตอร์ถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง
“ก็อย่างที่ได้ยินนั่นล่ะ”พูดจบหยินจิ่นซีก็เดินออกไป ปล่อยให้ปีเตอร์ค้างอยู่อย่างนั้น
“อ้าว แล้วถ่ายเอ็มวีวันนี้ละ”เมื่อตั้งสติได้ปีเตอร์เหยียนก็ตะโกนถามไป
“ ..”จิ่นซีไม่ตอบ แต่เดินต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่หันกลับมามองด้วยซ้ำ
“บรรลัยอีกแล้วงานนี้”ปีเตอร์ส่ายหน้าด้วยความหนักใจ
*___________________________________________*
    หยินจิ่นซีเดินเข้ามาในสุสาน ในมือถือช่อดอกไม้ เมื่อมาถึงหน้าหลุมศพของใครบางคน เขาก็ถอดแว่นตาดำออก สายตาที่มองหลุมศพนั้นมีทั้งความรัก ความอาลัย
“วีวี่ ผมมาเยี่ยมคุณ”เขาพูดพร้อมทั้งค่อยๆ วางดอกไม้ลงหน้าหลุมศพ
“ขอโทษที่เมื่อวานไม่ได้มา ทั้งๆ ที่เป็นวันครบรอบวันตายของคุณ พอดีติดคอนเสิร์ต เลยปลีกตัวมาไม่ได้ แต่วันนี้ผมมาแล้ว แล้วก็จะอยู่กับคุณทั้งวันเพื่อเป็นการชดใช้ให้ ..ดีไหม”จิ่นซีถามรูปถ่ายของหญิงสาวที่อยู่หน้าหลุมศพ

“วีวี่ ผมไม่รู้ว่าคุณจะรับรู้หรือได้ยินไหม แต่มีอย่างหนึ่งที่อยากบอกคือ ผมไม่เคยมีความสุขเลย หลังจากที่สูญเสียคุณ ชีวิตผมไม่รู้จะอยู่ไปเพื่อใคร”เขาบอกกับแฟนสาวที่เสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อนด้วยโรคมะเร็งสมอง
“ใจผมมันคงตายไปพร้อมกับคุณ”หยินจิ่นซีกล่าวด้วยความเศร้า
“ออ จริงซิ”เขานึกบางอย่างขึ้นได้
“เพลงที่ผมแต่งให้คุณ ตอนนี้ดังเป็นพลุแตกเลย ..คุณดีใจหรือเปล่า”จิ่นซีพูดจบก็มองไปรอบๆ บริเวณสุสานที่ดูจะเงียบเหงา และอ้างว้างวังเวง

*___________________________________________*

    กัวซู่ผิงถ่ายเอ็มวีมิวสิกตั้งแต่เช้าจรดเย็น ทีมงานช่วยกันจัดไฟก่อนจะถ่ายฉากต่อไป ซึ่งถือเป็นฉากสุดท้ายแล้ว
    ส่วนทางด้านแม่มดน้อยนาอันกำลังร่วงลงมาจากฟ้า ตกลงสู่บริเวณสวนสาธารณะในช่วงดึก
“อู้ย ..”สีหน้าของนาอันเหยเก บ่งบอกถึงความจุกที่ต้องร่วงลงมากระทบพื้นแบบนี้
“เจ็บชะมัดเลย”เธอค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้น ก่อนจะหันไปมองซ้ายแลขวาด้วยความงุนงง
“แล้วที่นี่ ..มันที่ไหนกัน”เพื่อให้ความกระจ่างกับตัวเอง นาอันจึงเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ
เธอเดินตรงไปยังแสงไฟที่สว่างอยู่ข้างถนน เพื่อมองทุกอย่างของพิภพนี้ให้ถนัดตา เพราะตรงจุดที่ร่วงลงมานั้น มีเพียงแสงไฟสลัวๆ จึงมองอะไรๆ ไม่ถนัด
    กัวซู่ผิงถ่ายทำเอ็มวีเสร็จก็เดินตรงไปยังรถของตัวเอง จากนั้นก็ขับรถกลับคอนโดหลังจากเสร็จสิ้นงานที่กองถ่าย ส่วนปีเตอร์เหยียนได้แยกกลับไปพร้อมๆ กัน
    ซู่ผิงขับมาอย่างเร็ว เหยียบสุดชีวิต เพื่อรีบกลับไปนอน ช่วงนี้งานล้นมือจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ทั้งงานเพลง งานแสดง ทุกอย่างดูจะรุมสุมเข้ามาหมด

    ส่วนหยินจิ่นซีก็เดินออกมาจากสุสาน กลับเข้ามาในรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปคอนโดเพื่อกลับไปพักผ่อนเอาแรง เพื่อสู้กับงานในวันพรุ่งนี้
แม้เวลาของเขาและวีวี่จะหมดลง แต่เขาก็ต้องมีชีวิตต่อไป บทบาทการเป็นศิลปินยังเป็นที่ต้องการของประชาชน เขาต้องทำบทบาทของตัวเองให้ถึงที่สุด อย่างน้อยมันก็ทำให้ใครอีกหลายๆ คนมีความสุข และเขายินดีจะอยู่บนโลกนี้ เพื่อมอบความสุขให้ทุกคน

ทางด้านแม่น้อยที่ทะลุมายังมิติของโลกมนุษย์ การแต่งกายทำให้เธอดูแตกต่าง และกลายเป็นจุดสนใจ เสื้อผ้าดูเป็นแฟนตาซี ทำให้หลายคนที่เดินผ่านมองแปลกๆ
“ข้ามีอะไรผิดปกติงั้นหรือ”นาอันมองการแต่งกายของตัวเองอย่างงงๆ แต่ก็ยังไม่รู้ตัวว่าการแต่งกายนั้น ต่างไปจากผู้คนในสังคมใหม่ที่เธอกำลังพบเจอ
“ข้ามาอยู่ที่ไหนกัน”แม่มดน้อยนาอันสงสัย

*___________________________________________*

    หยินจิ่นซีขับรถมาจอดหน้าไฟแดง เขาสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อลบเรื่องราวในอดีตให้ออกไป แม้ปลายทางไม่มีวีวี่ร่วมเดิน แต่เชื่อว่าจะไปยังสุดฝั่งฝันของตัวเองได้
“ควรมองไปข้างหน้าได้แล้วซินะ เราจมอยู่กับอดีตนานเกินไปแล้ว”เขาบอกกับตัวเอง
    ขณะเดียวกันทางด้านกัวซู่ผิงก็ได้จอดรถติดไฟแดง สายตาหันไปมองด้านข้างเพื่อดูความเป็นไปของผู้คน
ปกติแทบไม่ได้มองสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัว เนื่องจากการงานและเวลาที่เร่งรีบ จึงทำให้ไม่ค่อยมีเวลาสนใจสิ่งรอบกาย แต่วันนี้รู้สึกอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก
    ไฟเขียวปรากฏ เป็นสัญญาณให้รถขับผ่านได้ กัวซู่ผิงรีบออกรถ สายตามองตรงไปยังท้องถนน
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น แต่เขาลืมว่าวางไว้ตรงไหน เมื่อตบดูในกระเป๋าก็ไม่มี บนเบาะรถก็ไม่มี แสงสว่างใต้เบาะรถทำให้เขาก้มลงไปมอง

“อยู่ตรงนี้เอง”ซู่ผิงเอื้อมไปหยิบมือถือมาดู แล้วเห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าของปีเตอร์เหยียน
เมื่อเห็นเป็นสายของใครซู่ผิงก็สงสัยว่า ผู้จัดการส่วนตัวของเขาโทรมาทำไม ในเมื่อเพิ่งแยกจากกันเมื่อสักครู่นี้เอง
“ยังจะมีเรื่องอะไรอีก”ซู่ผิงบ่นน้อยๆ
“ไม่รับดีกว่า วันนี้พอกันที เหนื่อยจนแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว”เขาตัดสินใจตัดสายทิ้งแล้วโยนโทรศัพท์ไปยังเบาะผู้โดยสารที่ว่างอยู่
ทันทีที่หันกลับมามองท้องถนน กัวซู่ผิงก็แทบหัวใจหยุดเต้น ..รถของเขากำลังจะชนเข้ากับใครบางคนที่กำลังข้ามถนน
“เอ้ย ..”เขาหักพวงมาลัยหลบ แต่ยังคงเฉี่ยวชนเข้ากับใครคนนั้น
    รถของซู่ผิงถลาไปก่อนจะหยุดนิ่ง เท้าเหยียบเบรกไว้ ใจเต้นระทึก ใบหน้าตื่นตระหนกอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

“เมื่อกี๋นี้มัน ..”กัวซู่ผิงยังอยู่ในภาวะงงๆ แต่เพียงชั่ววินาทีก็สามารถตั้งสติได้
“คงไม่เป็นอะไรหรอก”เขาบอกตัวเองก่อนจะลงจากรถมาดูว่าฝ่ายคู่กรณีเป็นอย่างไร
    ซู่ผิงใจเสียเมื่อได้เห็นอีกฝ่ายนอนฟุบอยู่กับพื้นถนน ร่างของเธอแน่นิ่ง ไม่ไหวติง “คุณ ..”ซู่ผิงเรียกพร้อมทั้งพลิกเธอให้หงายขึ้น
“คุณ”เขาตบหน้าเธอเบาๆ แต่อีกฝ่ายไม่ตอบรับอะไรเลย จึงตัดสินใจพาไปส่งโรงพยาบาล

*___________________________________________*
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่