บางสิ่ง บางอย่าง มันมีเจ้าของ ตั้งแต่มันเกิดขึ้นมา
ประโยคนี้มันทำให้เรา อึ้ง และรู้สึกว่ามันก็เป็นเรื่องจริงอยู่นะ
ด้วยชีวิตปกติที่ทุกวันต้องตื่นเช้า พ่อจะขี่รถมาส่งหน้าปากซอยและนั่งรถเมล์ไปทำงาน แต่วันนี้พิเศษกว่าวันอื่นเพราะฝนตก
ทำให้การเดินของเราต้องลำบากขึ้น แต่ด้วยความบังเอิญที่คนรู้จักของพ่อกำลังขับรถออกจากซอยบ้าน
พ่อจึงฝากให้ไปส่งเราหน้าปากซอยแทน ==" ซึ่งเราก็อึ้งๆอยู่สักหน่อยเพราะไม่รู้จักอะ ตอนอยู่บนรถเราก็พูดคุยแนะนำตัวเพราะเราไม่เคยคุยกับพี่เขา แค่เคยเห็นหน้าและรู้ว่าเขาเป็นลูกค้าของหอพักเรา ซึ่งโชคดีมากที่พี่เขาต้องขับผ่านที่ทำงานทำให้เราได้นั่งรถต่อ
สบายเลยยยไม่ต้องตากฝน 555
ด้วยความที่เราชอบคุยก็เลยถามโน้นถามนี้พี่เขาไปเรื่อย ส่วนพี่เขาก็ชวนคุยตลอดทาง ด้วยความที่พี่เขาอารมณ์อาทสุดพลังทำให้เรารู้เรื่องแฟชั่น วัฒนธรรมเพิ่มมากขึ้นสุดๆ 555 แถมปรัชญาและการใช้ชีวิตของพี่เขาก็แปลกดีนะ จนคุยมาถึงตอนนึงพี่เขาถ้าว่าเชื่อความบังเอิญไหม เราก็งงๆ แต่ก็บอกว่าเชื่อนะ พี่เขาบอกว่าของบางอย่างอะไม่ต้องรู้หรอกว่าเราจะทำเผื่อใคร เพราะมันมีเจ้าของตั้งแต่มันเกิดขึ้นมาแล้ว เราก็งงยิ่งขึ้นอะสิก็เลยถามว่าเพราะอะไรหรอคะ
พี่เขาก็เลยบอกว่าลองนึกดูนะถ้าเราขายของอย่างนึง เช่นกระเป๋า บางที่กระเป๋าใบนั้นอาจโดนคนมาจับ มาถามเป็นสิบๆรอบแต่เขาไม่ซื้อเพราะมันยังไม่ถูกใจหรือมีเหตุผลอื่นที่ทำให้ไม่ซื้อมัน แต่บางทีอยู่ดีๆใครก้ไม่รู้เดินมาจับและซื้อมันไปโดยยังไม่ได้ถามอะไรสักคำ มันก็เหมือนคู่รักบางทีคบกันมาสิบๆปีก็ไม่ได้แต่งงานกันแต่บางคู่เจอกันไม่นานก็แต่งงานกันแล้ว บางสิ่ง บางอย่าง มันมีเจ้าของของมันตั้งแต่มันเกิดขึ้นมาแล้ว โดยเราอาจไม่ต้องหาเหตุผลจากสิ่งนั้นเลย....^^
การที่เราได้พูดคุยกับคนหลายๆอาชีพ หลายๆแบบ อาจจะทำให้เราได้แง่คิดในชีวิต
ได้รู้เรื่องราวดีๆเพิ่มขึ้น เราเลยอยากพิมพ์ให้เพื่อนๆได้อ่านกัน
เรื่องก็จบเพียงแค่นี้แหละค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะค่ะ รู้เรื่องบางไม่รู้เรื่องบางก็ขอโทษทีค่ะ
จขกท. พิมพ๋ไม่ค่อยเก่ง ^^
บางสิ่ง บางอย่าง มันมีเจ้าของ ตั้งแต่มันเกิดขึ้นมา
ประโยคนี้มันทำให้เรา อึ้ง และรู้สึกว่ามันก็เป็นเรื่องจริงอยู่นะ
ด้วยชีวิตปกติที่ทุกวันต้องตื่นเช้า พ่อจะขี่รถมาส่งหน้าปากซอยและนั่งรถเมล์ไปทำงาน แต่วันนี้พิเศษกว่าวันอื่นเพราะฝนตก
ทำให้การเดินของเราต้องลำบากขึ้น แต่ด้วยความบังเอิญที่คนรู้จักของพ่อกำลังขับรถออกจากซอยบ้าน
พ่อจึงฝากให้ไปส่งเราหน้าปากซอยแทน ==" ซึ่งเราก็อึ้งๆอยู่สักหน่อยเพราะไม่รู้จักอะ ตอนอยู่บนรถเราก็พูดคุยแนะนำตัวเพราะเราไม่เคยคุยกับพี่เขา แค่เคยเห็นหน้าและรู้ว่าเขาเป็นลูกค้าของหอพักเรา ซึ่งโชคดีมากที่พี่เขาต้องขับผ่านที่ทำงานทำให้เราได้นั่งรถต่อ
สบายเลยยยไม่ต้องตากฝน 555
ด้วยความที่เราชอบคุยก็เลยถามโน้นถามนี้พี่เขาไปเรื่อย ส่วนพี่เขาก็ชวนคุยตลอดทาง ด้วยความที่พี่เขาอารมณ์อาทสุดพลังทำให้เรารู้เรื่องแฟชั่น วัฒนธรรมเพิ่มมากขึ้นสุดๆ 555 แถมปรัชญาและการใช้ชีวิตของพี่เขาก็แปลกดีนะ จนคุยมาถึงตอนนึงพี่เขาถ้าว่าเชื่อความบังเอิญไหม เราก็งงๆ แต่ก็บอกว่าเชื่อนะ พี่เขาบอกว่าของบางอย่างอะไม่ต้องรู้หรอกว่าเราจะทำเผื่อใคร เพราะมันมีเจ้าของตั้งแต่มันเกิดขึ้นมาแล้ว เราก็งงยิ่งขึ้นอะสิก็เลยถามว่าเพราะอะไรหรอคะ
พี่เขาก็เลยบอกว่าลองนึกดูนะถ้าเราขายของอย่างนึง เช่นกระเป๋า บางที่กระเป๋าใบนั้นอาจโดนคนมาจับ มาถามเป็นสิบๆรอบแต่เขาไม่ซื้อเพราะมันยังไม่ถูกใจหรือมีเหตุผลอื่นที่ทำให้ไม่ซื้อมัน แต่บางทีอยู่ดีๆใครก้ไม่รู้เดินมาจับและซื้อมันไปโดยยังไม่ได้ถามอะไรสักคำ มันก็เหมือนคู่รักบางทีคบกันมาสิบๆปีก็ไม่ได้แต่งงานกันแต่บางคู่เจอกันไม่นานก็แต่งงานกันแล้ว บางสิ่ง บางอย่าง มันมีเจ้าของของมันตั้งแต่มันเกิดขึ้นมาแล้ว โดยเราอาจไม่ต้องหาเหตุผลจากสิ่งนั้นเลย....^^
การที่เราได้พูดคุยกับคนหลายๆอาชีพ หลายๆแบบ อาจจะทำให้เราได้แง่คิดในชีวิต
ได้รู้เรื่องราวดีๆเพิ่มขึ้น เราเลยอยากพิมพ์ให้เพื่อนๆได้อ่านกัน
เรื่องก็จบเพียงแค่นี้แหละค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะค่ะ รู้เรื่องบางไม่รู้เรื่องบางก็ขอโทษทีค่ะ
จขกท. พิมพ๋ไม่ค่อยเก่ง ^^