วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556
AKR จะ turn around หรือไม่
มหากาพย์ AKR ใกล้จบแล้วเนื้อหาในช่วงต้นมา จาก
http://value.exteen.com/20120404/akr-turn-around เขียนไว้ตั้งนานตั้งแต่วันที่ซื้อหุ้นตัวนี้ แต่ web เน่าไปแล้วเปิดได้บ้างไม่ได้บ้างย้ายบทความมานี่ละกัน
AKR บริษัท เอกรัฐวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) ทำมาหากินเกี่ยวกับ ผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าและบริการซ่อมบำรุงรักษา รับออกแบบติดตั้งรวมทั้งก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย
ตัวธุรกิจเดิมไม่มีปัญหาได้กำไรทุกปี ตอนปี 50 เข้าตลาดมาระดมทุน + กู้เงินเพื่อสร้างโรงงานผลิต Solar cell แล้วก็เจ้งไม่เป็นท่า ตอนนี้ก็ฮิตทำ Solar farm แต่ไม่เห็นมีใครซื้อซักเจ้า T^T แต่ออกข่าวโม้ซะดิบดี
วันที่ 30 มีนาได้ลงนามปรับโครงสร้างหนีกับธนาครกรุงไทย[1] หนี้ก่อนปรับโครงสร้าง 1,320 ล้าน เหลือต้องจ่าย 2 ส่วนคือ 505 ล้าน กับ 300 ล้านจากการขายโรงงานภายในปี 2557 ข้อดีคือบริษัทจะได้จ่ายดอกเบี้ย MLR จากตอนนี้ต้องจ่ายดอกเบี้ยผิดนัดชำระ ( 1,320-805=515 จะบันทึกเป็นกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ในไตรมาศ 1 หรือเปล่าไม่มั่นใจ )
ที่น่าสนใจคือ
ปี 2553 บริษัทหักขาดทุนจากบริษัทย่อยหมดแล้ว เพราะขาดทุนเกินทุนเรียบร้อยTongue out แต่ถ้าหาผู้ร่วมทุนได้เงินก้อนนี้ก็จะพลิกกลับมาเป็นกำไรWink
หนี้สงส้ยจะสูญ 275 ล้าน
เงินลงทุนบริษัทย่อย 700 ล้านเกลี้ยง
ปี 2554 [2] บริษัทมี EBITDA 204.26 ล้านแสดงว่าธุรกิจเดิมก็ยังไปได้อยู่
ค่าใช้จ่ายจากการผลิตไม่เต็มกำลังการผลิต 48 ล้าน<--ถ้าขายตัวถ่วงไปได้ก็ไม่มีค่าใช้จ่ายตัวนี้อีกนะ
ค่าใช้จ่ายทางการเงิน 150 ล้าน <-- เป็นอัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระหลังปรับโครงสร้างหนี้มันจะลดลงกลับมาจ่ายแค่ MLR
ขาดทุนสะสม 807 ล้านบาท <--ล้างด้วย กำไรจากการ Hair cut + ส่วนล้ำมูลค่าหุ้น 297 ล้าน + ลดทุน
Update:14 พฤษภาคม 55
จากงบการเงิน Q1 จะเห็นว่า ยอดขายเพิ่มเป็น 503.23 ล้าน จาก 325.21 ล้านCool อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มจาก 19% เป็น 24% Cool กำไรก่อนดอกเบี้ยจากและภาษี อยู่ที่ 40 ล้าน จากติดลบ 19 ล้านCool ส่วนดอกเบี้ยค้างชำระ 500 กว่าล้านจะบันทึกเมื่อชำระหนี้ได้ตามแผน(เขียนในหมายเหตุประกอบงบ)Tongue out
แต่พึงเซ๊นต์สัญญาปรับโครงสร้างหนี้ไปเมื่อ 30 มีนาทำให้ ไตรมาศแรกยังบันทึกต้นทุนทางการเงินในอัตราผิดนัดชำระอยู่ที่ 35 ล้าน ทำให้ net แล้วยังขาดทุนอยู่ 11 ล้านTongue out แต่ไตรมาศต่อไปจะกลับมาจ่ายที่ MLR แล้วหวังว่าชีวิตคงจะดีขึ้น และขายโรงงานผลิตแผงโซล่าเซลได้ไวๆนะครับ
Update:19 มิถุนายน 55
แสงสว่างรำไร มีการลดทุนล้างขาดทุนสะสม[3] โดยการลดพาร์จาก 1 บาทมาเป็น 0.8 บาทเอาส่วนต่างมาล้างขาดทุนสะสมได้ 100 กว่าล้านCool แถมออกข่าวในกรุงเทพธุรกิจ[4]ว่าจะปิดบริษัทปลายปีนี้ เหตูเพราะนโยบายรัฐไม่นิ่ง
Update: 18 กรกฎาคม 2555
ไปประชุมผู้ถือหุ้นมาพบว่าล้างขาดทุนสะสมแค่บริษัทแม่อย่างเดียวก็จ่ายปันผลได้แล้ว สรุปก็คือล้างขาดทุนสะสมแค่ "512" ล้านในงบการเงินเฉพาะกิจการ ไม่ใช่ 852 ล้านในงบรวมตามที่คิดไว้ตอนแรกครับ ด้วยวิธีการดังนี้
ใช้ ส่วนเกินมูลค่าหุ้นสามัญ 296 ล้าน
ส่วนเกินจากการลดทุน 158 ล้าน
สำรองตามกฎหมาย 35 ล้าน
สรุปว่าวันนี้เหลือขาดทุนสะสมแค่ 24 ล้านจาก 512 ล้าน ด้วยการยกมือเพียงครั้งเดียว เย้ Cool น่าจะเห็นขาดทุนสะสมลดลงในงบไตรมาศ 3 ครับถ้าโชคดีอาจได้เงินปันผลครั้งแรกในรอบหลายปี
ส่วนเรื่องหนี้สินผู้บริหารพูดอย่างมั่นใจว่ามีจ่ายแน่ๆครับ
Update 18 สิงหาคม 2555
ยอดขายดีขึ้น ค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลงจากผลของการปรับโครงสร้างหนี้ net แล้วขาดทุนไตรมาศนี้ 8 แสนบาท Cool มีรายการหนึ่งที่น่าสนใจคือ
หมายเหตุข้อ 5, ในงบการเงินเฉพาะกิจการ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2555 บริษัทฯได้จ่ายค่าหุ้นเพิ่มทุนเป็นเช็คให้แก่บริษัทย่อย จำนวน 300 ล้านบาท และบริษัทย่อยได้นำเช็คดังกล่าวมาชำระคืนเงินให้กู้ยืมและดอกเบี้ยค้างรับ จำนวน 211.97 ล้านบาท และลูกหนี้การค้า จำนวน 88.03 ล้านบาท
แค่เขาเช๊คโยนไปโยนมา รายการระหว่างกันในหมายเหตุข้อ 27 โดยเฉพาะเงินให้กู้ยืมแก่บริษัทย่อยหายเกลี้ยง เหลืออยู่ 19 ล้านเพราะให้เอาเงินไปจ่ายดอกเบี้ย หวังว่ารายการนี้คงจะเป็นการทำความสะอาดลูกเพื่อขายทิ้งได้ซะทีนะ สาธู้
เหลือ lock ตัวสุดท้ายคือการขายบริษัทย่อยออกไปในปีนี้ซึ่งก็ยังไม่มีความชัดเจนอะไรซักอย่าง ก็คิดในกรณีเลวร้ายที่สุดแล้วกันก็คือขายไม่ออกต้องหาเงิน 300 ล้านมาโป๊ะในปีหน้า เริ่มต้นกวาดตาหาทรัพย์สินหน้าตักเราก่อน
เงินสด 71 ล้าน
กระแสเงินสดจากการดำเนินงานอีก 2 ไตรมาศถ้าทำได้เท่า H1 ก็อีก 66 ล้าน
รวมได้ 137 ล้าน ขาดอีก 163 ล้าน(300-137)
อาจจะเพิ่มทุนอีกซัก 150-200 ล้านก็พอใช้หนี้ เฉพาะหน้าอีก 500 ที่เหลือก็ผ่อนจ่าย 7 ปีไม่น่ามีปัญหาอะไร
Update 28 กันยายน 2555
ไปเยียมชมกิจการมา ir เขาว่าตอนนี้ก็ยังหาคนมาซื้อลูกไม่ได้ แต่ขณะนี้กำลังพยายามที่จะ refinance ทั้งก้อนอยู่ครับ อยู่ในขั้นตอนที่แบงค์สองแบงค์คุยกันอยู่ถ้าคุยกันจบก็จะบันทึกส่วนต่างจาก
1300 - เงินที่เอามาโป๊ะ = กำไรพิเศษ
ใช้สินทรัพย์ของบริษัทแม่เป็นตัวค้ำประกัน ถ้าทำได้สินทรัพย์ของบริษัทย่อยก็จะฟรี ล็อกหน้าประตูบริษัทเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้งานได้เลย เอาไปเร่ขายซากอย่าให้ต่ำกว่าบุ้กแล้วกัน
ถ้าปัญหาจบเขาว่าจะโตจากหม้อแปลงนี่แหละ ไม่ยุ่งกับนโยบายรัฐแล้วเข็ด
เดี๋ยว Q3 มาลุ้นกันต่อ
Update 13 พฤศจิกายน 2555
ชีวิตเริ่มดีขึ้น จากงบกำไรขาดทุนงวด 3 เดือน ไตรมาศ 3 รายได้เพิ่มขึ้น 22.43 % จาก 497ล้านบาท เป็น 609 ล้าน อัตรากำไรขึ้นต้นก็เพิ่มขึ้นจาก 19% เป็น 25% ,ต้นทุนทางการเงินจากอัตราดอกเลี้ยผิดนัดที่กลับมาจ่าย MLR ทำให้กำไรสุทธิเป็นบวกซักที 31 ล้าน พลิกจากขาดทุน 29 ล้าน
แต่ถ้าดูในงบเฉพาะกิจการมีกำไร 49 ล้านถ้าเอาเงินให้กู้ยื่มแก่บริษัทย่อย 19 ล้านมาบวกกลับนี่แสดงว่า เฉพาะกำไรจากหม้อแปลงไตรมาศ 3 เกือบ 70 ล้านเลยทีเดียวCool แสดงว่าถ้าบริษัทอยากจ่ายปันผลก็จ่ายได้เลยครับเพราะ ตอนนี้งบเฉพาะกิจการมีกำไรสะสมอยู่ 39 ล้าน จากขาดทุนสะสม 557 ล้านในปีที่แล้วCool
ส่วนเอกรัฐโซล่าที่เป็นตัวถ่วงกิจการอยู่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะเอาอย่างไร ขายได้หรือเปล่า กำหนดการที่ต้องจ่าย 300 ล้านก็ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วววววว เรื่อง refinance ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปLaughing
Update 1 มีนาคม 2556
AKR งบปีออกแล้ว งบรวมกำไร 111 ล้านบาท ซึ่งรวมขาดทุนจากบริษัทย่อยไปแล้ว 173 ล้านบาท แสดงว่าตัวแม่จริงๆกำไรเท่ากับ 111 + 173 = 284 ล้าน กำไรสูงที่สุดตั้งแต่เปิดบริษัทมาเลยทีเดียว เยี่ยมมากครับ ส่วนบริษัทย่อยก็ยังขายไม่ออกเหมือนเดิมเป็นตัวถ่วงต่อไป
Update 27 ตุลาคม 2556
เมื่อเย็นวันที่ 25 ตุลาคม 2556 ได้มีข่าวสำคัญคือ ประกาศเพิ่มทุนที่อัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 0.6 หุ้นใหม่ ในราคา 0.8 บาทต่อหุ้น ปัจจุบันมีจำนวนหุ้นทั้งหมด 839,555,877 หุ้น จะมีหุ้นใหม่เพิ่มขั้นมาเท่ากับ 503,733,527 หุ้น รวมมีหุ้นเท่ากับ 1,343,289,404 ซึ่งจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นมาส่งผลดังนี้
1. ผลกระทบด้านการลดลงของสัดส่วนการถือหุ้น (Control dilution)
สามารถคำนวณได้ดังนี้ Control dilution = Qe/(Qe +Qo)
โดยที่ Qe = จำนวนหุ้นใหม่เพิ่มขั้นมาเท่ากับ 503,733,527 หุ้น
Qo = จำนวนหุ้นเดิมเท่ากับ 839,555,877 หุ้น
Control dilution = 503,733,527/(503,733,527 +839,555,877)
Control dilution = 37.5%
ถ้าเพิ่มทุนแล้วสามารถทำให้กำไรโตมากกว่าสัดส่วนหุ้นที่เพิ่มเข้ามาก็คุ้มละ
2. ผลกระทบด้านการลดลงของราคาหุ้น (Price dilution)
สามารถคำนวณได้ดังนี้ Price dilution = (Po - Pnew) / Po
โดยที่ Po เป็นราคาสิ้นวันที่ 1.67
Pnew = (Po x จำนวนหุ้นก่อนเพิ่มทุน) + (ราคาเพิ่มทุน x จำนวนหุ้นเพิ่มทุน) / (จำนวนหุ้นก่อนเพิ่มทุน + จำนวนหุ้นเพิ่มทุน)
Pnew = (1.67 x 839,555,877) + (0.8 x 503,733,527) /( 503,733,527 +839,555,877)
Pnew = 1.34
Price dilution = (1.67-1.34)/1.67 = 19.5%
วัน XR ถ้าราคาอยู่ที่ 1.67 จะเกิดPrice dilution ตามตำราที่ 19.5% ถ้าตอนเช้าเปิดตลาดมาราคาลงต่ำกว่า 19.5% ก็กำไร
ได้เงินมาเอาไปทำอะไร
เพิ่มทุนเอาไปทำอะไร
สรุปก็คือ ตัวแม่เพิ่มทุนมา 400 ล้าน กู้กสิกรมาอีก 400 ล้าน ได้เงินมา 800 เอาไปซื้อเครื่องจักรจากบริษัทย่อยที่ 800 บริษัทย่อยก็เอาเงินไปโป๊ะหนี้ TMB จ่ายหนี้ครบก็จะได้กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ จาก TMB 475 ล้านบาท(ในรูปทำตัวเลขกลมๆ)
ทำแล้วได้อะไร
หนี้ก้อนใหญ่ลดลงจาก 1,275,444,008.45 บาท (หนี้สินระยะยาวตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ ณไตรมาศสอง 2556) เหลือแค่หนี้ที่กู้จากกสิกรแค่ 400 ล้าน หรือหนี้ลดลงเท่ากับ 875 ล้านบาท
ส่วนทุนเพิ่มขึ้นจาก
กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ 475 ล้าน
ส่วนทุนที่เพิ่มเข้ามาก 400 ล้าน
คิด DE ratio จาก 4 เท่าจะเหลือเท่ากับ (1,768.36 -875)/(417.53 +475+400) = 0.7 กู้โครงการอนาคตได้อีกเพียบ
ข้อเสียคือจำนวนหุ้นเพิ่มมาเยอะบริษัทจะทำกำไรโตทันหรือไม่ คอยติดตามกันต่อไป
************************
เครดิต
http://www.investidea.in.th/2013/10/akr-turn-around.html
************************
เพิ่มเติมความเห็น มี bias โปรดใช้วิจารณญาณ
เนื่องจากติดตามมานานจึงพอมีข้อมูลมาแชร์ ไม่อยากให้ใครไม่เข้าใจมาบ่นเยอะ
ตัวนี้ปัญหาอย่างเดียวเกิดจาก เอกรัตน์โซล่า ซึ่งตอนนี้ก็แก้ไขได้แล้ว เดือนหน้าจะมีประชุมผู้ถือหุ้นเรื่องเพิ่มทุน ซึ่งอาจมี PP ส่วนหนึ่ง
แล้วกำไรจากปรับโครงสร้าง 475 ล้านจะเข้า Q4
หลายท่านที่พอตามมา จะทราบว่า เอกรัตน์เองไม่ได้ต้องการดึงดันเรื่อง บ.ย่อย เพียงรอเวลาที่จะดำเนินการ
ทีนี้ ต้องรอท่านที่ทำราคา ไม่อุบเรื่องกำไรจำนวนมากที่ได้ และความเป็นไปได้ที่จะเทิร์นครับ
AKR สรุปธุรกิจ
AKR จะ turn around หรือไม่
มหากาพย์ AKR ใกล้จบแล้วเนื้อหาในช่วงต้นมา จาก http://value.exteen.com/20120404/akr-turn-around เขียนไว้ตั้งนานตั้งแต่วันที่ซื้อหุ้นตัวนี้ แต่ web เน่าไปแล้วเปิดได้บ้างไม่ได้บ้างย้ายบทความมานี่ละกัน
AKR บริษัท เอกรัฐวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) ทำมาหากินเกี่ยวกับ ผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าและบริการซ่อมบำรุงรักษา รับออกแบบติดตั้งรวมทั้งก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย
ตัวธุรกิจเดิมไม่มีปัญหาได้กำไรทุกปี ตอนปี 50 เข้าตลาดมาระดมทุน + กู้เงินเพื่อสร้างโรงงานผลิต Solar cell แล้วก็เจ้งไม่เป็นท่า ตอนนี้ก็ฮิตทำ Solar farm แต่ไม่เห็นมีใครซื้อซักเจ้า T^T แต่ออกข่าวโม้ซะดิบดี
วันที่ 30 มีนาได้ลงนามปรับโครงสร้างหนีกับธนาครกรุงไทย[1] หนี้ก่อนปรับโครงสร้าง 1,320 ล้าน เหลือต้องจ่าย 2 ส่วนคือ 505 ล้าน กับ 300 ล้านจากการขายโรงงานภายในปี 2557 ข้อดีคือบริษัทจะได้จ่ายดอกเบี้ย MLR จากตอนนี้ต้องจ่ายดอกเบี้ยผิดนัดชำระ ( 1,320-805=515 จะบันทึกเป็นกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ในไตรมาศ 1 หรือเปล่าไม่มั่นใจ )
ที่น่าสนใจคือ
ปี 2553 บริษัทหักขาดทุนจากบริษัทย่อยหมดแล้ว เพราะขาดทุนเกินทุนเรียบร้อยTongue out แต่ถ้าหาผู้ร่วมทุนได้เงินก้อนนี้ก็จะพลิกกลับมาเป็นกำไรWink
หนี้สงส้ยจะสูญ 275 ล้าน
เงินลงทุนบริษัทย่อย 700 ล้านเกลี้ยง
ปี 2554 [2] บริษัทมี EBITDA 204.26 ล้านแสดงว่าธุรกิจเดิมก็ยังไปได้อยู่
ค่าใช้จ่ายจากการผลิตไม่เต็มกำลังการผลิต 48 ล้าน<--ถ้าขายตัวถ่วงไปได้ก็ไม่มีค่าใช้จ่ายตัวนี้อีกนะ
ค่าใช้จ่ายทางการเงิน 150 ล้าน <-- เป็นอัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระหลังปรับโครงสร้างหนี้มันจะลดลงกลับมาจ่ายแค่ MLR
ขาดทุนสะสม 807 ล้านบาท <--ล้างด้วย กำไรจากการ Hair cut + ส่วนล้ำมูลค่าหุ้น 297 ล้าน + ลดทุน
Update:14 พฤษภาคม 55
จากงบการเงิน Q1 จะเห็นว่า ยอดขายเพิ่มเป็น 503.23 ล้าน จาก 325.21 ล้านCool อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มจาก 19% เป็น 24% Cool กำไรก่อนดอกเบี้ยจากและภาษี อยู่ที่ 40 ล้าน จากติดลบ 19 ล้านCool ส่วนดอกเบี้ยค้างชำระ 500 กว่าล้านจะบันทึกเมื่อชำระหนี้ได้ตามแผน(เขียนในหมายเหตุประกอบงบ)Tongue out
แต่พึงเซ๊นต์สัญญาปรับโครงสร้างหนี้ไปเมื่อ 30 มีนาทำให้ ไตรมาศแรกยังบันทึกต้นทุนทางการเงินในอัตราผิดนัดชำระอยู่ที่ 35 ล้าน ทำให้ net แล้วยังขาดทุนอยู่ 11 ล้านTongue out แต่ไตรมาศต่อไปจะกลับมาจ่ายที่ MLR แล้วหวังว่าชีวิตคงจะดีขึ้น และขายโรงงานผลิตแผงโซล่าเซลได้ไวๆนะครับ
Update:19 มิถุนายน 55
แสงสว่างรำไร มีการลดทุนล้างขาดทุนสะสม[3] โดยการลดพาร์จาก 1 บาทมาเป็น 0.8 บาทเอาส่วนต่างมาล้างขาดทุนสะสมได้ 100 กว่าล้านCool แถมออกข่าวในกรุงเทพธุรกิจ[4]ว่าจะปิดบริษัทปลายปีนี้ เหตูเพราะนโยบายรัฐไม่นิ่ง
Update: 18 กรกฎาคม 2555
ไปประชุมผู้ถือหุ้นมาพบว่าล้างขาดทุนสะสมแค่บริษัทแม่อย่างเดียวก็จ่ายปันผลได้แล้ว สรุปก็คือล้างขาดทุนสะสมแค่ "512" ล้านในงบการเงินเฉพาะกิจการ ไม่ใช่ 852 ล้านในงบรวมตามที่คิดไว้ตอนแรกครับ ด้วยวิธีการดังนี้
ใช้ ส่วนเกินมูลค่าหุ้นสามัญ 296 ล้าน
ส่วนเกินจากการลดทุน 158 ล้าน
สำรองตามกฎหมาย 35 ล้าน
สรุปว่าวันนี้เหลือขาดทุนสะสมแค่ 24 ล้านจาก 512 ล้าน ด้วยการยกมือเพียงครั้งเดียว เย้ Cool น่าจะเห็นขาดทุนสะสมลดลงในงบไตรมาศ 3 ครับถ้าโชคดีอาจได้เงินปันผลครั้งแรกในรอบหลายปี
ส่วนเรื่องหนี้สินผู้บริหารพูดอย่างมั่นใจว่ามีจ่ายแน่ๆครับ
Update 18 สิงหาคม 2555
ยอดขายดีขึ้น ค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลงจากผลของการปรับโครงสร้างหนี้ net แล้วขาดทุนไตรมาศนี้ 8 แสนบาท Cool มีรายการหนึ่งที่น่าสนใจคือ
หมายเหตุข้อ 5, ในงบการเงินเฉพาะกิจการ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2555 บริษัทฯได้จ่ายค่าหุ้นเพิ่มทุนเป็นเช็คให้แก่บริษัทย่อย จำนวน 300 ล้านบาท และบริษัทย่อยได้นำเช็คดังกล่าวมาชำระคืนเงินให้กู้ยืมและดอกเบี้ยค้างรับ จำนวน 211.97 ล้านบาท และลูกหนี้การค้า จำนวน 88.03 ล้านบาท
แค่เขาเช๊คโยนไปโยนมา รายการระหว่างกันในหมายเหตุข้อ 27 โดยเฉพาะเงินให้กู้ยืมแก่บริษัทย่อยหายเกลี้ยง เหลืออยู่ 19 ล้านเพราะให้เอาเงินไปจ่ายดอกเบี้ย หวังว่ารายการนี้คงจะเป็นการทำความสะอาดลูกเพื่อขายทิ้งได้ซะทีนะ สาธู้
เหลือ lock ตัวสุดท้ายคือการขายบริษัทย่อยออกไปในปีนี้ซึ่งก็ยังไม่มีความชัดเจนอะไรซักอย่าง ก็คิดในกรณีเลวร้ายที่สุดแล้วกันก็คือขายไม่ออกต้องหาเงิน 300 ล้านมาโป๊ะในปีหน้า เริ่มต้นกวาดตาหาทรัพย์สินหน้าตักเราก่อน
เงินสด 71 ล้าน
กระแสเงินสดจากการดำเนินงานอีก 2 ไตรมาศถ้าทำได้เท่า H1 ก็อีก 66 ล้าน
รวมได้ 137 ล้าน ขาดอีก 163 ล้าน(300-137)
อาจจะเพิ่มทุนอีกซัก 150-200 ล้านก็พอใช้หนี้ เฉพาะหน้าอีก 500 ที่เหลือก็ผ่อนจ่าย 7 ปีไม่น่ามีปัญหาอะไร
Update 28 กันยายน 2555
ไปเยียมชมกิจการมา ir เขาว่าตอนนี้ก็ยังหาคนมาซื้อลูกไม่ได้ แต่ขณะนี้กำลังพยายามที่จะ refinance ทั้งก้อนอยู่ครับ อยู่ในขั้นตอนที่แบงค์สองแบงค์คุยกันอยู่ถ้าคุยกันจบก็จะบันทึกส่วนต่างจาก
1300 - เงินที่เอามาโป๊ะ = กำไรพิเศษ
ใช้สินทรัพย์ของบริษัทแม่เป็นตัวค้ำประกัน ถ้าทำได้สินทรัพย์ของบริษัทย่อยก็จะฟรี ล็อกหน้าประตูบริษัทเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้งานได้เลย เอาไปเร่ขายซากอย่าให้ต่ำกว่าบุ้กแล้วกัน
ถ้าปัญหาจบเขาว่าจะโตจากหม้อแปลงนี่แหละ ไม่ยุ่งกับนโยบายรัฐแล้วเข็ด
เดี๋ยว Q3 มาลุ้นกันต่อ
Update 13 พฤศจิกายน 2555
ชีวิตเริ่มดีขึ้น จากงบกำไรขาดทุนงวด 3 เดือน ไตรมาศ 3 รายได้เพิ่มขึ้น 22.43 % จาก 497ล้านบาท เป็น 609 ล้าน อัตรากำไรขึ้นต้นก็เพิ่มขึ้นจาก 19% เป็น 25% ,ต้นทุนทางการเงินจากอัตราดอกเลี้ยผิดนัดที่กลับมาจ่าย MLR ทำให้กำไรสุทธิเป็นบวกซักที 31 ล้าน พลิกจากขาดทุน 29 ล้าน
แต่ถ้าดูในงบเฉพาะกิจการมีกำไร 49 ล้านถ้าเอาเงินให้กู้ยื่มแก่บริษัทย่อย 19 ล้านมาบวกกลับนี่แสดงว่า เฉพาะกำไรจากหม้อแปลงไตรมาศ 3 เกือบ 70 ล้านเลยทีเดียวCool แสดงว่าถ้าบริษัทอยากจ่ายปันผลก็จ่ายได้เลยครับเพราะ ตอนนี้งบเฉพาะกิจการมีกำไรสะสมอยู่ 39 ล้าน จากขาดทุนสะสม 557 ล้านในปีที่แล้วCool
ส่วนเอกรัฐโซล่าที่เป็นตัวถ่วงกิจการอยู่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะเอาอย่างไร ขายได้หรือเปล่า กำหนดการที่ต้องจ่าย 300 ล้านก็ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วววววว เรื่อง refinance ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปLaughing
Update 1 มีนาคม 2556
AKR งบปีออกแล้ว งบรวมกำไร 111 ล้านบาท ซึ่งรวมขาดทุนจากบริษัทย่อยไปแล้ว 173 ล้านบาท แสดงว่าตัวแม่จริงๆกำไรเท่ากับ 111 + 173 = 284 ล้าน กำไรสูงที่สุดตั้งแต่เปิดบริษัทมาเลยทีเดียว เยี่ยมมากครับ ส่วนบริษัทย่อยก็ยังขายไม่ออกเหมือนเดิมเป็นตัวถ่วงต่อไป
Update 27 ตุลาคม 2556
เมื่อเย็นวันที่ 25 ตุลาคม 2556 ได้มีข่าวสำคัญคือ ประกาศเพิ่มทุนที่อัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 0.6 หุ้นใหม่ ในราคา 0.8 บาทต่อหุ้น ปัจจุบันมีจำนวนหุ้นทั้งหมด 839,555,877 หุ้น จะมีหุ้นใหม่เพิ่มขั้นมาเท่ากับ 503,733,527 หุ้น รวมมีหุ้นเท่ากับ 1,343,289,404 ซึ่งจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นมาส่งผลดังนี้
1. ผลกระทบด้านการลดลงของสัดส่วนการถือหุ้น (Control dilution)
สามารถคำนวณได้ดังนี้ Control dilution = Qe/(Qe +Qo)
โดยที่ Qe = จำนวนหุ้นใหม่เพิ่มขั้นมาเท่ากับ 503,733,527 หุ้น
Qo = จำนวนหุ้นเดิมเท่ากับ 839,555,877 หุ้น
Control dilution = 503,733,527/(503,733,527 +839,555,877)
Control dilution = 37.5%
ถ้าเพิ่มทุนแล้วสามารถทำให้กำไรโตมากกว่าสัดส่วนหุ้นที่เพิ่มเข้ามาก็คุ้มละ
2. ผลกระทบด้านการลดลงของราคาหุ้น (Price dilution)
สามารถคำนวณได้ดังนี้ Price dilution = (Po - Pnew) / Po
โดยที่ Po เป็นราคาสิ้นวันที่ 1.67
Pnew = (Po x จำนวนหุ้นก่อนเพิ่มทุน) + (ราคาเพิ่มทุน x จำนวนหุ้นเพิ่มทุน) / (จำนวนหุ้นก่อนเพิ่มทุน + จำนวนหุ้นเพิ่มทุน)
Pnew = (1.67 x 839,555,877) + (0.8 x 503,733,527) /( 503,733,527 +839,555,877)
Pnew = 1.34
Price dilution = (1.67-1.34)/1.67 = 19.5%
วัน XR ถ้าราคาอยู่ที่ 1.67 จะเกิดPrice dilution ตามตำราที่ 19.5% ถ้าตอนเช้าเปิดตลาดมาราคาลงต่ำกว่า 19.5% ก็กำไร
ได้เงินมาเอาไปทำอะไร
เพิ่มทุนเอาไปทำอะไร
สรุปก็คือ ตัวแม่เพิ่มทุนมา 400 ล้าน กู้กสิกรมาอีก 400 ล้าน ได้เงินมา 800 เอาไปซื้อเครื่องจักรจากบริษัทย่อยที่ 800 บริษัทย่อยก็เอาเงินไปโป๊ะหนี้ TMB จ่ายหนี้ครบก็จะได้กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ จาก TMB 475 ล้านบาท(ในรูปทำตัวเลขกลมๆ)
ทำแล้วได้อะไร
หนี้ก้อนใหญ่ลดลงจาก 1,275,444,008.45 บาท (หนี้สินระยะยาวตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ ณไตรมาศสอง 2556) เหลือแค่หนี้ที่กู้จากกสิกรแค่ 400 ล้าน หรือหนี้ลดลงเท่ากับ 875 ล้านบาท
ส่วนทุนเพิ่มขึ้นจาก
กำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ 475 ล้าน
ส่วนทุนที่เพิ่มเข้ามาก 400 ล้าน
คิด DE ratio จาก 4 เท่าจะเหลือเท่ากับ (1,768.36 -875)/(417.53 +475+400) = 0.7 กู้โครงการอนาคตได้อีกเพียบ
ข้อเสียคือจำนวนหุ้นเพิ่มมาเยอะบริษัทจะทำกำไรโตทันหรือไม่ คอยติดตามกันต่อไป
************************
เครดิต
http://www.investidea.in.th/2013/10/akr-turn-around.html
************************
เพิ่มเติมความเห็น มี bias โปรดใช้วิจารณญาณ
เนื่องจากติดตามมานานจึงพอมีข้อมูลมาแชร์ ไม่อยากให้ใครไม่เข้าใจมาบ่นเยอะ
ตัวนี้ปัญหาอย่างเดียวเกิดจาก เอกรัตน์โซล่า ซึ่งตอนนี้ก็แก้ไขได้แล้ว เดือนหน้าจะมีประชุมผู้ถือหุ้นเรื่องเพิ่มทุน ซึ่งอาจมี PP ส่วนหนึ่ง
แล้วกำไรจากปรับโครงสร้าง 475 ล้านจะเข้า Q4
หลายท่านที่พอตามมา จะทราบว่า เอกรัตน์เองไม่ได้ต้องการดึงดันเรื่อง บ.ย่อย เพียงรอเวลาที่จะดำเนินการ
ทีนี้ ต้องรอท่านที่ทำราคา ไม่อุบเรื่องกำไรจำนวนมากที่ได้ และความเป็นไปได้ที่จะเทิร์นครับ