BTS จะรอดหรือไม่อยู่ที่การเลือกตั้งรอบนี้

กระทู้สนทนา


ทำไมราคาหุ้น BTS ที่ไหลลง ถึงเป็นสิ่งที่เราควรใส่ใจแม้เราจะไม่มีหุ้นก็ตาม ??

ก่อนอื่น ผมอยากย้อนความถึงนโยบายของภาครัฐ 2 นโยบายที่มีความพยายามผลักดันในช่วงก่อนหน้านี้

1) รถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย 2) การซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้าทั้งหมดเพื่อเอามาให้รัฐบริหารจัดการเอง

สำหรับนโยบาย 20 บาท ผมคิดว่าคงไม่ได้เกิดแล้ว และเคยเขียนถึงไปแล้วเลยข้อข้ามไป (ลง Link ย้อนไว้ให้ข้างท้าย) แต่เรื่องซื้อคืนสัมปทานนี่น่าสน

ย้อนมาที่ BTS ก่อนเล็กน้อย ผมเข้าใจว่าหลายคนกำลังพูดถึงเรื่องการลงทุนที่ผิดพลาดของ BTS ในอดีต คือการซื้อหุ้น KEX, JMART, SINGER ในราคาแพง และต้องด้อยค่านับหมื่นล้าน แต่เรื่องพวกนี้ เกิดไปแล้ว จบไปแล้ว ตลาดไม่ได้สนใจแล้ว

ความจริงที่ตลาดกำลังสนใจคือ สภาพอันย่ำแย่เกินคาดของรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง ถ้าดูตามตารางที่ผมใส่มาจะเห็นภาพชัดมากนะครับ

รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ในตอนที่ประมูลสัมปทานกันนั้น จำนวนผู้โดยสารที่มีการประเมินคือ ณ ระดับ 1.5 แสนเที่ยวต่อวัน และค่อยๆเพิ่มขึ้นเป็น 1.90 แสนเที่ยวต่อวันในปีที่ 3 ของสัมปทาน (ทั้งหมด 30 ปี)

แต่ในความเป็นจริงตอนนี้ สายสีเหลืองเฉลี่ยในปีนี้มีผู้ใช้งานเพียง 0.45 แสนเที่ยวต่อวันเท่านั้นเอง ถ้านับเฉพาะช่วงหลัง 3-4 เดือนมานี้ ก็ 0.50 แสน ห่างจากเป้าหมายแบบไกลสุดๆ

รถไฟฟ้าสายสีชมพูก็เช่นเดียวกัน คือตอนประมูลคาดกันไว้ที่ 1.7 แสนในปีแรก และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ในความเป็นจริงปีนี้ สายสีชมพูมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 6 หมื่นเที่ยวต่อวันเท่านั้น ถึงแม้จะดีขึ้นในช่วงหลังเพราะมีการเปิดส่วนต่อขยายที่เชื่อมเข้าเมืองทองแล้ว ก็ยังได้แค่ประมาณ 8 หมื่นเที่ยวต่อวัน

ในตารางผมทำประมาณการ สีอ่อนๆที่อยู่ข้างหลัง เป็นตัวเลขสมมุติว่าผู้โดยสารโตได้ปีละ 10% กว่าๆ ไปจนถึงปีที่ 10 ของสัมปทาน แต่ก็ยังห่างมากจากประมาณการ ซึ่งการสมมุติว่าโตปีละ 10% นี้ถ้าเทียบกับสายหลักๆอย่างสายสีเขียว หรือสายใต้ดิน ก็ถือว่าสูงแล้ว ถ้าจะเห็นการกระโดดได้อีกทีอาจจะเป็นตอนสายสีส้มเสร็จ แต่ก็ไม่น่าจะช่วยได้มากมาย ส่วนตารางส่วนที่เหลือคือที่ปรึกษาการเงินทำไว้ของสัมปทานปีที่ 11-30 ครับ

แรงกดดันจากค่าเสื่อมและการตัดจำหน่ายสัมปทาน กดดันงบการเงิน BTS อยู่พอสมควร และเป็นเหตุให้ธุรกิจไม่สามารถพลิกมากำไรซักที ถึงจะไม่มีการด้อยค่าเงินลงทุนต่างๆแล้วก็ตาม และถ้าปล่อยไว้ ก็จะเป็นปัญหาแน่นอน ดูจากราคาหุ้น BTS ก็คงเห็นกันแล้ว

เป็นเหตุให้กลับมาที่คำถามตอนต้นว่า ในการซื้อสัมปทานคืนของภาครัฐที่มีนโยบายกันอยู่

"มูลค่าในการซื้อสัมปทานคืน = เท่าไหร่ ???"

จะใช้ rate ไหนในการคิด เพราะถ้าต้องประเมินมูลค่าทางบัญชีของสินทรัพย์ก้อนนี้ (สายสีเหลือง,สายสีชมพู) จะต้องด้อยค่าอย่างแน่นอน

ดังนั้นราคาซื้อจะยุติธรรมสำหรับใคร สำหรับคนซื้อ (รัฐ,กทม) หรือคนขาย (BTS กับบริษัทร่วมทุนอื่นๆ) เรื่องนี้สังคมควรติดตามครับ และต้องไม่ลืมว่าจริงๆภาครัฐก็ออกเงินอุดหนุนการก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้งสองเส้นด้วย ถ้าประกาศซื้อที่ราคาประมูลนี่ คนถือหุ้น BTS เฮดังๆแน่

กลับมาที่ BTS อยากจะต่ออีกหน่อยเพราะเป็นเรื่องที่ชวนให้หงุดหงิดสังคมการลงทุนของไทยอย่างมาก

เพื่อนๆจะเห็นว่าหลายปีที่ผ่านมา เวลาที่มีข่าวการคืนหนี้จาก กทม ให้กับ BTS ทุกครั้งก็จะมีแรงเชียร์ให้คนซื้อหุ้นอยู่ตลอด นักวิเคราะห์หลายคนก็เป็นไปกับเขาด้วย

เรื่องนี้ตลกมาก เพราะว่าความจริงในทุกๆไตรมาสที่ กทม เป็นหนี้ BTS บริษัทก็จะคิดดอกเบี้ยอยู่เสมอ ทำให้เราเห็นรายได้ของ BTS มักมีรายได้ดอกเบี้ยก้อนโต ซึ่งก็ถูกนำไปหักกับ รายจ่ายดอกเบี้ย แบบใกล้ๆกัน เพราะเหมือนกับว่า BTS ต้องกู้ธนาคารมาหมุนเวียน ทำให้ ดอกเบี้ยรับ = ดอกเบี้ยจ่าย

แต่การคืนหนี้เงินต้นของ กทม ทำให้ BTS ไม่สามารถคิดดอกเบี้ยจากเงินก้อนนี้ได้ ผมก็ไม่เข้าใจว่าเป็นข่าวดียังไง เพราะจริงๆอย่างมากก็แค่เสมอตัว

แต่เงินที่คืนมาแล้วนั้น BTS จะเอาไปคืนหนี้ธนาคารหมดเลยทันทีมั้ย ไม่มีใครทราบ ในไตรมาสล่าสุด เราได้เห็นแล้วว่างบการเงินของ BTS มีดอกเบี้ยรับ น้อยกว่า ดอกเบี้ยจ่ายถึงพันล้าน แสดงว่ายังไม่ได้คืนธนาคารทั้งก้อน แถมยังเจียดเงินไปซื้อ VGI คืนจากใครอีก !?

ต่อมาคือถ้าเราหักกำไรจากค่าเงิน , กำไรทางบัญชีออก ในไตรมาสล่าสุด BTS ขาดทุนมากกว่าที่เห็นหลายร้อนล้านมากครับ

อ้างอิงจาก https://www.facebook.com/WriterTable/posts/pfbid0Da1TheS6hcDG2Gfj8ozLtRWWQWN7gQL6PPKhEjVnaU62xeftEYBNGMfiGjQaXVEMl


ชมพู เหลือง คือปัญหาของ bts ถ้ารัฐบาลซื้อกลับไป bts จะพลิกกำไรทันที

ปล. ใครที่สงสัย bts เอาเงินที่ กทม คือไปทำอะไร นี้เลย เอาไปเปิดร้านอาหารทะเล

https://weblink.set.or.th/dat/news/202512/0221NWS151220252047203900T.pdf
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่