credit : bangkokbiznews.com
------
จับตายื่นซองประมูลทีวีดิจิทัล"ทุนใหญ่"แข่งชิงช่องเอชดี วาไรตี้ส่อเดือด ราคาเคาะจ่อพุ่งเท่าตัว "อินทัช" ดึง เอไอเอส-พันธมิตรลุยผลิตคอนเทนท์
หลังจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดจำหน่ายซองประมูลทีวีดิจิทัล ประเภทธุรกิจ 24 ช่อง ประกอบด้วยช่องเอชดี 7 ช่อง, วาไรตี้ 7 ช่อง, ข่าว 7 ช่อง และ เด็ก 3 ช่อง ไปเมื่อเดือนก.ย. ที่ผ่านมา โดยมีผู้สนใจซื้อซองรวม 49 ชุด 33 บริษัท 24 กลุ่มธุรกิจ
อีกหนึ่งวาระสำคัญในวันที่ 28-29 ต.ค. นี้ คือ การเปิดให้ผู้ซื้อซอง มายื่นซองประมูล พร้อมวางเงินประกัน 10% ของราคาเริ่มต้นในประเภทช่องที่ต้องการประมูล โดย กสทช. กำหนดกรอบเวลาการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ยื่นซองสูงสุด 45 วัน หลังจากนั้นจะประกาศรายชื่อผู้ผ่านเกณฑ์เข้าร่วมประมูลและกำหนดวันประมูลราวกลางเดือนธ.ค. นี้ วางรูปแบบประมูลวันละประเภท รวม 4 วันต่อเนื่อง
บรรดานักวิเคราะห์หลักทรัพย์ได้ประเมินภาพรวมของธุรกิจและความสามารถในการแข่งขันผู้ประกอบการแต่ละราย จากการสำรวจความคิดโบรกเกอร์ประเมินว่าผู้ประกอบการรายใหญ่จะยื่นซองเน้นการประมูลในช่องเอชดี เนื่องจากฐานเงินลงทุนสูง ขณะที่ผู้ประกอบการรายเล็ก จะยื่นประมูลช่องวาไรตี้ หรือช่องที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญเฉพาะคือช่องข่าวและเด็ก
เอชดี-วาไรตี้เดือดราคาพุ่ง'เท่าตัว'
แหล่งข่าวจากอุตสาหกรรมสื่อ เปิดเผยว่าจากจำนวนผู้ซื้อซองประมูลทีวีดิจิทัลช่องเอชดีรวม 12 ชุด คาดว่าจะมีผู้ยื่นซองประมูลราว 10 ชุด จากใบอนุญาตที่จัดสรรจำนวน 7 ช่อง โดยกลุ่มทุนที่เข้าร่วมชิงช่องเอชดี ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มทุนใหญ่ ทั้งช่องฟรีทีวีเดิม คอนเทนท์ โปรวายเดอร์ โทรคมนาคม และผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่มีความพร้อมเดินเงินทุน
แม้จะมีปัจจัยเรื่องคุณสมบัติการถือหุ้นร่วมกันของช่อง 7 และบริษัทจันทร์ 25 ที่หากไม่แก้ไขสัดส่วนหุ้นก่อนยื่นซองประมูล อาจเข้าข่ายไม่ผ่านคุณสมบัติและถูกตัดสิทธิ ซึ่งจะทำให้ผู้แข่งขันในช่องเอชดีลดลง แต่เชื่อว่าการเคาะราคาแข่งขันยังอยู่ในภาวะรุนแรง เนื่องจากผู้เข้าประมูลล้วนเป็นกลุ่มทุนใหญ่ ที่ต้องการคลื่นความถี่ช่องเอชดี ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ของอุตสาหกรรมโทรทัศน์ในอนาคต คาดว่าราคาเคาะประมูลสูงสุดของช่องเอชดีจะอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท หรือเพิ่มเท่าตัวจากราคาเริ่มต้นประมูล
"เชื่อว่ากลุ่มทุนใหญ่ทั้งหมดที่ยื่นประมูลช่องเอชดีจะชนะประมูลทุกราย" แหล่งข่าวกล่าว
เช่นเดียวกับช่องวาไรตี้ (SD) ที่อยู่ในภาวะการแข่งขันรุนแรงเช่นกัน เนื่องจากเป็นประเภทช่องที่มีผู้สนใจซื้อซองมากที่สุดรวม 17 ชุด จากจำนวนช่องเปิดประมูล 7 ช่อง คาดการณ์ประเภทนี้จะมีผู้ยื่นซองประมูลเกือบครบและจากภาวะการแข่งขันสูง เชื่อว่าจะทำให้ราคาเคาะประมูลสูงสุดช่องวาไรตี้ เอสดี อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท จากราคาเริ่มต้นช่องละ 380 ล้านบาท
ส่วนช่องข่าวและเด็ก ถือเป็นคอนเทนท์เฉพาะกลุ่มต่างจากช่องเอชดีและวาไรตี้ ดังนั้นการแข่งขันใน 2 ประเภทนี้จะไม่สูงเท่า 2 ประเภทแรก คาดว่าช่องข่าวจะมีผู้ยื่นประมูลราว 10 ราย จากจำนวนช่องเปิดประมูล 7 ช่อง ประเมินราคาเคาะสูงสุดจะอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท ขณะที่ช่องเด็ก แม้จะมีผู้ซื้อซองจำนวนมาก 8 ราย จากช่องเปิดประมูล 3 ช่อง แต่เนื่องจากเป็นช่องรายการเด็กและครอบครัวที่มีข้อจำกัดในการเสนอรายการและการโฆษณา คาดราคาเคาะสูงสุดจะอยู่ที่ 500 บาท จากราคาเริ่มต้นช่องละ 140 ล้านบาท
"อินทัช"ลุยประมูลทีวีดิจิทัล
นายสมประสงค์ บุญยะชัย ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น หรือกลุ่มอินทัช กล่าวว่า บริษัททัชทีวี ซึ่งซื้อซองประมูลทีวีดิจิทัล ช่องเด็กและวาไรตี้ ยังใช้เงินลงทุนอยู่ในวงเงินเดิมที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้คือ 2,000 ล้านบาท พร้อมการสร้างสตูดิโอใหม่ หากทัชทีวีสามารถประมูลช่องไม่ว่าจะกี่ช่อง ต้องพร้อมออนแอร์ภายใน 30 วัน หลังจากได้ใบอนุญาตจาก กสทช.
สำหรับรูปแบบการทำงาน จะให้บริษัทที่อยู่ในเครืออย่าง บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) เป็นผู้ร่วมพัฒนาเนื้อหาและคอนเทนท์ ส่วนเนื้อหารายการนั้น อินทัชมีความร่วมมือกับพันธมิตรในหลายๆ อุตสาหกรรมอยู่แล้ว ดังนั้น จึงมีความพร้อมเต็มที่จะเข้าร่วมประมูลทีวีดิจิทัลครั้งนี้
โบรกชี้รายใหญ่ฮุบ "ทีวีดิจิทัล"
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซียพลัส กล่าวว่าในการประมูลทีวีดิจิทัล คาดว่าผู้ประกอบการทั้งรายเก่าและรายใหม่มีโอกาสชนะประมูลพอๆ กัน แต่ปัจจัยอัตราค่าบริการโครงข่ายช่องเอชดี ที่มีราคาสูงถึง 14 ล้านบาทต่อเดือน จะทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กมีเงินทุนจำกัด "ถอดใจ" และเลือกประมูลช่องวาไรตี้แทน แต่เชื่อว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ยังคงสนใจเลือกประมูลช่องเอชดีเป็นหลัก เพราะถือเป็นเทคโนโลยีหลักที่ตอบสนองการเสพสื่อในอนาคตและเป็นแนวโน้มของอุตสาหกรรมสื่อทีวีที่จะก้าวสู่ระบบเอชดีหลังจากนี้
สำหรับผู้ประกอบการในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีผู้ซื้อซองประมูลหลายราย แม้ผู้ประกอบการฟรีทีวีอนาล็อกเดิมอย่าง บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) อาจต้องเผชิญการแข่งขันรุนแรง เพราะมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาแย่งชิงเม็ดเงินโฆษณา แต่ด้วยศักยภาพด้านเงินทุนจะช่วยให้สามารถชนะการประมูลได้ทุกประเภทที่ยื่นประมูล ไม่ว่าจะเป็นช่องเอชดี วาไรตี้และเด็ก ถือเป็นการสนับสนุนการบริการช่องฟรีทีวีเดิม
ขณะที่บมจ.อสมท ยังมีจุดอ่อนด้านคอนเทนท์รายการ ไม่แข็งแกร่งเท่าบีอีซี จึงคาดชนะประมูลเพียงช่องเอชดี 1 ช่อง แต่จะเน้นลงทุนด้านการเป็นผู้ให้บริการโครงข่าย ซึ่งธุรกิจให้บริการโครงข่ายต้องใช้เงินลงทุนสูง คาดใช้เวลาคุ้มทุนราว 5 ปี ส่วนผู้ประกอบการรายใหม่อย่าง บมจ.อาร์เอส บมจ.เวิร์คพอยท์ บมจ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ และบมจ.เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น คาดว่าจะชนะประมูลรายละ 1 ช่อง
แม้ว่าผู้ประกอบการดังกล่าว จะได้รับผลบวกจากอัตราค่าโฆษณาที่คาดจะเพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากต้องรอการขยายโครงข่ายและการกระจายกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิทัล ทำให้มีแนวโน้มต้องเช่าสัญญาณดาวเทียมเพื่อออกอากาศรายการบนช่องทีวีดาวเทียมคู่ขนานในช่วงแรก เพื่อรักษาฐานผู้ชมจนกว่าโครงข่ายทีวีดิจิทัลจะครอบคลุมจำนวนครัวเรือนทั่วประเทศ ทำให้ฝ่ายวิจัยฯเชื่อว่าผู้ประกอบการรายใหม่จะยังต้องใช้เวลาให้ถึงจุดคุ้มทุนในระยะ 2-3 ปีแรกของการให้บริการ
"ทีวีดิจิทัล" ดันโฆษณาโต
ทั้งนี้ คาดว่าทีวีดิจิทัลที่จะเริ่มแพร่ภาพเดือนมี.ค. 2557 จะมีบทบาทสำคัญช่วยกระตุ้นเม็ดเงินโฆษณาในปีหน้ากลับมาเติบโตในอัตรา"สูง"อีกครั้ง โดยเฉพาะบีอีซีฯ เนื่องจากเป็นเจ้าของสถานีที่มีคอนเทนท์และฐานผู้ชมแข็งแกร่ง ทำให้สามารถรักษาอัตราการเติบโตราว 20% ในปีนี้ และมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องใน 2557 จากช่องทีวีดิจิทัลใหม่เข้าช่วยเสริมการให้บริการ
ขณะเดียวกันอาร์เอส ซึ่งเป็นผู้ผลิตคอนเทนท์ ที่ประสบความสำเร็จจากทีวีดาวเทียม ผลักดันให้กำไรสุทธิปี 2556 เติบโต 51% และคาดโตต่อเนื่องอีก 63% ในปี 2557 จากแรงหนุนของลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก 2014 ส่วนเวิร์คพอยท์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านคอนเทนท์วาไรตี้ จะช่วยต่อยอดสร้างรายได้หลังได้เป็นเจ้าของช่องทีวีดิจิทัล
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส กล่าวว่าการยื่นประมูลทีวีดิจิทัลในสัปดาห์นี้ มีหลายบริษัทจดทะเบียนให้ความสนใจเข้าประมูล เช่นอาร์เอส ,แกรมมี่, บีอีซี เวิลด์, ชิน คอร์ปอเรชั่น ส่วนการประมูลและผลคาดว่าจะออกมาช่วงต้นปี 2557
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการสื่อหลายรายประเมินว่าธุรกิจทีวีดิจิทัลจะขาดทุนในช่วง 2 ปีแรก เพราะมีการลงทุนและค่าเสื่อมสูง ขณะที่รายได้ยังเข้ามาไม่เต็มที่ แต่จะทำกำไรได้ในระยะยาว ดังนั้นบริษัทที่จะทำธุรกิจไปได้ด้วยดี คือบริษัทที่มีความสามารถในการทำกำไรส่วนอื่นที่ดีอยู่แล้ว ฐานะ การเงินแข็งแกร่ง หลักทรัพย์ในกลุ่มสื่อที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากทีวีดิจิทัล ปัจจัยพื้นฐานดี และกำไรเติบโตสูงในปีนี้และปีหน้า คือ อาร์เอส และ บีอีซี เวิลด์
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า หลังจากทีวีดิจิทัลเริ่มออนแอร์ คาดว่าอัตราค่าโฆษณาสื่อทีวีโดยรวม จะปรับลดลงประมาณ 50% แต่จะไม่เกิดในช่วงปีแรก เพราะต้องใช้เวลาระยะในการขยายโครงข่ายส่งสัญญาณให้ครอบคลุมพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการน่าจะแบกรับภาวะขาดทุนประมาณ 2 ปี
จับตาประมูลทีวีดิจิทัล "ทุนใหญ่" แข่งชิงช่องเอชดี วาไรตี้ส่อเดือด ราคาจ่อพุ่งเท่าตัว
------
จับตายื่นซองประมูลทีวีดิจิทัล"ทุนใหญ่"แข่งชิงช่องเอชดี วาไรตี้ส่อเดือด ราคาเคาะจ่อพุ่งเท่าตัว "อินทัช" ดึง เอไอเอส-พันธมิตรลุยผลิตคอนเทนท์
หลังจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดจำหน่ายซองประมูลทีวีดิจิทัล ประเภทธุรกิจ 24 ช่อง ประกอบด้วยช่องเอชดี 7 ช่อง, วาไรตี้ 7 ช่อง, ข่าว 7 ช่อง และ เด็ก 3 ช่อง ไปเมื่อเดือนก.ย. ที่ผ่านมา โดยมีผู้สนใจซื้อซองรวม 49 ชุด 33 บริษัท 24 กลุ่มธุรกิจ
อีกหนึ่งวาระสำคัญในวันที่ 28-29 ต.ค. นี้ คือ การเปิดให้ผู้ซื้อซอง มายื่นซองประมูล พร้อมวางเงินประกัน 10% ของราคาเริ่มต้นในประเภทช่องที่ต้องการประมูล โดย กสทช. กำหนดกรอบเวลาการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ยื่นซองสูงสุด 45 วัน หลังจากนั้นจะประกาศรายชื่อผู้ผ่านเกณฑ์เข้าร่วมประมูลและกำหนดวันประมูลราวกลางเดือนธ.ค. นี้ วางรูปแบบประมูลวันละประเภท รวม 4 วันต่อเนื่อง
บรรดานักวิเคราะห์หลักทรัพย์ได้ประเมินภาพรวมของธุรกิจและความสามารถในการแข่งขันผู้ประกอบการแต่ละราย จากการสำรวจความคิดโบรกเกอร์ประเมินว่าผู้ประกอบการรายใหญ่จะยื่นซองเน้นการประมูลในช่องเอชดี เนื่องจากฐานเงินลงทุนสูง ขณะที่ผู้ประกอบการรายเล็ก จะยื่นประมูลช่องวาไรตี้ หรือช่องที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญเฉพาะคือช่องข่าวและเด็ก
เอชดี-วาไรตี้เดือดราคาพุ่ง'เท่าตัว'
แหล่งข่าวจากอุตสาหกรรมสื่อ เปิดเผยว่าจากจำนวนผู้ซื้อซองประมูลทีวีดิจิทัลช่องเอชดีรวม 12 ชุด คาดว่าจะมีผู้ยื่นซองประมูลราว 10 ชุด จากใบอนุญาตที่จัดสรรจำนวน 7 ช่อง โดยกลุ่มทุนที่เข้าร่วมชิงช่องเอชดี ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มทุนใหญ่ ทั้งช่องฟรีทีวีเดิม คอนเทนท์ โปรวายเดอร์ โทรคมนาคม และผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่มีความพร้อมเดินเงินทุน
แม้จะมีปัจจัยเรื่องคุณสมบัติการถือหุ้นร่วมกันของช่อง 7 และบริษัทจันทร์ 25 ที่หากไม่แก้ไขสัดส่วนหุ้นก่อนยื่นซองประมูล อาจเข้าข่ายไม่ผ่านคุณสมบัติและถูกตัดสิทธิ ซึ่งจะทำให้ผู้แข่งขันในช่องเอชดีลดลง แต่เชื่อว่าการเคาะราคาแข่งขันยังอยู่ในภาวะรุนแรง เนื่องจากผู้เข้าประมูลล้วนเป็นกลุ่มทุนใหญ่ ที่ต้องการคลื่นความถี่ช่องเอชดี ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ของอุตสาหกรรมโทรทัศน์ในอนาคต คาดว่าราคาเคาะประมูลสูงสุดของช่องเอชดีจะอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท หรือเพิ่มเท่าตัวจากราคาเริ่มต้นประมูล
"เชื่อว่ากลุ่มทุนใหญ่ทั้งหมดที่ยื่นประมูลช่องเอชดีจะชนะประมูลทุกราย" แหล่งข่าวกล่าว
เช่นเดียวกับช่องวาไรตี้ (SD) ที่อยู่ในภาวะการแข่งขันรุนแรงเช่นกัน เนื่องจากเป็นประเภทช่องที่มีผู้สนใจซื้อซองมากที่สุดรวม 17 ชุด จากจำนวนช่องเปิดประมูล 7 ช่อง คาดการณ์ประเภทนี้จะมีผู้ยื่นซองประมูลเกือบครบและจากภาวะการแข่งขันสูง เชื่อว่าจะทำให้ราคาเคาะประมูลสูงสุดช่องวาไรตี้ เอสดี อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท จากราคาเริ่มต้นช่องละ 380 ล้านบาท
ส่วนช่องข่าวและเด็ก ถือเป็นคอนเทนท์เฉพาะกลุ่มต่างจากช่องเอชดีและวาไรตี้ ดังนั้นการแข่งขันใน 2 ประเภทนี้จะไม่สูงเท่า 2 ประเภทแรก คาดว่าช่องข่าวจะมีผู้ยื่นประมูลราว 10 ราย จากจำนวนช่องเปิดประมูล 7 ช่อง ประเมินราคาเคาะสูงสุดจะอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท ขณะที่ช่องเด็ก แม้จะมีผู้ซื้อซองจำนวนมาก 8 ราย จากช่องเปิดประมูล 3 ช่อง แต่เนื่องจากเป็นช่องรายการเด็กและครอบครัวที่มีข้อจำกัดในการเสนอรายการและการโฆษณา คาดราคาเคาะสูงสุดจะอยู่ที่ 500 บาท จากราคาเริ่มต้นช่องละ 140 ล้านบาท
"อินทัช"ลุยประมูลทีวีดิจิทัล
นายสมประสงค์ บุญยะชัย ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น หรือกลุ่มอินทัช กล่าวว่า บริษัททัชทีวี ซึ่งซื้อซองประมูลทีวีดิจิทัล ช่องเด็กและวาไรตี้ ยังใช้เงินลงทุนอยู่ในวงเงินเดิมที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้คือ 2,000 ล้านบาท พร้อมการสร้างสตูดิโอใหม่ หากทัชทีวีสามารถประมูลช่องไม่ว่าจะกี่ช่อง ต้องพร้อมออนแอร์ภายใน 30 วัน หลังจากได้ใบอนุญาตจาก กสทช.
สำหรับรูปแบบการทำงาน จะให้บริษัทที่อยู่ในเครืออย่าง บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) เป็นผู้ร่วมพัฒนาเนื้อหาและคอนเทนท์ ส่วนเนื้อหารายการนั้น อินทัชมีความร่วมมือกับพันธมิตรในหลายๆ อุตสาหกรรมอยู่แล้ว ดังนั้น จึงมีความพร้อมเต็มที่จะเข้าร่วมประมูลทีวีดิจิทัลครั้งนี้
โบรกชี้รายใหญ่ฮุบ "ทีวีดิจิทัล"
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซียพลัส กล่าวว่าในการประมูลทีวีดิจิทัล คาดว่าผู้ประกอบการทั้งรายเก่าและรายใหม่มีโอกาสชนะประมูลพอๆ กัน แต่ปัจจัยอัตราค่าบริการโครงข่ายช่องเอชดี ที่มีราคาสูงถึง 14 ล้านบาทต่อเดือน จะทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กมีเงินทุนจำกัด "ถอดใจ" และเลือกประมูลช่องวาไรตี้แทน แต่เชื่อว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ยังคงสนใจเลือกประมูลช่องเอชดีเป็นหลัก เพราะถือเป็นเทคโนโลยีหลักที่ตอบสนองการเสพสื่อในอนาคตและเป็นแนวโน้มของอุตสาหกรรมสื่อทีวีที่จะก้าวสู่ระบบเอชดีหลังจากนี้
สำหรับผู้ประกอบการในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีผู้ซื้อซองประมูลหลายราย แม้ผู้ประกอบการฟรีทีวีอนาล็อกเดิมอย่าง บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) อาจต้องเผชิญการแข่งขันรุนแรง เพราะมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาแย่งชิงเม็ดเงินโฆษณา แต่ด้วยศักยภาพด้านเงินทุนจะช่วยให้สามารถชนะการประมูลได้ทุกประเภทที่ยื่นประมูล ไม่ว่าจะเป็นช่องเอชดี วาไรตี้และเด็ก ถือเป็นการสนับสนุนการบริการช่องฟรีทีวีเดิม
ขณะที่บมจ.อสมท ยังมีจุดอ่อนด้านคอนเทนท์รายการ ไม่แข็งแกร่งเท่าบีอีซี จึงคาดชนะประมูลเพียงช่องเอชดี 1 ช่อง แต่จะเน้นลงทุนด้านการเป็นผู้ให้บริการโครงข่าย ซึ่งธุรกิจให้บริการโครงข่ายต้องใช้เงินลงทุนสูง คาดใช้เวลาคุ้มทุนราว 5 ปี ส่วนผู้ประกอบการรายใหม่อย่าง บมจ.อาร์เอส บมจ.เวิร์คพอยท์ บมจ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ และบมจ.เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น คาดว่าจะชนะประมูลรายละ 1 ช่อง
แม้ว่าผู้ประกอบการดังกล่าว จะได้รับผลบวกจากอัตราค่าโฆษณาที่คาดจะเพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากต้องรอการขยายโครงข่ายและการกระจายกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิทัล ทำให้มีแนวโน้มต้องเช่าสัญญาณดาวเทียมเพื่อออกอากาศรายการบนช่องทีวีดาวเทียมคู่ขนานในช่วงแรก เพื่อรักษาฐานผู้ชมจนกว่าโครงข่ายทีวีดิจิทัลจะครอบคลุมจำนวนครัวเรือนทั่วประเทศ ทำให้ฝ่ายวิจัยฯเชื่อว่าผู้ประกอบการรายใหม่จะยังต้องใช้เวลาให้ถึงจุดคุ้มทุนในระยะ 2-3 ปีแรกของการให้บริการ
"ทีวีดิจิทัล" ดันโฆษณาโต
ทั้งนี้ คาดว่าทีวีดิจิทัลที่จะเริ่มแพร่ภาพเดือนมี.ค. 2557 จะมีบทบาทสำคัญช่วยกระตุ้นเม็ดเงินโฆษณาในปีหน้ากลับมาเติบโตในอัตรา"สูง"อีกครั้ง โดยเฉพาะบีอีซีฯ เนื่องจากเป็นเจ้าของสถานีที่มีคอนเทนท์และฐานผู้ชมแข็งแกร่ง ทำให้สามารถรักษาอัตราการเติบโตราว 20% ในปีนี้ และมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องใน 2557 จากช่องทีวีดิจิทัลใหม่เข้าช่วยเสริมการให้บริการ
ขณะเดียวกันอาร์เอส ซึ่งเป็นผู้ผลิตคอนเทนท์ ที่ประสบความสำเร็จจากทีวีดาวเทียม ผลักดันให้กำไรสุทธิปี 2556 เติบโต 51% และคาดโตต่อเนื่องอีก 63% ในปี 2557 จากแรงหนุนของลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก 2014 ส่วนเวิร์คพอยท์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านคอนเทนท์วาไรตี้ จะช่วยต่อยอดสร้างรายได้หลังได้เป็นเจ้าของช่องทีวีดิจิทัล
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส กล่าวว่าการยื่นประมูลทีวีดิจิทัลในสัปดาห์นี้ มีหลายบริษัทจดทะเบียนให้ความสนใจเข้าประมูล เช่นอาร์เอส ,แกรมมี่, บีอีซี เวิลด์, ชิน คอร์ปอเรชั่น ส่วนการประมูลและผลคาดว่าจะออกมาช่วงต้นปี 2557
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการสื่อหลายรายประเมินว่าธุรกิจทีวีดิจิทัลจะขาดทุนในช่วง 2 ปีแรก เพราะมีการลงทุนและค่าเสื่อมสูง ขณะที่รายได้ยังเข้ามาไม่เต็มที่ แต่จะทำกำไรได้ในระยะยาว ดังนั้นบริษัทที่จะทำธุรกิจไปได้ด้วยดี คือบริษัทที่มีความสามารถในการทำกำไรส่วนอื่นที่ดีอยู่แล้ว ฐานะ การเงินแข็งแกร่ง หลักทรัพย์ในกลุ่มสื่อที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากทีวีดิจิทัล ปัจจัยพื้นฐานดี และกำไรเติบโตสูงในปีนี้และปีหน้า คือ อาร์เอส และ บีอีซี เวิลด์
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า หลังจากทีวีดิจิทัลเริ่มออนแอร์ คาดว่าอัตราค่าโฆษณาสื่อทีวีโดยรวม จะปรับลดลงประมาณ 50% แต่จะไม่เกิดในช่วงปีแรก เพราะต้องใช้เวลาระยะในการขยายโครงข่ายส่งสัญญาณให้ครอบคลุมพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการน่าจะแบกรับภาวะขาดทุนประมาณ 2 ปี