"เฮียฮ้อ" พร้อมรบทีวีดิจิทัล "ต้องชนะให้เร็วที่สุด"

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1395324314

นับถอยหลังสู่ 1 เมษายน 2557 ที่ถือเป็นวัน "ซ้อมใหญ่" หรือการทดลองออกอากาศในระบบทีวีดิจิทัลของบรรดาผู้ชนะการประมูล ก่อนที่ทุกคนจะต้องเริ่มออกอากาศจริงในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ ซึ่งจะเกิดเป็น "สงครามชิงผู้ชม" ที่รุนแรงดุเดือดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในเมืองไทย ยิ่งใหญ่กว่ายุคการเกิดทีวีดาวเทียมเมื่อ 5-6 ปีก่อน

"ประชาชาติธุรกิจ" สัมภาษณ์พิเศษ "สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ "เฮียฮ้อ" ที่ใครๆ รู้จักกันดีถึงความพร้อม ณ ชั่วโมงนี้ของบริษัทและวิธีการ "เอาชนะ" ในสนามการแข่งขันที่เขามองว่าเป็น "เกมใหญ่"

เฉพาะบรรดาผู้คร่ำหวอดบนสมรภูมิธุรกิจนี้เท่านั้น ซึ่งนั่นทำให้ทุกคนที่เข้าแข่งขันต้องอยู่ในสภาวะที่พร้อมในการสู้รบเสมอ

"ทุกอย่างต้องเร็ว และต้องชนะให้เร็วที่สุด เพราะสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป โดยเฉพาะพฤติกรรมการรับสื่อของผู้บริโภควันนี้คือยุคที่ผู้ชมเป็นใหญ่ ดังนั้นผู้ประกอบการต้องปรับตัวให้ทันและรวดเร็ว ถ้าปรับตัวไม่ทันก็ตาย"

เขาเล่าย้อนไปในอดีตว่า อาร์เอสเคยหนีตายมาแล้วครั้งหนึ่งจากธุรกิจเพลง จากพฤติกรรมการรับฟังเพลงของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ทำให้ยอดขายเทปและแผ่นซีดีลดลง ส่งผลให้บริษัทขาดทุนติดต่อกัน 3 ปี จนต้องยอมตัดสินใจขายโรงงานและเปลี่ยนช่องทางการสร้างรายได้จากธุรกิจเพลงใหม่มาสู่การดาวน์โหลดเพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภค

เช่นเดียวกับการเริ่มต้นบนเส้นทางใหม่ในครั้งนี้ จากการตัดสินใจเข้าร่วมประมูลช่องทีวีดิจิทัล ด้วยมูลค่าการประมูลช่องวาไรตี้ ประเภทความคมชัด (เอสดี) สูงถึง2,265 ล้านบาท

"ดีใจมากที่ประมูลได้ เพราะก่อนเข้าร่วมการประมูลได้ศึกษารายละเอียดมาแล้วโดยวางราคาไว้สูงถึง 3,000 ล้านบาท แต่เอาเข้าจริงราคาที่ประมูลได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ทำให้บริษัทไม่ต้องเพิ่มทุน ในแง่เงินทุนบริษัทจึงไม่มีปัญหา"

ส่วนเป้าหมายของเขาในปีแรกที่เริ่มดำเนินธุรกิจทีวีดิจิทัล หวังว่าจะสามารถทำกำไรได้ทันที เพราะเป็นการนำช่อง 8 ที่ออกอากาศผ่านทีวีดาวเทียมในปัจจุบันมาออกอากาศบนระบบดิจิทัล ซึ่งสถานะของช่อง 8 วันนี้ก็สามารถสร้างผลกำไรให้แก่บริษัทได้อยู่แล้ว

ขณะเดียวกันก็สร้างข้อได้เปรียบให้บริษัท เพราะไม่ต้องมีต้นทุนด้านคอนเทนต์เพิ่มเติม จะมีเพียงต้นทุนจากค่าใบอนุญาตทีวีดิจิทัลและค่าเช่าโครงข่ายทีวีดิจิทัลเท่านั้น

เหตุผลที่ทำให้เขามั่นใจว่าช่อง 8 จะสร้างกำไรได้ทันทีมาจากประสบการณ์ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ที่ช่อง 8 พิสูจน์แล้วว่ามีรายได้เติบโตขึ้นทุกปี จาก 70 ล้านบาทในปีแรก ตามด้วย 200 ล้านบาทในปีถัดมา

และปีก่อนก็มีรายได้ถึง 400 ล้านบาท และปีนี้วางเป้าหมายว่าจะมีรายได้ทะยานถึง 800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปีก่อน

เมื่อประกอบกับการมีฐานผู้ชมจากทีวีดาวเทียมอยู่แล้ว ทำให้เชื่อมั่นว่าช่อง 8 จะประสบความสำเร็จบนทีวีดิจิทัลเช่นกัน

"สมรภูมิการแข่งขันของธุรกิจทีวีเปิดกว้างขึ้น ทำให้เกิดโอกาสใหม่ๆ เป้าหมายการร่วมประมูลทีวีดิจิทัลครั้งนี้ก็ต้องการให้ช่อง 8 สามารถครอบคลุมฐานผู้ชมได้ทั่วประเทศ หรืออีกประมาณ 30% ของคนไทยที่ยังรับชมทีวีผ่านเสาก้างปลา"

แม้จะมีโอกาสอีกมหาศาลรออยู่ แต่ในมุมมองของบอสใหญ่อาร์เอสย้ำว่า เวทีนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายของทุกคน แม้จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในวงการบรอดแคสต์แค่ไหนก็ตาม

"วันนี้การชนะการประมูลไม่ใช่คำตอบสุดท้ายว่าจะเป็นผู้ชนะบนสมรภูมิการแข่งขันนี้ด้วย เพราะต้นทุนที่สูงลิ่วทั้งจากค่าใบอนุญาต ค่าเช่าโครงข่าย รวมถึงต้นทุนด้านคอนเทนต์ที่เฉลี่ยอยู่ที่ 800-1,200 ล้านบาทต่อช่องต่อปี ทั้งหมดถือเป็นต้นทุนตายตัวที่ทุกสถานีต้องจ่าย"

ขณะที่ในทฤษฎีผู้บริโภคก็สามารถจดจำช่องที่ชื่นชอบได้เพียง 6 ช่องเท่านั้น ซึ่งเขาเชื่อว่า 2 ตำแหน่งแรกคงหนีไม่พ้นฟรีทีวีเจ้าเดิมอย่างช่อง 3 และช่อง 7

ขณะที่อีก 4 ตำแหน่งที่เหลือก็ไม่ได้จำกัดการแข่งขันอยู่ที่ทีวีดิจิทัล แต่หมายรวมถึงช่องทีวีดาวเทียมด้วย

"การทำฟรีทีวีคือแย่งสายตาผู้ชมให้ได้มากที่สุด ดังนั้นหัวใจคือคอนเทนต์ที่ต้องเข้มข้น สนุกสนาน เป็นเหตุผลที่ว่าบริษัทจึงต้องผลิตคอนเทนต์เองสูงถึง 90% เพราะต้องการควบคุมคุณภาพรายการและต้นทุนการผลิต"

ด้วยตำแหน่งของช่อง 8 ที่เจาะกลุ่มแมส หมากของอาร์เอสคือวาง 3 จุดเด่นคือ ข่าว ละคร และวาไรตี้ เพื่อตอบโจทย์ของทุกคนในครอบครัว โดยเขาแย้มว่ามี "ไม้เด็ด" ที่เตรียมปล่อยออกมาต่อเนื่อง หนึ่งในนั้นคือการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2014 ผ่านช่อง 8 ควบคู่กับการถ่ายทอดสดผ่านช่อง 7 ซึ่งมั่นใจว่าจะเป็นสปริงบอร์ดส่งให้ช่อง 8 เป็นที่รู้จักภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว และผลักดันให้การเปลี่ยนผ่านจากแอนะล็อกสู่ดิจิทัลรวดเร็วขึ้น

ไม่เพียงเท่านั้น ในเดือนพฤษภาคมยังเตรียมยกเครื่อง "รายการข่าว" อีกครั้ง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้สถานี

"เป้าหมายทางธุรกิจคือ ภายใน 3 ปีนับจากนี้ ช่อง 8 ต้องขึ้นเป็นอันดับ 3 ของสมรภูมิฟรีทีวี 48 ช่อง"

เป็นเป้าหมายที่อยู่บนความมั่นใจของผู้ชายที่ชื่อ "เฮียฮ้อ" ผู้คร่ำหวอดในวงการ "ตัวจริงเสียงจริง"

"แม้หลายค่ายที่ชนะการประมูลทีวีดิจิทัลอาจจะบอกว่า ช่วงแรกของการเริ่มต้นอาจต้องยอมขาดทุน 3-5 ปี แต่จริงๆ ก็ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีได้ว่า หลังจากปีที่ 3-5 นั้นจะสามารถสร้างผลกำไรได้หรือไม่หรือระหว่างทางจะทนเจ็บไหวหรือไม่"

นั่นเป็นคำตอบว่า เกมนี้ต้องชนะให้เร็วที่สุด
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่