💊 วิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้ โรงพยาบาลเอกชนจีนในฉงชิ่ง ล้มละลาย

กระทู้สนทนา
วิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้ โรงพยาบาลเอกชนจีนในฉงชิ่ง ล้มละลาย
.
ในสายตาคนหมู่มาก ไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือแย่ โรงพยาบาลถือเป็นธุรกิจที่มั่นคงและทำกำไรได้ดี เพราะไม่ว่าจะยังไงก็ยังมีคนต่อคิวรักษาอยู่เสมอ
.
แต่สิ่งที่หลายคนคาดไม่ถึงคือ ธุรกิจที่ดูเหมือนจะไปได้ดีอย่างโรงพยาบาล กลับล้มหายไปกันเยอะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาในจีน บ้างขาดทุน บ้างทุ่มเงินจนเกินตัว จนสุดท้ายแทบไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ชื่อ
.
ต้นปี 2025 โครงการ โรงพยาบาลมะเร็งเฉพาะทางแห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ซึ่งเป็นโครงการเอกชนที่ตั้งเป้าเป็นศูนย์รักษามะเร็งระดับภูมิภาค กลับประกาศล้มละลายและปิดตัวลง
.
โครงการดังกล่าวมีรัฐวิสาหกิจท้องถิ่นร่วมถือหุ้นบางส่วน มูลค่าการลงทุนแล้วกว่า 3 พันล้านหยวน (ราว 1.35 หมื่นล้านบาท) ครอบคลุมพื้นที่กว่า 8.3 ไร่ มีเตียงผู้ป่วยมากถึง 2,500 เตียง พร้อมอุปกรณ์รักษามะเร็งด้วยโปรตอน (Proton Therapy) มูลค่ากว่า 6 ร้อยล้านหยวน (ราว 2.7 พันล้านบาท) รวมถึงห้องตรวจที่ได้มาตรฐานอีกหลายสิบห้อง
.
1. จุดเริ่มต้น
สื่อรายงานว่าโรงพยาบาลนี้มีขึ้นเพื่อเอื้อให้ชาวฉงชิ่งกว่า 20 ล้านคนได้รับการโรคมะเร็งด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยครบครันได้โดยไม่ต้องไปรักษาไกลถึงต่างเมือง
.
แต่เบื้องหลังคือต้นทุนมหาศาลในการตกแต่งและค่าอุปกรณ์กว่า 1 พันล้านหยวน (ราว 4.5 พันล้านบาท) ที่พลาดคือนักลงทุนไม่ได้นึกถึงกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน เพราะการรักษาด้วยโปรตอนแต่ละครั้ง มีค่าใช้จ่าย 3-4 แสนหยวนต่อครั้ง (ราว 1.35-1.8 ล้านบาท) ซึ่งไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่ประกันครอบคลุมค่าใช้จ่าย ทำให้คนไข้ทั่วไปจ่ายไม่ไหว ส่วนคนมีเงินก็เลือกไปรักษาที่โรงพยาบาลในเมืองใหญ่ ทำให้เมื่อลบต้นทุนแล้วโรงพยาบาลเป็นหนี้กว่า 5 ร้อยล้านหยวน (ราว 2.25 พันล้านบาท) ในระยะเวลา 2 ปี
.
2. สาเหตุหลักของการปิดตัว
.
⏹️ทำเลไม่ดี
.
ผู้ลงทุนละเลยปัจจัยสำคัญที่สุดคือที่ตั้ง อาจจะคิดว่าได้ที่ดินราคาถูกลดต้นทุนได้ แต่ความจริงคือแม้อุปกรณ์ทันสมัยเพียงใดก็ไมมีประโยชน์ เพราะการเดินทางลำบาก เนื่องจากตั้งไกลจากตัวเมืองถึง 10 กิโลเมตร นั่งรถมาอย่างน้อยมี 1 ชั่วโมง แถมรอบๆ ไม่มีอะไรเลยนอกจากที่รกร้างและโรงงาน
.
⏹️การตัดสินใจของคนไข้
.
เนื่องจากโรงพยาบาลวางตัวเป็นโรงพยาบาลมีระดับ ค่ารักษาแพงและไม่ครอบคลุมประกัน ทำให้ผู้ป่วยตัดสินใจเลือกรักษาที่โรงพยาบาลใหญ่ในเมืองหลักแทน
.
⏹️การบริหารที่ผิดพลาด
.
เนื่องจากโครงการเน้นให้ความสำคัญกับสิ่งปลูกสร้างและความครบครันของอุปกรณ์มากกว่าการพัฒนาบุคลากรที่พร้อมทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือ จึงเบี่ยงเบนไปจากเป้าหมายของการเป็นโรงพยาบาล ซึ่งควรมุ่งตอบโจทย์ความเชื่อใจและผลการรักษาของผู้ป่วยเป็นหลัก
.
3. ปัจจัยที่ทำให้ล้มละลาย
.
สถิติพบว่าในปี 2024 โรงพยาบาลทั่วประเทศจีนกว่า 1,200 แห่งที่ล้มละลายหรือปิดกิจการ และมากถึง 80 % เป็นโรงพยาบาลเอกชน
คำถามคือ เหตุใดธุรกิจการแพทย์ที่เคยถูกมองว่าเป็นธุรกิจขาขึ้น แต่ทำไมวันนี้กลับกลายเป็นธุรกิจผลาญเงิน
.
⏹️ความไม่ไว้วางใจจากผู้ป่วย
.
ในสายตาคนจีนส่วนใหญ่ โรงพยาบาลเอกชนยังถูกมองว่าแพงและไม่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะโรคร้ายแรงอย่างมะเร็งหรือโรคหัวใจ ผู้ป่วยมักเลือกโรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงและแพทย์มากประสบการณ์
.
⏹️ข้อจำกัดของนโยบายประกันสุขภาพ
.
โรงพยาบาลเอกชนส่วนใหญ่ไม่อยู่ในระบบประกันสุขภาพ หรือให้สิทธิเบิกจ่ายได้น้อยมาก สำหรับคนไข้ นี่คือความแตกต่างราว 'ฟ้ากับเหว' โรงพยาบาลรัฐเบิกได้ 70% แต่เอกชนเบิกได้แค่ 20% ดังนั้นต่อให้รักษาดีเท่ากัน คนก็เลือกไปโรงพยาบาลรัฐอยู่ดี
.
⏹️การแข่งขันสูง
.
การผุดขึ้นของโรงพยาบาลเอกชนมีมากขึ้นเรื่อยๆ จำนวนโรงพยาบาลจีนล้นตลาดมานานแล้ว ณ สิ้นปี 2024 มีโรงพยาบาลทั่วประเทศทะลุ 3.8 หมื่นแห่ง ในจำนวนนี้เป็นโรงพยาบาลเอกชน 2.5 หมื่นแห่ง ซึ่งสวนทางกับจำนวนผู้ป่วยที่ไม่เพิ่มตาม  ประชากรลดลง คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยหาหมอ ทำให้ยอดคนไข้โดยรวมหดตัว
.
⏹️ต้นทุนสูงลิ่วและคืนทุนช้า
.
การแพทย์ต้องลงทุนกับเครื่องมือ บุคลากร และมาตรฐานความปลอดภัย ทำให้ใช้เวลาหลายปีหรืออาจเป็น 10 ปี จึงจะคุ้มทุน
.
บทความนี้ได้สะท้อนปัญหาในวงการการแพทย์เอกชนของจีน แม้มีเงินลงทุนมากมาย มีเครื่องมือครบครัน และแต่ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความเชื่อมั่นของผู้ป่วยได้ และปัจจัยอื่นๆ เพราะธุรกิจการรักษาพยาบาล จริงๆ แล้วก็ไม่ต่างจากธุรกิจอื่นๆ ที่ต้องศึกษาตลาด ทำความเข้าใจลูกค้า คำนวนต้นทุนและจุดคุ้มทุนรวมถึงบริหารอย่างรอบคอบ
.
.
📧 ติดต่อเรา Email: info@jeenthainews.com
.
#การลงทุน #โรงพยาบาลเอกชน #ฉงชิ่ง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่