ที่จริงแล้ว ขออนุญาต กล่าวตามตรงว่า "สองจิตสองใจ" อยู่ว่า ควรอธิบายเรื่องนี้ หรือไม่ ?
ทั้งนี้ ก็เนื่องจากว่า การ เสวนา กับ พวกล็อกอินโนเนม มักหา ความรับผิดชอบ ได้ยาก
แต่เพราะเห็นแก่ พระธรรมวินัย จึงยอมเสียเวลา ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ โดยสังเขป นะครับ
เหตุเกิดเพราะผมกล่าวสรุปความเอาไว้ว่า
"ปฏิจจสมุปบาท ก็คือ วิปัสสนาญาณ ซึ่งย่อมเป็นคนละอย่างกับ การระลึกชาติ(ปุพเพนิวาสานุสติญาณ)"
เมื่อเห็นดังนั้น ล็อกอิน หมายเลข 702687 ก็รีบเข้ามา "ปากไสว" อวดโง่ ในทันทีว่า
ไอ้หมอนี่ เขาพยายามแสดง อุปมา เพื่ออธิบายความ ดังนี้ว่า
(๑) กระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างสอดคล้องสัมพัน(ธ์)กัน แบบปฏิกิริยาลูกโซ่ เครื่องยนต์จึงทำงาน(ปฏิจจสมุปบาท)
(๒) การมีความรู้เรื่องเครื่องยนต์(วิปัสสนาญาณ) มันคนละอย่างกันเน้อ จะอู้หื้อ
เมื่อเห็นข้อความโง่ๆ ดังกล่าว ผมขออนุญาตกล่าวตามตรงว่า ไม่แน่ใจว่า จะสามารถ "แปลความ"
ให้เป็นภาษามนุษย์ ที่ถูกต้อง ตรงตามหลักการ ที่กำลังกล่าวถึงอยู่ คือ ปฏิจจสมุปบาท และ วิปัสสนาญาณ ได้หรือไม่ ?
ประการแรก
ปฏิจจสมุปบาท หมายถึง กฏแห่งเหตุปัจจัย ไม่ใช่เรื่องของ "ความสอดคล้องสัมพันธ์" แต่เป็นเรื่องของ "เหตุปัจจัย"
กล่าวคือ เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้ จึงมี ฯลฯ อีกทั้ง มันก็มิได้มีลักษณะแบบปฏิกิริยาลูกโซ่ ตามที่ "เพ้อเจ้อ" แต่อย่างใด
แต่ ปฏิจจสมุปบาท มีลักษณะของโครงสร้างแห่งเหตุปัจจัย ที่เชื่อมโยงกัน อย่างไม่มีต้น ไม่มีปลาย ต่างหาก !
ทีนี้ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับ เครื่องยนต์ โดยระบุว่า กระบวนการ คือ ปฏิจจสมุปบาท(ในฐานะกฏธรรมชาติ)
เช่นนี้แล้ว อะไรคือ อุปมาของ เครื่องยนต์ ?
กล่าวโดยย่อ อุปาทานขันธ์ ๕ นั่นแหละ ที่สามารถอุปมาได้ว่า คือ เครื่องยนต์ หรือ อาจกล่าวให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ก็คือ
เครื่องยนต์ เป็นอุปมาของ อุปาทานขันธ์ ๕ ซึ่งเรียกว่า ปฏิจจสมุปปันนธรรม หมายถึง สิ่งที่อยู่ภายใต้กฏแห่งเหตุปัจจัย
กรณีนี้ เป็นการกล่าว โดยแยก กฏ(ปฏิจจสมุปบาท) ออกจาก สิ่งที่ "เกิด-ดับ" อยู่ภายใต้กฏนั้น(ปฏิจจสมุปปันนธรรม)
คำถามง่ายๆ ที่คนอย่าง ล็อกอิน หมายเลข 702687 จำต้องอธิบายให้ได้ ก็คือ
แก คิดว่า วิปัสสนาญาณ เป็นสิ่งที่อยู่ภายใต้ กฏแห่งเหตุปัจจัย หรือไม่ ?
เพราะถ้า วิปัสสนาญาณ ก็เป็นสิ่งที่ยังต้องเกิดดับ ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย การที่ผมสรุปความโดย "อรรถ" ว่า
ปฏิจจสมุปบาท ก็คือ วิปัสสนาญาณ หรือ วิปัสสนาญาณ ก็คือ ปฏิจจสมุปบาท มันจะไม่ถูกต้อง ไปได้อย่างไร ?
นี่เป็นประเด็นที่คนอย่าง ล็อกอิน หมายเลข 702687 ต้องตอบให้ชัดเจนนะครับ
ประการที่ ๒
การกล่าวในทำนองว่า ความรู้เรื่องเครื่องยนต์ คือ วิปัสสนาญาณ เป็นคนละอย่างกับ กระบวนการของเครื่องยนต์
แก พูดอย่างนี้ ผม ฟังไม่รู้เรื่อง นะครับ
เพราะในความเป็นจริงสำหรับกรณีนี้ ก็คือ ความรู้ = เครื่องยนต์ โดยที่มันมิได้เป็นสิ่งที่มีอยู่ต่างหากจาก เครื่องยนต์
แต่ปัญหา ก็คือ ความรู้(แจ้ง) อันหมายถึง วิปัสสนาญาณ มิใช่สิ่งที่เกิดขึ้นมาลอยๆ หากแต่ต้องมีเหตุปัจจัย และ "กระบวนการ"
ดังนั้น สิ่งที่ ล็อกอิน หมายเลข 702687 จำต้องอธิบายให้ชัดเจน ก็คือ
กระบวนการทางวิปัสสนา เป็นสิ่งที่มีอยู่ต่างหากจาก กระบวนการแห่งเหตุปัจจัย จริงละหรือ ?
สรุป
ถ้าหากการทำงานของเครื่องยนต์ แบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ (๑) เครื่องยนต์ และ (๒) กฏ หรือ กระบวนการทำงานของเครื่องยนต์นั้น
สิ่งที่ แก จะต้องอธิบายให้ชัดแจ้ง ก็คือ ในเมื่อ วิปัสสนาญาณ = เครื่องยนต์ = ปฏิจจสมุปปันนธรรม
แล้ว กระบวนการทำงานของเครื่องยนต์(วิปัสสนา) จะเป็นสิ่งที่มีอยู่ต่างหากไปจาก กฏแห่งเหตุปัจจัย คือ อิทัปปัจจัยตาปฏิจจสมุปบาท ได้อย่างไร ?
ล็อกอิน หมายเลข 702687 มีอะไร ............ "จะอู้หื้อ" ...........ก็เชิญ นะครับ !
สวัสดี
ปฏิจจสมุปบาท กับ อุปมาว่าด้วยเครื่องยนต์
ทั้งนี้ ก็เนื่องจากว่า การ เสวนา กับ พวกล็อกอินโนเนม มักหา ความรับผิดชอบ ได้ยาก
แต่เพราะเห็นแก่ พระธรรมวินัย จึงยอมเสียเวลา ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ โดยสังเขป นะครับ
เหตุเกิดเพราะผมกล่าวสรุปความเอาไว้ว่า
"ปฏิจจสมุปบาท ก็คือ วิปัสสนาญาณ ซึ่งย่อมเป็นคนละอย่างกับ การระลึกชาติ(ปุพเพนิวาสานุสติญาณ)"
เมื่อเห็นดังนั้น ล็อกอิน หมายเลข 702687 ก็รีบเข้ามา "ปากไสว" อวดโง่ ในทันทีว่า
ไอ้หมอนี่ เขาพยายามแสดง อุปมา เพื่ออธิบายความ ดังนี้ว่า
(๑) กระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างสอดคล้องสัมพัน(ธ์)กัน แบบปฏิกิริยาลูกโซ่ เครื่องยนต์จึงทำงาน(ปฏิจจสมุปบาท)
(๒) การมีความรู้เรื่องเครื่องยนต์(วิปัสสนาญาณ) มันคนละอย่างกันเน้อ จะอู้หื้อ
เมื่อเห็นข้อความโง่ๆ ดังกล่าว ผมขออนุญาตกล่าวตามตรงว่า ไม่แน่ใจว่า จะสามารถ "แปลความ"
ให้เป็นภาษามนุษย์ ที่ถูกต้อง ตรงตามหลักการ ที่กำลังกล่าวถึงอยู่ คือ ปฏิจจสมุปบาท และ วิปัสสนาญาณ ได้หรือไม่ ?
ประการแรก
ปฏิจจสมุปบาท หมายถึง กฏแห่งเหตุปัจจัย ไม่ใช่เรื่องของ "ความสอดคล้องสัมพันธ์" แต่เป็นเรื่องของ "เหตุปัจจัย"
กล่าวคือ เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้ จึงมี ฯลฯ อีกทั้ง มันก็มิได้มีลักษณะแบบปฏิกิริยาลูกโซ่ ตามที่ "เพ้อเจ้อ" แต่อย่างใด
แต่ ปฏิจจสมุปบาท มีลักษณะของโครงสร้างแห่งเหตุปัจจัย ที่เชื่อมโยงกัน อย่างไม่มีต้น ไม่มีปลาย ต่างหาก !
ทีนี้ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับ เครื่องยนต์ โดยระบุว่า กระบวนการ คือ ปฏิจจสมุปบาท(ในฐานะกฏธรรมชาติ)
เช่นนี้แล้ว อะไรคือ อุปมาของ เครื่องยนต์ ?
กล่าวโดยย่อ อุปาทานขันธ์ ๕ นั่นแหละ ที่สามารถอุปมาได้ว่า คือ เครื่องยนต์ หรือ อาจกล่าวให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ก็คือ
เครื่องยนต์ เป็นอุปมาของ อุปาทานขันธ์ ๕ ซึ่งเรียกว่า ปฏิจจสมุปปันนธรรม หมายถึง สิ่งที่อยู่ภายใต้กฏแห่งเหตุปัจจัย
กรณีนี้ เป็นการกล่าว โดยแยก กฏ(ปฏิจจสมุปบาท) ออกจาก สิ่งที่ "เกิด-ดับ" อยู่ภายใต้กฏนั้น(ปฏิจจสมุปปันนธรรม)
คำถามง่ายๆ ที่คนอย่าง ล็อกอิน หมายเลข 702687 จำต้องอธิบายให้ได้ ก็คือ
แก คิดว่า วิปัสสนาญาณ เป็นสิ่งที่อยู่ภายใต้ กฏแห่งเหตุปัจจัย หรือไม่ ?
เพราะถ้า วิปัสสนาญาณ ก็เป็นสิ่งที่ยังต้องเกิดดับ ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย การที่ผมสรุปความโดย "อรรถ" ว่า
ปฏิจจสมุปบาท ก็คือ วิปัสสนาญาณ หรือ วิปัสสนาญาณ ก็คือ ปฏิจจสมุปบาท มันจะไม่ถูกต้อง ไปได้อย่างไร ?
นี่เป็นประเด็นที่คนอย่าง ล็อกอิน หมายเลข 702687 ต้องตอบให้ชัดเจนนะครับ
ประการที่ ๒
การกล่าวในทำนองว่า ความรู้เรื่องเครื่องยนต์ คือ วิปัสสนาญาณ เป็นคนละอย่างกับ กระบวนการของเครื่องยนต์
แก พูดอย่างนี้ ผม ฟังไม่รู้เรื่อง นะครับ
เพราะในความเป็นจริงสำหรับกรณีนี้ ก็คือ ความรู้ = เครื่องยนต์ โดยที่มันมิได้เป็นสิ่งที่มีอยู่ต่างหากจาก เครื่องยนต์
แต่ปัญหา ก็คือ ความรู้(แจ้ง) อันหมายถึง วิปัสสนาญาณ มิใช่สิ่งที่เกิดขึ้นมาลอยๆ หากแต่ต้องมีเหตุปัจจัย และ "กระบวนการ"
ดังนั้น สิ่งที่ ล็อกอิน หมายเลข 702687 จำต้องอธิบายให้ชัดเจน ก็คือ
กระบวนการทางวิปัสสนา เป็นสิ่งที่มีอยู่ต่างหากจาก กระบวนการแห่งเหตุปัจจัย จริงละหรือ ?
สรุป
ถ้าหากการทำงานของเครื่องยนต์ แบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ (๑) เครื่องยนต์ และ (๒) กฏ หรือ กระบวนการทำงานของเครื่องยนต์นั้น
สิ่งที่ แก จะต้องอธิบายให้ชัดแจ้ง ก็คือ ในเมื่อ วิปัสสนาญาณ = เครื่องยนต์ = ปฏิจจสมุปปันนธรรม
แล้ว กระบวนการทำงานของเครื่องยนต์(วิปัสสนา) จะเป็นสิ่งที่มีอยู่ต่างหากไปจาก กฏแห่งเหตุปัจจัย คือ อิทัปปัจจัยตาปฏิจจสมุปบาท ได้อย่างไร ?
ล็อกอิน หมายเลข 702687 มีอะไร ............ "จะอู้หื้อ" ...........ก็เชิญ นะครับ !
สวัสดี