ที่จริงแล้ว เนื้อความจาก กระทู้ ........ "พระธรรมกถึก ในพระพุทธศาสนา"
http://pantip.com/topic/32466735
ก็เป็นเพียงแค่ การอธิบายขยายความ พร้อมนำเสนอหลักฐานว่า พาหิรกา สาวกภาษิตา นี้หมายถึง ภิกษุ(ในพระพุทธศาสนา)
ผู้กล่าวคำสอนนอกแนว กล่าวคือ อธิบาย ปฏิจจสมุปบาท ผิดไปจากพระพุทธดำรัส คือ ไม่ประกอบด้วยสุญญตาธรรม ไม่เป็นไปเพื่อความดับทุกข์ !
โดยขยายความมาจาก กระทู้ .......... "พาหิรกา และ สาวกภาษิตา ......... หมายถึง ?"
http://pantip.com/topic/32466730
ที่กล่าวว่า ไม่เป็นสุญญตาธรรม นั้นหมายถึง การอธิบายปฏิจจสมุปบาท ชนิดที่ไม่ว่างจาก ตัวตน ของตน
แต่กลับประกอบด้วย สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา เวียนว่ายตายเกิด ข้ามภพข้ามชาติ ซึ่งเป็นมิจฉาทิฐิ ความเห็นผิด
.
.
.
ท่านทั้งหลาย พอจะทราบหรือไม่ว่า มีใครบ้าง ที่เชื่อและสอนปฏิจจสมุปบาทแบบนี้ ?
.
.
.
ด้วย "คำถาม" เพียงเท่านี้แหละ ปรากฏว่า มีสมาชิกคนหนึ่ง เกิดร้อนตัว หรืออย่างไร มิทราบได้
ออกมากล่าวถ้อยคำแปลกๆ ในทำนองว่า ...........
"ตั้งแต่ เขาอ่าน พระไตรปิฎก และ อรรถกถา เขาก็ไม่เคยเห็นคำสอนแบบนั้น"
อันนี้ ผมก็ไม่อาจทราบได้เลยว่า ที่เขาพูดอย่างนั้น
มันเกิดจาก (๑) ความจำสั้น หรือ (๒) เมาน้ำหมักชีวภาพของเจ๊เชง กันแน่ ?
เพราะแค่เพียงย้อนอดีตถอยหลังไป ในห้วงเวลาไม่นานมานี้เอง หลายๆ ท่าน อาจพอจะจำได้ว่า
คนๆ นี้ นั่นแหละ ที่มักแอบอ้างอยู่เสมอๆ ว่า ปฏิจจสมุปบาท ข้ามภพข้ามชาติ แบบตายเข้าโลง เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า
แต่ในทุกๆ ครั้งเช่นกัน เมื่อคนๆ นี้ ถูกทวงถามหาหลักฐานว่า พระพุทธเจ้าตรัสปฏิจจสมุปบาทแบบนั้น เอาไว้ที่ใด ?
ปรากฏว่า นายคนนี้ ก็เอาแต่ยก พระบาลี ที่ตรัสถึง การเวียนว่ายตายเกิด มาอ้างอยู่ร่ำไป
ทั้งๆ ที่น่าจะทราบดีอยู่แล้วว่า พระสูตร ที่ตรัสเรื่อง การเวียนว่ายตายเกิด ไม่ใช่ ปฏิจจสมุปบาท
หลังจากอ้างเรื่องเวียนว่ายตายเกิดมาสักพัก นายคนนี้ ก็ยก ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ขึ้นมาอ้าง
แต่เมื่อถูกซักไซ้ไล่เรียงมากเข้า สุดท้าย ก็ยอมรับเสียงอ่อยๆ ว่า ..........
ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ไม่ใช่ ปฏิจจสมุปบาท !
แต่ถึงตอนนี้ ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ เพราะไม่ทราบว่า อะไรได้เข้าไปดลจิตดลใจ
ให้คนๆ นี้ถึงกับหาญกล้า กล่าวประกาศต่อหน้าธารกำนัลว่า
เขาไม่เคยพบว่ามี คำอธิบายปฏิจจสมุปบาทแบบข้ามภพข้ามชาติ
ชนิดที่มี ผีสางนางไม้ สัตว์ บุคคล ฯลฯ เวียนว่ายตายเกิด ในพระไตรปิฎก และ อรรถกถา เลย
เพราะถ้าหาก เขา ยังกล้ากล่าวยืนยัน ในคำพูดของตน ในคราวนี้จริง
ก็เท่ากับ นายคนนี้ ยอมรับเองว่า แนวความคิด และคำพูดของเขาในอดีต เป็นความเห็นผิด จริงเช่นกัน
ขอให้ท่านทั้งหลาย สังเกตด้วยว่า ครั้งหนึ่ง นายคนนี้ ได้กล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า ..........
"การเวียนว่ายตายเกิดอย่างมีเหตุปัจจัย ไม่ใช่ สัสสติทฐิ" โดยยกปุพเพนิวาสานุสติญาณ ขึ้นอ้าง
ที่จริงแล้ว มันก็เข้าอีหรอบเดิม กล่าวคือ ทุกๆ ครั้ง ที่คนๆ นี้กล่าวถึง ปฏิจจสมุปบาท ข้ามภพชาติ
เขาก็จะอ้างแต่เรื่อง เวียนว่ายตายเกิด(ของสัตว์) และ ปุพเพนิวาสานุสติญาณ(ของสัตว์ บุคคลฯลฯ)
ทั้งๆ ที่น่าจะรู้อยู่แก่ใจว่า ทั้ง ๒ เรื่องที่ยกมาอ้างนั้น ไม่ใช่ ปฏิจจสมุปบาท !
ประการแรก ปฏิจจสมุปบาท ของพระพุทธเจ้า ย่อมปราศจาก สัตว์ บุคคล ฯลฯ
ประการที่ ๒ ปฏิจจสมุปบาท ของพระพุทธเจ้า เป็นโลกุตตร ไม่ใช่โลกียะ(ปุพเพฯ เป็นโลกียะ)
ประการสุดท้าย "การเวียนว่ายตายเกิดอย่างมีเหตุปัจจัย" คืออะไรครับ พระพุทธเจ้าตรัสคำๆ นี้เอาไว้ที่ใดกัน ?
เพราะตั้งแต่ผมศึกษาพระไตรปิฎก และ อรรถกถา ผมไม่เคยพบคำสอนแบบนี้เลย เช่นกัน !
ถ้หากเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า จริง
(๑) เวียนว่ายตายเกิด ก็อย่างหนึ่ง ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ก็อย่างหนึ่ง นี้เป็นฝ่ายโลกียะ
(๒) กฏแห่งเหตุปัจจัย คือ อิทัปปัจจยตาปฏิจจสมุปบาท ก็อย่างหนึ่ง นี่เป็น โลกุตตระ
ในเมื่อ มันเป็นคนละเรื่องกัน
แล้วมันเอามาผูกโยง "มั่วนิ่ม" ให้เป็นเรื่องเดียวกันได้อย่างไร ?
หรือว่านี่ก็คือการแสดงให้เห็นถึง "คำสอนนอกแนว(พาหิรกา)" หรือ "การกล่าวตู่พระธรรมวินัย"
โดยคนที่มี "ความจำสั้น" เนื่องจาก "เมาน้ำหมักชีวภาพ" นามว่า cantona_z กันแน่ ?
**********************************************************************
สรุปความ ให้มันชัดเจนหน่อย ก็แล้วกัน นะครับว่า ที่พูดๆ ออกมานั่นน่ะ อันไหนจริง อันไหนเท็จ ?
เพราะถ้า ปฏิจจสมุปบาท ชนิดที่มี ผีสางนางไม้ เวียนว่ายตายเกิด ไม่มีอยู่ในพระคัมถีร์จริงๆ
นั่นก็ต้องแปลว่า ข้อความที่ cantona_z และพวก มักแอบอ้างมาโดยตลอด(ทั้งชีวิต) ย่อมเป็นความเท็จ
ใช่หรือไม่ ?
และถ้าหาก cantona_z และสหายร่วมบาป จะปฏิเสธ
ก็ควรเลือกปฏิเสธ อย่างใดอย่างหนึ่ง และยอมรับความจริงตามตรง เช่นว่า ........
เมื่อก่อน ผม(cantona_z)โง่เองคร๊าบบบบบบ ที่คิดว่า พระพุทธเจ้าตรัสสอน ปฏิจจสมุปบาท ข้ามภพข้ามชาติ
แต่เมื่อถูกทวงถามหลักฐาน ผมก็ไม่เคยหาเจอเลยสักครั้ง ต้องอาศัยความ "เก้อยาก" เอาตัวรอดทุกคราวไป
หรือไม่ cantona_z ก็ยกหลักฐาน ปฏิจจสมุปบาทข้ามภพข้ามชาติ มาแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้ง กันเสียตรงนี้
โดยที่ต้องไม่ใช่ การยก พระสูตร เรื่องเวียนว่ายตายเกิด หรือ ปุพเพนิวาสานุสติญาณ มามั่วนิ่ม อย่างที่เคยทำๆ มาก็แล้วกัน
ซึ่งหมายถึง นั่นจะต้องหลักฐานชั้นพุทธพจน์ ที่ตรัสในทำนองว่า ............
เพราะมีสิ่งนี้ๆ เป็นปัจจัย นาย ก. ในชาติก่อนโน้น จึงมาเกิดเป็น นางไม้ ในชาตินี้ ฯลฯ เป็นต้น
.
.
.
คุยกันเรื่อง ปฏิจจสมุปบาท แต่กลับไปอ้างเรื่อง ระลึกชาติ แบบนี้ ผมไม่เอาแล้วนะครับ !
คุยกันเรื่อง ปฏิจจสมุปบาท แต่กลับไปอ้างเรื่อง เวียนว่ายตายเกิด แบบนี้ ผมไม่เอาแล้วนะครับ !
ปฏิจจสมุปบาท (๑) เป็นโลกุตตระ (๒) เป็นสุญญตา คือว่างจาก สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา
และ (๓) เป็นปรมัตถ์ ไม่ใช่ สมมุติ เมื่อปฏิจจสมุปบาทเป็นปรมัตถ์ ก็หมายความว่า ต้องปราศจาก
กาล สมัย และ สันตติ เพราะ ๓ อย่างนี้ เป็นสมมุติ ในเมื่อปฏิจจสมุปบาท เป็นปรมัตถ์ ก็ต้องมีแต่ ขณิก
คือ แต่ละขณะๆ เท่านั้น คำว่า ชาติหน้า ชาติก่อน จึงย่อมไม่มีในปฏิจจสมุปบาท
แต่เหตุไฉน คนที่กล่าวอ้าง ในทำนองว่า ตั้งแต่อ่านพระไตรปิฎก และ อรรถกถา
ไม่เคยพบคำอธิบายว่ามี ผีสางนางไม้ สัตว์ บุคคล ฯลฯ เวียนว่ายตายเกิด จึงได้พยายาม "มั่วนิ่ม"
กล่าวหา ใส่ร้าย ท่านพุทธทาส ที่ปฏิเสธ ปฏิจจสมุปบาท ข้ามภพชาติ
โดยยกเรื่อง การเวียนว่ายตายเกิดของ สัตว์ บุคคล มาอ้าง ได้อย่างหน้าด้านๆ เล่า ?
.
.
.
ในเมื่อ ศาสดาและสาวก ย่อมกล่าวตรงกันในปฏิจจสมุปบาท
ตกลง ใคร "บิดเบือน" ครับ ?
และการที่พระพุทธเจ้าตรัสเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด มันย่อมมีความหมายว่า
พระองค์ทรงยืนยัน ความมีอยู่ของการเวียนว่ายตายเกิดในระดับสมมุติ(สมมุติสัจจ)
แต่มันมิได้มีความหมายว่า พระองค์ตรัสสอน
หรือ ทรงยืนยัน เรื่องปฏิจจสมุปบาทข้ามภพข้ามชาติ แบบตายเข้าโลง สักหน่อย
ก็มันเป็นคนละเรื่องกันเลยนี่ครับ !
สรุปแล้ว คนที่สมาทาน ปฏิจจสมุปบาทข้ามภพข้ามชาติแบบตายเข้าโลง อย่างโงหัวไม่ขึ้น แบบนี้
สมควรกล่าวว่า เป็นคนฉลาด หรือ คนที่โง่ที่สุด(ในสามโลก) กันแน่ ?
สวัสดี
การเวียนว่ายตายเกิด ... อย่างมี ... เหตุปัจจัย ฯ
ก็เป็นเพียงแค่ การอธิบายขยายความ พร้อมนำเสนอหลักฐานว่า พาหิรกา สาวกภาษิตา นี้หมายถึง ภิกษุ(ในพระพุทธศาสนา)
ผู้กล่าวคำสอนนอกแนว กล่าวคือ อธิบาย ปฏิจจสมุปบาท ผิดไปจากพระพุทธดำรัส คือ ไม่ประกอบด้วยสุญญตาธรรม ไม่เป็นไปเพื่อความดับทุกข์ !
โดยขยายความมาจาก กระทู้ .......... "พาหิรกา และ สาวกภาษิตา ......... หมายถึง ?" http://pantip.com/topic/32466730
ที่กล่าวว่า ไม่เป็นสุญญตาธรรม นั้นหมายถึง การอธิบายปฏิจจสมุปบาท ชนิดที่ไม่ว่างจาก ตัวตน ของตน
แต่กลับประกอบด้วย สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา เวียนว่ายตายเกิด ข้ามภพข้ามชาติ ซึ่งเป็นมิจฉาทิฐิ ความเห็นผิด
.
.
.
ท่านทั้งหลาย พอจะทราบหรือไม่ว่า มีใครบ้าง ที่เชื่อและสอนปฏิจจสมุปบาทแบบนี้ ?
.
.
.
ด้วย "คำถาม" เพียงเท่านี้แหละ ปรากฏว่า มีสมาชิกคนหนึ่ง เกิดร้อนตัว หรืออย่างไร มิทราบได้
ออกมากล่าวถ้อยคำแปลกๆ ในทำนองว่า ...........
"ตั้งแต่ เขาอ่าน พระไตรปิฎก และ อรรถกถา เขาก็ไม่เคยเห็นคำสอนแบบนั้น"
อันนี้ ผมก็ไม่อาจทราบได้เลยว่า ที่เขาพูดอย่างนั้น
มันเกิดจาก (๑) ความจำสั้น หรือ (๒) เมาน้ำหมักชีวภาพของเจ๊เชง กันแน่ ?
เพราะแค่เพียงย้อนอดีตถอยหลังไป ในห้วงเวลาไม่นานมานี้เอง หลายๆ ท่าน อาจพอจะจำได้ว่า
คนๆ นี้ นั่นแหละ ที่มักแอบอ้างอยู่เสมอๆ ว่า ปฏิจจสมุปบาท ข้ามภพข้ามชาติ แบบตายเข้าโลง เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า
แต่ในทุกๆ ครั้งเช่นกัน เมื่อคนๆ นี้ ถูกทวงถามหาหลักฐานว่า พระพุทธเจ้าตรัสปฏิจจสมุปบาทแบบนั้น เอาไว้ที่ใด ?
ปรากฏว่า นายคนนี้ ก็เอาแต่ยก พระบาลี ที่ตรัสถึง การเวียนว่ายตายเกิด มาอ้างอยู่ร่ำไป
ทั้งๆ ที่น่าจะทราบดีอยู่แล้วว่า พระสูตร ที่ตรัสเรื่อง การเวียนว่ายตายเกิด ไม่ใช่ ปฏิจจสมุปบาท
หลังจากอ้างเรื่องเวียนว่ายตายเกิดมาสักพัก นายคนนี้ ก็ยก ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ขึ้นมาอ้าง
แต่เมื่อถูกซักไซ้ไล่เรียงมากเข้า สุดท้าย ก็ยอมรับเสียงอ่อยๆ ว่า ..........
ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ไม่ใช่ ปฏิจจสมุปบาท !
แต่ถึงตอนนี้ ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ เพราะไม่ทราบว่า อะไรได้เข้าไปดลจิตดลใจ
ให้คนๆ นี้ถึงกับหาญกล้า กล่าวประกาศต่อหน้าธารกำนัลว่า
เขาไม่เคยพบว่ามี คำอธิบายปฏิจจสมุปบาทแบบข้ามภพข้ามชาติ
ชนิดที่มี ผีสางนางไม้ สัตว์ บุคคล ฯลฯ เวียนว่ายตายเกิด ในพระไตรปิฎก และ อรรถกถา เลย
เพราะถ้าหาก เขา ยังกล้ากล่าวยืนยัน ในคำพูดของตน ในคราวนี้จริง
ก็เท่ากับ นายคนนี้ ยอมรับเองว่า แนวความคิด และคำพูดของเขาในอดีต เป็นความเห็นผิด จริงเช่นกัน
ขอให้ท่านทั้งหลาย สังเกตด้วยว่า ครั้งหนึ่ง นายคนนี้ ได้กล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า ..........
"การเวียนว่ายตายเกิดอย่างมีเหตุปัจจัย ไม่ใช่ สัสสติทฐิ" โดยยกปุพเพนิวาสานุสติญาณ ขึ้นอ้าง
ที่จริงแล้ว มันก็เข้าอีหรอบเดิม กล่าวคือ ทุกๆ ครั้ง ที่คนๆ นี้กล่าวถึง ปฏิจจสมุปบาท ข้ามภพชาติ
เขาก็จะอ้างแต่เรื่อง เวียนว่ายตายเกิด(ของสัตว์) และ ปุพเพนิวาสานุสติญาณ(ของสัตว์ บุคคลฯลฯ)
ทั้งๆ ที่น่าจะรู้อยู่แก่ใจว่า ทั้ง ๒ เรื่องที่ยกมาอ้างนั้น ไม่ใช่ ปฏิจจสมุปบาท !
ประการแรก ปฏิจจสมุปบาท ของพระพุทธเจ้า ย่อมปราศจาก สัตว์ บุคคล ฯลฯ
ประการที่ ๒ ปฏิจจสมุปบาท ของพระพุทธเจ้า เป็นโลกุตตร ไม่ใช่โลกียะ(ปุพเพฯ เป็นโลกียะ)
ประการสุดท้าย "การเวียนว่ายตายเกิดอย่างมีเหตุปัจจัย" คืออะไรครับ พระพุทธเจ้าตรัสคำๆ นี้เอาไว้ที่ใดกัน ?
เพราะตั้งแต่ผมศึกษาพระไตรปิฎก และ อรรถกถา ผมไม่เคยพบคำสอนแบบนี้เลย เช่นกัน !
ถ้หากเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า จริง
(๑) เวียนว่ายตายเกิด ก็อย่างหนึ่ง ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ก็อย่างหนึ่ง นี้เป็นฝ่ายโลกียะ
(๒) กฏแห่งเหตุปัจจัย คือ อิทัปปัจจยตาปฏิจจสมุปบาท ก็อย่างหนึ่ง นี่เป็น โลกุตตระ
ในเมื่อ มันเป็นคนละเรื่องกัน
แล้วมันเอามาผูกโยง "มั่วนิ่ม" ให้เป็นเรื่องเดียวกันได้อย่างไร ?
หรือว่านี่ก็คือการแสดงให้เห็นถึง "คำสอนนอกแนว(พาหิรกา)" หรือ "การกล่าวตู่พระธรรมวินัย"
โดยคนที่มี "ความจำสั้น" เนื่องจาก "เมาน้ำหมักชีวภาพ" นามว่า cantona_z กันแน่ ?
**********************************************************************
สรุปความ ให้มันชัดเจนหน่อย ก็แล้วกัน นะครับว่า ที่พูดๆ ออกมานั่นน่ะ อันไหนจริง อันไหนเท็จ ?
เพราะถ้า ปฏิจจสมุปบาท ชนิดที่มี ผีสางนางไม้ เวียนว่ายตายเกิด ไม่มีอยู่ในพระคัมถีร์จริงๆ
นั่นก็ต้องแปลว่า ข้อความที่ cantona_z และพวก มักแอบอ้างมาโดยตลอด(ทั้งชีวิต) ย่อมเป็นความเท็จ
ใช่หรือไม่ ?
และถ้าหาก cantona_z และสหายร่วมบาป จะปฏิเสธ
ก็ควรเลือกปฏิเสธ อย่างใดอย่างหนึ่ง และยอมรับความจริงตามตรง เช่นว่า ........
เมื่อก่อน ผม(cantona_z)โง่เองคร๊าบบบบบบ ที่คิดว่า พระพุทธเจ้าตรัสสอน ปฏิจจสมุปบาท ข้ามภพข้ามชาติ
แต่เมื่อถูกทวงถามหลักฐาน ผมก็ไม่เคยหาเจอเลยสักครั้ง ต้องอาศัยความ "เก้อยาก" เอาตัวรอดทุกคราวไป
หรือไม่ cantona_z ก็ยกหลักฐาน ปฏิจจสมุปบาทข้ามภพข้ามชาติ มาแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้ง กันเสียตรงนี้
โดยที่ต้องไม่ใช่ การยก พระสูตร เรื่องเวียนว่ายตายเกิด หรือ ปุพเพนิวาสานุสติญาณ มามั่วนิ่ม อย่างที่เคยทำๆ มาก็แล้วกัน
ซึ่งหมายถึง นั่นจะต้องหลักฐานชั้นพุทธพจน์ ที่ตรัสในทำนองว่า ............
เพราะมีสิ่งนี้ๆ เป็นปัจจัย นาย ก. ในชาติก่อนโน้น จึงมาเกิดเป็น นางไม้ ในชาตินี้ ฯลฯ เป็นต้น
.
.
.
คุยกันเรื่อง ปฏิจจสมุปบาท แต่กลับไปอ้างเรื่อง ระลึกชาติ แบบนี้ ผมไม่เอาแล้วนะครับ !
คุยกันเรื่อง ปฏิจจสมุปบาท แต่กลับไปอ้างเรื่อง เวียนว่ายตายเกิด แบบนี้ ผมไม่เอาแล้วนะครับ !
ปฏิจจสมุปบาท (๑) เป็นโลกุตตระ (๒) เป็นสุญญตา คือว่างจาก สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา
และ (๓) เป็นปรมัตถ์ ไม่ใช่ สมมุติ เมื่อปฏิจจสมุปบาทเป็นปรมัตถ์ ก็หมายความว่า ต้องปราศจาก
กาล สมัย และ สันตติ เพราะ ๓ อย่างนี้ เป็นสมมุติ ในเมื่อปฏิจจสมุปบาท เป็นปรมัตถ์ ก็ต้องมีแต่ ขณิก
คือ แต่ละขณะๆ เท่านั้น คำว่า ชาติหน้า ชาติก่อน จึงย่อมไม่มีในปฏิจจสมุปบาท
แต่เหตุไฉน คนที่กล่าวอ้าง ในทำนองว่า ตั้งแต่อ่านพระไตรปิฎก และ อรรถกถา
ไม่เคยพบคำอธิบายว่ามี ผีสางนางไม้ สัตว์ บุคคล ฯลฯ เวียนว่ายตายเกิด จึงได้พยายาม "มั่วนิ่ม"
กล่าวหา ใส่ร้าย ท่านพุทธทาส ที่ปฏิเสธ ปฏิจจสมุปบาท ข้ามภพชาติ
โดยยกเรื่อง การเวียนว่ายตายเกิดของ สัตว์ บุคคล มาอ้าง ได้อย่างหน้าด้านๆ เล่า ?
.
.
.
ในเมื่อ ศาสดาและสาวก ย่อมกล่าวตรงกันในปฏิจจสมุปบาท
ตกลง ใคร "บิดเบือน" ครับ ?
และการที่พระพุทธเจ้าตรัสเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด มันย่อมมีความหมายว่า
พระองค์ทรงยืนยัน ความมีอยู่ของการเวียนว่ายตายเกิดในระดับสมมุติ(สมมุติสัจจ)
แต่มันมิได้มีความหมายว่า พระองค์ตรัสสอน
หรือ ทรงยืนยัน เรื่องปฏิจจสมุปบาทข้ามภพข้ามชาติ แบบตายเข้าโลง สักหน่อย
ก็มันเป็นคนละเรื่องกันเลยนี่ครับ !
สรุปแล้ว คนที่สมาทาน ปฏิจจสมุปบาทข้ามภพข้ามชาติแบบตายเข้าโลง อย่างโงหัวไม่ขึ้น แบบนี้
สมควรกล่าวว่า เป็นคนฉลาด หรือ คนที่โง่ที่สุด(ในสามโลก) กันแน่ ?
สวัสดี