'ธนินท์'แนะ 2 วิธีแก้ขาดทุนจำนำข้าว

เอามาติดไว้ห้องธุรกิจกับห้องเศรษฐกิจนะครับ เห็นมีคนไปแปะไว้ที่ห้องการเมืองแล้ว

"เจ้าสัวธนินท์" หนุนรัฐโละสต็อกข้าวเก่าขายจีนแลกรถไฟ พร้อมจ้างชาวนาลดการผลิต 30% ดันราคาข้าวตลาดโลกขยับ


นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี.) กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้รัฐบาลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าว และยังมีปริมาณข้าวล้นสต็อกเป็นจำนวนมาก เกิดจากการบริหารจัดการที่ไม่สอดคล้องกับสภาวะตลาดโลกที่มีปริมาณการส่งออกข้าวจากประเทศอื่นออกมามาก โดยเฉพาะอินเดีย เมื่อสต็อกข้าวในตลาดโลกเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกตกต่ำ ไม่สอดคล้องกับราคารับจำนำ

ทั้งนี้ วิธีลดสต็อกข้าวที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก คือการนำข้าวเก่าเก็บออกมาขายราคาถูกให้กับจีน เพื่อนำไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตเอทานอล (แอลกอฮอล์จากพืช) อาจจะเป็นการทำสัญญาข้าวแลกรถไฟ ส่วนปลายข้าวหักไม่ควรนำออกไปขายในตลาดโลก แต่นำไปผลิตอาหารสัตว์แทน จะช่วยพยุงราคาข้าวให้ดีขึ้นได้

"ถ้าคนจีนกินข้าวมากขึ้นคนละ 1 ช้อนโต๊ะ ข้าวที่ไทยจะขายให้ก็ยังไม่พอด้วยซ้ำ และถ้าเขาตกลงซื้อสินค้าใดก็ตาม สินค้านั้นจะมีราคาสูงขึ้นแน่นอน อินเดียไม่นำข้าวออกมาขายมาหลายปี แต่ปีนี้ส่งออกมาก และค่าเงินรูปีของอินเดียยังอ่อน จึงทำให้ราคาข้าวตก รัฐบาลไทยจึงต้องหาทางระบายสต็อกด้วยวิธีการนำข้าวไปขายให้ประเทศที่บริโภคข้าวสูงอย่างประเทศจีน ซึ่งจีนอาจจะต้องการบางส่วนไปผลิตเอทานอล"

อย่างไรก็ดี นายธนินท์ เตือนว่า สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรทำ คือ ไม่ควรนำสต็อกข้าวไประบายในตลาดโลก เพราะถ้าทำเช่นนั้นจะทำให้ข้าวล้นตลาดอีก เมื่อทุกคนรู้ว่าประเทศไทยมีข้าวล้น ก็จะไม่ซื้อข้าวจากไทย

แนะจ้างชาวนาลดผลิตข้าว30%

นายธนินท์ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวจีนตกลงซื้อข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ปีละ 1 ล้านตันเป็นเวลา 5 ปี หลังจาก นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน เดินทางเยือนประเทศไทย ว่า เชื่อว่าจีนจะซื้อแน่นอน เพราะเป็นการคุยกันระหว่างผู้นำระดับสูง เพียงแต่มีรายละเอียดที่ต้องดำเนินการต่อ

สำหรับในอนาคต วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้สต็อกข้าวโลกลดลง และทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น คือ รัฐบาลต้องนำเงินไปจ้างให้ชาวนาลดพื้นที่การปลูกข้าวลงไปให้ได้ ในภาพรวมร้อยละ 30 โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีผลผลิตตกต่ำ โดยการให้เงินอุดหนุนเลิกปลูกข้าวไร่ละ 1,500 บาท แล้วหันไปปลูกพืชเกษตรอื่นๆ ที่เหมาะสมแทน เช่น ยางพารา ปาล์ม อ้อย และมะพร้าว

"เมื่อผลผลิตข้าวจากประเทศไทยลดลง ก็จะทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น เพราะไทยเป็นผู้ผลิตข้าวอันดับต้นๆ ของโลก โครงการรับจำนำนอกจากจะไม่ขาดทุนแล้ว ยังมีโอกาสกลับขึ้นมามีกำไรได้" เขากล่าว

เลิกแข่งขันเชิงปริมาณ-เน้นมูลค่า

นายธนินท์ ยังเสนอว่า รัฐควรปรับบทบาทการแข่งขันในตลาดข้าว เนื่องจากประเทศไทยไม่ใช่ประเทศผู้ผลิตข้าวปริมาณสูงที่สุดในโลกอีกต่อไปหากวัดตามพื้นที่ ฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องไปแข่งขันในเชิงปริมาณ

ทั้งนี้หากประเมินตามกำลังการผลิตข้าวโลก จะพบว่าประเทศผู้ผลิตข้าวเป็นอันดับต้นๆ ของโลก คือ จีน อินเดีย และประเทศที่มาแรงอย่างพม่า ที่เคยเป็นผู้ผลิตข้าวเป็นอันดับ 1 ของโลกมาแล้ว ส่วนไทยขณะนี้คือผู้ผลิตข้าวเป็นอันดับ 4 ของโลก จึงควรหันไปแข่งขันทางด้านของมูลค่ามากกว่าเชิงปริมาณ เพื่อทำให้ชาวนามีรายได้สูงขึ้น

"เราไม่ควรไปแข่งขันด้านส่งออกที่หนึ่งของโลก ข้าราชการต้องมีแนวคิดทางธุรกิจ แม้เราจะขายแพง แต่ถ้าข้าวเราดี มีการบริหารจัดการที่ดี ข้าวไทยจะไม่พอขาย" นายธนินท์ กล่าว

http://bit.ly/1g3Pstb
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่