คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
อย่าซีเรียส ที่กินไปก็ถือว่าเป็น Cheating Day ปรับเม็ทาบอลิซึ่ม ร่างกายเวลากินน้อยมากๆ
จะเริ่มเข้าสู้โหมดการไม่เผาผลาญ ดังนั้นต้องมีช่วงหนึ่งที่กลับมากินเพื่อปรับ
ของผมก็กินคลีนหนึ่งอาทิตย์ Cheat หนึ่งวัน แล้วก็ออกกำลงกายไปตามปกติ
ถ้าคิดว่าจะกินเพื่อไปล้วงคอ คุณจะกินอย่างเยอะ แล้วสุดท้ายก็ไม่กล้าล้วง
จะเริ่มเข้าสู้โหมดการไม่เผาผลาญ ดังนั้นต้องมีช่วงหนึ่งที่กลับมากินเพื่อปรับ
ของผมก็กินคลีนหนึ่งอาทิตย์ Cheat หนึ่งวัน แล้วก็ออกกำลงกายไปตามปกติ
ถ้าคิดว่าจะกินเพื่อไปล้วงคอ คุณจะกินอย่างเยอะ แล้วสุดท้ายก็ไม่กล้าล้วง
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
อ่านแล้วนึกว่าตัวเองมาตั้งกระทู้ เราเข้าใจความรู้สึกคุณทุกอย่างเลยนะ
เพราะที่คุณเล่ามา เราเคยเป็น เคยผ่านมาหมดแล้วค่ะ
ทั้งออกกำลังกายเยอะ กินน้อย ทำอยู่ ๗-๘ เดือนเลยนะ
น้ำหนักลดกว่า ๑๒ กิโลกรัม (เราเตี้ยค่ะ ๑๔๘ เซน)
ติดหอ ไม่ชอบเข้าสังคม กลัวการทานอาหารที่ร้านตามสั่งหรือไปกินข้าวกลับเพื่อน
เรียนเสร็จ รีบกลับหอ เพราะจะได้ทำอาหารกินเองได้ ไม่เข้าสังคม ไม่ไปสังสรรค์ทุกอย่าง
ขนาดกลับบ้าน ยังจิตตกกลัวที่บ้านไม่มีอาหารที่เราต้องการกิน เพราะช่วงนั้นเลือกกินมากกกก
จนเราผอม แต่โทรม ดูป่วย โดนทักว่าเหมือนเด็กเอธิโอเปีย คือผอมแบบขาดสารอาหาร
เข้าสู่ปีใหม่ ด้วยความที่คิดว่าตัวเองผอมมากๆ เลยปล่อยหลุด นั่นแหละจุดเริ่มต้น
ทีนี้หลุดยาวค่ะ ตบะแตก ขนม ไอติม เค้ก เบเกอรี่ อาหารขยะจัดเต็มทุกวัน
แล้วหยุดไม่ได้ คิดว่าพรุ่งนี้ค่อยหยุด วันนี้ขอวันเดียว อ้างมันไปเรื่อยๆ
แล้วพอหลุด การออกกำลังกายเริ่มลดลง จนเป็นหยุดออกไปเลย
เพราะจิตใจเริ่มนอยด์ จิตตก แย่ แบบแย่มากๆ ถึงมากที่สุด
ทีนี้พอนอยด์ปุ๊บ ทางออกคือกิน กิน กิน และกินลูกเดียว
กลายเป็นวงจรอุบาทว์คือนอยด์ กิน นอยด์ใหม่ กิน
ใช้ชีวิตอย่างนี้อยู่ประมาณ ๕ เดือนกว่าๆ เลยนะ
น้ำหนักเด้งกลับมา กว่า ๒๐ กิโลกรัม พระเจ้า!
คนรอบตัวเริ่มทักว่าอ้วนขึ้นนะ แรกๆ ยังไม่สน คือมันห้ามปากตัวเองไม่ได้เลย
พอได้กินแล้วมันโหยมาก กินไม่หยุด ต้องกินตลอด กินแต่อาหารแย่ๆด้วย
เคยแบบไม่ตระเวนกิน เข้าร้านนู้น ออกร้านนี้ (คนเดียวนะ) สารพัดสิ่ง
อ้อ! เราเป็นเหมือนคุณเป๊ะ คือจะยัดๆๆ สารพัดสิ่งตอนที่อยู่คนเดียว
สุดท้ายพออ้วน เริ่มกลัวสังคม กลัวสายตาคนรอบข้าง
เพราะจากผอมๆ กลายเป็นอ้วนเร็วมาก แบบนี่ชั้นทำไปได้ไง(วะ)
คือมันเสียความมั่นใจไปเลย ไม่มีความสุข อมทุกมากๆ ช่วงเวลานั้น
คิดดูว่าในวันเดียวนะคะ ขนมปังฟาร์มเฮ้าโฮลวีทแถวใหญ่๑ถุง (วันเดียว) ทาโกโก้
กลางวัลบุฟเฟ่ต์(ฮอตพอต) ต่อด้วยพิซซ่าถาดใหญ่คนเดียว ไอติมสเวนเซ่น
เบเกอรี่ยามาซากิ ๕ อย่าง โดนัทอีก ๔ แดรีควีนวาฟเฟิลโคนช็อก ๑
มื้อกลางวันนี่คือลากยาวมาบ่าย ไม่รวมมื้อเย็นด้วยนะ อึ้งมั๊ย
แบบทุเรศตัวเองตอนนั้นมากเลย แล้วคิดดูว่าเป้นแบบนี้ราวๆ ๕ เดือน

สุดท้ายคือได้พาน้องไปเที่ยว ถ่ายรูป โอ้ว! นี่ใคร(วะ) โคตรอืดเลยอ่ะ
แบบรับไม่ได้กับสารรูปตัวเองมากๆ
จนฮึด เอาวะ กลับมาออกกำลังกายอีกครั้ง
แต่คราวนี้ไม่งดอะไร คาร์บ โปรตีน ไขมัน กินมันหมด
แต่เลือกกินบ้าง กินแบบพอดีๆ ไม่อด แต่รู้จักเลือกมากขึ้น
มื้อไหนคลีนได้ก็คลีน ยังคงมีหลุดมาก ทุกอาทิตย์ สองอาทิตย์
สิ่งที่สำคัญคือ ถ้าหลุดแล้ว เราไปเครียด อย่ไปนอยด์ อย่าไปจมกับความรู้สึกผิด
ให้ดึงตัวเองกลับมาให้เร็วที่สุด เพราะยิ่งนอยด์ยิ่งกิน (กินแบบไร้สติด้วยนะ)
ทุกวันนี้ถามว่าเราผอมเท่าแต่ก่อนมั๊ย ตอบเลยว่าไม่ ๕๕๕
แต่เราไม่เคร่ง ไม่เครียด ไม่จดทุกสิ่ง คำนวณแคลฯ ทุกอย่างที่เอาเข้าปากแล้ว
เราเลือกที่จะกินแบบพอดีๆ พายามออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ
คือไม่ต้องโหม แต่อย่าหาข้ออ้างในการขี้เกียจออก
น้ำหนักลงเรื่อยๆ แบบไม่รีบร้อน แต่มีความสุข
ถ้าเมื่อไหร่ที่ตัวเองเริ่มเกเร เราชอบเปิดไอจีสาวๆ ต่างประเทดู
เพราะเราชอบหุ่นสาวๆ แถบยุโรปมาก คือไม่ผอม ไม่เพรียว แต่เฟิร์ม
นมเป็นนม ก้นเป็นก้น สะโพกเป็นสะโพก ไม่ได้ผอมแห้งแบบเทรนด์บ้านเรา
ซึ่งเวลาใส่เสื้อผ้าเราว่ามันสวยมากเลยนะ เพราะมันมีทรวดทรง ยิ่งถอดยิ่งสวย ๕๕๕
อีกอย่างคือมันทำให้เราระลึกได้ว่า สุขภาพดี หุ่นดีไม่ใช่ร่างหายที่ผอม แต่คือร่างกายที่แข็งแรง
พยายามหาจุดสมดุล หาความพอดีในชีวิตให้เจอ
ทำในสิ่งที่ไม่ฝืน และคือว่าเรา "ทำได้ตลอดชีวิต" ค่ะ
เนื่องจากการลดความอ้วน มันได้ใช่ทำแค่ครึ่งปี ปีเดียวจบ
แต่คุณต้องทำมันไปตลอด มันคือการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตระยะยาว
อะไรที่เราทำแล้วฝืนมันมักอยู่ได้ไม่นาน ฉะนั้นหาจุดสมดุลของตัวคุณให้เจอ
สู้ๆ นะคะ เรายืนยันว่าเราเข้าใจความรู้สึกคุณทุกอย่างจริงๆ
ผ่านมันไปให้ได้ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
เพราะที่คุณเล่ามา เราเคยเป็น เคยผ่านมาหมดแล้วค่ะ
ทั้งออกกำลังกายเยอะ กินน้อย ทำอยู่ ๗-๘ เดือนเลยนะ
น้ำหนักลดกว่า ๑๒ กิโลกรัม (เราเตี้ยค่ะ ๑๔๘ เซน)
ติดหอ ไม่ชอบเข้าสังคม กลัวการทานอาหารที่ร้านตามสั่งหรือไปกินข้าวกลับเพื่อน
เรียนเสร็จ รีบกลับหอ เพราะจะได้ทำอาหารกินเองได้ ไม่เข้าสังคม ไม่ไปสังสรรค์ทุกอย่าง
ขนาดกลับบ้าน ยังจิตตกกลัวที่บ้านไม่มีอาหารที่เราต้องการกิน เพราะช่วงนั้นเลือกกินมากกกก
จนเราผอม แต่โทรม ดูป่วย โดนทักว่าเหมือนเด็กเอธิโอเปีย คือผอมแบบขาดสารอาหาร
เข้าสู่ปีใหม่ ด้วยความที่คิดว่าตัวเองผอมมากๆ เลยปล่อยหลุด นั่นแหละจุดเริ่มต้น
ทีนี้หลุดยาวค่ะ ตบะแตก ขนม ไอติม เค้ก เบเกอรี่ อาหารขยะจัดเต็มทุกวัน
แล้วหยุดไม่ได้ คิดว่าพรุ่งนี้ค่อยหยุด วันนี้ขอวันเดียว อ้างมันไปเรื่อยๆ
แล้วพอหลุด การออกกำลังกายเริ่มลดลง จนเป็นหยุดออกไปเลย
เพราะจิตใจเริ่มนอยด์ จิตตก แย่ แบบแย่มากๆ ถึงมากที่สุด
ทีนี้พอนอยด์ปุ๊บ ทางออกคือกิน กิน กิน และกินลูกเดียว
กลายเป็นวงจรอุบาทว์คือนอยด์ กิน นอยด์ใหม่ กิน
ใช้ชีวิตอย่างนี้อยู่ประมาณ ๕ เดือนกว่าๆ เลยนะ
น้ำหนักเด้งกลับมา กว่า ๒๐ กิโลกรัม พระเจ้า!
คนรอบตัวเริ่มทักว่าอ้วนขึ้นนะ แรกๆ ยังไม่สน คือมันห้ามปากตัวเองไม่ได้เลย
พอได้กินแล้วมันโหยมาก กินไม่หยุด ต้องกินตลอด กินแต่อาหารแย่ๆด้วย
เคยแบบไม่ตระเวนกิน เข้าร้านนู้น ออกร้านนี้ (คนเดียวนะ) สารพัดสิ่ง
อ้อ! เราเป็นเหมือนคุณเป๊ะ คือจะยัดๆๆ สารพัดสิ่งตอนที่อยู่คนเดียว
สุดท้ายพออ้วน เริ่มกลัวสังคม กลัวสายตาคนรอบข้าง
เพราะจากผอมๆ กลายเป็นอ้วนเร็วมาก แบบนี่ชั้นทำไปได้ไง(วะ)
คือมันเสียความมั่นใจไปเลย ไม่มีความสุข อมทุกมากๆ ช่วงเวลานั้น
คิดดูว่าในวันเดียวนะคะ ขนมปังฟาร์มเฮ้าโฮลวีทแถวใหญ่๑ถุง (วันเดียว) ทาโกโก้
กลางวัลบุฟเฟ่ต์(ฮอตพอต) ต่อด้วยพิซซ่าถาดใหญ่คนเดียว ไอติมสเวนเซ่น
เบเกอรี่ยามาซากิ ๕ อย่าง โดนัทอีก ๔ แดรีควีนวาฟเฟิลโคนช็อก ๑
มื้อกลางวันนี่คือลากยาวมาบ่าย ไม่รวมมื้อเย็นด้วยนะ อึ้งมั๊ย
แบบทุเรศตัวเองตอนนั้นมากเลย แล้วคิดดูว่าเป้นแบบนี้ราวๆ ๕ เดือน

สุดท้ายคือได้พาน้องไปเที่ยว ถ่ายรูป โอ้ว! นี่ใคร(วะ) โคตรอืดเลยอ่ะ
แบบรับไม่ได้กับสารรูปตัวเองมากๆ
จนฮึด เอาวะ กลับมาออกกำลังกายอีกครั้ง
แต่คราวนี้ไม่งดอะไร คาร์บ โปรตีน ไขมัน กินมันหมด
แต่เลือกกินบ้าง กินแบบพอดีๆ ไม่อด แต่รู้จักเลือกมากขึ้น
มื้อไหนคลีนได้ก็คลีน ยังคงมีหลุดมาก ทุกอาทิตย์ สองอาทิตย์
สิ่งที่สำคัญคือ ถ้าหลุดแล้ว เราไปเครียด อย่ไปนอยด์ อย่าไปจมกับความรู้สึกผิด
ให้ดึงตัวเองกลับมาให้เร็วที่สุด เพราะยิ่งนอยด์ยิ่งกิน (กินแบบไร้สติด้วยนะ)
ทุกวันนี้ถามว่าเราผอมเท่าแต่ก่อนมั๊ย ตอบเลยว่าไม่ ๕๕๕
แต่เราไม่เคร่ง ไม่เครียด ไม่จดทุกสิ่ง คำนวณแคลฯ ทุกอย่างที่เอาเข้าปากแล้ว
เราเลือกที่จะกินแบบพอดีๆ พายามออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ
คือไม่ต้องโหม แต่อย่าหาข้ออ้างในการขี้เกียจออก
น้ำหนักลงเรื่อยๆ แบบไม่รีบร้อน แต่มีความสุข
ถ้าเมื่อไหร่ที่ตัวเองเริ่มเกเร เราชอบเปิดไอจีสาวๆ ต่างประเทดู
เพราะเราชอบหุ่นสาวๆ แถบยุโรปมาก คือไม่ผอม ไม่เพรียว แต่เฟิร์ม
นมเป็นนม ก้นเป็นก้น สะโพกเป็นสะโพก ไม่ได้ผอมแห้งแบบเทรนด์บ้านเรา
ซึ่งเวลาใส่เสื้อผ้าเราว่ามันสวยมากเลยนะ เพราะมันมีทรวดทรง ยิ่งถอดยิ่งสวย ๕๕๕
อีกอย่างคือมันทำให้เราระลึกได้ว่า สุขภาพดี หุ่นดีไม่ใช่ร่างหายที่ผอม แต่คือร่างกายที่แข็งแรง
พยายามหาจุดสมดุล หาความพอดีในชีวิตให้เจอ
ทำในสิ่งที่ไม่ฝืน และคือว่าเรา "ทำได้ตลอดชีวิต" ค่ะ
เนื่องจากการลดความอ้วน มันได้ใช่ทำแค่ครึ่งปี ปีเดียวจบ
แต่คุณต้องทำมันไปตลอด มันคือการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตระยะยาว
อะไรที่เราทำแล้วฝืนมันมักอยู่ได้ไม่นาน ฉะนั้นหาจุดสมดุลของตัวคุณให้เจอ
สู้ๆ นะคะ เรายืนยันว่าเราเข้าใจความรู้สึกคุณทุกอย่างจริงๆ
ผ่านมันไปให้ได้ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 19
เราเป็นอยู่เหมือนกันค่ะ
เราเป็นคนซีเรียสกับการลดน้ำหนักมากๆ เคร่งครัดไปหมด เข้าฟิตเนสทุกวัน วันละห้าชั่วโมง
ถ้าออกกำลังไม่ได้ตามแคลอรี่ที่กินเข้าไปจะไม่หยุด กินคลีนมากๆ ทานแต่ไข่ขาวกับผักต้ม
พอถึงจุดนึงร่างกายเลยเครียดค่ะ เราเองไม่รู้ตัวแต่สมองจะสั่งการให้กินกินกิน
ควักเนยถั่วกินจนหมดกระป๋องคนเดียว กินขนมปังโฮลวีทจนหมดแถว กินทุกอย่างจนกระเพาะเป่งแทบทะลักออกมาทางปากเลยค่ะ
เคยมีอาการเคี้ยวแล้วคายทิ้ง ล้วงคออ้วกด้วย จนหน้าบวมเป่งเพราะว่าพฤติกรรมนี้มันไปรยกวนต่อมน้ำลายและต่อมทอนซิลค่ะ
กลายเป็นว่าความพยายามที่จะดูดีกลับทำให้เราดูแย่กว่าเดิม ..ควบคุมตัวเองไม่ได้เหมือนเป็นอาการทางจิต
แถมยังเสียเวลาเกือบหมดวันไปกับการออกกำลังและกินเท่านั้น ไร้สาระสุดๆ
เครียดมากเลยค่ะ ความมั่นใจในตัวเองไม่เหลือเลย
เราเลยกลับมาย้อนหาข้อมูลค่ะ สิ่งที่เกิดขึ้นมาจาก
1. ร่างกายผู้หญิงไม่ค่อยเหมาะกับกีฬาประเภทใช้แรงต้าน หรือเวทค่ะ จะเหมาะกับกีฬาที่ยืดหยุนแบบโยคะมากกว่า
2. การออกกกำลังมากจนเกินพอดี จะทำให้เกิดอาการ Overtraining
ร่างกายจะเหนื่อยล้าและพยายามอยู่รอดด้วยการส่งสารไปสู่สมองให้กินไม่หยุด
3.ร่างกายผู้หญิงที่สมดุลควรมีไขมันในช่วง20%ค่ะ ถ้าน้อยกว่านั้นร่างกายจะหิวบ่อยมากๆๆๆๆ
4. การกินที่ผิดแล้วคิดว่าไปออกกำลังชดเชยได้ จะทำให้เกิดวงจรนี้ค่ะ
ขั้นแรกให้หยุดออกกำลังเลยก่อนซักเดือนนึงค่ะแล้วปรับการกินของเราให้ได้ ถึงค่อยไปออกกำลังเบาๆ
โปรแกรมออกกำลังที่หนักๆให้งดไปเลย T25 HIIT Interval นี่พอก่อนนะคะ
5. หยุดคิดหาเมนูของกิน ไม่ว่าจะคลีนหรือไม่คลีน ให้หยุดคิดเรื่องอาหาร เลิกหาข้อมูลลดน้ำหนักด้วยค่ะ
ให้อยู่กะตัวเองมีสติแล้วพยายามใช้ชีวิตทุกวันให้เป็นปกติเหมือนคนอื่นเค้า
6. พยายามอยู่กับคนอื่นให้มากที่สุดค่ะ เพราะการอยู่กับคนอื่นจะทำให้เราไม่กล้าสวาปามเข้าไปอย่างที่อยากทำ
สุดท้ายแล้วพฤติกรรมนี้จะค่อยๆลดลง ถ้าให้ดีหาคนที่เราสนิทเล่าเรื่องของเราให้เค้าฟังแล้วให้เค้าคอยเตือนค่ะ
7.อยากทานอะไรให้ทานเลยค่ะ อย่าปล่อยให้หิว ไม่ต้องกินคลีน แต่หยุดปริมาณให้พอดี เคี้ยวช้าๆแบบมีสติ
ค่อยๆประเมินตัวเองว่าเราอิ่มรึยัง ถ้ารู้สึกว่าอิ่มแล้วให้พอเลยค่ะ อย่าหาอะไรมาทานเพิ่ม
8.อย่าใจร้อนรีบเร่ง พอเป็นแบบนี้ต้องค่อยๆปรับแล้วค่ะ ที่เป็นอยู่คือสภาพทางจิตไม่ใช่แต่เรื่องอ้วนแล้ว
อย่าคิดว่าตอนนี้เราไม่สวยต้องรีบทำให้สวย ถ้าเรารีบไปสุดท้ายก็วนกลับมาที่เก่าค่ะ
ถ้าเกิดว่าวันไหนหลุดเป็นอีกก็อย่าเครียดค่ะ ให้คิดว่าเราจะเป็นแบบนี้ให้น้อยลง
จากอาทิตย์ละสองครั้งอาจจะเหลืออาทิตย์ละครั้ง เดือนละสองครั้ง เดือนละครั้ง สองเดือนครั้ง
ให้ลดลงเรื่อยๆ สุดท้ายจะหายไปเองค่ะ
9.สำคัญที่สุดต้องเคารพตัวเอง แล้วก็ภูมิใจในตัวเองค่ะ ให้ทำอย่างอื่นเพื่อตัวเองเช่น
แต่งหน้าแต่งตัวให้ดูดี (ในสภาพอ้วนๆ) ไปสปา ทำผม ทำใจให้สบายๆกับสภาพนี้ก่อน
ให้คิดว่าดีนะที่เรารู้ตัวก่อนจะอ้วนไปกว่านี้แทนที่จะกดดันตัวเองค่ะ
แล้วก็ตั้งเป้าหมายว่าเราจะไม่ทำพฤติกรรมนี้ แทนการคิดว่าเราจะลดน้ำหนักให้ได้
เพราะว่าถ้าหยุดพฤติกรรมนี้ได้ เดี๋ยวน้ำหนักก็ลดค่ะ
เราเป็นมาตั้งแต่ต้นปีที่แล้วค่ะ รวมๆแล้วเกือบปี ตอนนี้น้ำหนักเด้งขึ้นมา จาก 47.5 เป็น 56.8
เราค่อยๆปรับไปเรื่อยๆสุดท้ายอาการนี้จะลดหายไปพร้อมๆน้ำหนักค่ะ
ตอนนี้นน.ลงมาอยู่ที่ 52 แล้ว เทียบกะเวลาแล้วลดไม่เยอะไม่ไวนะคะ แต่อาการเราดีขึ้น
ไม่มีอาการ eating disorder แล้วค่ะ ไม่ว่าจะเป็นกินไม่หยุด กินแล้วคาย หรือกินแล้วล้วงคอ สภาพจิตใจดีขึ้นเป็นปกติ
อะไรมากไปน้อยไปก็ไม่ดีค่ะ ขอให้ปรับให้มันอยู่ตรงกลางแบบที่คนอื่นเค้าเป็นกัน แล้วอย่าเสียเวลาไปกับเรื่องพวกนี้
ให้คิดว่าเราต้องทำอะไรอีกเยอะเลยค่ะ ถ้าวันๆมาวนเวียนอยู่ที่เรื่องกิน ออกกำลัง ผอม ไม่ผอม แบบนี้เสียเวลามาก
เอาเวลาไปคิดเรื่องอื่นดีกว่า อย่าไปหมกมุ่นกะมันแล้วเดี๋ยวจะดีขึ้นเองค่ะ .. เป็นกำลังใจให้น้าา
เราเป็นคนซีเรียสกับการลดน้ำหนักมากๆ เคร่งครัดไปหมด เข้าฟิตเนสทุกวัน วันละห้าชั่วโมง
ถ้าออกกำลังไม่ได้ตามแคลอรี่ที่กินเข้าไปจะไม่หยุด กินคลีนมากๆ ทานแต่ไข่ขาวกับผักต้ม
พอถึงจุดนึงร่างกายเลยเครียดค่ะ เราเองไม่รู้ตัวแต่สมองจะสั่งการให้กินกินกิน
ควักเนยถั่วกินจนหมดกระป๋องคนเดียว กินขนมปังโฮลวีทจนหมดแถว กินทุกอย่างจนกระเพาะเป่งแทบทะลักออกมาทางปากเลยค่ะ
เคยมีอาการเคี้ยวแล้วคายทิ้ง ล้วงคออ้วกด้วย จนหน้าบวมเป่งเพราะว่าพฤติกรรมนี้มันไปรยกวนต่อมน้ำลายและต่อมทอนซิลค่ะ
กลายเป็นว่าความพยายามที่จะดูดีกลับทำให้เราดูแย่กว่าเดิม ..ควบคุมตัวเองไม่ได้เหมือนเป็นอาการทางจิต
แถมยังเสียเวลาเกือบหมดวันไปกับการออกกำลังและกินเท่านั้น ไร้สาระสุดๆ
เครียดมากเลยค่ะ ความมั่นใจในตัวเองไม่เหลือเลย
เราเลยกลับมาย้อนหาข้อมูลค่ะ สิ่งที่เกิดขึ้นมาจาก
1. ร่างกายผู้หญิงไม่ค่อยเหมาะกับกีฬาประเภทใช้แรงต้าน หรือเวทค่ะ จะเหมาะกับกีฬาที่ยืดหยุนแบบโยคะมากกว่า
2. การออกกกำลังมากจนเกินพอดี จะทำให้เกิดอาการ Overtraining
ร่างกายจะเหนื่อยล้าและพยายามอยู่รอดด้วยการส่งสารไปสู่สมองให้กินไม่หยุด
3.ร่างกายผู้หญิงที่สมดุลควรมีไขมันในช่วง20%ค่ะ ถ้าน้อยกว่านั้นร่างกายจะหิวบ่อยมากๆๆๆๆ
4. การกินที่ผิดแล้วคิดว่าไปออกกำลังชดเชยได้ จะทำให้เกิดวงจรนี้ค่ะ
ขั้นแรกให้หยุดออกกำลังเลยก่อนซักเดือนนึงค่ะแล้วปรับการกินของเราให้ได้ ถึงค่อยไปออกกำลังเบาๆ
โปรแกรมออกกำลังที่หนักๆให้งดไปเลย T25 HIIT Interval นี่พอก่อนนะคะ
5. หยุดคิดหาเมนูของกิน ไม่ว่าจะคลีนหรือไม่คลีน ให้หยุดคิดเรื่องอาหาร เลิกหาข้อมูลลดน้ำหนักด้วยค่ะ
ให้อยู่กะตัวเองมีสติแล้วพยายามใช้ชีวิตทุกวันให้เป็นปกติเหมือนคนอื่นเค้า
6. พยายามอยู่กับคนอื่นให้มากที่สุดค่ะ เพราะการอยู่กับคนอื่นจะทำให้เราไม่กล้าสวาปามเข้าไปอย่างที่อยากทำ
สุดท้ายแล้วพฤติกรรมนี้จะค่อยๆลดลง ถ้าให้ดีหาคนที่เราสนิทเล่าเรื่องของเราให้เค้าฟังแล้วให้เค้าคอยเตือนค่ะ
7.อยากทานอะไรให้ทานเลยค่ะ อย่าปล่อยให้หิว ไม่ต้องกินคลีน แต่หยุดปริมาณให้พอดี เคี้ยวช้าๆแบบมีสติ
ค่อยๆประเมินตัวเองว่าเราอิ่มรึยัง ถ้ารู้สึกว่าอิ่มแล้วให้พอเลยค่ะ อย่าหาอะไรมาทานเพิ่ม
8.อย่าใจร้อนรีบเร่ง พอเป็นแบบนี้ต้องค่อยๆปรับแล้วค่ะ ที่เป็นอยู่คือสภาพทางจิตไม่ใช่แต่เรื่องอ้วนแล้ว
อย่าคิดว่าตอนนี้เราไม่สวยต้องรีบทำให้สวย ถ้าเรารีบไปสุดท้ายก็วนกลับมาที่เก่าค่ะ
ถ้าเกิดว่าวันไหนหลุดเป็นอีกก็อย่าเครียดค่ะ ให้คิดว่าเราจะเป็นแบบนี้ให้น้อยลง
จากอาทิตย์ละสองครั้งอาจจะเหลืออาทิตย์ละครั้ง เดือนละสองครั้ง เดือนละครั้ง สองเดือนครั้ง
ให้ลดลงเรื่อยๆ สุดท้ายจะหายไปเองค่ะ
9.สำคัญที่สุดต้องเคารพตัวเอง แล้วก็ภูมิใจในตัวเองค่ะ ให้ทำอย่างอื่นเพื่อตัวเองเช่น
แต่งหน้าแต่งตัวให้ดูดี (ในสภาพอ้วนๆ) ไปสปา ทำผม ทำใจให้สบายๆกับสภาพนี้ก่อน
ให้คิดว่าดีนะที่เรารู้ตัวก่อนจะอ้วนไปกว่านี้แทนที่จะกดดันตัวเองค่ะ
แล้วก็ตั้งเป้าหมายว่าเราจะไม่ทำพฤติกรรมนี้ แทนการคิดว่าเราจะลดน้ำหนักให้ได้
เพราะว่าถ้าหยุดพฤติกรรมนี้ได้ เดี๋ยวน้ำหนักก็ลดค่ะ
เราเป็นมาตั้งแต่ต้นปีที่แล้วค่ะ รวมๆแล้วเกือบปี ตอนนี้น้ำหนักเด้งขึ้นมา จาก 47.5 เป็น 56.8
เราค่อยๆปรับไปเรื่อยๆสุดท้ายอาการนี้จะลดหายไปพร้อมๆน้ำหนักค่ะ
ตอนนี้นน.ลงมาอยู่ที่ 52 แล้ว เทียบกะเวลาแล้วลดไม่เยอะไม่ไวนะคะ แต่อาการเราดีขึ้น
ไม่มีอาการ eating disorder แล้วค่ะ ไม่ว่าจะเป็นกินไม่หยุด กินแล้วคาย หรือกินแล้วล้วงคอ สภาพจิตใจดีขึ้นเป็นปกติ
อะไรมากไปน้อยไปก็ไม่ดีค่ะ ขอให้ปรับให้มันอยู่ตรงกลางแบบที่คนอื่นเค้าเป็นกัน แล้วอย่าเสียเวลาไปกับเรื่องพวกนี้
ให้คิดว่าเราต้องทำอะไรอีกเยอะเลยค่ะ ถ้าวันๆมาวนเวียนอยู่ที่เรื่องกิน ออกกำลัง ผอม ไม่ผอม แบบนี้เสียเวลามาก
เอาเวลาไปคิดเรื่องอื่นดีกว่า อย่าไปหมกมุ่นกะมันแล้วเดี๋ยวจะดีขึ้นเองค่ะ .. เป็นกำลังใจให้น้าา

ความคิดเห็นที่ 4
ดูเมนูที่กินปกติแล้ว
-----
วันจันทร์ถึงศุกร์ เราจะทำอาหารกินเอง เมนูจะประมาณนี้ เราจะพยายามคุมแคลอรีไม่เกิน1700
เช้า ขนมปัง1แผ่น กินกับทูน่า, ไข่1 ลูก, apple ครึ่งลูก
สาย apple อีกครึ่งลูก
เที่ยง ข้าว(ไม่เกิน3ช้อนโต๊ะ (เราไม่มีทัพพี)) กับข้าวไม่ใช้น้ำมัน
เย็น เสต็กแซลมอน (ย่างเอง) ผักไม่จำกัด
-----
ไม่แปลกเลยที่จะbingeเป็นระยะๆ เพราะมันน้อยมากกกกก โดยเฉพาะ คาร์บ
จำกัดไม่เกิน1700 แต่เท่าที่อ่านเผลอๆ อาจแค่ 1200เท่านนั้น
เราหนัก49กิน2000 แต่เราสม่ำเสมอ ไม่เคยมีตบะแตก เพราะทุกวันกินตามอยาก ตลอด
คุณหนัก 54-56 คุณกิน แค่นี้ ไม่แปลกใจเลยจริง ๆ ที่ตบะแตกที ซัดปาไป 4000 อัพ
แก้ที่เมนูประจำวัน กินให้เยอะ จัดให้หนัก รับรองbingeไม่มาแน่ แต่ถ้ายังกินแบบนี้ รับรอง ระเบิดเป็นช่วงๆ หนักขึ้นเรื่อยๆ อาจจบด้วย anorexia
เศร้าแทน
-----
วันจันทร์ถึงศุกร์ เราจะทำอาหารกินเอง เมนูจะประมาณนี้ เราจะพยายามคุมแคลอรีไม่เกิน1700
เช้า ขนมปัง1แผ่น กินกับทูน่า, ไข่1 ลูก, apple ครึ่งลูก
สาย apple อีกครึ่งลูก
เที่ยง ข้าว(ไม่เกิน3ช้อนโต๊ะ (เราไม่มีทัพพี)) กับข้าวไม่ใช้น้ำมัน
เย็น เสต็กแซลมอน (ย่างเอง) ผักไม่จำกัด
-----
ไม่แปลกเลยที่จะbingeเป็นระยะๆ เพราะมันน้อยมากกกกก โดยเฉพาะ คาร์บ
จำกัดไม่เกิน1700 แต่เท่าที่อ่านเผลอๆ อาจแค่ 1200เท่านนั้น
เราหนัก49กิน2000 แต่เราสม่ำเสมอ ไม่เคยมีตบะแตก เพราะทุกวันกินตามอยาก ตลอด
คุณหนัก 54-56 คุณกิน แค่นี้ ไม่แปลกใจเลยจริง ๆ ที่ตบะแตกที ซัดปาไป 4000 อัพ
แก้ที่เมนูประจำวัน กินให้เยอะ จัดให้หนัก รับรองbingeไม่มาแน่ แต่ถ้ายังกินแบบนี้ รับรอง ระเบิดเป็นช่วงๆ หนักขึ้นเรื่อยๆ อาจจบด้วย anorexia
เศร้าแทน
แสดงความคิดเห็น
บ้าลดน้ำหนัก จนเป็น BINGE eating disorder
มันเริ่มมาจาก เราเริ่มลดน้ำหนัก ประมาณปีก่อน
ปกติแล้ว เราไม่ไช่คนอ้วนค่ะ แต่เราแค่อยากผอมกว่าเดิม
เราสูง 168หนัก 53-54 (ก่อนลด)
เราลดน้ำหนัก โดยการเล่นฟิตเนส(คาร์ดิโออย่างเดียว) กินไม่เกิน800แคล บ้าง อดข้าวบ้าง กินข้าววันละมื้อบ้าง
เรียกได้ว่าลดผิดทุกรูปแบบ
น้ำหนักเราค่อยๆลง มาจนถึง47
แต่เรากลายเป็นคนกลัวอ้วนขึ้นสมอง คำนวณแคลอรี่กับทุกอย่าง เราเริ่มไม่อยากเจอเพื่อน ไม่อยากออกจากบ้าน เพราะกลัวเพื่อนชวนกินข้าว
ถ้าจำเป็นต้องไปกินข้าวกับเพื่อนจริงๆ เราจะอดข้าวทั้งวัน เพื่อกินมื้อเดียว
เราทำแบบนี้ประมาณ3เดือน
แต่ความจริงพื้นฐานเราเป็นคนชอบกิน เป็นคนกินเยอะตั้งแต่เด็ก
แล้วมีอยู่วันหนึ่ง เราคิดว่า เราจะกินทุกอย่างที่เราอยากกิน ที่เราอดมาตลอด ภายในวันเดียว แล้วจะไม่กินอีกแล้ว
จากนั้นเราก็เริ่มกินอย่างเรียกได้ว่า บ้าคลั่ง กินทุกอย่างที่ขวางหน้า กินmac ตีสองก็ทำมาแล้ว เหมือนกับเราไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
กินเบอร์เกอร์4 ชิ้น กินไอศครีม6ลูก ภายในหนึ่งวัน แล้วยังกินข้าวต่อได้
เราอายมากที่เป็นโรคแบบนี้
หลังจากนั้นอาการเราก็แย่ลงเรื่อยๆ น้ำหนักเราขึ้น พุ่งกลับมาเป็น55 หนักสุดในชีวิต
ตอนนั้นเราเริ่มล้วงคอ กินยาถ่าย ฟิตเนสตั้งแต่เที่ยงถึง6โมงเย็น
เราเคยไปหาจิตแพทย์ แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เรายังbinge บ่อยๆ
ส่วนใหญ่แล้วเราจะbinge เวลาที่เราอยู่คนเดียว
เหมือนเราไม่สามารถควบคุมความอยากอาหารได้เลย
เรากินทุกอย่างที่ขวางหน้า คิดกับตัวเองว่าจะไม่ทำแล้ว
แต่ก็ทำอีกเรื่อยๆ
เหมือนเรากินทุกครั้งที่เราเบื่อหรือเซ็ง หรือสูญเสียความมั่นใจในตัวเอง ทุกๆอารมณ์ emotional eating สุดๆ
เราเริ่มเกลียดตัวเอง หลบหน้าสังคม หลบหน้าเพื่อน เพราะกลัวโดนทักว่าอ้วนขึ้น
เริ่มมีอาการนอนไม่หลับ เราต้องใช้ยานอนหลับ ร่วมกับยาแก้เครียด
เราอยากหายจากโรคนี้อย่างจริงจัง เราเริ่มศึกษาโภชนาการ พยายามกินclean ให้มากขึ้น เลิกทานขนม(อย่างจริงจัง ไม่แตะเลย)
เริ่มเล่นเวทเทรนนิ่ง คู่กับการคาร์ดิโอ
เราเริ่มทำมาประมาณ5เดือน อาการเราดีขึ้นเรื่อยๆ น้ำหนักกลับมาอยู่ที่ประมาณ53-54 แต่เราก็ยังมีอาการbinge อยู่ แต่ไม่หนักเท่าเมื่อก่อน แล้วเราก็มาเรียนต่อต่างประเทศ เราbinge น้อยลง ทานน้อยลง แต่เราไม่ค่อยออกกำลังกายแล้ว
แต่แล้วเมื่อวาน พอเราอยู่คนเดียว อยู่ดีๆ อาการbinge ก็กลับมา เรากินเบอร์เกอ4ชิ้น เคบับ ไอศครีม6ลูก เพรทเซล กินจนแทบอ้วก เราพยายามจะล้วงคอ แต่เรากลัวเรากลับมาเป็นอีก เราเลยเดินทั้งวันไม่ยอมหยุด ในสมองคิดว่ามันจะช่วยกำจัดแคลอรีไปได้บ้าง
เราเครียดมาก เรานึกว่าเราหายแล้ว
เราไม่รู้ว่าโรคนี้คนไทยเป็นกันเยอะมั้ย แต่เห็นในบอร์ดต่างประเทศ คนเป็นกันเยอะมาก
เราไม่รู้จะแก้ยังไง เราไม่อยากหาจิตแพทย์แล้ว
จากไดอารี่ที่เราจดนะคะ
ปกติแล้ว วันจันทร์ถึงศุกร์ เราจะทำอาหารกินเอง เมนูจะประมาณนี้ เราจะพยายามคุมแคลอรีไม่เกิน1700
เช้า ขนมปัง1แผ่น กินกับทูน่า, ไข่1 ลูก, apple ครึ่งลูก
สาย apple อีกครึ่งลูก
เที่ยง ข้าว(ไม่เกิน3ช้อนโต๊ะ (เราไม่มีทัพพี)) กับข้าวไม่ใช้น้ำมัน
เย็น เสต็กแซลมอน (ย่างเอง) ผักไม่จำกัด
แต่เสาร์,อาทิตย์ เราจะไปเที่ยว เราจะกินเยอะมากกกกกกกกกกก เหมือนเราไม่สามารถควบคุมความอยากอาหารได้ น่าจะประมาณ4000แคลอรี่ได้
เช่น บุฟเฟห์อาหารเช้าที่โรงแรม, เสต็กเนื้อตอนกลางวันและเย็น (เราอยู่ต่างประเทศ)
เป็นแบบนี้ทุกอาทิตย์ ตั้งแต่เดือนที่แล้วเราbinge ทั้งหมด 3ครั้ง 2อาทิตย์ก่อน ติดกัน2วัน , เมือวาน
เราอยากหายจากโรคนี้จริงๆค่ะ ในสมองเราคิดแต่เรื่องอาหาร ลดน้ำหนัก แคลอรี่ เราไม่มีความสุขเลยค่ะ ช่วยเราหน่อยนะคะ ใครเคยเป็นบ้าง
ทนไม่ไหวแล้วจริงๆค่ะ อายมากๆๆค่ะ ทิ้งเมลล์ไว้ก็ได้ค่ะ