ผมอายุ 31 ปี อยากเปลี่ยนสายงานสุด ๆ ควรจะทำอย่างไรดีครับ? (กระทู้ยาวนะครับ)

สวัสดีครับ ทุก ๆ ท่าน ก่อนจะเข้าสู่คำถาม ผมขออนุญาต แนะนำตัว และเล่าประสบการณ์ทำงานของผม ก่อนนะครับ

ผมเริ่มทำงานครั้งแรก ตอนอายุ 21 ปี เป็นเซลล์ขายรถยนต์ ทำไประหว่างเรียนมหาวิทยาลัยเปิดชื่อดัง เริ่มจากบริษัท A เงินเดือน 5000 บาท
สองเดือนแรก ขายไม่ได้เลย(รถไม่ใช่ยี่ห้อตลาด) ต่อมาก็ขายได้เรื่อยๆ รายได้ไม่มาก ไม่ถึงหมื่น ถึงหมื่นต้น ๆ ทำไป 8 เดือน
ก็ย้ายมาอยู่บริษัท B (ยี่ห้อเดียวกันแต่ใกล้บ้าน) รายได้ดีกว่าเดิม ประมาณ 1-2 หมื่นบาท ทำไป 6 เดือน บริษัทโดนเทค (เพราะทุจริตกันเยอะ ทุกชั้น ทุกแผนก ตั้งแต่ระดับรายวัน ยันผู้บริหาร) บริษัทที่มาเทค ให้เงินเดือนกินเปล่า 2 เดือน ระหว่างปรับปรุงโชว์รูม แต่ผมเลือกไปสมัครงาน บริษัท C (เปลี่ยนยี่ห้อ ไม่ตลาดแต่ขายดีกว่ายี่ห้อแรก) และได้เข้าทำงาน รายได้ดีกว่า บริษัท B เล็กน้อย ผมทำไปได้ 6 เดือน ผมลาออก เพราะทะเลาะกับหัวหน้าใหม่ของผมซึ่งไม่ชอบผม (กับหัวหน้าคนเก่า ไม่มีปัญหาใด ๆ ทั้งสิ้น) เรื่องคือผมโดนหาว่าขาดงาน และลบชื่อผมอกจากรายชื่อเซลล์ ทั้งที่วันนั้นผมไปออกบูธมอเตอร์โชว์ และมียอดจอง ซึ่งเป็นหลักฐานว่าผมไปทำงานแน่นอน ผมไปแจ้งฝ่ายบุคคล
และ ลาออกทันทีเลยครับ ออกจากบริษัท C ไปไม่กี่เดือน ผมก็ไปสมัครงานเป็นฟรีแลนซ์(แต่ต้องเข้าบริษัททุกวันนะ เอากะมันสิ) ที่บริษัท D (ยี่ห้อตลาดมาก ๆ) ไม่มีเงินเดือน(ตรงนี้มั้ง ที่หมายถึงฟรีแลนซ์) แต่เป็นระบบมาจิ้น เหลือเท่าไหร่ เซลล์เอาไป ซึ่งรายได้ไม่แน่นอนครับ
(น้อยสุด 500 มากสุด 20000 ต่อคัน) ทำได้ครึ่งปี ก็ออก เซลล์เก๋า ๆ เยอะครับ
อยู่ต่อได้นะ แต่ไม่ชอบระบบ ไม่ชอบความโหดร้าย ที่ฟันลูกค้ากันหัวแบะ ผมเคยทำเคสเดียว ก็รู้สึกไม่ดีละ

หลิ่วตาเอ๊ะ! ผมยังเรียนไม่จบนี่หว่า ติดอยู่วิชาเดียว ไปเข้าห้องเรียนดีกว่า ขยัน ๆ ก็ต้องจบได้สิ แล้วผมก็เรียนจบ พอเรียนจบ ผมก็ไปสมัครงานที่บริษัท E ที่นี่รายได้ค่อนข้างดีครับ เฉลี่ย 3 หมื่น ช่วงพีค 4-6 หมื่น ติด ๆ กัน 3 เดือนก็มี บริษัทให้ผลตอบแทนค่อนข้างดี ทำให้คุณไม่ต้องหาช่องทางขี้โกง สบายใจกันทุก ๆ ฝ่าย เนื่องจากเงินเดือนน้อย ผมจึงได้รับสโลแกนว่า ลาป่วยเป็นนิจ ลากิจเป็นประจำ มาสายสม่ำเสมอ แต่ผมก็อยู่ได้ เพราะผมมียอด (ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดีมาก ๆ ) เลิกงานเที่ยว ง่วงก็มาหลับคร่อกฟี้ที่ทำงานเอา ผมเป็นแบบนี้หลังจากทำงานไปประมาณครึ่งปี ช่วงครึ่งปีแรก ผมไม่เคยขาด ไม่เคยสาย ยกเว้น ป่วยจริง (ผมเคยลางาน 2 สัปดาห์ เพราะอุบัติเหตุ) ผมทำงานที่นี่ได้ ปีกว่า ๆ ผมลาออก เพราะ ผจก. ทั่วไป ไม่ชอบผม เข้าขั้นเกลียด (ผมเป็นที่รักของ ผจก.ขาย ทุกคน ผมทำงานที่นี่ปีกว่า เปลี่ยน ผจก.ขายไป 3 คน นานสุดเกือบปี น้อยสุด 2 เดือน) เพราะผมรับผิดชอบงานของผมตลอด ไม่เคยมีปัญหากับลูกค้า ไม่เคยโดนลูกค้าตำหนิ ขายแต่ละคัน บริษัทเหลือกำไรตามเป้าหมาย แต่ถ้าผมไม่มีลูกค้า ผมก็จะมาสาย ขาดงาน หลับ อะไรทำนองนี้ ในเดือนที่ผมลาออก เซลล์ออกไป 5 คน หัวหน้า 2 คน ผจก. ขาย 1 คน หมายเหตุ ปัจจุบัน บริษัทนี้โดนเทคไปหลายปีแล้วครับ (เพราะผมรึป่าววะ? เท่)

แล้วไงล่ะ ผมก็ไปสมัครงานที่บริษัท F ทำได้ครึ่งปีกว่า ๆ ผมก็ออก ที่นี่ ผมรายได้แทบไม่มีเลย แต่ทำงานสบายสุด ๆ ออกมากแล้วก็คิดจะเปลี่ยนไปทำงาน สายอาชีพอื่น คือเบื่อขายรถ ผมไม่ชอบการโกหก การโกง ผมยอมรับว่า ผมเคยโกง เช่น บอกบริษัทแถมวิทยุ แต่เก็บเงินลุกค้า เก็บค่าจดทะเบียนลูกค้า แต่บอกบริษัทว่าแถม หรือซับรถเก่าลูกค้า โดยเอาส่วนลดลูกค้านั่นล่ะ (รถเก่าซื้อเอง) บวกดอกเบี้ยลูกค้า ให้ได้คอมไฟแนนท์เพิ่ม
แต่เอาจริง ๆ เลย นะครับ ผมทำไปอย่างละครั้ง ผมรู้สึกผิดไปนาน จนถึงทุกวันนี้ ในแต่ละเคส ทั้งที่รวมรายได้ ในส่วนของเงินเหล่านี้ ผมมั่นใจมาก ว่าไม่น่าเกิน 50000 บาท ผมละอายชั่ว กลัวบาปครับ (ใครจะเชื่อหรือไม่ แล้วแต่ครับ) ตอนนั้นผม อายุ 26 แล้ว
ผมยังไม่ได้บวชเลย แม่ผมเคยถามตั้งแต่ผมจบใหม่ ๆ ผมบอกขอทำงานก่อน พอผมไปบวช กะว่า 3-4 เดือนก็พอละ ซัดไปเกือบปีครับ
ไม่มีฤกษ์สึก ร้องไห้ จะว่าไปที่ผมสึกมา ก็ถือว่ารั้นฤกษ์ครับ

สึกมาไม่กี่เดือน พ่อแม่ผมก็ถามว่า อยากไปเรียนเมืองนอกรึป่าว? ถ้าอยากไป ก็ขายรถ แล้วไปเรียนซะ (รถผมในตอนนั้น ถ้าขายแบบไปเร็ว ๆ น่าจะได้ สองแสนต้น ๆ ครับ) ผมก็กำลังคิด ว่าจะทำยังไงกับชีวิต สรุปว่า ผมลองไปสอบในระดับบัณฑิตศึกษา ของมหาวิทยาลัยชื่อดังมาก ๆ
ผมยิ้มสอบติดครับ ยิ้มละ สอบติด ก็ต้องเรียนสิวะ ยิ้มไม่ได้สอบติดกันง่าย ๆ นะเว้ย และผม ก็ได้รับข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธ
จากพ่อของผมครับ ขายรถไปสิ แล้วจะออกค่าเทอมให้ จะได้มีเงินไว้ใช้ (บ้านผมฐานะธรรมดามาก ๆ ครับ) ผมรู้เลยว่า พ่อแม่ผม อยากให้ผมเรียนสูง ๆ ผมขายรถผมไปในราคาสองแสนต้น ๆ (ลงขายตอนเย็น ตอนกลางคืนมีเด็กวัยรุ่นมาซื้อไปเลย) ผ่านไป 2 ปี ผมก็เรียนจบครับ (ทำทีสิสนะ ไม่ได้เป็นหลักสูตร จ่ายครบ จบแน่ คลาสผมมีคนโดนไทร์มาแล้ว เกรดไม่ถึง) ระหว่างเรียน ผมก็จับรถมาขายบ้างครับ ขับไปขายไป รถราคาไม่ถึงแสน-สองแสน กำไร 5000-20000 ขาดทุนยังมี ทำเล่น ๆ ได้เงินนิดหน่อย ไว้ใช้จ่าย พอเรียนจบโทล่ะ

ผมหางานอยู่ครึ่งปีครับ พยายามเปลี่ยนสายงาน แต่ปัญหาคือ ผมไม่ได้รับการตอบรับ เพราะขาดประสบการณ์ ผมทำงานกับรถมาตลอด ผมชอบรถครับ ขอบอยู่แล้ว แต่ผม ไม่ได้ชอบขายรถครับ สรุปว่า ผมได้งานในสายงานเดิมเป็น ผจก.โชว์รูม อยู่ต่างจังหวัดครับ เงินเดือน 30000 + คอมมิชชั่น ตามผลงาน (บางเดือนไม่ได้ บางเดือนหลักพัน มากสุด 10000) ผมทำได้ครึ่งปี ผมออกครับ ผมไม่ไหวจริง ๆ กับระบบอุปถัมป์ ที่นั่น มี ผจก.ทั่วไปอยู่คนหนึ่ง (อายุ 60 กว่า ๆ เป็นเซลล์เก่าแก่ของบริษัท เป็น ผจก.เพราะอายุ แต่บริหารอะไรไม่เป็นเลย ลองนึกภาพ คนอายุ 60 กว่า เป็น ผจก.ทั่วไป แต่ไม่มีใครยกมือไหว้เลย แกทำทุกอย่าง ยกเว้นงานของแกครับ เผาขยะ ควบคุมการล้างห้องน้ำ กวาดขี้นก สารพัด ที่ไม่เกี่ยวกับงาน) แกเป็น ออริจินัล ไทยสไตล์ ผู้บริหารอยู่ แกอยู่ ผู้บริหารไม่อยู่ แกไม่อยู่ งานไม่ทำ เน้นไหว้ผู้บริหารพอ

ผมพยายามปรับปรุงองค์กร ให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้น ทั้งโชว์รูม และศูนย์ซ่อม แต่ผมถูกขัดขวางทุกวิถีทาง จาก ผจก.ทั่วไป และผู้ช่วยของแก (แกต้องมีผู้ช่วยหนึ่งคน เพราะแกทำเอกสารอะไรไม่ได้เลย) ผมได้ใจลูกน้อง ระดับ เด็กล้างรถ คนขับรถ รปภ. อะไรทำนองนี้ แต่ในออฟฟิสน่าจะไม่มีใครชอบผมเลย เนื่องจาก องค์กรอยู่สบายกันมาจนเคย ชินกับวัฒนธรรมองค์กรแบบ เฟสบุค ละครย้อนหลัง ข่าวดารา และหวย(ผมก็ฝากแทงเกือบทุกงวด เฉียดตลอด จนลูกน้องว่า แทงยังไง มีแต่เฉียด ไม่โดนก็ห่างไปเลยดีกว่า) ผมร้องเพลง "ขอใจแลกเบอร์โทร" ได้ตั้งแต่เพลงยังไม่ค่อยฮิต เพราะในศูนย์ซ่อม เปิดวิทยุไว้ทั้งวัน ผมได้ยินเพลงนี้บ่อยมาก ทุกเย็น คุณจะได้พบกับภาพอันงดงาม พนง. ยืนเข้าแถวรอตอกบัตร อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ยิ้มบริษัทในฝันชัด ๆ ผมทะเลาะกับตาลุงบ่อยมาก ถ้าวัยเดียวกัน คงมีต่อยกันแล้ว ผมอยู่ไม่ได้ ก็ออกสิครับ


Facepalm เข้าสู่คำถามซะทีครับ ปัจจุบันผมออกมา เกือบสี่เดือนละครับ ทุกวันนี้ พยายามหางานในสายงานอื่นอยู่ แต่ผมไม่ได้รับการตอบรับ ผมควรจะทำอย่างไรครับ ผมลืมบอก ผมจบ ป.ตรี รัฐศาสตร์ ป.โท จิตวิทยา เป็นสังคมศาสตร์ทั้งคู่ ผมอยากทำงานแนว ฝึกอบรม หรือแนวสรรหาบุคลากร แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี? สำหรับท่านที่คิดว่า ไม่เคยทำฝ่ายบุคคล จะทำได้หรือ? ผมตอบได้ สองแบบนะครับ ทุกคนที่ทำงานฝ่ายบุคคล เริ่มจากไม่เคยครับ อีกอย่างคือ จากประสบการณ์ทำงาน ของผม ผมต้องอ่านคนไม่น้อยกว่าคนทำงานฝ่ายบุคคลครับ


สุดท้ายนี้ ขอฝากถึงทุก ๆ ท่าน ที่กำลังศึกษาอยู่ ไม่ว่าระดับใดก็ตาม ขยัน และอดทน ต่อไปนะครับ ผมเองรู้สึกเสียใจ ที่ไม่มีโอกาสได้เรียนตามความใฝ่ฝันของตัวผมเอง(ตอนวัยรุ่น) เพราะช่วงนั้น ฐานะทางเศรษฐกิจทางครอบครัวผมค่อนข้างแย่ และที่สำคัญ ฝึกฝน ภาษาต่างประเทศ เอาไว้มาก ๆ ครับ ทักษะภาษาต่างประเทศของผมไม่ดีเลย แต่ทุกวันนี้นี้ ผมพยายามฝึกฝนอยู่ครับ เรียนมาเยอะมาก แต่ใช้ไม่เป็น
ผมเคยสัมภาษณ์งาน กับชาวต่างชาติ 2 ครั้ง สปีคเมื่อยมือเลยครับ (ลืมบอก ตอนผมเพิ่งจบโท ผมเคยไปสัมภาษณ์ ที่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ในตำแหน่งอาจารย์ครับ เค้าก็บอกว่าเงินเดือน 17000-18000 แต่ผมสะเออะเรียกไป 30000 เลยไม่รู้ว่า ที่ไม่ได้เพราะอะไรกันแน่ ตอนนั้นผมไม่รู้จริง ๆ ครับ ว่าปกติ เงินเดือนประมาณนี้)


ขอบคุณทุก ๆ ความคิดเห็นนะครับ กระทู้แรกครับ ซึ่งควรจะโพสตั้งแต่เมื่อวาน แต่พิมพ์เสร็จ กดพรีวิว แล้วเผลอแบค หายหมดครับ ต้องมานั่ยพิมพ์ใหม่วันนี้ ร้องไห้

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่