**เขียนเล่นๆ** เกี่ยวกับการวิ่ง จะเริ่มวิ่งยังไง + ไดเอท เบาๆ สนใจก็อ่านดูนะคะ มีสาระๆ

พอดีช่วงนี้ว่างๆ อยู่ๆก็มีความคิดอยากจะเขียนเกี่ยวกับการวิ่งของจขกท.เอง เผื่อจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นที่อยากลองวิ่ง แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง      บอกก่อนเลยว่าจขกท.วิ่งไม่เก่ง อย่าเรียกว่านักวิ่งเลยยังห่างไกลเพราะยังไม่เคยผ่านมาซักสนาม จะบอกว่าไม่เคยผ่านซักสนามก็ถูกมั้งเพราะ แต่ละสนามที่เคยลง 10 กิโล ตอนม.2 มาอีกที 8 กิโล เมื่อปีที่แล้ว วิ่งเก็บคะแนน อย่าเรียกว่าวิ่งเลย ไปเดินซะมากกว่า เดินเข้าเส้นชัย 8 กิโลงี้ ใช้เวลาไป 2ชม. กว่า ไม่ไหวนะ เอาหละสิ่งที่จะเขียนต่อไปนี้ไม่ใช่เทคนิค แต่เป็นประสบการณ์ตั้งแต่เริ่มลองวิ่งมาเกือบปีเนี่ย ลองอ่านดูนะคะ เริ่มจาก ...

    1.หาจุดประสงค์ : ถามตัวเองก่อนว่าเราจะเริ่มวิ่งจริงๆใช่มั๊ย? จะวิ่งทำไม? เชื่อว่ามีผู้หญิงไม่กี่คนหรอกที่จะตอบว่าวิ่งเพื่อสุขภาพเป็นอันดับแรก อย่างตัวจขกท.เอง เริ่มวิ่งเพราะ แก้บน + ลดน้ำหนัก ......ตอบให้ได้ คุณจะวิ่งเพราะอะไร ?

    2.รองเท้าดีๆ : พอตัดสินใจว่าจะวิ่งแล้ว บอกเลยว่ารองเท้าเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญมากๆ หาดีๆซักคู่ ถ้าจะต้องซื้อก็ลงทุนไปเลยครั้งเดียวจบ อีกอย่างพอเราเสียตังแพงๆซื้อรองเท้าแล้ว มันจะเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจให้ออกไปวิ่ง เพราะคุณคงไม่อยากเก็บรองเท้าสวยๆ แพงๆให้มันนอนเฉยๆอยู่ในตู้ใช่ป่ะหละ  ..... ทีนี่คนถามจขกท.เยอะ จะซื้อยี่ห้ออะไรดี ไม่รู้จะตอบยังไง รีวิวไม่ถูกเพราะไม่เคยลองใส่ทุกยี่ห้อด้วยดิ ตัวเองยังใส่ pan เก่าๆ วิ่งอยู่เลย ฮ่าๆ ดังนั้น งบน้อยๆ ประมาณพันบาท แนะนำ pan ทนดีใส่โอเคจริงๆ อย่างน้อยก็ยังดีกว่า Breaker กับ converse แน่นอน ต่อมา Nike Adidas NB Brooks Asics เอาอันไหนดี ช่วงก่อนจะซื้อรองเท้าคู่ใหม่ลองหาข้อมูลเยอะมาก ตามพวกรีวิวพันทิปไรงี้ พบเจอมา 3 ยี่ห้อที่โอเคคือ NB brooks และ asics ส่วน nike กับ adidas 2ยี่ห้อclassic นี้ไม่ได้สนใจเลยไม่มีข้อมูลมากนัก ถ้างบ 2500 ประมาณนี้แนะนำ NB กับ Brooks แต่จริงๆจขกท.เป็นสาวก asics ตั้งแต่ซื้อรองเท้าแบดมินตันasics ก็ติดใจมาตลอดใช้มาเป็นปีแล้วก็ยังทนโอเคอยู่ แต่ราคาจะแพงหน่อย
**รองเท้าวิ่งบางคนบอกอันนี้ดี อันนี้ไม่ดี จริงๆมันขึ้นอยู่กับเท้าคนใส่เป็นสำคัญ เพราะมันต้องลองเอง มีโปรแกรมตามเว็บทดสอบเลยว่าเท้าเราเหมาะกับยี่ห้อไหน รุ่นไหน เพราะ ฝ่าเท้าคนเราสูงต่ำไม่เท่ากัน หน้าเท้าแคบ/กว้างก็ไม่เท่ากันอีก**

    3.หาไอดอล : ลองวิ่งไปซักพัก เราจะเริมรู้สึกท้อ ไรวะวิ่งมาตั้งนาน เหนื่อยก็เหนื่อยไม่เห็นได้ผลอะไรเลย ... ลองมองหาไอดอลดู ใครวิ่งลดน้ำหนัก ไปกดlikeพวกเพจ นางแบบหุ่นดีๆอ่ะ เฟจฟิสเนสไรงี้ก็ได้ มีตรึม ผอมๆทั้งนั้น ดูละก็บอกตัวเองไปวันรอก่อนๆ วันนึงชั้นจะผอมแบบนั้นให้ได้ หรือ มองหาคนใกล้ตัว ที่พอจะเป็นแบบอย่างในการวิ่งให้เราได้ ละก็บอกกับตัวเองอีกว่า วันนึงชั้นจะวิ่งแบบเค้าให้ได้ ประมาณนี้

    4.ตั้งเป้าหมาย : ตั้งเริ่ม set goal ให้ตัวเอง ว่าเราจะวิ่งวันนี้ๆให้ได้เท่าไหร่ อย่างเช่นจขกท. เมื่อปีที่แล้ววิ่งแก้บน 20 รอบ วันแรกวิ่งไป 3 รอบ แทบตาย เหนื่อยมาก วิ่งแบบผ่อนๆไป 3 --> 5 --> 7 -->10 จนมันครบ ทีนี้พอวันนี้เราวิ่งได้แล้ว เริ่มอยู่ตัวแล้ว วันต่อๆมาต้องค่อยๆเพิ่มจำนวนรอบขึ้นไปอีก อย่างน้อย 1 รอบก็ยังดีกว่าไม่เพิ่มเลย เราจะรู้ลิมิตของตัวเองจนทุกวันนี้ Goal ของจขกท.อยู่ที่ 25 รอบแล้ว ละก็จะเพิ่มไปอีกเรื่อยๆ (อันนี้ยากจริง)

    5.เตรียมความพร้อมก่อนวิ่ง :  ก่อนวิ่งทุกครั้งต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม นอนให้พอ, กินให้พออิ่ม (ควรเว้นช่วงเวลาให้มันย่อยก่อนออกไปวิ่งซัก3-4ชม.), เป็นประจำเดือนไหม, สิ่งเล็กๆน้อยอย่างการมัดผมก็สำคัญ เพราะพอเราเริ่มวิ่งไปซักพักนึง สมมติเป้า 25 รอบ วิ่งไม่สปีดมากนะ ประมาณ 6นาที/km เริ่มวิ่งไปซัก 7-8 รอบ เอาละแม่ม มาละความรู้สึกเหนื่อยสุดๆ เริ่มขี้เกียจ สาระพัดอ่ะ แล้วไอ้สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนั่นจะมาเป็นข้ออ้างทำให้เราต้องหยุดวิ่ง ไม่สำเร็จตามเป้าที่วางไว้ ...วันนี้กิน KFC มาหว่ะจะอวกแล้ว เมื่อคืนอ่านสือดึกนอนน้อยไม่ไหวอ่ะ กัดฟันวิ่งๆไปอีก 3-4รอบ รอบที่ 12 เอ้า ยางรัดผมขาด หยุดเลยแม่ม! 5555   อ้อ! อย่าลืม โทรศัพท์ กับ หูฟัง เพลงเพราะๆช่วงให้วิ่งได้นานขึ้น + app running จะเป็นตัวช่วยบอกเราว่าวันนี้วิ่งเป็นยังไงๆ ควรมีติดตัวไปวิ่งด้วย จขกท.ชอบใช้ RunKeeper แต่เห็นคนอื่นๆจะชอบใช้ Endomondo กัน เยอะ

    6.ช่วงเวลา+สถานที่ : อันนี้อาจจะส่งผลไม่มาก แล้วแต่คน แต่สำหรับจขกท.ค้นพบว่า ลองตื่นแต่เช้าไปวิ่ง สูดอากาศสดชื่นฟังเสียงนกร้องจิบๆ น่าจะวิ่งได้ดี แต่จริงๆแล้วไม่ใช่!! ไปถึงสนามเจอแต่คุณลุง คุณปู่ คนวิ่งน้อยมาก วิ่งได้10รอบก็หยุดแล้ว แต่บรรยากาศ ตอนเย็นที่คนเยอะๆ มีทุกเพศ ทุกวัย แบบนี้จะช่วยให้วิ่งได้นานกว่า เพราะเหมือนมีแรงฮึดมากขึ้น

    7.ความตั้งใจ+ความอดทน : วิ่งเป็นกีฬาที่แข่งกับตัวเองเท่านั้น ถ้าเราอดทนวิ่งๆไปซักพักนึง เลยจุดที่เหนื่อยสุดๆไปแล้ว ร่างกายจะชินกับความเหนื่อยนั้น แล้วหลังจากนั้นมันจะมีแรงฮึดมากขึ้น ทีนี้ก็วิ่งสบายๆไปเลย เวลาผ่านไปเดี๋ยวมันก็ครบรอบเอง พอเราทำตามเป้าหมายที่วางไว้ได้เราจะรู้สึกดี อะดีนาลีน ละหลั่ง ภูมิใจในตัวเองเล็กๆ เวลาเครียดๆนะ ตอนแรกคิดว่าถ้าออกไปวิ่งแล้วจะทำให้เครียดหนัก เพราะตอนวิ่งในหัวเรามันจะคิดๆอะไรต่างๆอยู่ตลอดเวลา ได้ใช้เวลากับตัวเอง แต่ค้นพบแล้วว่าไม่จริง วิ่งทำให้หายเครียดได้ มันเหมือนได้ปลดปล่อยอะไรออกไป จะรู้สึกดีขึ้น
    **เออ ใครบอกว่าวิ่งแล้วขาใหญ่ นั่นมันข้ออ้างชัดๆ วิ่งให้ตายมันก็ไม่ใหญ่หรอก ที่ใหญ่อ่ะเพราะมันใหญ่อยู่แล้ว**

    ถ้าใครจะลดน้ำหนักอ่ะ วิ่ง + คุมอาหาร เป็นสิ่งสำคัญ ทำแค่นี้พอ ผอมได้จริงๆ แล้วคุมอาหารทำไงอ่ะ จขกท.ก็ไม่รู้ ไม่มีสูตร แค่เลือกกินแต่พวกผัก โปรตีน ลดแป้ง ลดไขมัน ไม่กินดึกๆ ง่ายๆพื้นฐานแค่นี้ใครๆก็รู้จริงป่ะ แต่เอาเข้าจริงๆก็ทำไม่ได้เต็มร้อยเหมือนกัน เพราะไม่ได้ต้องทรมานตัวเองขนาดนั้น ทุกวันนี้ก็ยังไม่ผอมนะ ไม่ได้หุ่นนางแบบหนัก 45 ขนาดนั้น ฮ่าๆ แค่รู้ตัวเองว่า วันนี้กินเยอะนะ ก็ออกไปออกกำลังกายให้มันเบิร์นออกไปแค่นั้น หรือบางทีไม่มีเวลาออกกำลังกายจริงๆ ฝนตกบ้าง ไรงี้ ก่อนนอน ทำwork out เบาๆบนที่นอนก็ได้ ซิทอัพบ้าง วิดพื้นบ้าง ยกดัมเบลบ้าง ดีกว่าปิดไฟนอนเลย
    ในการจะทำอะไรทุกๆอย่าง การเริ่มต้นเป็นส่วนที่ยากที่สุด แต่นั่นแหละอดทน พยายาม ร่างกายเรามันจะค่อยๆปรับตัวไปเอง มันจะหิวน้อยลง จะกินน้องลง โดยที่เราจะไม่รู้สึกทรมานกับการอดอีกต่อไป มันจะอิ่มในแบบน้อยๆของมันเองอย่างนั้นแหละ  

จบละ ทั้งหมดนี้ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินความพยายาม .... ^^ สู้ๆค่ะ

ปล.นี่ไม่ใช่กระทู้ before & after ไม่มีภาพนะคะ น้ำหนักจขกท.ยังเกินเป้าที่ตั้งไว้อยู่เลย คิดว่าจะลงยากมากแล้ว เหมือนfat จะกลายเป็นกล้ามเนื้อบ้าง fatที่ยังเหลืออยู่ก็ไม่รู้จะทำไงแล้ว ทำยังไงก็ไม่ออก ฮ่าๆ  ใครจะช่วยแนะนำ แบ่งปันกัน ก็ยินดีค่ะ ไม่เคยเข้าฟิตเนส  อาศัยวิ่ง ตีแบด และก็ work out ซิทอัพวันละหลายร้อยที บนที่นอน ก็ช่วยได้ระดับนึง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่